เยเรมีย์ 34-1 ทำนายถึงความตาย

เยเรมีย์ 34:1-7

พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงเยเรมีย์

เมื่อเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์แห่งบาบิโลนและกองทัพ
รวมไปถึงราชอาณาจักรต่างๆในโลกที่อยู่ใต้อำนาจ
และประชาชนที่เข้ามารุมต่อสู้กับเยรูซาเล็มและเมืองบริวาร

องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า
เจ้าจงไปพูดกับราชาเศเดคียาห์แห่งยูดาห์ว่า
..องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
..ดูเถิด เรากำลังมอบเมืองนี้ให้อยู่ในมือของราชาแห่งบาบิโลน  เขาจะเผาเมืองนี้ด้วยไฟ

เจ้าจะไม่สามารถหนีพ้นเงื้อมมือเขาได้
แต่จะถูกจับกุมและส่งตัวไปให้เขา
เจ้าจะได้พบราชาแห่งบาบิโลนตัวต่อตัว พูดกับเขาด้วยตัวเจ้าเอง
และเจ้าจะต้องไปอยู่บาบิโลนjere-Zede

จงฟังคำของพระเจ้า  โอ เศเดคียาห์ ราชาแห่งยูดาห์
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรื่องของท่านว่า… “ท่านจะไม่ตายด้วยดาบ
แต่จะตายอย่างสงบ
เขาได้เผาเครื่องหอมให้กับบรรพบุรุษของท่าน
คือกษัตริย์องค์ก่อนๆ อย่างไร
เขาก็จะเผาเครื่องหอมให้และคร่ำครวญให้ท่านอย่างนั้น
กล่าวว่า ..โอ้อนิจจา…  องค์พระผู้เป็นเจ้า..
เพราะเราได้กล่าวไว้แล้ว …  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส”

แล้วเยเรมีย์ผู้กล่าวคำของพระเจ้าก็ได้กล่าวคำทั้งสิ้น
แก่ราชาเศเดคียาห์  กษัตริย์แห่งยูดาห์  ในนครเยรูซาเล็ม 

ขณะนั้น กองทัพของราชาบาบิโลนกำลังต่อสู้กับเยรูซาเล็ม
และเมืองในยูดาห์ที่ยังเหลืออยู่
คือเมืองลาคิชและเมืองอาเซคา เพราะเป็นเมืองที่มีป้อมเข้มแข็ง

เยเรมีย์ 33-4 ผู้จัดระเบียบเอกภพ

เยเรมีย์ 33.23-26
พระดำรัสของพระเจ้ามายังเยเรมีย์ ว่า
“เจ้าสังเกตสิ่งที่คนเหล่านี้พูดไหมว่า
…องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิเสธเผ่าสองเผ่าที่พระองค์ทรงเลือก?
พวกเขากำลังดูหมิ่นคนของเรา
ไม่ให้มีฐานะเป็นประเทศในสายตาของพวกเขา

แอนโดรมีดา กาแลกซี่ที่สวยงาม
แอนโดรมีดา กาแลกซี่ที่สวยงาม

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“ถ้าเราไม่ได้แต่งตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับวันและคืน
และจัดระบบของสวรรค์และโลกแล้ว
เราก็จะปฏิเสธ ไม่รับลูกหลานของยาโคบและดาวิดผู้รับใช้ของเรา
และจะไม่เลือกคนหนึ่งในเชื้อสายของดาวิด
เพื่อปกครองเหนือลูกหลานของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ
เพราะเราจะรื้อฟื้นพวกเขาขึ้นใหม่ และจะเมตตาพวกเขา”

เยเรมีย์ 33-3 นับทรายไปสิ

เยเรมีย์ 33.14-22
ดูเถิด วันนั้นจะมาถึง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
เมื่อเราจะทำให้คำสัญญาที่เราให้ไว้กับวงศ์วานอิสราเอลและยูดาห์สำเร็จ
ในวันเหล่านั้น เวลานั้น เราจะทำให้กิ่งแห่งความชอบธรรม
เกิดขึ้นมาเพื่อดาวิด และเขาจะให้แผ่นดินนั้นมีความยุติธรรมและชอบธรรม
ในวันเหล่านั้น ยูดาห์จะรอด และเยรูซาเล็มจะอยู่อย่างปลอดภัย
และเขาจะเรียกว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความชอบธรรมของเรา”

