มีคาห์ 6-2 สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์จากเรา

เราจะนำอะไรมาเข้าเฝ้าพระเจ้าพร้อมกับการน้อมกราบพระองค์ผู้สูงสุด?   ข้าพเจ้าจะเข้าเฝ้าพระองค์พร้อมกับเครื่องเผาบูชา เป็นลูกวัวอายุหนึ่งปีหลาย ๆ ตัวหรือ?
พระเจ้าจะพอพระทัยกับแกะผู้พัน ๆ ตัว พร้อมกับน้ำมันมากมายเป็นแม่น้ำหมื่นสายหรือ?
ข้าพเจ้าจะถวายลูกหัวปีเพื่อชำระบาป  ถวายผลแห่งร่างกายเพื่อชำระบาปแห่งวิญญาณของข้าพเจ้าหรือ?

คนอิสราเอลกำลังถามพระเจ้าอย่างประชดประชันหรือเปล่านี่   ….


มนุษย์เอ๋ย พระเจ้าได้บอกเจ้าแล้วนะว่า อะไรดี และพระเจ้าประสงค์อะไรจากเจ้า  ที่พระองค์ประสงค์คือให้เจ้าทำสิ่งที่ยุติธรรม  รักที่จะมีน้ำใจ  และดำเนินไปกับพระเจ้าด้วยความถ่อมตน

สิ่งที่พระเจ้าทรงบอกสามประการนี้  พระองค์ทรงบอกกับพวกเขามาแล้วนับไม่ถ้วน

แต่ดูเหมือนพวกเขายังติดอยู่ที่การถวายเครื่องบูชา  ไม่ใช่ทั้งสามสิ่งนี้

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

แล้วเราล่ะ  ติดอยู่กับอะไรที่ทำให้เราไม่สนใจสามสิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์จากเรา

มีคาห์ 6-1 พระเจ้ากับอิสราเอล

มีคาห์ 6:1-5

จงฟังสิ่งที่พระเจ้าตรัส  “ลุกขึ้น และแจ้งคดีของตนต่อหน้าภูเขาทั้งหลาย  และให้เนินเขาได้ยินเสียงของเจ้า
ภูเขาทั้งหลาย จงฟัง  ฟังคำพิพากษาของพระเจ้า และรากฐานแห่งแผ่นดินโลก..ฟังด้วย เพราะพระเจ้าทรงพิพากษาคนของพระองค์   และพระองค์จะสู้กับอิสราเอล

คนของเราเอ๋ย  เราได้ทำอะไรให้เจ้าหรือ?  บอกมาซิว่า เราทำให้เจ้าเหน็ดเหนื่อยอย่างไร?  ตอบเรามา!
เราได้นำเจ้าออกมาจากอียิปต์  และไถ่เจ้าออกจากบ้านที่ยึดเจ้าไว้เป็นทาส  เราได้ให้โมเสส อาโรน และมิเรียมนำเจ้าไป

คนของเราเอ๋ย จำสิ่งที่บาลาค กษัตริย์แห่งโมอับได้วางแผนไว้   และนึกถึงสิ่งที่บาลาอัม ลูกชายของเบโอร์ได้ตอบเขา
จำสิ่งที่เกิดขึ้นจากชิทธิมจนถึงกิลกาล    เพื่อเจ้าจะได้รู้ถึงราชกิจอันเที่ยงธรรมของพระเจ้า

ท่านมีคาห์ได้ทำให้เราเห็นภาพของศาล  คนอิสราเอลจะต้องมาแจ้งคดี ต่อหน้าพยานที่หนักแน่น มั่นคงคือ ขุนเขา ต่าง ๆ  พระเจ้าทรงมีคดีกับคนของพระองค์  เราเคยคิดบ้างไหมว่า สภาพของคนที่มีคดีกับพระเจ้าจะเป็นอย่างไร   จะมีโอกาสชนะหรือไม่?

