เอเสเคียล 11-2

เอเสเคียล 11:13-25

แล้วในเวลาต่อมา ขณะที่ข้ากำลังกล่าวคำของพระเจ้า
ปาลิติยาห์ ลูกชายเบไนยาห์ก็เสียชีวิต
ข้าก็คุกเข่าซบหน้าถึงดิน ร้องเสียงดังว่า
“โอ.. องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์จะทรงทำให้คนที่หลงเหลืออยู่นั้นหมดไปด้วยหรือพระเจ้าข้า?”

และพระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าว่า “ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย
พี่น้องของเจ้า พี่น้องที่ตามการมา ทั้งญาติพี่น้อง วงศ์วานทั้งสิ้นของอิสราเอล
พวกเขาทั้งหมด คือคนที่อาศัยในนครเยรูซาเล็มเคยกล่าวว่า
..พวกเขาออกห่างพระเจ้า  เราจึงได้รับแผ่นดินนี้มาครอบครอง..
ดังนั้น เจ้าจงกล่าวว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
..แม้ว่าเราจะเคลื่อนย้ายพวกเขาไปอยู่ตามประชาชาติต่างๆ
และแม้ว่าเราจะกระจายพวกเขาไปตามประเทศต่างๆ
แต่เราก็จะเป็นวิหารของพวกเขาในช่วงเวลาที่พวกเขาออกไปอยู่ตามดินแดนเหล่านั้น
ดังนั้นจงกล่าวว่า..องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
เราจะรวบรวมพวกเจ้าออกมาจากชนชาติทั้งหลาย
จะรวมพวกเจ้าจากประเทศต่างๆ ที่เจ้ากระจัดกระจายไปอยู่นั้น
และเราจะมอบแผ่นดินอิสราเอลให้แก่เจ้า ..
และเมื่อพวกเขาไปอยู่ที่นั่น
พวกเขาจะเอาสิ่งที่น่าชัง และสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนออกไปจากพวกเขา

และเราจะให้พวกเขามีใจเดียว
เราจะใส่วิญญาณใหม่เข้าไปในเขา
เราจะนำเอาใจแข็งดั่งหินของเขาออกจากเนื้อของเขา
และใส่ใจเนื้อเข้าไปให้

unite
เพื่อว่า พวกเขาจะได้เดินตามกฎเกณฑ์ของเรา  รักษาและเชื่อฟังกฎหมายของเรา
และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา
แต่สำหรับเหล่าคนที่หัวใจไปติดตามที่น่าชัง น่าสะอิดสะเอียนนั้น
เราจะนำสิ่งที่เขาทำเทลงมาบนหัวของพวกเขา…
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

แล้วเครูบก็ยกปีกของพวกเขาขึ้น โดยมีวงล้ออยู่ข้าง ๆ
พระสิริของพระเจ้าอยู่เหนือพวกเขา
และพระสิริของพระเจ้าก็เสด็จขึ้นจากท่ามกลางนครนั้น และ
ไปประทับบนภูเขาที่อยู่ทางตะวันออกของนคร
และพระวิญญาณทรงยกข้าขึ้น
ในนิมิต ทรงนำข้าด้วยพระวิญญาณของพระองค์ไปยังเคลเดีย
ไปหาคนที่ถูกเนรเทศออกมา
แล้วนิมิตที่ข้าเห็นก็ลุกไปจากข้า
จากนั้น ข้าจึงเล่าให้ผู้ถูกเนรเทศถึงทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้แสดงให้ข้าเห็น