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
ดาวิดจะไม่ขาดบุรุษที่นั่งอยู่บนบัลลังก์แห่งวงศ์วานอิสราเอล
และปุโรหิตเผ่าเลวี จะไม่ขาดชายผู้หนึ่งที่จะถวายเครื่องเผาบูชา
เครื่องธัญบูชา และที่จะสักการบูชาต่อหน้าเราตลอดไป

Emilian Robert Vicole via flickr
Emilian Robert Vicole via flickr

พระวจนะของพระเจ้ามายังเยเรมีย์ว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
หากว่าเจ้าหักพันธสัญญาของวันและคืนที่เรามีให้นั้น จนวันและคืนไม่กลับมาตามที่เรากำหนด
เมื่อนั้นแหละที่เราจะหักพันธสัญญาที่เราให้ไว้แก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา
เพื่อว่าเขาจะไม่มีลูกชายที่จะครองบัลลังก์ของเขา
และพันธสัญญาที่เรามีต่อปุโรหิตเผ่าเลวีผู้ปรนนิบัติเรา
ในเมื่อไม่อาจนับเหล่าดวงดาวในท้องฟ้า และไม่อาจนับจำนวนทรายในทะเลได้
ดังนั้นเราจะเพิ่มลูกหลานของดาวิดผู้รับใช้ของเรา
และปุโรหิตเผ่าเลวีผู้ปรนนิบัติเราให้ทวีมากขึ้นเช่นดาวและทรายเหล่านั้น

เยเรมีย์ 33-2 แม้แกะก็กลับคืน

เยรมีย์ 33.10-13
ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ในสถานที่ซึ่งเจ้ากล่าวว่า..
เป็นที่ร้างไม่มีคนหรือสัตว์อาศัยอยู่..
ในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์และถนนในนครเยรูซาเล็มซึ่งเผป็นที่ร้าง ไม่มีมนุษย์อาศัย ไม่มีสัตว์เหลืออยู่นั้น
จะได้ยินเสียงเหล่านี้อีก คือเสียงของความร่าเริงยินดี
เสียงของเจ้าบ่าวและเจ้าสาว
เสียงร้องเพลงในขณะที่พวกเขานำเครื่องบูชาเข้ามายังพระวิหารของพระเจ้า

“จงร้องเพลงขอบคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ
เพราะว่า พระเจ้าทรงดี
ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์”

เพราะเราจะรื้อฟื้นสภาพดีอย่างสมัยแรกๆ ของแผ่นดินให้คืนกลับมา
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

ภาพจากhttp://en.wikipedia.org/wiki/Shepherd
ภาพจากhttp://en.wikipedia.org/wiki/Shepherd

ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสว่า ..
ในที่นี้ซึ่งเป็นสถานที่ร้างเปล่าไม่มีคนหรือสัตว์อาศัยในเมือง
จะกลายเป็นที่ ๆ เหล่าผู้เลี้ยงแกะนำแกะของเขามาพักผ่อน
ตามเมืองแถบเทือกเขา  ในเมืองเชเฟลาห์  และในเมืองแถบเนเกบ
ในแผ่นดินเบนยามิน และสถานที่ในนครเยรูซาเล็ม
ในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์ ฝูงแกะจะเดินผ่านมือของคนที่นับจำนวนของมันอีกครั้งหนึ่ง …

เยเรมีย์ 33-1 ลงโทษแล้ว..รักษาให้

เยเรมีย์ 33: 1-9

พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงเยเรมีย์เป็นครั้งที่สอง
ในขณะที่เขายังถูกจำจองอยู่ในเขตทหารรักษาพระองค์
“องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างโลกนี้
พระองค์ผู้ทรงสร้างและจัดตั้งมันไว้  พระนามของพระองค์คือ องค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัสว่า ..
จงร้องเรียกหาเรา และเราจะตอบเจ้า
และเราจะบอกถึงสิ่งยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ซึ่งเจ้าไม่เคยรู้ให้แก่เจ้า

rongkau
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ตรัสถึงบ้านทั้งหลายในเมือง
และราชวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ซึ่งถูกรื้อถอนไปทำเป็นที่กำบังจากการล้อมเมือง และอาวุธ..
พวกเขาจะเข้ามาต่อสู้คนเคลเดีย
และทำให้เมืองเต็มไปด้วยซากศพ เป็นศพของเหล่าคนที่เราสังหารเพราะความโกรธเกรี้ยวของเรา
เราได้ซ่อนหน้าของเราไว้จากเมืองนี้ เพราะความชั่วร้ายของพวกเขา