พระเจ้าตรัสถามเขาว่า พระองค์ทรงทำอะไรเลวร้ายให้พวกเขาหรือ?  และทรงย้ำให้พวกเขารู้ว่า พระองค์ทรงทำอะไรเพื่อพวกเขาบ้าง   นอกจากที่พระองค์ไม่ได้ทำร้ายพวกเขา  แต่ยังทรงนำเขาออกมาจากการเป็นทาสจากประเทศอียิปต์ด้วย

จากนั้น พระเจ้าทรงให้เขาระลึกถึงครั้งที่กษัตริย์บาลาค  จ้างบาลาอัมเพื่อให้แช่งอิสราเอล  แต่พระเจ้าทรงเปลี่ยนคำแช่งให้เป็นพร….   พระองค์ทรงประสงค์ให้เขารู้ว่า จริงแล้ว คำแช่งสาปนั้น เป็นสิ่งที่อิสราเอลเป็นผู้ทำให้เกิดขึ้นเอง เพราะพวกเขาไม่ทำตามสิ่งที่พระเจ้าทรงสั่งไว้     เมื่อครั้งโมเสส พระเจ้าทรงบอกย้ำแล้วย้ำอีกว่า หากพวกเขาทำสิ่งที่ถูกต้องเขาจะได้รับพร   แต่หากเขาทำผิดต่อพระองค์  เขาก็จะถูกแช่งสาป

ดังนั้น หากเขาถูกสาปแช่ง  นั่นเป็นความรับผิดชอบของเขาเอง

 

มีคาห์ 5-2

มีคาห์ 5:5-15

ผู้ที่หลงเหลือในแผ่นดินจะได้รับการช่วยกู้
แล้วคนที่เหลือในหมู่ยาโคบจะอยู่ท่ามกลางคนหลายเชื้อชาติ  เปรียบเหมือนน้ำค้างจากพระผู้เป็นเจ้า  เหมือนกับสายฝนโปรยลงบนใบหญ้า  โดยไม่เคยรอมนุษย์  ไม่พึ่งพาคน ๆ ใด

และคนที่เหลือในหมู่ยาโคบจะอยู่ท่ามกลางคนหลายเชื้อชาติ  ดั่งสิงโตท่ามกลางสัตว์ป่า  ดั่งลูกสิงโตในฝูงแกะ ซึ่งเมื่อมันเดินผ่านไป และขย้ำเหยื่อ ฉีกเนื้อเป็นชิ้น ๆ  และไม่มีใครที่จะช่วยได้เลย

มือของเจ้าจะถูกยกขึ้นเหนือผู้ที่มาต่อสู้เจ้า  และศัตรูของเจ้าจะถูกทำลายหมดสิ้น  
พระเจ้าตรัสว่า และในวันนั้น  เราจะกำจัดม้าออกไป จะทำลายรถศึกของเจ้า
เราจะกำจัดเมืองต่าง ๆ ในดินแดนของเจ้า และเขวี้ยงป้อมเข้มแข็งทั้งหมดออกไป
เราจะกำจัดพ่อมดแม่มดจากมือของเจ้า และเจ้าจะไม่เหลือหมอดูอีกต่อไป
เราจะกำจัดรูปแกะสลักของเจ้า และเสาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ท่ามกลางพวกเจ้า
เจ้าจะไม่ก้มกราบผลงานของน้ำมือเจ้าอีกต่อไป
เราจะถอนรากแห่งรูปอาเชราห์จากพวกเจ้าและทำลายเมืองของเจ้า
ด้วยความโกรธ ด้วยความกริ้ว   เราจะแก้แค้นทุกชาติที่ไม่เชื่อฟัง

พระเจ้ากำลังบอกว่า คนที่หลงเหลืออยู่นั้นจะได้รับพระพรของพระเจ้า  คนอิสราเอลจำนวนมากมายพลัดพรากจากแผ่นดิน  เข้าไปอยู่ในประเทศต่าง ๆ  แม้กระทั่งทุกวันนี้ เราจะพบคนที่หลงเหลือจากครั้งที่เขาไปเป็นเชลย  ยังมีลูกหลานอิสราเอลอยู่ในประเทศอื่น ๆ เช่นอิรัก  อิหร่าน  เอธิโอเปีย  เยเมน  โปแลนด์  รัสเซีย ฯลฯ   ไปจนถึงแม้กระทั่งในประเทศจีน!

