2 พงศาวดาร 26:6-15
ความเจริญในสมัยของราชาอุสซียาห์นั้น ทำให้ประชาชนเริ่มสบายใจขึ้นมาก ผู้คนอยู่ดีกินดี ทำสงครามกับใครก็ชนะ
ที่ต้องทำสงครามก็เพราะในโลกโบราณนั้น หากอยู่เฉยนานไป ทหารก็จะอ่อนแอ อาจถูกประเทศอื่นเข้ามาโจมตีได้
ราชาอุสซียาห์เองทรงเริ่มต้นต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย ซึ่งมีความเก่งกาจในการรบเป็นอย่างยิ่ง
พระองค์ทรงพังกำแพงเมืองกัททางใต้ เมืองยับเนห์และอัชโดด ยิ่งกว่านั้น ทรงสร้างเมืองในเขตแดนของคนฟิลิสเตียด้วย นี่อาจหาญมากทีเดียว ทำให้คนทั้งหลายมองว่า พระองค์ทรงเข้มแข็งในการทหาร
ที่ราชาอุสซียาห์เก่งอย่างนี้ได้ ก็เพราะพระเจ้าทรงช่วยพระองค์ ในการทำสงครามกับคนฟิลิสเตีย คนอะราเบีย และคนเมอูนิมด้วย ไม่ว่าไปทำศึกครั้งใด พระเจ้าทรงอยู่ด้วย และทรงช่วยให้พระองค์ได้รับชัยชนะ
กลายเป็นว่าตอนนี้ คนชาวอัมโมนก็ต้องมาส่งส่วยให้กับราชาอุสซียาห์แห่งยูดาห์
พระนามอุสซียาห์กลายเป็นนามที่โดดเด่น ประชาชาติในตะวันออกกลางต่างยกนิ้วให้ พวกเขาเห็นว่า พระองค์ทรงเข้มแข็งไม่แพ้กษัตริย์ที่เข้มแข็งแห่งราชวงศ์ยูดาห์ในอดีต
แน่นอน ราชาอุสซียาห์ย่อมรู้สึกกระหยิ่มอยู่บ้าง….
พระองค์ทรงสร้าง ซ่อมแซมป้อมนครเยรูซาเล็มให้แข็งแรง และยังทรงไปดูเมืองอื่น ๆ รอบ ๆ ด้วย
พระราชาองค์นี้ไม่เฉพาะเก่งทางการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังดูแลบ้านเมือง ความเป็นอยู่ของราษฎร พระองค์ไม่ทรงทิ้ง ทรงสร้างเมืองในทะเลทราย ขุดบ่อน้ำ ทรงให้คนเลี้ยงสัตว์ ทำไร่องุ่น ราชาอุสซียาห์รักการทำไร่ทำสวนไม่น้อยไปกว่าการปกครอง การทหาร เป็นพระราชาที่ทรงทำงานรอบด้าน
พระองค์ทรงมีทหารในกองทัพถึง 307,500 คน มีผู้บังคับบัญชา 2,600 คน แน่อน ยิ่งกองทัพใหญ่ ก็ต้องมีโล่ หอก ธนู สลิง เสื้อเกราะ หมวกเหล็ก มากมาย นี่ทำให้คนมีงานทำอีก เศรษฐกิจของประเทศก็ดีตามไปด้วย
และนี่เองทำให้มีการคิดค้นเครื่องกลเพื่อทำสงคราม ประดิษฐ์อาวุธแปลกใหม่ที่ในโลกโบราณไม่เคยมีมาก่อน เป็นเครื่องยิงลูกธนู และหินใหญ่ให้ไปไกล ๆ อย่างนี้แล้ว จะไม่ให้พระนามอุสซียาห์ระบือไปไกลได้อย่างไร