ดูเถิด เราจะรักษาเขา ให้เขามีสุขภาพดี
เราจะรักษาเขาให้หาย และทำให้เขาเห็นถึงความอุดมสมบูรณ์  ความมั่งคั่ง และความปลอดภัย

เราจะรื้อฟื้นยูดาห์และอิสราเอลให้กลับสู่สภาพเดิม และสร้างพวกเขาใหม่ให้เป็นเหมือนเดิม
เราจะชำระบาปของเขาที่ทำต่อเรา และเราจะยกโทษบาปและความดื้อดึงทั้งปวงที่เขาทำต่อเรา
และเมืองนี้จะเป็นเมืองที่มีชื่อแห่งความชื่นบานต่อหน้าเรา
เป็นความสรรเสริญ และเป็นศักดิ์ศรีต่อบรรดาประชาชาติในโลกที่ได้ยินถึงสิ่งดีที่เราทำให้กับพวกเขา
คนเหล่านั้นจะเกรงกลัวและตจัวสั่นเพราะสวัสดิภาพและความมั่งคั่งที่เราให้ พวกเขา

เยเรมีย์ 32-5 จะได้กลับมา

เยเรมีย์ 32:36-44

ดังนั้น… องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าแห่งอิสราเอล
ตรัสถึงเรื่องเมืองซึ่งเจ้ากล่าวว่า..
”เมืองนี้ถูกมอบไว้ให้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน ด้วยดาบ ด้วยความอดอยาก และด้วยโรคระบาด
ดูเถิด เราจะรวบรวมทุกคนจากประเทศต่าง ๆ ที่เราเนรเทศเขาไป
ด้วยความโกรธ พิโรธ และโกรธเกรี้ยว
และเราจะนำพวกเขากลับมาที่นี้ และอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย
และเขาจะเป็นคนของเรา เราจะเป็นพระเจ้าของเขา

nungheart
เราจะให้พวกเขามีใจเดียว มีทางเดียว
เพื่อว่าเขาจะเกรงกลัวเราตลอดไป เพื่อสวัสดิภาพของพวกเขา และลูกหลานของเขาสืบไป
เราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับพวกเขา
เพื่อว่า เราจะไม่หันไปจากการทำดีให้เขา
และเราจะทำให้ใจของเขาเกรงกลัวเรา
เพื่อว่า พวกเขาจะไม่หันไปจากเรา
เราจะยินดีในการทำดีให้พวกเขา
และจะปลูกเขาในแผ่นดินนี้ด้วยความซื่อตรง ด้วยสุดใจ สุดจิตของเรา” 
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“เหมือนอย่างที่เรานำหายนะยิ่งใหญ่มาสู่ประชาชน  ดังนั้น เราจะนำสิ่งดีที่เราสัญญาให้เขาไว้มาด้วย
จะมีการซื้อขายที่ดินในแผ่นดินที่พวกเจ้าพูดว่า ..
เป็นแผ่นดินร้างเปล่า ไม่มีมนุษย์หรือสัตว์อาศัยอยู่   มันถูกมอบให้กับชาวเคลเดียแล้ว”
จะมีการใช้เงินซื้อที่นา จะมีการเซ็นสัญญา มีตราประทับ และมีพยานด้วย
พื้นที่ในแผ่นดินเบนยามิน   พื้นที่ต่าง ๆ ในนครเยรูซาเล็ม ในเมืองแถบภูเขา
ในเมืองแห่งเชเฟลาห์  และเมืองแถบเนเกบ  เพราะว่า เราจะรื้อฟื้นเขาให้กลับสู่สภาพเดิม …”
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

 