และที่แปลก เขาจะเป็นทั้งสายฝน น้ำค้างให้กับประเทศที่เขาอยู่   ขณะเดียวกันเขาจะเป็นสิงโตที่น่ากลัวด้วย

พระเจ้าทรงตั้งพระทัยที่จะกำจัดหลายอย่าง ออกจากอิสราเอล   ม้าศึกคือความเย่อหยิ่ง ที่เขาคิดว่า เขาสามารถช่วยตัวเองได้  ไม่ต้องพึ่งพาพระเจ้า

เรื่องของรูปเคารพต่าง ๆ ที่พระเจ้าทรงชัง  พระองค์จะทรงให้หมดไปจาก ดีเอ็นเอของอิสราเอลเลย….

มีคาห์ 5-1 ผู้ที่มาจากวันโบราณ

มีคาห์ 5:1-5

บัดนี้ ให้รวมพลได้แล้ว  ธิดาแห่งกองทัพ    ดูซิ ศัตรูมาล้อมเราแล้ว พวกเขาเอาท่อนไม้ฟาดแก้มผู้ปกครองแห่งอิสราเอล

แต่เจ้า เบธเลเฮม เอฟราธาห์… เจ้าเองนั้นเล็กน้อยเกินไปที่จะอยู่ในหมู่ตระกูลของยูดาห์  แต่จากเจ้า  จะมีผู้หนึ่งออกมาเพื่อเรา  เขาจะเป็นผู้ครองอิสราเอล  เขาผู้นั้นมาจากอดีตกาล  จากวันโบราณ


ดังนั้น เขาจะทิ้งอิสราเอลไว้จนถึงเวลา  เมื่อเธอผู้ที่เจ็บท้องคลอดจะคลอดบุตรออกมา     แล้วพี่น้องของเขาที่เหลืออยู่จะกลับมารวมตัวกับชนอิสราเอล
และเขาจะยืน ดูแลฝูงแกะของเขาด้วยพลังจากพระผู้เป็นเจ้า   ในความยิ่งใหญ่แห่งพระนามของพระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าของเขา
พวกเขาจะอยู่อย่างมั่นคงปลอดภัย และบัดนี้ เขาจะยิ่งใหญ่ นามเลื่องลือแผ่ไปจนสุดแผ่นดินโลก!

เขาจะเป็นสันติสุขของอิสราเอล

ผู้ปกครองแห่งอิสราเอลท่านนี้เป็นใคร  มีคาห์กำลังกล่าวถึงใครกัน ท่านถูกไม้ฟาดเอาที่หน้าของท่าน

จากวันของมีคาห์ แล้วก้าวข้ามมาอีก ประมาณเจ็ดร้อยกว่าปี  มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น….อย่างที่มีคาห์พูด… ลองแวะเข้ามาดูที่นี่

แล้วท่านที่จะมาเกิดในหมู่บ้านเบธเลเฮม  ท่านนี้ เป็นผู้ที่อยู่มาก่อนแต่โบราณ   ท่านจะมาเกิดในตระกูลยูดาห์  และในหมู่บ้านนี้ด้วย  เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นจริงอีกนั่นแหละ หลังจากที่มีคาห์บอกเรื่องนี้เอาไว้   พระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้าได้มาบังเกิดในโลกนี้

นี่คือหนึ่งในหน้าที่ของผู้กล่าวคำของพระเจ้า   เขาจะบอกอนาคตซึ่งไม่มีใครรู้ ตามที่พระเจ้าตรัสให้เขาพูด  มีคาห์เองจะเข้าใจสิ่งที่เขาพูดแค่ไหน เรายังไม่รู้เลย

ดูซิ  วันนี้  พระเยซูทรงมีชื่อเสียงเรืองนาม  ใคร ๆ ก็ได้ยินชื่อของพระองค์  และคนมากมายได้เชื่อวางใจในพระองค์  มหัศจรรย์จริง ๆ  และพระองค์ทรงเป็นผู้ให้สันติสุขที่เกินความเข้าใจกับผู้ที่รักและเชื่อพระองค์  จริง ๆ นะ  บู้บี้กับเพื่อน ๆ  มีประสบการณ์นี้อยู่เป็นประจำ


เมื่ออัสซีเรียยกมาที่แผ่นดินของเรา และเหยียบย่ำราชวัง เวลานั้น เราจะตั้งคนเลี้ยงแกะ 7 คน และเจ้านายอีก 8องค์ มาสู้กับพวกเขา   และเขาจะปกครองอัสซีเรียด้วยดาบ ปกครองดินแดนนิมโรดตรงประตูเมือง   และเขาจะช่วยเราให้รอดพ้นจากอัสซีเรีย  ที่บุกเข้ามายังดินแดนของเราและรุกล้ำเข้ามาในเขตแดน

