เอเสเคียล 20-3 ต้องกระจายไป

เอเสเคียล 20:18-26

และเราได้กล่าวแก่ลูกหลานของเขาในถิ่นกันดาร
อย่าได้เดินตามทางของพ่อเจ้า อย่าได้ไปรักษากฎเกณฑ์ของเขา
อย่าทำให้ตัวเป็นมลทินด้วยรูปเคารพของเขา

เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าของเจ้า
จงระวังที่จะรักษากฎเกณฑ์ของเรา
และรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์
เพื่อว่าจะเป็นสัญญลักษณ์ระหว่างเรากับเจ้า
เพื่อว่าะเจ้าจะได้รู้ว่า เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า

แต่ลูกหลานอิสราเอลได้ดื้อดึงต่อเรา
ไม่เดินในกฎเกณฑ์ของเรา ไม่สนใจระวังที่จะเชื่อฟังกฎของเรา
ซึ่งจริง ๆ แล้ว หากใครทำตามนั้น ก็จะมีชีวิต
พวกเขากลับทำให้วันสะบาโตของเราเป็นมลทิน!

แลัวเรากล่าวว่า  เราจะเทความโกรธของเราลงเหนือเขา
และระบายความโกรธของเราต่อเขาในถิ่นกันดาร
แต่เราก็รั้งมือของเราไว้ และได้ทำเพื่อเห็นแก่นามของเราเอง
เพื่อมิให้นามนั้นเป็นมลทินในสายตาของคนชาติต่าง ๆ
ที่เรานำคนอิสราเอลออกมาจากพวกเขา

krajai

ยิ่งกว่านั้น เราสัญญากับพวกเขาในถิ่นกันดารว่า
เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามชาติต่าง ๆ
และทำให้เขาแยกย้ายกันไปตามที่ต่าง ๆ
เพราะว่าพวกเขาไม่สนใจที่จะเชื่อฟังกฎเกณฑ์ของเรา
แต่ได้ปฏิเสธกฎของเรา และทำให้สะบาโตของเราเป็นมลทิน
สายตาของพวกเขาก็จับจ้องอยู่ที่รูปเคารพของบรรพบุรุษ

ยิ่งกว่านั้น เราจะให้กฎเกณฑ์ที่ไม่ดีแก่พวกเขา
เป็นกฎที่หากทำตามก็จะไม่ได้ชีวิต
เราจะทำให้เขาเป็นมลทินจากลูกหัวปีที่พวกเขาเอาเป็นของบูชารูปเคารพ
ซึ่งเราจะทำลายพวกเขา
เราทำเพื่อพวกเขาจะได้รู้ว่า  เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

เอเสเคียล 20-2 เพื่อเห็นแก่นามของเรา

เอเสเคียล 20:8ข-17

และเรากล่าวว่า เราจะระบายความโกรธของเราเหนือเขา
และจะต่อสู้กับเขาด้วยความโกรธในแผ่นดินอียิปต์จนกว่าโกรธของเราจะมอดลงไป
แต่เราได้กระทำสิ่งที่เห็นแก่นามของเรา
เพื่อว่านามนั้นจะไม่เป็นมลทินในสายตาของเหล่าประชาชาติ  ในแผ่นดินที่คนของเราเข้าไปอยู่
เราจึงทำให้คนต่างชาติเหล่านั้นรู้จักเรา ด้วยการนำคนของเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์

ดังนั้น เรานำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ และนำพวกเขาเข้าไปในถิ่นกันดาร
เราได้ให้กฎเกณฑ์ของเราแก่พวกเขา
ทำให้พวกเขารู้จักข้อบังคับของเรา
ซึ่งใครก็ตามที่ทำตามนั้น ก็จะมีชีวิตอยู่ได้
ยิ่งกว่านั้น  เราได้ให้สะบาโตแห่งพวกเขา
เป็นสัญลักษณ์ระหว่างเรากับเขา
เพื่อเขาจะได้รู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ชำระเขาให้บริสุทธิ์

Gathering Manna Exodus 16:14-31

แต่วงศ์วานอิสราเอลกลับดื้อดึงต่อเราในถิ่นกันดาร
พวกเขาไม่เดินตามกฎเกณฑ์ของเรา แต่ปฏิเสธกฎเหล่านั้น
ซึ่งเราบอกแล้วว่า หากเขาทำตาม เขาจะมีชีวิต
แล้ววันสะบาโตของเราก็ยังถูกเหยียดหยามอีกด้วย

 

แล้วเราจึงกล่าวว่า เราจะเทความโกรธของเราลงในถิ่นกันดาร
เพื่อจะทำลายพวกเขาให้หมดสิ้นไป
แต่เราก็กระทำเพื่อเห็นแก่นามของเรา เพื่อว่าจะไม่เป็นมลทินในสายตาของประชาชาติ
ที่ได้เห็นเรานำคนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินนั้น

ยิ่งกว่านั้น เรายังได้สาบานกับพวกเขาในถิ่นกันดารว่า
เราจะไม่นำเขาเข้าไปในแผ่นดินที่เราให้แก่พวกเขา

ซึ่งเป็นแผ่นดินที่เต็มด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง เป็นแผ่นดินที่ยอดเยี่ยม
เพราะพวกเขาปฏิเสธกฎของเรา และไม่เดินในข้อกฎหมายของเรา
พวกเขาทำให้สะบาโตของเราเป็นมลทิน
เพราะใจของเขาเดินตามรูปเคารพ
แต่อย่างไรก็ตาม เราจะยอมไว้ชีวิตของเขา
เราไม่ได้ทำลายเขาและกำจัดพวกเขาในถิ่นทุรกันดาร

เอเสเคียล 20-1 ตาที่จับจ้อง

เอเสเคียล 18:1-8

ปีที่เจ็ด เดือนที่ห้า วันที่สิบ
มีผู้ใหญ่ของอิสราเอลได้พากันมาเพื่อขอคำปรึกษาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
พวกเขานั่งต่อหน้าข้า
และพระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าว่า

“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  จงกล่าวแก่ผู้ใหญ่แห่งอิสราเอล กล่าวกับเขาว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
..เจ้ามาหาเราเพื่อถามเราอย่างนั้นหรือ?
ตราบเท่าที่เรามีชีวิต… องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
เจ้าจะไม่ได้ถามอะไรเราได้อีก

เจ้าจะพิพากษาพวกเขาหรือ ลูกชายของมนุษย์ เจ้าจะพิพากษาพวกเขาหรือ?
จงให้พวกเขารับรู้ถึงพฤติกรรมอันน่าสะอิดสะเอียนของบรรพบุรุษ
และกล่าวกับพวกเขาว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
วันที่เราเลือกอิสราเอล เราสาบานกับวงศ์วานของยาโคบ
เราทำให้เขารู้จักเราในแผ่นดินอียิปต์
เรากล่าวว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
ในวันนั้น เราสาบานที่จะนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์
เขาไปในดินแดนที่เราเลือกไว้สำหรับพวกเขา
เป็นดินแดนที่เต็มด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง
แผ่นดินที่ยอดเยี่ยมที่สุด

egyptgods
และเรากล่าวกับพวกเขาว่า
จงทิ้งสิ่งที่น่ารังเกียจซึ่งสายตาพวกเจ้าจับจ้อง
ทุกคน…อย่าทำให้ตัวเองเป็นมลทินด้วยรูปเคารพของอียิปต์
เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
แต่พวกเขากลับดื้อดึงต่อเรา และไม่ยอมฟังเรา
ไม่มีสักคนที่ยอมทิ้งรูปเคารพซึ่งสายตาของพวกเขาจับจ้องอยู่
พวกเขาไม่ยอมทิ้งรูปเคารพของอียิปต์ !

 

เอเสเคียล 19-2 ต้นองุ่นที่ถูกเผา

เอเสเคียล 19:10-14

แม่ของพวกเจ้าเป็นเหมือนเถาองุ่นในสวนองุ่น
ที่ปลูกไว้ริมน้ำ
มีผลดก และเต็มไปด้วยกิ่งก้าน
เพราะมีน้ำเลี้ยงอย่างอุดมสมบูรณ์

ลำต้นที่แข็งแรงกลายเป็นคทาของผู้ปกครอง
มันเติบโตสูงขึ้นไป ท่ามกลางต้นหนาม
มองเห็นมันได้เพราะความสูงของมัน
รวมทั้งกิ่งก้านสาขาของมันด้วย vi
แต่แล้วต้นองุ่นนั้นก็ถูกถอนขึ้นมาด้วยความโกรธ
ถูกเขวี้ยงทิ้งลงบนพื้นดิน
ลมตะวันออกก็พัดมาทำให้ผลองุ่นเหี่ยวแห้ง
เปลือกของมันแห้ง และลอกออกมา
ส่วนลำต้นที่แข็งแรงก็ถูกไฟเผา

บัดนี้ มันถูกปลูกลงในถิ่นกันดาร
ในแผ่นดินที่แห้ง และโหยหาน้ำ
ไฟก็แลบออกมาจากลำต้น และหน่อของมัน
ไฟผาผลาญผลองุ่นเสียหมด
บัดนี้ไม่เหลือลำต้นที่แข็งแรง
ไม่มีคทาที่จะปกครอง
นี่เป็นคำคร่ำครวญที่กลายเป็นการคร่ำครวญ

เอเสเคียล 19-1 คร่ำครวญเพื่อเจ้าชาย

เอเสเคียล 19:1-9

และเจ้า จงคร่ำครวญเพื่อเจ้าชายแห่งอิสราเอล
และกล่าวว่า …

แม่ของเจ้าอยู่ที่ไหน?
เธอเป็นเหมือนแม่สิงโต
เธอหมอบอยู่ท่ามกลางสิงห์  ท่ามกลางสิงห์หนุ่ม

เธอเลี้ยงดูลูกน้อย
และเธอได้นำลูกมาอีกตัวหนึ่ง
เลี้ยงจนกระทั่งมันเติบโต เป็นสิงห์หนุ่ม
มันเรียนรู้วิธีตะครุบเหยื่อ  และมันก็กินเนื้อคน

ประชาชาติต่าง ๆ รู้เรื่องของมัน
และมันก็ตกหลุมพราง ถูกจับไป
มันถูกขอเกี่ยวไปถึงแผ่นดินอียิปต์

เมื่อเธอเห็นว่า เธอรออย่างไร้ผล
ความหวังไม่หลงเหลือ
เธอก็จึงเอาลูกสิงห์มาอีกตัว
เลี้ยงจนเป็นสิงห์หนุ่ม
มันเดินไปมาอยู่ท่ามกลางสิงห์ทั้งหลาย
มันเรียนรู้วิธีตะครุบเหยื่อ  และมันก็กินเนื้อคน

singh

มันจับเหล่าแม่ม่ายของคนเหล่านั้น
มันทำให้เมืองต่าง ๆ ร้างเปล่า
ทั้งแผ่นดินและคนที่อยู่ในนั้นต่างหวาดหวั่นเพราะเสียงคำรามของมัน
และแล้ว ประชาชาติทั้งหลายก็ตั้งหน้าต่อสู้มัน
จากแคว้นต่าง ๆ รอบด้าน
พวกเขาโยนตาข่ายลงมาเหนือมัน
มันจึงถูกจับในหลุมพรางของพวกเขา
พวกเขาเอาขอเกี่ยวมันเข้าไปไว้ในกรง
นำไปยังกษัตริย์แห่งบาบิโลน
เขาขังมันไว้ในที่ๆ จะไม่มีใครได้ยินเสียงคำรามของมัน
บนภูเขาแห่งอิสราเอล

เอเสเคียล 18-4 จงหันกลับมา

เอเสเคียล 18:25-32

“แต่เจ้ายังกล่าวว่า .. ทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม..
จงฟังทางนี้ เหล่าวงศ์วานอิสราเอล
ทางของเราอยุติธรรมอย่างนั้นรึ?
ทางของเจ้ามิใช่หรือที่อยุติธรรม?

เมื่อคนชอบธรรมหันจากความดีและทำการอยุติธรรม
เขาจะต้องตายเพราะเหตุนั้น
ที่เขาตายก็เพราะความอยุติธรรมที่เขาลงมือทำ

เช่นกัน เมื่อคนชั่วหันจากความชั่วที่เขาได้ทำ
และกลับมาทำสิ่งดี ยุติธรรมและถูกต้อง
เขาก็ช่วยชีวิตตัวเองให้รอด
เพราะเขาได้พิจารณาแล้ว และหันจากการล่วงละเมิดทั้งปวกที่เคยทำ
เขาจะมีชีวิตอย่างแน่นอน   เขาจะไม่ตาย

deathdai

แต่..วงศ์วานอิสราเอลยังกล่าวว่า
“ทางของพระเจ้าไม่ยุติธรรม
เหล่าวงศ์วานอิสราเอล
ทางของเราอยุติธรรมอย่างนั้นรึ?
ทางของเจ้ามิใช่หรือที่อยุติธรรม?

ดังนั้น เราจะพิพากษาเจ้า วงศ์วานอิสราเอล
เราจะพิพากษาทุกคนตามการกระทำของแต่ละคน
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

จงกลับใจและหันออกจากการล่วงละเมิดของเจ้า
มิฉะนั้นความบาปผิดจะนำมาซึ่งหายนะ
เขวี้ยงความบาปทั้งปวงที่เจ้าทำ และ

และสร้างใจใหม่ วิญญาณจิตใหม่
ทำไมเจ้าจะต้องมาตายด้วย โอ้วงศ์วานอิสราเอล?
เพราะเราไม่มีความพอใจในความตายของใครสักคน
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
เจ้าจงหันกลับมาและมีชีวิต

เอเสเคียล 18-3 มาตรวัดความเป็นความตาย

เอเสเคียล 18:19-24

แต่เจ้ากล่าวว่า “เหตุใดลูกจึงไม่สมควรจะรับความบาปผิดของพ่อเล่า?”

ก็ในเมื่อลูกชายได้ทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง
เขาได้ระวังที่จะทำตามกฎเกณฑ์ของเรา  เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน

ชีวิตที่ทำบาปจะต้องตาย  ลูกชายจะต้องไม่รับผลแห่งความผิดของพ่อ
หรือพ่อ ก็ไม่ต้องรับโทษเพราะความผิดของลูกชาย
ความถูกต้องของคนชอบธรรมนั้นจะอยู่ที่ตัวเขา
ความชั่วร้ายของของคนชั่วก็จะอยู่ที่ตัวเขา

lady-liberty

แต่หากคนชั่วได้หันกลับจากความบาปที่เขาได้ทำ
กลับมารักษากฎเกณฑ์ของเรา
ทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้องเมื่อไร
เขาก็จะมีชีวิต ไม่ต้องตาย
การล่วงละเมิดใด ๆที่เขาทำจะไม่ถูกนำกลับย้อนมาฟ้องร้องเขา
เขาจะมีชีวิตอยู่ได้เพราะความชอบธรรมของเขา

เรามีความพอใจในความตายของคนชั่วอย่างนั้นหรือ?
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
เราต้องการให้เขากลับใจจากความบาปและกลับมามีชีวิตมิใช่หรือ?
แต่เมื่อคนชอบธรรมหันจากทางแห่งความดี
และกลับไปทำสิ่งอยุติธรรม  ประพฤติตามความน่าสะอิดสะเอียนอย่างเดิม
เขาจะมีชีวิตอยู่ได้หรือ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น ความดีที่เขาเคยทำ ก็จะไม่มีการจดจำเอาไว้
และเขาก็จะต้องตายเพราะความคดโกง ความบาปผิดที่ได้กระทำ

 

 

เอเสเคียล 18-2 ทำผิดต้องชดใช้

เอเสเคียล 18:10-18

แต่หากชายผู้นี้ มีลูกชายที่เป็นโจร
หรือเป็นคนที่ทำให้คนอื่นต้องเลือดตก
หรือทำสิ่งใด ๆ ในทำนองนี้
แม้ว่าตัวเขาเองไม่ได้ทำสิ่งเลวร้ายเช่นนั้น
ลูกชายของเขาไปกินอาหารบนภูเขา
ไปเป็นชู้กับภรรยาของเพื่อนบ้าน
กดขี่คนยากจน คนขัดสน ทั้งปล้น
ไม่ยอมคืนของประกัน
และยังเงยหน้าบูชาเทวรูป ทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน
ให้ยืมเพื่อหวังดอกเบี้ยสูง ๆ และเอากำไรเกินควร
เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไหม?
เขาจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป
การที่เขาทำสิ่งน่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้
เขาจะต้องตาย เลือดของเขาจะตกลงบนหัวของเขาเอง

kunjaemue

และหากว่า ชายคนนี้ มีลูกชายที่มองเห็นบาปทั้งหมดที่พ่อลงมือทำ
เขาเห็น แต่เขาไม่ได้ทำเหมือนพ่อของเขา
เขาไม่กินบนภูเขา หรือเงยหน้าบูชารูปเคารพ
ไม่ได้ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านเป็นมลทิน

เขาไม่ได้กดขี่ใคร  ไม่ได้เอาค่าประกันเพิ่ม

ไม่ได้ปล้นใคร  แต่กลับให้อาหารแก่คนที่หิว
คุลมผ้าให้คนที่เปลือยกาย  ไม่ยื่นมือไปทำความผิด

ไม่เอาดอกเบี้ยหรือกำไร   เชื่อฟังกฎของเขา
และเดินตามกฎเกณฑ์ของเรา
เขาจะไม่ต้องตายเพราะบาปของพ่อเขา เขาจะมีชีวิตอยู่แน่นอน
แต่ส่วนคนที่เป็นพ่อ ที่ได้ทำการบีบบังคับ
ปล้นพี่น้อง และทำสิ่งที่ไม่ดีท่ามกลางคนของเขา
ดูเถิด… เขาจะต้องตายเพราะความผิดของเขา

 

เอเสเคียล 18-1 ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิต

เอเสเคียล 18:1-9

พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าว่า
“มีนหมายความอย่างไร ที่พวกเจ้าใช้สุภาษิตอ้างถึงอิสราเอลว่า
พ่อกินองุ่นเปรี้ยว แต่ลูกกับเข็ดฟัน?
เพราะเรามีชีวิตอยู่ เจ้าจะไม่ได้ใช้สุภาษิตนี้อีกในอิสราเอล

eze18

“ดูเถิด วิญญาณทุกดวงเป็นของเรา
ทั้งวิญญาณของพ่อ และวิญญาณของลูกต่างก็เป็นของเรา
คนใดทำบาป คนนั้นก็ต้องตาย
แต่หากคน ๆ นั้น เป็นคนชอบธรรม
ทำความยุติธรรม และถูกต้อง
ถ้าคนนั้น ไม่ได้กินบนภูเขา หรือเงยหน้ามองเทวรูปของวงศ์วานอิสราเอล
ไม่ได้ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านเป็นมลทิน
ไม่ได้เข้าหาผู้หญิงในเวลาที่เธอมีรอบเดือน
หากเขาไม่ได้บีบบังคับใคร
แต่ได้คืนของประกันให้แก่คนที่เป็นหนี้เขา
ไม่ปล้นใครด้วยความรุนแรง แต่ให้อาหารแก่คนที่หิว
และคลุมผ้าให้กับคนที่เปลือยกาย

ไม่ได้ให้กู้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยหรือขูดรีดผู้อื่น
แต่ได้หดมือ ไม่ทำสิ่งที่อยุติธรรม
แต่ทำความยุติธรรมระหว่างคนสองฝ่าย
ดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา
และรักษากฎของเราอย่างสัตย์ซื่อ
คนนั้นคือคนชอบธรรม
เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

เอเสเคียล 17-3 อุปมาเรื่องอินทรีกับองุ่น (ต่อ)

เอเสเคียล 17:16-24

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า .. ตราบเท่าที่เรามีชีวิต
แน่นอน ในที่ซึ่งกษัตริย์องค์นั้นประทับอยู่ องค์ที่ทำให้เขาเป็นกษัตริย์
แต่เขากลับดูหมิ่นคำปฏิญาณของพระองค์
และหักพันธสัญญาที่มีกับพระองค์เสีย
เขาจะต้องตายในบาบิโลน
ฟาโรห์และกองทัพใหญ่โตของพระองค์ รวมทั้งคนอีกมากมาย
จะไม่ช่วยเขาทำสงคราม
แม้เมื่อมีการสร้างเชิงเทิน และก่อกำแพงขึ้นเพื่อทำลายชีวิตมากมายนั้น

เขาดูหมิ่นคำปฏิญาณด้วยการหักพันธสัญญา
และดูเถิด ในเมื่อเขาทำเช่นนี้ เขาจะไม่มีทางหนีพ้นไปได้

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
ตราบเท่าที่เรามีชีวิต  และเขาได้ดูหมิ่นคำปฏิญาณของเรา
และได้หักพันธสัญญาของเรา
เราจะให้โทษนั้นตกเหนือหัวของเขา
เราจะเหวี่ยงตาข่ายของเราเหนือเขา และเขาจะติดกับของเรา
เราจะนำเข้าเข้าไปในบาบิโลน ไปสู่การพิพากษาที่นั่น
เรื่องที่เขาได้กบฎต่อเรา
กองทัพที่เขาได้เลือกไว้จะล้มลงด้วยดาบ
ผู้ที่รอดตายจะกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า  เราได้กล่าวไว้แล้ว

toncedars

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“เราเอง เราจะเอากิ่งจากยอดต้นสีดาร์  และปลูกเอาไว้
เราจะหักยอด คือกิ่งอ่อนๆ ของมัน
และจะปลูกมันไว้บนภูเขาสูง
ใช่…บนเขาสูงแห่งอิสราเอล  เราจะปลูกมันไว้
เพื่อว่ามันจะแตกยอด และออกผล และกลายเป็นต้นสีดาร์ที่ทรงเกียรติ
ใต้ต้นนั้น จะเป็นที่อาศัยของนกทุกชนิด
ภายใต้เงาของกิ่งก้านนั้น นกทั้งหลายจะมาทำรัง
และต้นไม้ทั้งหลายในทุ่ง จะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

เราจะทำให้ต้นไม้ใหญ่ต่ำลง
และทำให้ต้นที่ต่ำเตี้ยนั้นสูงขึ้น
เราจะทำให้ต้นที่เขียวเหี่ยวแห้งไป
และทำให้ต้นที่แห้งกลับงดงาม
เรา..องค์พระผู้เป็นเจ้า ได้กล่าวไว้ และเราจะทำดังนั้น