เยเรมีย์ 8:1-3
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ในเวลานั้น…..
กระดูกของพระราชาแห่งยูดาห์
กระดูกของเหล่าข้าราชบริพาร
กระดูกของเหล่าปุโรหิต
กระดูกของผู้กล่าวคำ
กระดูกของประชาชนผู้อาศัยในนครเยรูซาเล็ม
จะถูกนำไปยังที่เก็บศพ
กระดูกเหล่านั้น จะถูกวางตากแดดตากน้ำค้าง
ภายใต้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และบรรดาดาวบนท้องฟ้าที่พวกเขาถือเป็นพระ
เขารักและรับใช้เหล่าเทหวัตถุบนท้องฟ้าเหล่านี้
เขาไล่ตามดาวเหล่านี้ นมัสการ และบูชามัน
กระดูกเหล่านั้นจะไม่ถูกเก็บไปฝัง
แต่จะกลายเป็นเหมือนมูลสัตว์บนพื้นแผ่นดิน
เหล่าคนที่หลงเหลือจากครอบครัวที่ชั่วร้าย ซึ่งยังคงค้างอยู่ในที่เหล่านี้
ซึ่งเราได้ขับไล่เขาไป จะอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่!”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
เยเรมีย์
ผู้กล่าวคำของพระเจ้าสมัยต่อมาจากท่านอิสยาห์
เยเรมีย์ 7-5 หุบเขาสังหาร
เยเรมีย์ 7:30-34
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า เพราะลูกหลานของยูดาห์ได้ทำชั่วในสายตาของเรา
พวกเขาได้วางสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังไว้ในพระวิหารซึ่งเรียกตามชื่อของเรา
และทำให้วิหารนั้นเป็นมลทิน
พวกเขาได้สร้างที่สูงของโทเฟท สร้างในหุบเขาแห่งลูกชายของฮินโนม
ที่ทำอย่างนั้นก็เพื่อจะได้เผาลูกชายและลูกสาวเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ
เรื่องนี้ เราไม่ได้สั่งให้ทำ และเราไม่เคยคิดอะไรเช่นนี้เลย
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ดังนั้น ดูเถิด เวลาจะมาถึง เมื่อคนจะไม่เรียกที่นั่นว่า โทเฟท หรือหุบแห่งลูกชายฮินโนมอีกต่อไป
แต่มันจะถูกเรียกว่า หุบเขาสังหาร!
เพราะพวกเขาจะถูกฝังที่โทเฟท ไม่มีที่อื่นให้ฝังศพอีกแล้ว
และซากศพของผู้คนจะกลายเป็นอาหารของนกในอากาศ และสัตว์ร้ายของแผ่นดิน
โดยไม่มีใครจะขับไล่มันออกไป
เราจะทำให้เสียงเบิกบาน ร่าเริง บันเทิง เสียงเจ้าบ่าว เจ้าสาวหายไปจากเมืองต่างๆ ของยูดาห์
และหายไปจากถนนในนครเยรูซาเล็ม
เพราะว่า แผ่นดินนั้นจะกลายเป็นที่ร้างเปล่า
เยเรมีย์ 7-4 พระเจ้าทรงโยนทิ้งไป
เยเรมีย์ 7:21-29
ดังนั้น องค์ผู้ทรงเป็นจอมทัพ พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า
“จงเพิ่มเครื่องเผาบูชาเข้าไปกับของถวายของเจ้า และจงกินเนื้อ
เพราะในวันที่เรานำพวกเขาออกจากอียิปต์ เราไม่ได้พูดกับบรรพบุรุษของเจ้า
ไม่ได้สั่งเขาเรื่องเครื่องเผาบูชาและของถวาย
แต่เราสั่งพวกเขาดังนี้
‘จงเชื่อฟังเสียงของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า
และเจ้าจะเป็นประชากรของเรา และจงเดินในทางที่เราสั่งเจ้า
เพื่อว่า ชีวิตของเจ้าจะเป็นไปด้วยดี’
แต่พวกเขากลับไม่เชื่อฟัง แต่กลับเดินตามความคิดของตนเอง
และกลายเป็นเดินถอยหลัง ไม่ใช่เดินหน้า
ตั้งแต่วันที่บรรพบุรุษของเจ้าออกจากดินแดนอียิปต์จนถึงวันนี้
เราได้ส่งผู้รับใช้ของเราคนแล้วคนเล่าไปหาเขา
ส่งไปอย่างไม่ขาดสาย
แต่พวกเขาไม่ฟังเรา ไม่เอียงหูฟังเลย
แต่กลับทำคอแข็ง พวกเขาทำตัวเลวร้ายยิ่งกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเสียอีก
ดังนั้น เจ้าจงพูดคำเหล่านี้กับพวกเขา
แต่พวกเขาจะไม่ฟังเจ้า
เจ้าเรียกพวกเขา แต่ไม่มีเสียงตอบ
และเจ้าจะกล่าวว่า ‘นี่เป็นชนชาติที่ไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าของพวกเจ้า เจ้าไม่ยอมรับวินัย ความจริงก็วินาศไปเสียแล้ว
มันถูกตัดออกจากปากของพวกเขา
จงตัดผมของเจ้าแล้วโยนทิ้งไป
จงส่งเสียงคร่ำครวญจากที่สูงโล่ง
เพราะว่า พระเจ้าทรงปฏิเสธ และละทิ้งชนชาติแห่งความกริ้วของพระองค์แล้ว
เยเรมีย์ 7-3 ไม่ต้องอธิษฐาน!