คนที่อ่านไป ๆ อาจรู้สึกสับสน   สิ่งที่มีคาห์กล่าวนั้น เล็งถึงองค์พระผู้ช่วยให้รอดที่จะมาบังเกิด และพระองค์จะไม่เหมือนผู้นำที่เลวร้ายซึ่งอยู่ในอิสราเอลขณะนั้น

มีคาห์กล่าวสลับไปมาถึงการบุกของอัสซีเรีย   พระเยซูคริสต์  และวันสุดท้ายที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ด้วย

มีคาห์ 4-3 แผนการที่ไม่รู้

มีคาห์ 4:10-13

จงเจ็บปวด และคลอดออกมา  โอ..ธิดาแห่งศิโยน  เหมือนกับผู้หญิงที่เจ็บท้องจะคลอดลูก    เพราะตอนนี้ เจ้าจะออกไปจากเมือง  เจ้าจะไปอยู่ในทุ่ง  เจ้าจะไปยังบาบิโลน    และเจ้าจะได้รับการช่วยกู้ที่นั่น   จากที่นั่น  องค์พระผู้เป็นเจ้าจะไถ่เจ้าออกมาจากดินแดนของศัตรู

บัดนี้ เช่นกัน.. หลายประเทศต่างพากันมาต่อสู้เจ้า  คนที่กล่าวว่า “ให้ศิโยนกลายเป็นมลทิน  และให้เรามองศิโยนด้วยความสะใจ”  แต่พวกเขาไม่รู้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงคิดอะไร    พวกเขาไม่เข้าใจแผนการของพระองค์   เพราะว่า พระองค์จะทรงรวบรวมเขาเข้ามาเหมือนกับฟ่อนข้าวลงบนลานนวดข้าว

“ลุกขึ้นและตีข้าวได้แล้ว  ธิดาแห่งศิโยน!  เพราะว่าเราจะทำให้เขาของเจ้าเป็นเขาเหล็ก   และเขาจะทำให้กีบเท้าของเจ้าเป็นกีบเท้าทองสัมฤทธิ์   เจ้าจะตีคนจำนวนมากแตกกระจายไป  เราจะถวายสิ่งที่พวกเขาได้มาแด่องค์พระเจ้า  และ.ถวายความมั่งคั่งของเขา แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดินโลกนี้

ยูดาห์จะถูกจับไปเป็นเชลย  ถูกนำไปถึงบาบิโลน  แต่พระเจ้าจะทรงปล่อยพวกเขาจากที่นั่น  และในเวลาต่อมา เหตุการณ์จริงก็เกิดขึ้นด้วย
หลายประเทศจะรวมกันเข้ามาต่อสู้อิสราเอล  แต่พระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเขา  พวกเขาไม่รู้จักพระเจ้าว่า ทรงคิดอะไร และแผนการของพระองค์เป็นอย่างไร… ทั้ง ๆ ที่พระองค์ก็ได้ตรัสไว้แล้วอย่างชัดเจน น่าแปลกจริง ๆ   พระเจ้าสามารถจัดการกับศัตรูนั้นได้ง่าย ๆ เหมือนชาวนาที่รวมรวมรวงเข้าเพื่อนวด

เวลาที่พระเจ้าจะทรงรื้อฟื้นศิโยนนั้น     พระเจ้าทรงให้เขาแข็งแกร่ง  จากการที่พระเจ้าทรงกล่าวว่าจะให้เขามีเขาเหล็ก และกีบเท้าทองสัมฤทธิ์นั้น  มีความหมายว่า เขาจะแข็งแรงสามารถตีศัตรูให้พ่ายไปได้

 

มีคาห์ 4-2 อนาคตศิโยน

มีคาห์ 4:6-9

พระเจ้าตรัสว่า “ในวันนั้น  เราจะรวบรวมคนที่ง่อยเปลี้ยเสียขา   เราจะรวบรวมคนที่ถูกเนรเทศ และคนที่เราเคยทำให้เขาทรมานเป็นทุกข์   เราจะให้ผู้ที่เป็นง่อย กลายเป็นคนที่คงเหลืออยู่ในแผ่นดิน  และคนที่ถูกเนรเทศไปนั้นกลายเป็นชนชาติที่เข้มแข็ง  และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงครอบครองเหนือพวกเขาจากภูเขาศิโยน   จากนี้ไปจนนิรันดร์