เยเรมีย์ 32-4 ชอบยั่วให้โกรธนัก

เยเรมีย์ 32:26-35

พระวจนะของพระเจ้ามายังเยเรมีย์ว่า
“ดูเถิด  เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง มีอะไรที่ยากสำหรับเราหรือ?
ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า … ดูเถิด เราจะมอบเมืองนี้ให้กับคนเคลเดีย
และเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน และเขาจะเอาเมืองนี้เป็นเชลย
คนเคลเดียที่สู้กับเมืองนี้ จะมาและจุดไฟเผาเมองให้วอดวาย  พร้อมๆ กับบ้านที่ถวายเครื่องบูชาแก่เจ้าบาอัล และเครื่องดื่มบูชาแก่เจ้าต่าง ๆ เพื่อยั่วยุให้เราโกรธ
เพราะลูกหลานอิสราเอล และยูดาห์ไม่ทำอะไรนอกจากความชั่วร้ายต่อหน้าต่อตาเราตั้งแต่ยังเยาว์  ลูกหลานอิสราเอลไม่ทำอะไรนอกจากยั่วยุให้เราโกรธเกรี้ยวด้วยน้ำมือของพวกเขา องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ ….
เมืองนี้ทำให้เราโกรธเกรี้ยวจากวันที่สร้างมันขึ้นมาจนกระทั่งวันนี้ เพื่อว่า เราจะได้เอามันออกไปจากสายตาของเรา
เพราะความชั่วร้ายของลูกหลานอิสราเอลและยูดาห์ ที่เขาได้ทำให้เราโกรธ ทั้งหล่าเจ้านาย และข้าราชการ  ปุโรหิตและผู้กล่าวคำ บุรุษแห่งยูดาห์ และ เหล่าผู้ที่อาศัยในเยรูซาเล็ม
พวกเขาได้หันหลังให้เรา ไม่ได้หันหน้า แม้ว่าเราจะสอนพวกเขาไม่หยุดหย่อน เขาก็ไม่ฟัง ไม่รับคำสอนเหล่านั้น
พวกเขาได้วางสิ่งน่าเกลียดน่าชังไว้ในบ้านที่เรียกตามชื่อของเรา และทำให้บ้านนั้นเป็นมลทิน
พวกเขาสร้างที่สูงของบาอัลในหุบเขาแห่งลูกชายของฮินโนม  นำลูกชายลูกสาวไปถวายเป็นเครื่องบูชาแก่เจ้าโมเลค  ทั้งที่เราไม่ได้สั่งพวกเขา เราไม่เคยคิดสิ่งเหล่านี้ก่อนว่าพวกเขาจะทำสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังเช่นนี้ ทำให้ยูดาห์ได้ทำบาปต่อเรา

เยเรมีย์ 32-3 ขอเหตุผลพระเจ้าข้า!

เยเรมีย์ 32:16-
หลังจากที่ได้มอบเอกสารการซื้อที่ดินให้กับบารุคบุตรชายเนริยาห์แล้ว
ข้าก็ได้อธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า
“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า.. พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่
ด้วยพระหัตถ์ที่เหยียดออก ไม่มีสิ่งใดที่ยากสำหรับพระองค์
พระองค์ทรงแสดงความรักมั่นคงของพระองค์ต่อคนเป็นพัน
แต่ได้ทรงตอบสนองความผิดบาปของพวกเขากับลูกหลานของพวกเขา
โอพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
พระนามของพระองค์คือ องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ
พระองค์ทรงให้คำปรึกษายิ่งใหญ่ และทรงฤทธิ์ในพระราชกิจทั้งปวง
พระเนตรของพระองค์มองหนทางทั้งหลายของลูกหลานมนุษย์
และทรงตอบแทนพวกเขาตามหนทางเดิน ตามผลแห่งการกระทำของพวกเขา
พระองค์ทรงแสดงหมายสำคัญพร้อมสิ่งอัศจรรย์ในแผ่นดินอียิปต์
และจนกระทั่งวันนี้ยังทรงทำการ ในอิสราเอลและท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย
ทรงทำให้พระนามของพระองค์เลื่องลือไปอย่างทุกวันนี้
พระองค์ได้ทรงนำคนอิสราเอลของพระองค์ออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
ด้วยหมายสำคัญและสิ่งอัศจรรย์ ด้วยพระหัตถ์เหยียดออกที่เข้มแข็ง
ด้วยความน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
และพระองค์ได้ประทานแผ่นดินนี้ให้พวกเขา
เป็นแผ่นดินที่ทรงสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา

Illustrator of Henry Davenport Northrop's 1894 "Treasures of the Bible"
Illustrator of Henry Davenport Northrop’s 1894 “Treasures of the Bible”

ดินแดนนี้เต็มด้วยน้ำผึ้งและน้ำนม
และพวกเขาได้เข้ามา และถือกรรมสิทธิ์ในแผ่นดิน
แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อฟังพระดำรัสของพระองค์ ไม่ได้เดินในกฎเกณฑ์ของพระองค์
สิ่งใดที่พระองค์ทรงบัญชา พวกเขาก็ไม่สนใจที่จะกระทำเลย
ดังนั้น พระองค์จึงทรงให้เกิดหายนะขึ้นท่ามกลางพวกเขา
ดูเถิด เชิงเทินก็ได้เข้ามาล้อมเมืองแล้ว
และพวกเขาก็ถูกมอบไว้ในมือของชาวเคลเดียที่พวกเขากำลังสู้อยู่
ด้วยดาบ ความอดหยากและโรคระบาด
สิ่งที่พระองค์ได้ตรัสก็เกิดขึ้นจริง และพระองค์ทรงเห็นทุกอย่าง
แต่…องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงกล่าวกับข้าว่า
“ให้ใช้เงินซื้อที่ดิน และหาพยานมาด้วย”
ทั้ง ๆ ที่เมืองนี้จะถูกมอวบให้กับคนเคลเดีย.
….