เยเรมีย์ 7:8-16
“แต่ส่วนเจ้า… เยเรมีย์ อย่าอธิษฐานเผื่อคนเหล่านี้ ไม่ต้องร้องขอ ร้องทูลเราเพื่อพวกเขา
ไม่ต้องอธิษฐานอ้อนวอนเผื่อ พวกเราจะไม่ฟังเจ้า
เจ้าไม่เห็นหรือว่า พวกเขาทำอะไรในเมืองต่าง ๆ ในแคว้นยูดาห์
ไม่เห็นหรือว่า พวกเขาทำอะไรตามถนน ในนครเยรูซาเล็ม!
เด็ก ๆ ไปเก็บฟืน พ่อก็จุดไฟ ผู้หญิงนวดแป้ง และทำขนมให้ราชินีแห่งสวรรค์
พวกเขาเทเครื่องดื่มถวายบูชาพระอื่น ๆ เพื่อทำให้เราโกรธ
ไม่ใช่เราหรอกหรือ ที่เขายั่วยุให้โกรธ ?” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
“เขาไม่ได้ทำอย่างนั้นเพื่อให้ตัวเองขายหน้าหรือ?”
ดังนั้น พระเจ้าตรัสว่า
“ดูเถิด ความโกรธและความกริ้วของเราจะต้องถูกเทลง ณ ที่นี้ ลงบนมนุษย์และสัตว์
บนต้นไม้ในทุ่ง และบนพืชผลจากแผ่นดิน มันจะถูกเผาผลาญ ไม่อาจดับได้”
เยเรมีย์ 7-2 กลับไปดูที่ชิโลห์
เยเรมีย์ 7:8-15
“ดูเถอะ เจ้าได้เชื่อคำที่หลอกลวง และก็ไม่ได้ประโยชน์อันใดเลย
เจ้าจะยังคงเข่นฆ่า เป็นชู้ สาบานเท็จ บูชาบาอัล และติดตามพระอื่นที่เจ้าไม่รู้จัก
แล้วกลับมายังพระวิหาร ยืนอยู่ต่อหน้าเรา ทูลว่า
‘เราได้รับการช่วยกู้แล้ว! ‘
เพียงเพื่อนเจ้าจะได้กลับไปทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนต่อไปอย่างนั้นหรือ?
วิหารที่เราเรียกตามชื่อของเราหลังนี้ กลายเป็นถ้ำโจรในสายตาของเจ้าไปแล้วใช่ไหม?
ดูเถอะ เราเองก็เห็นเช่นนั้น ” พระเจ้าตรัส
เหตุเกิดที่ชิโลห์
กลับไปดูซิ ไปดูที่ของเราในชิโลห์ ที่นั่นเราให้นามของเราดำรงอยู่มาตั้งแต่แรก
ไปดูซิว่า เราทำอะไรกับที่นั่น เมื่อคนอิสราเอลทำชั่ว
พระเจ้าทรงประกาศ “บัดนี้ เพราะเจ้าได้ทำสิ่งเหล่านี้…
ที่เราพูดกับเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่เจ้าก็ไม่ฟัง เมื่อเราเรียก เจ้าก็ไม่ตอบ
ดังนั้น เราจะทำกับวิหารที่เราเรียกตามชื่อของเรา
วิหารที่เจ้าวางใจ
และจะทำต่อแผ่นดินที่เรามอบให้บรรพบุรุษของเจ้า เหมือนที่เราทำกับชิโลห์
เราจะเหวี่ยงเจ้าออกจากสายตาของเรา
เหมือนกับที่ได้เหวี่ยงลูกหลานเอฟราอิม ญาติ ๆของเจ้าออกไป
เยเรมีย์ 7-1 ซ่อมทางและพฤติกรรม
เยเรมีย์ 7:1-7
พระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ว่า
“จงยืนอยู่ที่ประตูพระวิหาร และประกาศดังนี้ …
บรรดาชาวยูดาห์ที่เดินผ่านประตูพระวิหารเพื่อนมัสการพระเจ้า ขอจงฟังพระดำรัสของพระองค์
องค์พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า
‘ ขอให้เจ้าซ่อมทางและพฤติกรรมของเจ้า
และเราจะอนุญาตให้เจ้าอยู่ในที่แห่งนี้
อย่าเชื่อคำหลอกลวงที่ว่า ..นี่เป็นพระวิหารของพระเจ้า พระวิหารของพระเจ้า พระวิหารของพระเจ้า..