และเจ้า  หอคอยดูแลฝูงสัตว์เลี้ยง  เจ้าผู้เป็นป้อมเข้มแข็งของธิดาแห่งศิโยน  มันจะมาหาเจ้า  แม้กระทั่งชนชาติที่เคยยิ่งใหญ่จะมาหาเจ้า  อาณาจักรแห่งธิดาเยรูซาเล็ม บัดนี้ ทำไมเจ้าจึงร้องเสียงดัง?  ไม่มีราชาท่ามกลางเจ้ารึ?  คนที่วางแผนให้เจ้าพินาศไปแล้วใช่ไหม?    เพราะว่า ตอนนี้เจ้าเจ็บปวดเหมือนผู้หญิงที่กำลังจะคลอดลูก

การรื้อฟื้นของพระเจ้าไม่ได้ทำกับคนที่ปกติเท่านั้น แต่กับคนที่เป็นง่อย  คนที่ด้อยโอกาส  คนเหล่านี้จะได้สัมผัสกับพระพรของการที่พระเจ้าทรงช่วยเหลือเขาเต็ม  ๆ สิ่งที่มีคาห์พูดต่อมาคืออนาคตของศิโยน  ดูซิ  พระเจ้าทรงให้พวกเขาเห็นถึงการที่เขาจะถูกจับไปเป็นเชลย  แต่พระเจ้าจะทรงรวบรวมเขากลับมาอีก   และพวกเขาจะยอมให้พระเจ้าทรงครอบครองเหนือพวกเขา  ….

เวลาพระเจ้าทรงกล่าวถึงธิดาแห่งศิโยนนั้น  หมายถึงคนอิสราเอลและพระเจ้าในฐานะที่ทรงเป็นพระบิดาที่ทรงรัก  พระเจ้าทรงรักคนของพระองค์ แม้ว่าพวกเขาจะปฏิเสธพระองค์   การใช้คำว่า ธิดาแห่งศิโยน ทำให้เรารู้ว่าพระเจ้าทรงรู้สึกอย่างไรกับคนอิสราเอลที่ดื้อดึง และทำให้พระองค์ทั้งเสียพระทัยและโกรธ   แต่พระองค์ทรงนึกถึงอนาคตที่จะมีการคืนดีอยู่เสมอ แต่ก่อนที่การรื้อฟื้นจะเกิดขึ้นนั้น พวกเขาจะเจ็บปวดมาก ที่เป็นอย่างนั้นเพราะไม่มีผู้นำเลย….

มีคาห์ 4-1 ภูเขาของพระเจ้า

มีคาห์4:1-5

ในวันเวลาสุดท้าย จะเกิดเหตุการณ์เหล่านี้
คือ ภูเขาซึ่งพระวิหารของพระเจ้าตั้งอยู่ จะได้รับการตั้งให้เป็นภูเขาที่สูงสุดในบรรดาภูเขาทั้งปวง. มันจะถูกยกให้สูงเหนือเนินเขาทั้งหลาย
และ….. ผู้คนจะเดินทางหลั่งไหลเข้ามา
หลายชาติจะเข้ามาที่นี่ และกล่าวว่า “มา ให้เราพากันไปยังภูเขาของพระเจ้า ไปยังพระนิเวศของพระเจ้าของยาโคบ เพื่อว่าพระองค์จะทรงสอนหนทางของพระองค์ให้เรา. และเราจะได้เดินในวิถีของพระองค์”

ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ กฎเกณฑ์ของพระเจ้าจะออกมาจากศิโยน. และพระดำรัสของพระองค์จะออกมาจากเยรูซาเล็ม
พระเจ้าจะทรงวินิจฉัยคดีระหว่างชาติต่างๆ และจะทรงตัดสินเพื่อชาติมหาอำนาจซึ่งอยู่ไกล