เยเรมีย์ 32-2 ปฏิบัติการซื้อที่ดิน

เยเรมีย์ 32:6-15

เยเรมีย์กล่าวว่า “พระดำระสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายังข้าว่า
ฮานัมเอล ลูกชายของชัลลูมซึ่งเป็นอาของเจ้าจะมาหาเจ้า
บอกว่า .. ขอให้ท่านซื้อที่นาของข้าพเจ้าในตำบลอานาโธท  เพราะว่า ท่านมีสิทธิในการซื้อไถ่นานั้น”

j32-jeremiah-buys-the-field

ต่อมา ฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าเองก็ได้มาหาข้าที่บริเวณทหารรักษาพระองค์
ตามพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า เขาพูดกับข้าว่า
“ขอท่านซื้อที่นาของข้าพเจ้าที่ตำบลอานาโธทในแผ่นดินเบนยามิน
เพราะว่า สิทธิในการซื้อไถ่ที่นั่นเป็นของท่าน  ขอให้ท่านซื้อไว้เพื่อตัวท่านเองเถอะนะ..”
ดังนั้นข้าจึงรู้ว่านี่เป็นพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

ข้าจึงซื้อที่นาตำบลอานาโธท จากฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้า
ข้าชั่งเงินให้เขา 17 เชเขล  ข้าเซ็นชื่อ ประทับตรา มีพยาน และชั่งเงินด้วยตาชั่ง
แล้วข้าก็เอาโฉนดที่ประทับตรา พร้อมด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ ในการซื้อ
รวมทั้งฉบับที่เปิดอยู่มา
และข้าได้มอบโฉนดนั้นกับบารุค ลูกชายของเนริยาห์ ลูกชายมาอาเสอาห์
ต่อหน้าฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้า   ต่อหน้าพยานซึ่งได้เซ็นรับรู้การซื้อครั้งนี้
และต่อหน้าเหล่าคนยูดาห์ซึ่งนั่งอยู่ในบริเวณทหารรักษาพระองค์
ข้าสั่งบารุคต่อหน้าคนทั้งหลายว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ
พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า จงเอาโฉนดเหล่านี้ไป
ทั้งฉบับที่ประทับตรา และฉบับที่เปิดอยู่
และเอาไปเก็บไว้ในภาชนะดินเพื่อว่า มันจะอยู่ทนนาน
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า
จะมีการซื้อบ้านและที่นา และสวนองุ่นในแผ่นดินนี้อีกครั้ง”

เยเรมีย์ 32-1 พูดไม่เข้าหู

เยเรมีย์ 32:1-8

พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามายังเยเรมีย์ในปีที่สิบของราชาเศเดคียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์
ซึ่งเป็นปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลของเนบูคัดเนสซาร์
เวลานั้นกองทัพของราชาบาบิโลน กำลังล้อมนครเยรูซาเล็ม

jeremiahinprisonภาพวาดโดย 

 

และเยเรมีย์ผู้กล่าวคำถูกจำจองในบริเวณของทหารรักษาพระองค์  ซึ่งอยู่ในวังของราชาแห่งยูดาห์
ราชาเศเดคียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์สั่งจำจองเยเรมียห์ไว้  ตรัสว่า
“เหตุใดท่านจึงกล่าวคำพยากรณ์ว่า .. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
ดูเถิด เราจะมอบเมืองนี้ให้ไว้ในมือแห่งราชาแห่งบาบิโลน และเขาจะยึดเมืองนี้ไว้
ราชาเศเดคียาห์แห่งยูดาห์จะไม่สามารถหนีไปจากเงื้อมมือของชาวเคลเดียได้
แต่จะตกในหัตถ์ของราชาบาบิโลน ทั้งสองจะได้พบกันตัวต่อตัว เห็นกันตาต่อตา
และราชาบาบิโลนจะนำราชาเศเดคียาห์ไปบาบิโลน
และเขาจะอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะเยี่ยมเขา  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ  ..
ถึงแม้ท่านจะสู้กับชาวเคลเดีย แต่ก็จะไม่สำเร็จ”