หากว่าเจ้าได้แก้ไขทางและพฤติกรรมของเจ้าจริง ๆ
หากเจ้าได้ประพฤติต่อกันและกันอย่างยุติธรรมจริง ๆ
หากเจ้าไม่กดขี่คนพเนจร คนไร้พ่อ หญิงม่าย หรือไม่ได้ปล่อยให้คนไร้ผิดต้องหลั่งเลือดในที่นี้
และหากเจ้าไม่ได้เดินตามพระอื่น ๆ ให้ตัวเองต้องตกอยู่ในอันตราย
แล้วเราจะให้เจ้าอยู่ในสถานที่นี้
อยู่ในแผ่นดินที่เรามอบให้บรรพบุรุษของเจ้าเพื่อให้เขาได้อยู่ตลอดไปมาตั้งแต่สมัยโบราณ
เยเรมีย์ 6-4 คนที่พระเจ้าปฏิเสธ
เยเรมีย์ 6:22-30
ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“ดูเถอะ จะมีชนชาติหนึ่งลงมาจากแผ่นดินทางเหนือ
ชาติที่ยิ่งใหญ่ชาติหนึ่ง ถูกเร่งเร้าให้มาจากส่วนไกลที่สุดของโลก
พวกเขาสะพายธนู มือถือหอก โหดร้าย ไร้เมตตา
เสียงของเขาเหมือนเสียงทะเลคำราม
พวกเขาขี่ม้า เตรียมกระบวนทัพมาเพื่อต่อต้านลูกสาวแห่งศิโยน”
พอเราได้ยินข่าวเรื่องพวกเขานั้น มือของเราก็อ่อนแรงลงไป
ความท้อแท้สาหัสยึดเราไว้ เหมือนความเจ็บปวดของหญิงที่กำลังคลอดบุตร
อย่าออกไปในทุ่ง อย่าเดินไปตามถนน
เพระาศัตรูนั้นถือดาบ ความสยดสยองระบาดไปทุ่งหย่อมหญ้า
โอลูกสาวของคนของเราเอ๋ย จงสวมเสื้อผ้ากระสอบ จงกลิ้งเกลือกในกองเถ้าธุลี
จงคร่ำครวญไว้ทุกข์เหมือนกำลังสูญเสียลูกชายคนเดียวที่เจ้ามีอยู่
มันเป็นการคร่ำครวญที่ขมยิ่งนัก
เพราะผู้ที่มาปล้นนั้น โจมตีทันควันไม่ทันตั้งตัว
“เราทำให้เจ้าเป็นผู้ทดสอบแร่ท่ามกลางคนของเรา
เพื่อว่าเจ้าจะได้รู้และทดสอบหนทางของพวกเขา
พวกเขาดื้อดึงอย่างร้ายกาจ! เที่ยวให้ร้ายป้ายสีไปทั่ว
พวกเขาเป็นเหมือนทองเหลืองและเหล็ก ต่างคดโกงทั้งสิ้น
เครื่องสูบลมของเขานั้นสูบอย่างรุนแรง เพื่อเผาตะกั่วให้หมดไป
การถลุงโลหะกลับไร้ประโยชน์ เพราะคนชั่วไม่ได้ถูกชำระให้บริสุทธิ์
ใคร ๆ ก็เรียกเขาว่า “แร่เงินที่ไม่มีใครเอง”
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิเสธพวกเขาแล้ว!
เยเรมีย์ 6-3 เส้นทางเก่าแก่
เยเรมีย์ 6:16-21
ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า
“จงยืนอยู่บนถนนและมองดู
ให้ถามหาเส้นทางเก่าแก่ ค้นหาทางที่ดีว่ามันอยู่ที่ไหน
แล้วเดินไปตามทางนั้น เพื่อว่าใจเจ้าจะได้พัก”
แต่พวกเขากลับว่า “เราจะไม่เดินไปทางนั้น!”
ยิ่งกว่านั้น เราได้ตั้งยามไว้ให้พวกเจ้า กล่าวว่า
“จงสนใจเสียงแตร” แต่พวกเขากลับว่า “เราจะไม่สนใจ!”
ดังนั้น ประชาชาติทั้งหลายเอ๋ย จงฟัง
เหล่าพยานทั้งหลายเอ๋ย จงสังเกตสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา
แผ่นดินโลกเอ๋ย จงฟังเถิด มองดูซิ เพราะเราจะนำภัยพิบัติมาเหนือชนชาตินี้
เป็นผลมาจากแผนร้ายของพวกเขาเอง
เพราะพวกเขาไม่ใส่ใจต่อดำรัสของเรา ละทิ้งบัญญัติของเรา
มีประโยชน์อะไรในการที่เจ้านำกำยานมาจากเมืองเชบา
หรือนำเครื่องเทศหอมหวานมาจากเมืองไกล
เราไม่รับเครื่องเผาบูชาเหล่านั้น
เราไม่ได้พอใจกับเครื่องบูชาทั้งหลายของเจ้า
ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“เราจะตั้งเครื่องกีดขวางไว้ต่อหน้าคนเหล่านี้ เพื่อพวกเขาจะได้สะดุดล้มลง
ทั้งพ่อและลูกชายจะล้มลงไปพร้อม ๆ กัน
เพื่อนบ้านและเพื่อน ๆ ก็จะพินาศไปด้วยกัน
เยเรมีย์ 6-2 ไม่รู้จักอาย
เยเรมีย์ 6:8-15
ขอเตือนเจ้านะ เยรูซาเล็ม
มิฉะนั้น เราจะหันไปจากเจ้าด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน
มิฉะนั้น เราจะทำให้เจ้ากลายเป็นเมืองร้าง หาคนอาศัยไม่ได่้
ดังนั้น พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสว่า
“พวกเขาจะเก็บรวบรวมคนเมืองเยรูซาเล็มอย่างละเอียดเหมือนกับคนที่เก็บองุ่น
เหมือนกับที่คนเก็บองุ่นที่ย้อนกลับไปดูกิ่งก้านที่เก็บไปแล้วอีกครั้ง
แล้วเราจะพูดเตือนใครเพื่อเขาจะได้ฟังเล่า?
ดูเถิด หูของพวกเขาไม่ได้เข้าสุหนัต พวกเขาไม่ฟัง
ดูเถอะ เขากลับดูหมิ่นดูแคลนคำตรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า หาได้ชื่นชมกับพระดำรัสไม่
ดังนั้น ใจของข้าจึงเต็มด้วยพระพิโรธของพระเจ้า
ข้าเหน็ดเหนื่อยที่จะเก็บมันไว้ข้างใน
“จงเทมันออกมาเหนือเด็ก ๆ ตามถนน
เทลงบนคนหนุ่มที่เข้ามาชุมนุมกัน
ทั้งสามีและภรรยา จะถูกนำออกไปพร้อมกัน
คนชรา คนเฒ่าที่ใช้ชีวิตมาแสนนาน
บ้านของพวกเขาจะถูกยกให้คนอื่น
รวมทั้งที่นา และภรรยาของพวกเขาด้วย
เพราะเราจะยื่นมือออกมา ต่อต้านผู้ที่อาศัยในแผ่นดิน”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
จากคนที่เล็กน้อยสุด จนถึงคนที่ใหญ่โตที่สุด
ต่างมีใจโลภโมโทสัน ล้วนอยากได้แต่กำไร
ผู้กล่าวคำของพระเจ้า จนถึงเหล่าปุโรหิต
ต่างก็คดโกงทั้งสิ้น
พวกเขารักษาแผลของประชากรของเราแบบผักชีโรยหน้า
กล่าวว่า ‘สันติสุข สันติสุข’ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสันติสุขสักนิด
พวกเขาละอายกันบ้างไหมกับการที่ทำสิ่งน่าเกลียดน่าชังเหล่านี้?
เปล่าเลย พวกเขาไม่มียางอายสักนิด
ไม่รู้จักเลยว่า หน้าแดงเพราะความอายเป็นอย่างไร
ดังนั้น พวกเขาจะลงลงไปพร้อม ๆ กับคนอื่นที่ล้มลง
ในเวลาที่เราลงโทษเขา เขาจะถูกเหวี่ยงออกไป
เยเรมีย์ 6-1 ถูกทำลาย!
เยเรมีย์ 6:1-7
ชนชาวเบนยามินเอ๋ย จงหนีไปหาที่ปลอดภัย หนีจากกลางเมืองเยรูซาเล็ม
เป่าแตรเขาสัตว์ที่เมือเทโคอา และยกสัญญาณขึ้นเหนือบ้านเบธฮัคเคเรม
เพราะความหายนะและการทำลายกำลังมุ่งลงมาจากทางเหนือ
เราจะทำลายสาวสวยหน้าอ่อนหวาน ลูกสาวของศิโยนเสีย!
บรรดาคนเลี้ยงแกะและฝูงแกะของเขาจะมาต่อสู้กับเธอ
จะตั้งกระโจมล้อมรอบเธอ และต่างหากินอยู่ในที่ของแต่ละคน
จงเตรียมทำสงครามต่อสู้เธอ
วิลเลียม บราสลีย์ โฮล เยรูซาเล็มถูกทำลาย
ลุกขึ้น! เราจะโจมตีเวลาเที่ยง
วิบัติแล้วเรา เพราะกลางวันล่วงไป เงายามค่ำทอดยาวออกไป
ลุกขึ้น! เข้าไปโจมตีตอนกลางคืน ทำลายราชวังให้สิ้นซาก!
พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสว่า
“ตัดต้นไม้ของเธอเสีย และตั้งเนินต่อต้านนครเยรูซาเล็ม
มันเป็นเมืองที่ต้องถูกลงโทษ เพราะในเมืองนี้มีแต่การกดขี่บีบคั้น
เหมือนกับบ่อน้ำที่ยังเก็บน้ำเย็น ๆ ไว้เสมอ เมืองนี้ก็รักษาความชั่วของตัวเองให้สดใหม่ไม่หยุดหย่อน
ภายในเมืองจะได้ยินเรื่องความรุนแรงและการทำลาย
ความเจ็บป่วยและบาดแผลก็อยู่ต่อหน้าเราเสมอ
เยเรมีย์ 5-5 ไร้ความยุติธรรม!
เยเรมีย์ 5:26-32
“เพราะ… ท่ามกลางคนของเรา ก็พบคนชั่วร้ายที่ซุ่มอยู่เหมือนคนดักนก
เขาวางกับดัก และจับคนไป
บ้านของเขาเต็มด้วยการหลอกลวง เหมือนกรงที่ขังนกไว้แน่น
ดังนั้นพวกเขาจึงยิ่งใหญ่ มั่งคั่ง
พวกเขากลายเป็นคนอ้วนพีนุ่มนิ่ง
ความชั่วร้ายของเขาไร้เขตจำกัด
เขาไม่พิพากษาคดีความของลูกกำพร้าอย่างยุติธรรม ไม่ปกป้องสิทธิของคนขัดสน
เพื่อว่าเขาจะได้ร่ำรวยขึ้นจากการบิดเบือนการพิพากษา
แล้วจะไม่ให้เราลงโทษพวกเขาเพราะสิ่งเหล่านี้หรือ?” องค์พระเป็นเจ้าตรัส
“จะไม่ให้เราแก้แค้นชนชาติที่ชั่วร้ายขนาดนี้หรือ?”
มีนิ่งที่น่าสยดสยองและน่าสะพึงกลัวเกิดขึ้นในแผ่นดิน
ผู้มีหน้าที่กล่าวคำของพระเจ้า กลับมุสา
และเหล่าปุโรหิตก็ปกครองตามคำของเหล่าคนมุสา
คนของเราก็ช่างชอบวิธีการแบบนั้น
แต่พวกเจ้าจะทำอย่างไรล่ะ เมื่ออวสานมาถึง?
เยเรมีย์ 5-4 เหตุใดเจ้าจึงไม่ยำเกรงเรา?
เยเรมีย์ 5:19-25
และเมื่อประชาชนทั้งหลายุถามว่า “เหตุใดองค์พระเป็นเจ้าจึงทรงทำสิ่งเหล่านี้ต่อเรา?”
เจ้าจะตอบเขาว่า “ก็เป็นเหมือนอย่างที่เจ้าได้ละทิ้งเรา
และไปปรนนิบัติพระต่างชาติในดินแดนของเจ้า
เจ้าจะต้องปรนนิบัติคนต่างชาติในแผ่นดินที่ไม่ใช่ของเจ้า!”
จงประกาศข่าวสารต่อไปนี้แก่ยูดาห์ และอิสราเอล
“จงฟังข้อความนี้ เจ้าคนโง่ ไร้สติ คนมีตา แต่มองไม่เห็น มีหูแต่ไม่ได้ยิน”
“เจ้าไม่เกรงกลัวเราหรือ?” พระเจ้าตรัส
“เจ้าไม่ตัวสั่นต่อหน้าเราหรือ?
เราเป็นผู้กำหนดชายฝั่งให้เป็นเขตแดนของทะเล
มันเป็นสิ่งกีดขวางไม่ให้น้ำผ่านไปได้
แม้ว่าคลื่นจะซัดเข้าไปหามัน แต่ก็ไม่อาจผ่านมันไป
แม้คลื่นจะคำรามเท่าไร ก็ข้ามไปไม่ถึง!
แต่คนเหล่าหนี้กลับมีใจดื้อด้าน กบฎต่อเรา
พวกเขาหันหน้ากลับไป และก็จากเราไป
ในใจของเขาไม่เคยพูดเลยว่า “มาทำใจให้ยำเกรงพระเจ้ากันเถอะ
พระองค์เป็นผู้ประทานฝนตามฤดู ทั้งฝนต้นฤดูและฝนปลายฤดู
และพระองค์ทรงรักษาวัฏจักรการเก็บเกี่ยวให้เรา
แต่ความชั่วของเจ้า ทำให้กฎเกณฑ์เหล่านี้เสียไป
และบาปของเจ้าก็กั้นสิ่งดีไปจากเจ้า
เยเรมีย์ 5-3 กองทัพโบราณ
เยเรมีย์ 5:12-18
พวกเขาพูดถึงเราผิด ๆ และกล่าวว่า ‘พระเจ้าไม่ทรงทำอะไร จะไม่มีหายนะมาถึงพวกเรา พวกเราจะไม่เจอดาบสังหาร หรือความอดหยาก’
ผู้กล่าวคำของพระเจ้า ก็จะพูดลม ๆ แล้ง ๆ จริงแล้ว คำของพระเจ้าไม่ได้อยู่ในตัวพวกเขา ดังนั้นหายนะจะตกอยู่กับพวกเขาเหล่านั้น”
ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสว่า
“เยเรมีย์เอ๋ย เจ้าพูดเช่นนี้
ดูเถอะ เราจะทำให้คำของเราในปากของเจ้าเป็นไฟ ผู้คนจะเป็นเหมือนไม้ และไฟจะเผาผลาญพวกเขา”
“ดูเถิด เจ้าวงศ์วานอิสราเอล เราจะนำชาติหนึ่งที่อยู่ไกลแสนไกลมาต่อสู้กับเจ้า” พระเจ้าทรงประกาศ
ชาตินี้ เป็นชาติที่เข้มแข็ง เป็นชาติที่สืบมาแต่อดีตกาล
เจ้าไม่รู้ภาษาของพวกเขา เจ้าไม่อาจเข้าใจสิ่งที่เขาพูด
แล่งธนูของเขาเหมือนหลุมฝังศพที่เปิดอยู่ ทุกคนต่างเป็นนักรบ
พวกเขาจะกลืนกินพืชพันธุ์ที่เจ้าเก็บเกี่ยว
จะกินอาหารของเจ้า
จะกินลูกชาย ลูกสาวของเจ้า
จะกินฝูงแกะ และฝูงโคของเจ้า
จะกินองุ่น และมะเดื่อของเจ้า
พวกเขาจะทำลายเมืองป้อมทั้งหมดที่เจ้าไว้วางใจด้วยดาบ!
แต่แม้ในเวลานั้น เราจะยังไม่ให้เจ้าถึงกาลอวสาน
เยเรมีย์ 5-2 หลายคดีเหลือเกิน
เยเรมีย์ 5:6-11
ดังนั้น สิงห์จากป่าจะมีเขมือบพวกเขา หมาป่าจากถิ่นกันดารจะเข้ามาขย้ำเขา
เสือดาวจะมาเฝ้าดูเมือง ใครที่ออกมาจะถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ
เพราะเขามีคดีล่วงละเมิดมากมายหลายคดี การทรยศของเขาก็มโหฬารนัก !
“เราจะอภัยโทษเจ้าได้อย่างไร ลูกหลานของเจ้าละทิ้งเราและกลับไปกราบไหว้สิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้าสักนิด?
เราได้เลี้ยงดูเขาให้อิ่มหนำ แต่พวกเขากลับเล่นชู้ พากันมุ่งหน้าไปยังบ้านของหญิงขายตัว
พวกเขาเป็นเหมือนม้าอ้วนพีที่กำลังกลัดมัน ร้องฮี้ ๆ อยากได้ภรรยาเพื่อนบ้านของตนเอง
อย่างนี้แล้ว จะไม่ให้เราลงโทษพวกเขาหรือ?” พระเป็นเจ้าตรัส
“เราไม่สมควรจะแก้แค้นประชาชนแบบนี้หรือ?
เดินไป ไปตามแถวองุ่นที่ปลูกไว้ และทำลายมันเสีย แต่อย่างทำลายมันจนหมด
ตัดกิ่งก้านออก เพราะคนเหล่านี้ไม่ได้เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า
เพราะทั้งวงศ์วานอิสราเอล และยูดาห์ต่างทรยศต่อเราเป็นที่สุด! ” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
เยเรมีย์ 5-1 หาคนดีไม่เจอ?
เยเรมีย์ 5:1-5
จงวิ่งขึ้นไปมาตามถนนในนครเยรูซาเล็ม
ให้มองหา และสังเกตเอาไว้
ให้ดูตามลานเมือง
ดูว่า เจ้าจะพบคนที่ยุติธรรมและซื่อตรงได้สักคนไหม
เพื่อว่า เราจะได้ให้อภัยแก่นครนี้!
แม้พวกเขาจะสาบานโดยใช้คำว่า “ตราบเท่าที่พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่”
แต่พวกเขาก็มุสาอยู่นั่นเอง
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเนตรของพระองค์ค้นหาความจริงอยู่มิใช่หรือพระเจ้าข้า?
พระองค์ทรงตีเขาจนล้มพังพาบ
แต่พวกเขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย
พระองค์ทรงเผาผลาญพวกเขา
แต่พวกเขาไม่ยอมแก้ไขความผิดเหล่านั้น
พวกเขากระด้างกระเดื่องต่อพระองค์ ด้านชาแข็งยิ่งกว่าหิน
ไม่ยอมกลับตัวกลับใจ
ข้าจึงกล่าวว่า ” พวกเขาเป็นคนไม่รู้อะไร ไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักทางของพระเจ้า
ไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องการพิพากษาของพระเจ้า
เอาล่ะ ข้าจะไปหาคนใหญ่คนโต จะไปเตือนเขา
คนพวกนี้น่าจะรู้จักทางของพระเจ้า และเข้าใจการพิพากษาของพระเจ้า
แต่….
พวกเขาทุกคนกลับหักแอกกันไปหมดแล้ว
พวกเขากระชากโซ่ตรวนออกมาเสีย!
เยเรมีย์ 4-6 สวยไม่หยุด
เยเรมีย์ 4:27-31
เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “แผ่นดินทั้งสิ้นจะกลายเป็นที่ร้างเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ถึงอวสาน”
“ด้วยเหตุนี้ โลกจะคร่ำครวญ ท้องฟ้าจะดำทมึน
เพราะเรากล่าวไว้แล้ว เรามุ่งมั่นให้มันเป็นอย่างนั้น
เราจะไม่เปลี่ยนใจ ไม่หันกลับ
ชาวเมืองทั้งปวงต่างพากันหนีเมื่อได้ยินเสียงของทหารม้า และพลธนู
พวกเขาหนีเข้าไปในดงหนาม ปีนป่ายไปตามหินผา
เมืองทุกเมืองถูกทิ้งร้าง ไม่มีคนอาศัยอยู่ในเมืองเลย
และเจ้า เจ้าผู้ถูกละทิ้ง เจ้ายังคงสวมชุดสีแดง นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
เหตุใดเจ้าจึงเขียนตาให้ดูโตขึ้น?
เจ้าพยายามเสริมความงาม ทั้งที่คนรักทั้งหลายต่างดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้า
พวกเขาพยายามจะฆ่าเจ้า
เราได้ยินเสียงเหมือนผู้หญิงกำลังคลอด
เสียงร้องเจ็บปวดรวดร้าวเพราะกำลังคลอดลูกคนแรก
เสียงร้องของลูกสาวแห่งศิโยน เสียงที่ฟังเหมือนคนกำลังขาดใจ
เธอยื่นเหยียดแขนออกมา และร้องว่า
“คราวนี้ฉันพินาศแน่… ฉันกำลังจะหมดแรงต่อหน้าฆาตกร!”
เยเรมีย์ 4-5 เหลือแต่ความรกร้าง
เยเรมีย์ 4:23-26
ข้ากวาดตาไปบนแผ่นดิน มีแต่ที่ร้างว่างเปล่า
ข้ามองไปบนท้องฟ้า หามีความสว่างไม่
ข้ามองไปยังภูเขา ดูซิ มันสั่นสะเทือนสะท้าน
เนินเขาทั้งหลาย เคลื่อนคลอนไปมา
ข้าเพ่งมอง ดูเถอะ ไม่มีมนุษย์เหลืออยู่สักคน
บรรดานกในอากาศนั้น ก็บินหนีไปสิ้น
ข้ามองดู โอ… แผ่นดินที่เคยอุดมสมบูรณ์กลับกลายเป็นทะเลทราย
ภาพจาก http://pompei-hotels.com
หัวเมืองทั้งหลายก็กลายเป็นซากปรักหักพังต่อพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า
ใช่… ต่อพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์
เยเรมีย์ 4-4 คนที่โง่เขลา
เยเรมีย์ 4:19-22
เจ็บ แสนเจ็บปวด ข้าบิดตัวด้วยความรวดร้าว
โอ.. กำแพงใจของข้า ใจข้าเต้นไม่เป็นส่ำ
ข้าไม่อาจนิ่งเงียบอยู่ได้ เพราะได้ยินเสียงแตรศึก เสียงตะโกนให้เข้าสงคราม…
ความย่อยยับครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งประเทศถูกทิ้งให้ปรักหักพัง
ทันใดนั้น กระโจมของข้าก็ถูกทำลาย ผ้ากระโจมขาดวิ่นในพริบตา
นานเท่าไรที่ข้าจะต้องเห็นธงของสงคราม?
นานเท่าไรที่ข้าจะต้องฟังเสียงแตรศึก?
เพราะคนของเรานั่นโง่เขลา พวกเขาไม่รู้จักเรา
เป็นเด็กที่ไร้ปัญญา ไม่มีความเข้าใจ
เก่งแต่ทำชั่ว ที่จะทำดีนั้น หารู้ไม่!
เยเรมีย์ 4-3 ม้าที่เร็วกว่าอินทรี
เยเรมีย์ 4:11-18
ในเวลานั้น คนเหล่านี้และเยรูซาเล็มจะได้ยินคำกล่าวว่า
“ลมร้อนจากที่สูงโล่งในทะเลทราย พัดมายังลูกสาวของประชากรของเรา
ไม่ใช่เพื่อฝัดร่อน หรือทำความสะอาด มันเป็นลมแรงเต็มที่มาจากเรา
และเวลานี้ เราคือผู้ที่จะตัดสินพิพากษาพวกเขา
ดูเถิด เขามาเหมือนกับเมฆ และรถม้าศึกของเขาก็เป็นเหมือนพายุหมุน
ม้าของเขานั้นวิ่งเร็วยิ่งกว่าอินทรี วิบัติแก่พวกเรา เพราะเราถูกทำลายเสียแล้ว
โอ เยรูซาเล็ม จงล้างใจของเจ้าให้หมดจดจากความชั่วร้ายเสีย เพื่อว่าเจ้าจะได้รอด
นานเท่าไรที่เจ้าจะปล่อยให้ความคิดชั่ววนเวียนอยู่ในตัวเจ้า?
เพราะมีเสียงประกาศจากดาน และเสียงประกาศก้องถึงความทุกข์ยากจากภูเขาเอฟราอิม
เตือนประเทศต่าง ๆ แจ้งให้เยรูซาเล็มรู้ว่า เขากำลังมา
“เขาจะล้อมเข้ามาจากแดนไกล พวกเขาตะโกนก้องเข้าใส่หัวเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์
พวกเขาล้อมเมืองเหล่านั้นไว้ราวกับผู้เฝ้านา ไม่ให้หนีออกไปได้ เป็นเพราะอิสราเอลได้ดื้อดึงต่อเรา” องค์พระเป็นเจ้าประกาศ
ทางของเจ้า พฤติกรรมของเจ้า ได้นำสิ่งนี้มาเหนือเจ้า นี่เป็นเคราะห์กรรมที่ขมขื่นลึกลงไปในขั้วหัวใจ!
เยเรมีย์ 4-2 หายนะจากทางเหนือ
เยเรมีย์ 4:5-8
จงประกาศในยูดาห์ และแจ้งให้ชาวเยรูซาเล็มรับรู้
“เป่าแตรให้ทั่วทั้งแผ่นดิน ร้องเสียงดัง กล่าวว่า
‘จงรวมตัวกัน และให้เราไปยังบรรดาเมืองที่มีป้อม’
จงตั้งธงเตือนศิโยน ให้ทุกคนหนีไปหาที่ปลอดภัย อย่าอยู่กับที่
เพราะว่า เราจะนำหายนะมาจากทางเหนือ เป็นวิบัติที่ยิ่งใหญ่นัก
สิงโตได้ออกมาจากดงหนามของมัน ผู้ทำลายล้างประชาชาติได้ออกมาแล้ว
เขาออกมาจากที่ของเขา เพื่อทำให้ดินแดนของเจ้ากลายเป็นที่ร้างเปล่า
เมืองทั้งหลายจะกลายเป็นซากปรักหักพังไม่มีคนอาศัยอยู่
เพราะเหตุนี้ เจ้าจงสวมเสื้อกระสอบ คร่ำครวญโหยไห้
เพราะว่าความโกรธเกรี้ยวขององค์พระเป็นเจ้าไม่ได้หันไปจากเรา”
“ในวันนั้น” พระเป็นเจ้าตรัส “ผู้กล้าจะทำให้กษัตริย์และข้าราชการ
เหล่าปุโรหิตจะตกใจและผู้กล่าวคำของพระเจ้าก็จะตะลึง …
และข้ากล่าวว่า “อา… ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ทรงลวงคนเหล่านี้ และเยรูซาเล็ม
ว่า ..เจ้าทั้งหลายจะอยู่อย่างมีความสุข..
ในขณะที่จริง ๆ แล้ว ดาบกำลังมาถึงชีวิตของพวกเขา!”
พระเจ้าทรงบอกให้เรียกคนเข้ามารวมกันในเมืองใหญ่ การเป่าแตรเป็นการเรียกรวมพลและเข้ามาตั้งหลักกันในเมืองที่มีป้อม
เมื่อใช้ธงเรียกเตือนแสดงว่า กำลังจะมีผู้เข้ามาโจมตี พวกเขาจะต้องหาที่กำบัง หนีให้ทัน สงครามนี้ไม่ใช่เรื่องของมนุษย์ แต่พระเจ้าทรงส่งเขามาจัดการคนของพระองค์
ศัตรูนั้นเหมือนสิงโตเพื่อออกมาทำลาย สิงโตนี้คือ บาบิโลนนั่นเอง คนทุกชนชั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นสูงจะตกใจ ไม่นึกว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น เป็นเพราะมีผู้กล่าวคำเท็จมาลวงพวกเขาว่า พวกเขาจะไม่เป็นอันตราย จะอยู่อย่างสบาย ตรงนี้เองที่เยเรมีย์พูดเหมือนว่า พระเจ้าลวงคนของพระองค์ เปล่าเลย แต่เป็นคนกล่าวคำเท็จที่พวกเขาชอบฟังต่างหาก