พวกเขาจะตีดาบให้กลายเป็นผาลไถนา จะตีหอกให้กลายเป็นขอลิด. ชาติต่างๆจะไม่ต่อสู้ทำสงครามกันต่อไป. เขาจะไม่เรียนรู้สู้รบอีกต่อไป
แต่พวกเขาต่างนั่งอยู่ใต้ต้นองุ่น และมะเดื่อของตน ไม่มีใครทำให้เขาหวาดกลัวได้ เพราะพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพได้ตรัสโดยพระโอษฐ์ของพระองค์
คนทั้งหลายดำเนินชีวิตตามพระของตน แต่เราจะเดินในพระนามพระเจ้าของเราตลอดไปเป็นนิตย์

มีคาห์ 3-1

และพระเจ้าตรัสว่า

“ส่วนเรื่องของผู้กล่าวพระคำให้เป็นเท็จ  ทำให้คนของเราหลงผิดไปนั้น    ใครให้ของดีกับเขา  เขาจะร้องก้องว่า “สันติสุข!!”

ส่วนคนที่ไม่มีอะไรให้พวกเขากิน  พวกเขาก็จะประกาศสงคราม ต่อสู้กับคนเหล่านั้น

ดังนั้น มันจะกลายเป็นกลางคืนสำหรับเจ้า  เพื่อว่าเจ้าจะมองไม่เห็น
ใช่แล้ว มันจะมืดสำหรับเจ้า จะไม่มีการทำนายใด ๆ เกิดขึ้น    และดวงอาทิตย์จะลับหายไปจากผู้กล่าวพระคำให้เป็นเท็จ   กลางวันจะกลายเป็นสีดำมิด

และคนที่ทำนายอนาคต จะต้องอับอาย หมอดูจะตกตะลึงหน้าแดงก่ำ ใช่…. เขาจะปิดปากตัวเองเพราะว่า ไม่มีคำตอบมาจากพระเจ้า

แต่เรา  มีคาห์  เรามีฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณของพระเจ้า มีความเที่ยงธรรมและพลัง เพื่อจะบอกให้ยาโคบรู้ถึงการล่วงละเมิด  บอกให้อิสราเอลรู้ถึงบาปของตน
ฟังนี่นะ  ขอร้องล่ะ  หัวหน้าแห่งวงศ์วานยาโคบและผู้ปกครองอิสราเอล ท่านผู้ซึ่งเกลียดชังและปฏิเสธความยุติธรรม คนที่บิดเบือนความจริง คนที่สร้างศิโยนขึ้นมาด้วยเลือด  สร้างเยรูซาเล็มขึ้นมาด้วยความชั่วร้าย   คนที่เป็นหัวหน้านั้นพิพากษาเพราะเห็นแก่สินบน และเหล่าปุโรหิตก็ทำหน้าที่ของตนเพื่อเงินเท่านั้น   แม้กระนั่นยังทำทีว่า พึ่งพิงพระเจ้า กล่าวว่า “พระเจ้าไม่ได้อยู่ท่ามกลางพวกเราหรอกหรือ?  จะไม่มีความชั่วร้ายตกมาที่เราเลย”

ดังนั้น ศิโยนจะถูกไถเหมือนไร่นา  เยรูซาเล็มจะกลายเป็นกองซากปรักหักพัง  และภูเขาแห่งพระวิหารของพระเจ้าจะเป็นป่ารกรุงรัง
คนที่เป็นผู้นำ แต่ทำทุกอย่างจากความตะกละความโลภ และยังได้หลอกลวงประชาชนให้เข้าใจผิด เขาทำให้คนอื่นตาบอด เขาเองจะมองอะไรไม่เห็น ไม่อาจรู้อนาคตได้อีก

แต่มีคาห์แตกต่างจากคนหลอกลวงเหล่านั้น เพราะเขาพูดออกมาด้วยฤทธิ์แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ คำพูดของเขาจึงมีอำนาจและเป็นจริง
เหล่าผู้นำคิดว่าตัวเองอยู่ฝ่ายพระเจ้า ทั้งที่ความจริงแล้ว เขาทำทุกอย่างเพราะเห็นแก่ตนเอง ดังนั้นประเทศบ้านเมืองจึงเสียหายเพราะผู้นำเลวร้าย

มีคาห์ 3-1

มีคาห์ 3:1-4

และมีคาห์กล่าวว่า “ฟัง ขอร้องล่ะ  ท่านหัวหน้าวงศ์วานยาโคบและผู้ปกครองอิสราเอล  หน้าที่ของพวกท่านคือต้องรู้จักความยุติธรรมมิใช่หรือ?”
“ท่านเกลียดชังความดี และรักความชั่วร้าย  ท่านกระชากและขโมยหนังออกจากคนของเรา  และเลาะเอาเนื้อของเขาออกจากกระดูก!

