อาโมส 7-1

ดูซิว่า ครั้งนี้พระเจ้าทรงเปลี่ยนพระทัยด้วย เมื่ออาโมสทูลขอร้อง

อาโมสเห็นว่า หลังจากเสียภาษีให้กษัตริย์ไปแล้ว  พวกเขาปลูกพืชพันธุ์อีกครั้ง  และคราวนี้ก็ถูกทำลาย  จะมีไฟมาเผาผลาญพวกเขาด้วย……

ส่วนสายดิ่งมีความหมายว่า  คนอิสราเอลถูกสร้างขึ้นมาตามมาตรฐานที่พระเจ้าทรงวางไว้  คราวนี้พระเจ้าจะทรงวัดว่า เขาเดินตามมาตรฐานนั้นหรือเปล่า

คำบอกล่วงหน้าก็คือ  ศัตรูของอิสราเอลจะเข้ามากวาดผู้คนราวกับตั๊กแตนลงไร่นา  มันจะไม่เหลืออะไร

อาโมสกล่าวถึงสิ่งที่เห็นสามอย่างคือ  ตั๊กแตน  ไฟ และสายดิ่ง  สองอันแรกพระเจ้าทรงยอมที่จะให้ไม่เกิดขึ้น  แต่สิ่งที่สามนั้น พระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย

อาโมส 6-2

อาโมส 6:8-14

คนที่พระเจ้าทรงเลือก  แต่กลับกลายเป็นคนยะโส

คิดว่า ตัวเองยังเก่งอยู่  คิดว่า ลอยลำ แต่พระเจ้าทรงบอกว่า พวกเขาจะตายหมด

ในสังคมยิวนั้น เขาไม่มีการเอากระดูกไปเผา แต่จะฝังร่างของผู้ตาย การที่เขาจะเอากระดูกออกไปจากบ้าน แสดงว่า มีการเผา อาจเป็นเพราะมีศพมากเกินไป จนต้องเผาเพื่อไม่ให้มีโรคระบาดต่อไปอีก และที่พวกเขาไม่ยอมออกพระนามพระเจ้าเพราะว่า ตอนนั้นเขาจะกลัว เขารู้ว่า พระเจ้าทรงน่ากลัวยิ่งนักเมื่อพวกเขาทำผิดต่อพระองค์

สิ่งที่พวกเขาภูมิใจว่าได้ไปยึดเมืองต่าง ๆ ด้วยตัวเองนั้น พระเจ้าทรงบอกว่า มันเป็นศูนย์ เพราะมันไม่มีความหมายอะไรเลย พระเจ้าไม่ทรงปล่อยพวกเขา  จะทรงให้บทเรียนที่เขาต้องจำไปอีกหลายชั่วอายุคน

อาโมส 6-1

อาโมส 6:1-7

ถ้าเราเป็นคนของพระเจ้า  แต่ยังรักความสนุกสนาน

ไม่สนใจคนที่กำลังทุกข์ยาก เราคิดว่า ไม่เห็นเป็นไร

ต้องระวังหน่อยแล้ว …. พระเจ้าให้เราเกิดมาเพื่อช่วยเหลือกัน

พระองค์ทรงเตือนว่า  คนที่รักสนุกและลืมผู้อื่นนั้น … เวลาหายนะมา  จะไม่ทันตั้งตัวเลย

 

อาโมส 5-2

อาโมส 5 :10-15

สิ่งที่อาโมสพูดนั้น เขาพูดในยามที่อิสราเอลกำลังรุ่งเรือง  แต่ความยากจนยังคงมีอยู่ทั่วไป  คนรวยกดขี่คนจน  แต่… พระเจ้าไม่ทรงยอมให้เป็นเช่นนั้นตลอดไป

พระองค์ปรารถนาให้เขาทำอะไร  อยู่ในคำพูดของอาโมสข้างล่างนี้

อาโมส 5-1

อาโมส 5:1-9

พระเจ้าทรงเรียกให้อิสราเอลกลับใจ อาโมสพยายามเตือนแล้วเตือนอีกไม่ให้เขากลับไปหารูปเคารพ ให้เขาแสวงหาพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้า และแผ่นดิน พระเจ้าผู้ทรงทำให้โลกมีฝน ….
น่าแปลกจริง ๆ อาโมสรู้ได้อย่างไรว่า น้ำทะเลถูกทำให้กลายเป็นฝน …..

อาโมส 4-2

อาโมส 4:6-13

พระเจ้าทรงทำความสะอาดฟันนั้น หมายความว่า พวกเขาไม่มีอาหารเข้าปากเลย!
ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงส่งความทุกข์ยากและภัยพิบัติมา  เขาก็ไม่กลับมาหาพระองค์  โธ่เอ๋ย เพียงกลับมาหาพระเจ้า กลับใจใหม่  ความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นเพราะความบาปของพวกเขาก็จะหยุดลง

อาโมส 4-1

อาโมส 4:1-5

 

แม่วัวแห่งบาชานนั้นก็คือ  ผู้หญิงชั้นสูงในอิสราเอลที่ร่ำรวย  พวกเธอจะทำตามใจตัวเอง  แต่งตัวสวยงดงาม  ไม่มีเรื่องใดในโลกจะสำคัญมากไปกว่า ความสนุกสนานส่วนตัว  และผู้หญิงเหล่านี้ก็กดขี่คนอื่น   ลองคิดดูซิ  เธออาบน้ำนม ในขณะที่เด็ก ๆ ตาดำ ๆ มากมายไม่มีนมจะดื่ม

คนเหล่านี้คิดว่าจะไม่เกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกับตัวเอง

แต่พระเจ้าทรงกล่าวว่า พวกเขาจะถูกศัตรูมาลากไปด้วยขอ

จะต้องไปอยู่ในที่ ๆ พวกเขาไม่เคยรู้จัก ไม่เคยได้ยิน

 

พระเจ้าทรงกล่าวกับพวกเขาผ่านอาโมสว่า ให้มาทำผิดบาปให้มากขึ้นเสียเลย  ทำพิธีทางศาสนาที่คิดว่าจะทำให้ตัวเองดูดี   เป็นที่นับถือของคนอื่น ….

นี่คือสภาพสังคมของอิสราเอลก่อนหน้าที่จะถูกอัสซีเรียโจมตี

พวกเขาร้ายจริง ๆ

 

อาโมส 3-2

อาโมส 3:9-16

วังป้อมในอัชโดด เป็นเมืองตัวแทนของฟิลิสเตียทางใต้ บรรดาวังป้อมในอัชโดดและอียิปต์ต้องเข้ามาดูในสะมาเรีย ว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่ พวกเขาทารุณคนยาก มีการโจรกรรม ไม่ทำสิ่งที่ยุติธรรม ดังนั้น ศัตรูจะมาล้อมสะมาเรีย และมันจะไม่เป็นเมืองกันชนให้กับฟิลิสเตียและอียิปต์อีกต่อไป พวกเขาจะถูกศัตรูจัดการจนแทบไม่เหลือชาวเมืองที่จะอยู่ดูแลแผ่นดินอีกเลย … (เพื่อน ๆ กลับไปดูแผนที่ได้ที่นี่ครับ  อียิปต์ตกแผนที่ไป  อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้)

อาโมสเรียกพระเจ้าผู้เป็นจอมทัพ แสดงถึงความยิ่งใหญ่ และอำนาจทางการทหารที่พระองค์สามารถจะทำสิ่งใด ต่อประเทศใดก็ได้…. และบาปใหญ่ยิ่งของสะมาเรียหรือคนอิสราเอลทางเหนือนั้น ก็คือ การสร้างศาสนาจอมปลอม กับการสร้างความมั่งคั่งให้ตนเองบนความยากจนของผู้ือื่น

อาโมส 3-1

อาโมส 3:1-8


คนยูดาห์และอิสราเอลเข้าใจว่า ตนเป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือก  จะผิดจะถูก ยังไง ๆ พระเจ้าจะทรงช่วยเขาแน่    แต่นั่นเป็นความเข้าใจผิด    เขาไม่รู้ว่า ในเมื่อเขาเป็นคนของพระเจ้า เขาจะถูกพิพากษาหนักกว่าชนชาติอื่นที่ไม่รู้จักพระองค์

คำถามต่าง ๆ ที่เราได้อ่านนั้น  อาโมสกำลังบอกว่า  ในโลกนี้  เมื่อสิ่งหนึ่งเกิด  อีกสิ่งจะเกิดเป็นผลตามมา     เช่นกัน… เมื่อเขาเตือนแล้ว  ไม่มีใครกลับใจ  หายนะจะมาถึงแน่นอน    และภัยร้ายเหล่านั้น  พระเจ้าเป็นผู้ส่งมาให้เอง!

 

อาโมส 2-3

อาโมส 2:10-16

เมื่อวานเราได้เห็นแล้วว่า บาปที่พระเจ้าทรงชี้แจงให้เขาเห็นนั้น เป็นอะไรบ้าง   และที่แย่สุดต่อมาก็คือ  พระเจ้าได้ตั้งคนบางคนเรียกว่า นาศีร์  หรือผู้ที่แยกตัวออกมาเพื่อเขาจะบริสุทธิ์  และกล่าวคำของพระเจ้าให้กับประชาชน  เขาเป็นตัวแทนของพระเจ้า….  คนเหล่านี้ไม่เหมือนปุโรหิตที่อยู่ในพระวิหาร  พวกเขาอยู่ท่ามกลางประชาชน  แต่เขาจะไม่ตัดผม  ไว้ผมยาว  และไม่ดื่มเหล้าองุ่นเลย …. คนที่เป็นนาศีร์ก็อย่างเช่น แซมสัน เป็นต้น

คนอิสราเอลกลับปิดปาก  ห้ามพวกเขาไม่ให้กล่าวคำของพระเจ้า  แถมยังบังคับให้เขาดื่มเหล้าเพื่อให้เมา  พูดไม่รู้เรื่องเสียอีก

นี่เป็นการสบประมาทพระเจ้าอย่างรุนแรง!

ผลที่จะเกิดขึ้นคือ  ไม่มีใครในพวกเขาจะหนีพ้นการลงโทษของพระเจ้าเลย

อาโมส 2-2

อาโมส 2:6-9

 

ความบาปของคนอิสราเอลทางเหนือ   ที่พระเจ้าทรงแจกแจงออกมาผ่านอาโมสนั้น    ไม่ได้ทำให้แปลกใจว่า  ทำไมพวกเขาก็ต้องถูกลงโทษเช่นคนอื่น ๆ       พรุ่งนี้เราจะเห็นต่อไปว่า  พวกเขายังมีบาปอะไรที่น่าเกลียดน่าชังที่พระเจ้าจะทรงกำจัดอีก

 

ส่วนคนอาโมไรต์ เป็นชนชาติที่เคยอยู่ในคานาอันมาก่อน   พวกเขาเป็นชนชาติที่เก่งกล้า

แต่พระเจ้าทรงถอนรากถอนโคนพวกเขา เพื่อให้ชนอิสราเอลที่พระองค์ทรงพาออกมาจากอียิปต์ได้เข้าไปอาศัย   ตอนที่โมเสสนำคนอิสราเอลออกมานั้น (เพื่อน ๆ หาอ่านได้ใน หนังสืออพยพ)   พระเจ้าทรงสั่งให้เขารุกเข้าไปในเทือกเขาที่ชาวอาโมไรต์อาศัยอยู่ (เฉลยธรรมบัญญัติ 1:7)

 

อาโมส 2-1

อาโมส 2:1-5

เมื่อพระเจ้าทรงลงโทษประชาชาติรอบข้าง

พระองค์มิได้ทรงปล่อยให้ยูดาห์ทำอะไรตามใจพวกเขาเอง

และทรงหันกลับมาพิพากษาโทษพวกเขาด้วย

แม้ว่าพวกเขาเป็นชนชาติที่พระองค์ทรงเลือก   แต่เมื่อทำผิด ก็ต้องว่ากันไปตามนั้น

ถึงอย่างนั้น  พระเจ้าทรงมีพระคุณให้เขาด้วย… เราจะได้เห็นกันต่อไป

อาโมส 1-2

อาโมส 1:9-13


 

เมืองต่าง ๆ รอบอิสราเอลยังมีคดีอีกหลายเมือง
ลองมองแผนที่ข้างล่างซิว่า เจอที่ไหนบ้าง

อาโมส 1-1

อาโมส 1:1-8


 

ทางเหนือคือซีเรีย   ดามัสกัสเป็นเมืองสำคัญของพวกเขา   พวกเขาไปทรมานคนเผ่ากิเลอาด   คำว่าเลื่อนฟันเหล็กนั้น  ทำให้เราคิดถึงการที่เมือง ๆ หนึ่งถูกบุก และไถราบเป็นหน้ากลอง  ถูกทรมาน ทำรัายอย่างโหดเหี้ยม   พวกเขาจะถูกอัสซีเรียจับไป

ส่วนทางใต้นั้น   ฟิลิสเตียไม่ได้แค่เอาคนเป็นทาส   เพราะจริง ๆ เมืองกาซา ไม่น่าจะต้องการทาส  แต่พวกเขากลับเอาคนไปขาย เพื่อพวกเขาจะได้มั่งคั่งขึ้น นั่น เป็นสิ่งที่พระเจ้าจะทรงจัดการกับพวกเขา

ดูแผนที่ข้างล่าง  แล้วหาชื่อเมืองที่อยู่ในเรื่องราวซิ


แนะนำท่านอาโมส

ท่านอาโมส เป็นผู้กล่าวคำของพระเจ้าต่อคนอิสราเอลทางเหนือเป็นส่วนใหญ่

ในเมือง สะมาเรีย  เบเธล  กิลกาล ในช่วงประมาณ    790-753 ปีก่อนคริสตศักราช  ท่านเป็นคนในยุคเดียวกับท่านโยนาห์  เฮเชยา และอิสยาห์   ราชาเยโรโบอัม 2 แห่งอิสราเอล และ  ราชาอุสซียาห์ แห่งยูดาห์

เพื่อน ๆ จำได้ไหม  อาณาจักรเหนือนั้น ล้วนแต่มีกษัตริย์ที่ชั่วร้ายทั้งสิ้น   มีราชินีผู้โด่งดังชื่อพระนางเยเซเบล  มเหสีของราชาอาหับ   ตั้งแต่กษัตริย์องค์แรก… พวกเขาก็หันไปกราบไหว้เทวรูปต่าง  ๆ  อย่างไม่ลดละ

ช่วงที่อาโมสกล่าวคำของพระเจ้านั้น เป็นช่วงเวลารุ่งเรืองของอาณาจักรเหนือ  แต่สำหรับท่านอาโมสแล้ว  ท่านรู้สึกเป็นภาระหนักมากที่ประชาชน  และข้าราชการ รวมไปถึงพระราชา ไม่ได้ฟังเสียงของท่านเลย

ชื่ออาโมส  แปลว่า ภาระ  หรือผู้แบกภาระ  …. ดูเหมือนว่า คำของท่านน่าจะสะท้อนความรู้สึกของท่านเป็นอย่างดี

 

ส่วนหนึ่งของหนังสือม้วนที่ขุดได้ ภาพจากhttp://en.wikipedia.org/wiki/File:UPennE3074.JPG

ภาพข้างบนนี้ เป็นหนังสือม้วนอาโมสบทที่ 2

ท่านอาโมสกล่าวคำตักเตือน ตำหนิประชาชนอิสราเอลอย่างรุนแรงที่พวกเขาละทิ้งพระวจนะของพระเจ้า   ความอยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างดาษดื่น  คนยากจนไม่มีใครดูแล   ทุกคนใฝ่ฝันจะหาแต่ความสุขสำราญแบบต่าง ๆ  เท่าที่จะคิดได้   การกราบไหว้เทวรูปที่ประกอบไปด้วยพิธีอันอุจาด สกปรกเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง

สิ่งที่เป็นเรื่องหนักใจท่านอาโมสมากก็คือ   อิสราเอลนี่แหละที่ทำผิดมากยิ่งกว่าผู้ที่ไม่เชื่อในพระองค์เสียอีก  พวกเขามีสิทธิพิเศษเป็นคนของพระเจ้า  แต่กลับย่ำยี  ดูหมิ่นสิทธินั้น

เราจะได้อ่านว่า  ท่านอาโมสพูดถึงประชาชาติต่าง ๆ ที่พระเจ้าจะทรงลงโทษ   และแน่นอน อิสราเอลก็ไม่ได้หนีพ้นจากพระพิโรธของพระเจ้าไปได้เลย

บทสรุปโยเอล

เราอ่านโยเอลมาจนจบสามบท  มีอะไรที่ทำให้เราฉุกคิดขิ้นมาบ้างไหม.?

หรือว่าไม่เข้าใจ?…

เรื่องสรุปสั้น ๆ ก็คือ  โยเอลมาเตือนให้คนอิสราเอลเดินในทางของพระเจ้า…  อย่าหันไปหาสิ่งอื่น ๆ …. มิฉะนั้น เหตุร้ายจะเกิดกับเขา

ถึงกระนั้น  พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะรื้อฟื้นพวกเขาให้กลับสู่พระพร ไม่ใช่ความทุกข์ยากลำบาก

ขอบคุณภาพจาก http://www.ndoae.doae.go.th/Data_plant/rice2010.htm

อย่างหนึ่งที่บู้บี้เห็นชัดคือ  พระเจ้าในสมัยพระคัมภีร์เดิมนั้น ทรงเป็นผู้พิพากษาที่เที่ยงธรรม และใครที่ทำผิด… ก็จะต้องรับโทษความผิดนั้น โดยสิ่งที่เห็นชัดมากคือ  เมื่อผู้นำ ได้นำให้ประชาชนละเมิดพระเจ้า  ดูหมิ่นพระองค์  สิ่งนั้นไม่อาจมองข้ามได้  อย่างไรเสีย…ต้องถูกลงโทษ

 

สิ่งสำคัญคือต้องกลับใจใหม่ เพื่อพระเจ้าจะเป็นหนึ่งในชีวิตของเขา

โยเอลบอกหลายสิ่งหลายอย่างกับคนอิสราเอล แต่โยเอลบอกอะไรเราตรง ๆ บ้าง ……

พระเจ้าทรงเมตตาให้เราเห็นในโยเอล  แม้ว่าอิสราเอลเป็นชนชาติที่พระเจ้าทรงเลือก ในโยเอลได้บอกชัดเจนว่า  คนที่ร้องออกพระนามของพระเจ้าก็จะรอด   พระเจ้าทรงบอกล่วงหน้ามาเป็นพัน ๆ ปีแล้วว่า พระองค์ทรงให้ชาวโลกที่ยอมรับพระนามของพระองค์ ได้มีโอกาสมาเป็นคนของพระองค์ด้วย

สิ่งต่าง ๆ ที่โยเอลได้บอกมาล่วงหน้า  ก็เกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะเป็นวิบัติหรือพระพร  และประชากรที่ฟังเสียงของพระเจ้านั้น ก็ต้องช่วยกันที่จะทำให้ตัวเองได้รับพระพร….

 

 

โยเอล 3-3 กู้ยูดาห์

โยเอล 3:16-21

พระสุรเสียงของพระเจ้าดังสนั่นในสงคราม  ท่ามกลางความสับสนโกลาหลของท้องฟ้าและแผ่นดิน   พระเจ้ายังคงเป็นป้อมอันเข้มแข็ง เป็นผู้ปกป้องอิสราเอล

พระเจ้าทรงสัญญาจะอยู่ท่ามกลางประชาชนของพระองค์    เมืองเยรูซาเล็มจะกลายเป็นเมืองบริสุทธิ์

ในวันของพระเจ้านั้น แผ่นดินจะเต็มด้วยความสมบูรณ์    พระเจ้าจะทรงรื้อฟื้นคนของพระองค์  และคนที่ต่อต้านคนของพระองค์นั้น จะถูกลงโทษ

โยเอล 3-2 หุบเขาแห่งการพิพากษา

โยเอล 3:9-15

พออ่านข้อความตอนนี้ เราก็เห็นว่า เมื่อสงครามจะเกิดขึ้น  ทั้งสังคมก็ต้องหันไปทำสงคราม  เครื่องมือทำนาไร่ก็จะต้องกลายเป็นอาวุธ   เหล่าชายหนุ่มก็มักถูกเรียกไปเป็นนักรบ

ชาติทั้งหลายถูกเรียกให้ชุมนุมกันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสงคราม

ขณะเดียวกันโยเอลก็ร้องขอพระเจ้าว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงส่งนักรบของพระองค์มา”

ชนอิสราเอลจะต้องพึ่งพระเจ้าในสงครามที่จะเกิดขึ้น

หากเขาสู้เองนั้น  คงไม่เหลืออะไร

เพราะพระเจ้าทรงเป็นผู้ตัดสินว่า ใครจะัแพ้หรือชนะ