ใช่..ท่านกินเนื้อของคนของเรา และแล่หนังออกจากพวกเขา  ท่านทุบกระดูกของเขา และสับมันเป็นชิ้น ๆ ราวกับสับลงหม้อ  เหมือนเอาก้อนเนื้อใส่ลงในหม้อใหญ่ ๆ

แล้วพวกเขาจะร้องหาพระเจ้า แต่พระองค์จะไม่ทรงตอบเขา  ในเวลานั้น  พระองค์จะทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากพวกเขาด้วยซ้ำ   เพราะว่า เขาทำการชั่วร้ายยิ่งนัก”

 
เหล่าคนที่เป็นผู้ปกครองทำร้ายคนจนอย่างไร้ความปราณี ดังนั้นเมื่อเขาจะขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า เขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากพระองค์.

มีคาห์ 2-2

มีคาห์ 2:6-13

มีคาห์เตือนประชาชนไม่ให้ฟังคนที่พูดตามใจอย่างที่เขาอยากจะฟัง   นักพูดที่พูดตามใจคนฟัง มักเป็นที่นิยม  แต่คนที่พูดเพื่อให้คนกลับตัวกลับใจจากความบาป เป็นคนที่ไม่มีใครอยากจะฟังสักเท่าไร    การที่นักพูด นักเทศน์ กลายเป็นคนหว่านคำไร้สาระนั้น มันน่ากลัวมากที่สุด    เพราะจะนำให้ประชาชนหลงผิด

เรื่องราวตอนนี้  มีคาห์กำลังพยายามจะบอกว่า   วันหนึ่งพระเจ้าจะรวบรวมคนของพระองค์  แม้ว่าเขาจะเจอสิ่งร้าย ๆ มาก่อนหน้านี้     พระเจ้าจะทรงทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน


“อย่าเทศนานะ “  แต่ก็ยังเทศน์    “ใคร ๆไม่ควรเทศนาเรื่องนั้น   เพราะความน่าอับอายจะไม่มีวันมาถึงเรา “

วงศ์วานของยาโคบเอ๋ย  ควรจะพูดหรือว่า พระเจ้าทรงไม่อดทนต่อไปแล้ว  เหล่านี้เป็นการกระทำของพระองค์หรือ   คำของเราไม่ส่งผลดีให้กับคนที่เดินอย่างเที่ยงธรรมหรือ?

แต่ไม่นานมานี้ คนของเราลุกขึ้นราวกับเป็นศัตรู  เจ้าได้ฉีกเสื้อผ้าของคนที่ผ่านไปอย่างไม่ระวังตัว  ทั้งที่คนเหล่านี้ไม่ได้คิดถึงสงครามสักนิด

เจ้าได้ไล่ผู้หญิงในหมู่คนของเราออกไปจากบ้านที่พวกเธออยู่อย่างมีความสุข  เจ้าเอาพระสิริของเราไปจากลูกหลานของพวกเขาตลอดไป

จงลุกขึ้นและไป… เพราะไม่มีที่ ๆ จะพักได้   ความโสโครกได้ทำลายจนพินาศป่นปี้

หากใครสักคนจะเดินไปและกล่าวคำไร้สาระ คำโกหก กล่าวว่า “เราจะพูดเรื่องเหล้าองุ่นและเหล้าแรง ๆ “  ใคร ๆ ก็จะฟังเขา

 

ยาโคบเอ๋ย   เราจะรวบรวมเจ้าทุกคน     เราจะรวบรวมคนอิสราเอลที่ยังหลงเหลืออยู่   เราจะเอาเขามาอยู่ด้วยกันเหมือนแกะที่อยู่ในคอก เหมือนฝูงแกะในทุ่งหญ้า  ที่นั่นจะมีผู้คนมากมายส่งเสียงดังขรมไปหมด

คนที่นำร่องเปิดทางไปก่อน เขาจะทะลวงเข้าไป และผ่านประตู

องค์ราชาจะผ่านพวกเขาไป   พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำเขา