เอเสเคียล 4-2 สภาพของการรับโทษ

เอเสเคียล 4:9-17

“และเจ้า จงเอาข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ ถั่ว  ถั่วเลนทิล ข้าวฟ่าง และ ข้าวเอมเมอร์
ใส่มันทั้งหมดเข้าไปในภาชนะเดียว และให้ทำขนมปังจากแป้งเหล่านั้น
ระหว่างที่เจ้าต้องนอนตะแคง 390 วันนั้น เจ้าจะกินอาหารนี้
และอาหารที่เจ้ากินจะต้องชั่งเป็นจำนวน 20 เชเคลต่อวัน (230 กรัม)
เจ้าจะกินอาหารนี้ วันแล้ววันเล่า
และน้ำเจ้าก็ต้องตวงด้วย เป็นครึ่งลิตรต่อวัน
เจ้าจะดื่มน้ำนี้วันแล้ววันเล่า
และเจ้าจะกินมันเหมือนกับกินขนมปังข้าวบาร์เลย์
เจ้าจะกินมันโดยย่างมันบนเชื้อเพลิงจากมูลของคนต่อหน้าเขาทั้งหลาย

4EZe4

แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“นี่แหละ  คนอิสราเอลจะกินอาหารที่ไม่สะอาด
ในแผ่นดินที่เราเนรเทศเขาไป”
ข้ากล่าวว่า  “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า !
ดูเถิด ข้าพระองค์ไม่เคยทำตัวให้เป็นมลทิน
ตั้งแต่เป็นเด็กมาจนทุกวันนี้
ข้าไม่เคยกินอาหารจากสัตว์ที่ตายเอง
หรือสัตว์ที่ถูกฆ่าโดยสัตว์ร้าย
เนื้อที่เป็นมลทินไม่เคยเข้าปากของข้าพระองค์เลย”
และพระองค์ตรัสกับข้าว่า
“ถ้าอย่างนั้น เราจะอนุญาตให้เจ้าใช้มูลโคแทนมูลมนุษย์
ปิ้งขนมปังของเจ้า”
ยิ่งกว่านั้น พระองค์ตรัสกับข้าว่า
“บุตรมนุษย์เอ๋ย ดูเถิด  เราจะทำลายเสบียงของอาหารในเยรูซาเล็ม
พวกเขาจะต้องชั่งอาหารและกินด้วยความกังวลใจ
เขาจะต้องชั่งน้ำและกินด้วยความกลัว
พวกเขาจะผอมแห้งลงไปเพราะโทษที่เขาได้รับ

เอเสเคียล 4-1 คำบัญชาประหลาด

สสเอเสเคียล 4:1-8

“และเจ้า บุตรของมนุษย์ เจ้าจงเอาอิฐไปก้อนหนึ่ง
แล้ววางไว้ข้างหน้าเจ้า  จากนั้นให้แกะสลักนครหนึ่งเอาไว้
คือเยรูซาเล็ม ..  จากนั้นให้ล้อมนครนั้น และก่อกำแพงล้อมไว้ด้วย
ตั้งค่ายรอบ ๆ ก่อเชิงเทินเพื่อสู้กับนครนั้น   ตั้งเครื่องทะลวงไว้รอบด้าน

4ezekiel

 

 

และให้เจ้าจงไปเอาเหล็กแผ่นมา  วางแผ่นเหล็กนั้นระหว่างเจ้ากับเมือง
และหันหน้าของตัวเจ้าเข้าหาเมือง
ปล่อยให้มันอยู่ในสภาพเมืองที่ถูกล้อม
ค่อย ๆ รุกเข้าไป .. นี่เป็นหมายสำคัญสำหรับวงศ์วานอิสราเอล

แล้วจากนั้น ให้เจ้าเอนตัวลงตะแคงข้างซ้าย
วางการลงโทษของวงศ์วานอิสราเอลลงบนตัวเจ้า
เจ้านอนนานเท่าไร ก็เท่ากับเจ้าแบกการลงโทษของพวกเขาไว้นานเท่านั้น
เพราะเรากำหนดวันมาแล้ว เป็นจำนวน 390 วัน
เท่ากับจำนวนของปีที่พวกเขาถูกลงโทษ
เจ้าจะรับแบกโทษของพวกเขานานเท่านั้น

และเมื่อเจ้าทำจนครบ
เจ้าก็จะนอนตะแคงขวา และรับการลงโทษของวงศ์วานยูดาห์
เท่ากับ 40 วัน แต่ละวันมีความหมายถึง 1 ปี
เจ้าจะนอนหันหน้าไปที่การล้อมของเยรูซาเล็ม
ด้วยแขนเปล่า เจ้าจะกล่าวคำของพระเจ้าต่อต้านนครนั้น
ดูเถอะ เราจะเอาเชือกมัดเจ้า เพื่อว่าเจ้าจะหันไปมาไม่ได้
จนกว่าจะครบกำหนดวันล้อมเมืองของเจ้า

 

เอเสเคียล 3-4 เป็นใบ้ไปเสียแล้ว

เอเสเคียล 3:22-27

ที่นั่น พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือข้า
และพระองค์ตรัสแก่ข้าว่า
“จงลุกขึ้น  และออกไปที่หุบเขา เราจะพูดกับเจ้าที่นั่น”
ดังนั้นข้าจึงลุกขึ้น และเดินออกไปที่หุบเขา
และ ดูเถอะ พระสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าประทับที่นั่น
เป็นเหมือนพระสิริที่ข้าเห็นที่แม่น้ำเคบาร์
ข้าจึงทรุดตัวลง ก้มหน้าติดดิน

“ไป  เข้าไปในบ้านและปิดประตูขังตัวเองไว้
และดูเถิด เจ้าบุตรมนุษย์  ดูเถอะ จะมีเชือกสำหรับมัดอยู่เหนือเจ้า
เจ้าจะถูกเชือกมัดไว้  เจ้าจึงออกไปท่ามกลางผู้คนไม่ได้

เราจะให้ลิ้นของเจ้าติดเพดานปาก
เพื่อว่าเจ้าจะกลายเป็นใบ้ ไม่อาจตักเตือนพวกเขาได้
เพราะพวกเขาเป็นวงศ์วานที่ดื้อดึง
แต่เมื่อเราพูดกับเจ้า เราก็จะเปิดปากเจ้า
และเจ้าจะพูดกับเขาว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้”

คนที่จะฟัง ก็ให้เขาฟัง
คนที่ไม่ยอมฟัง ก็ปล่อยให้เขาเป็นไปอย่างนั้น
เพราะเขาเป็นวงศ์วานที่ดื้อดึง

เอเสเคียล 3-3 ต้องเตือนเขานะ

เอเสเคียล 3:16-21

เวลาผ่านไป 7 วัน พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าดังนี้
“บุตรมนุษย์เอ๋ย  เราได้ตั้งให้เจ้าเป็นยามเฝ้าประชาชนอิสราเอล

เมื่อไรที่เจ้าได้ยินคำจากปากของเรา  เจ้าจะต้องบอกคำเตือนเหล่านี้แก่พวกเขา
หากเรากล่าวกับคนชั่วว่า เจ้าจะต้องตายแน่นอน
แล้วเจ้าก็ไม่ได้เตือนพวกเขา
และไม่ได้เตือนให้เขาละทิ้งทางแห่งความชั่วร้ายเพื่อจะได้ช่วยชีวิตของเขาไว้
คนนั้นจะตายเพราะความบาปของตน
แต่เราจะมาเอาความผิดที่เจ้า
แต่หากเจ้าได้ตักเตือนคนชั่ว และเขาไม่ได้หันจากความชั่วร้าย
ไม่ได้ออกจากทางแห่งความชั่ว เขาก็จะตายเพราะบาปของเขาเอง
แต่เจ้าจะช่วยชีวิตของตัวเองให้รอด

Screen Shot 2014-02-17 at 5.49.39 PM

และอีกอย่างหนึ่ง หากคนชอบธรรมได้หันจากความถูกต้อง
และได้กระทำความอยุติธรรม

เราจะวางหินสะดุดไว้ต่อหน้าเขา  เขาจะตาย
เพราะว่าเจ้าไม่ได้เตือนเขา  เขาก็จะตายเพราะบาปของตน
ความชอบธรรมที่เขาเคยกระทำนั้น จะไม่มีใครจำได้
แต่เราจะเรียกร้องเอาเลือดของเขาจากมือเจ้า

แต่หากเจ้าได้เตือนสติคนชอบธรรมไม่ให้ทำบาป
และเขาก็ไม่ทำบาป เขาจะมีชีวิตอยู่
เพราะเขาได้รับคำตักเตือน และเจ้าเองก็จะช่วยชีวิตตัวเองให้รอด

 

 

เอเสเคียล 3-2 ฟังด้วยหู รับรู้ด้วยใจ

เอเสเคียล 3:8-15

ดูเถิด.. เราได้ทำให้หน้าของเจ้านั้นหนาด้านเหมือนกับหน้าของพวกเขา
และหน้าผากของเจ้าก็หนาด้านเหมือนกับหน้าผากของพวกเขา
เราได้ทำให้หน้าผากของเจ้าแกร่งดั่งเพชรที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าหินเหล็กไฟ

หินเหล็กไฟ
หินเหล็กไฟ

อย่าไปกลัวพวกเขา  อย่าท้อถอยเมื่อเห็นหน้าพวกเขา  เพราะพวกเขาเป็นคนที่ดื้อดึง
ยิ่งกว่านั้น พระองค์ตรัสกับข้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย  คำที่เรากล่าวแก่เจ้านั้น
เจ้าจะต้องรับมันไว้ในใจ ฟังด้วยหูของเจ้า
และไปยังคนที่ถูกเนรเทศออกมา ไปยังประชากรของเจ้า
พูดกับพวกเขา ..ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้…ไม่ว่าพวกเขาจะฟัง หรือไม่ยอมฟังก็ตาม”
แล้วพระวิญญาณทรงยกข้าขึ้น
ข้าได้ยินเสียงตามหลังมา เป็นเสียงแผ่นดินไหวใหญ่
“ถวายพระพรแด่พระสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากสถานที่นี้ !”
มันเป็นเสียงของปีกเหล่าสิ่งมีชีวิตกางขึ้นแตะกัน และเป็นเสียงของ
วงล้อรอบ ๆ พวกเขา  และเป็นเสียงของแผ่นดินไหวใหญ่ด้วย
พระวิญญาณของพระเจ้าทรงยกข้าขึ้น และนำข้าออกไป
ข้าไปด้วยความขมในใจ ด้วยความร้อนผ่าวที่อยู่ในใจ
พระหัตถ์ของพระเจ้าวางอยู่เหนือข้าพเจ้าอย่างหนักหน่วงยิ่งนัก
และข้าก็มาถึงเหล่าคนที่เป็นเชลยซึ่งอาศัยริมแม่น้ำเคบาร์
ข้าอยู่นิ่งอย่างมึนงงเพราะสิ่งต่าง ๆ เต็มล้นในหัวใจของข้าอย่างนั้น 7 วัน

 

เอเสเคียล 3-1 กินหนังสือม้วน

เอเสเคียล 3:1-7

ยิ่งกว่านั้น พระองค์ตรัสกับข้าว่า
“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกินสิ่งที่เจ้าพบ กินหน้งสือม้วนนี้ แล้วก็ไป…
ไปพูดกับวงศ์วานอิสราเอล”
ดังนั้น ข้าจึงเปิดปาก  และพระเจ้าทรงทำให้ข้ากินหนังสือม้วนนั้นเข้าไป

และพระองค์ตรัสกับข้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกินหนังสือม้วนนี้ให้อิ่ม”
ดังนั้น ข้าจึงกินมันเข้าไป พอมันอยู่ในปากของข้า
มันก็หวานราวน้ำผึ้ง…

ภาพวาดโดย มาร์ค ชากัล
ภาพวาดโดย มาร์ค ชากัล

แล้วพระองค์ตรัสกับข้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงไปหาคนอิสราเอล
และกล่าวคำของเราแก่เขา
เพราะเจ้าไม่ได้ถูกส่งไปหาคนที่ไม่คุ้นกับภาษา
หรือไปหาคนที่ใช้ภาษายาก ๆ  แต่ให้ไปหาคนอิสราเอล
ไม่ได้ไปหาคนจำนวนมากที่ใช้ภาษาอื่น  ภาษาที่พูดยาก
เป็นคำที่เจ้าไม่เข้าใจ ..
หากเราส่งเจ้าไปหาคนเหล่านั้น พวกเขาคงจะฟังเจ้า
แต่เราส่งเจ้าไปหาอิสราเอลซึ่งเขาจะไม่ฟังเจ้า
เหตุเพราะเขาไม่ฟังเราก่อน
เพราะคนอิสราเอลทั้งปวงนั้น
เป็นคนหัวแข็งและดื้อดึงยิ่งนัก

เอเสเคียล 2 การทรงเรียกเอเสเคียล

เอเสเคียล 2:1-10

และพระองค์ตรัสกับข้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย  จงลุกขึ้น และเราจะพูดกับเจ้า”
ขณะที่พระองค์ตรัสนั้น  พระวิญญาณเสด็จเข้ามาในตัวข้า และทรงทำให้ข้ายืนขึ้น
ข้าได้ยินพระองค์ตรัสกับข้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เราส่งเจ้าไปหาคนอิสราเอล
ไปยังชนชาติที่ดื้อดึง  พวกเขากบฎต่อเรา
พวกเขาและบรรพบุรุษได้ล่วงละเมิดเราจนกระทั่งทุกวันนี้
บรรพบุรุษของเขาทั้งไม่เกรงใจเราและดื้อด้าน

เราส่งเจ้าไปหาเขา และเจ้าจะพูดกับเขาว่า
‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘
และไม่ว่าพวกเขาจะฟังหรือทำเป็นหูทวนลมก็ตาม
พวกเขาจะรู้ว่า มีผู้กล่าวคำของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางเขา

Ezekiel-2-10
และเจ้า บุตรของมนุษย์  ไม่ต้องกลัวเขาหรือคำของพวกเขา
แม้ว่าทั้งหนามใหญ่หนามเล็กจะอยู่กับเจ้า หรือเจ้าจะนั่งบนแมงป่อง
ก็ไม่ต้องกลัวคำของพวกเขา  ไม่ต้องหวาดหวั่นต่อพวกเขาเลย
เพราะพวกเขาเป็นคนดื้อด้าน
และเจ้าจะต้องกล่าวคำของเราแก่เขา ไม่ว่าเขาจะฟังหรือปฏิเสธก็ตาม
เพราะพวกเขาเป็นคนดื้อด้าน
“แต่เจ้า.. บุตรมนุษย์  เจ้าจงฟังสิ่งที่เราพูดกับเจ้า
เจ้าอย่าเป็นคนดื้อด้านเหมือนกับพวกเขา จงเปิดปากและกินสิ่งที่เราจะให้เจ้า”

เมื่อข้ามองไป ดูเถิด มีมือหนึ่งยื่นมาหาข้า
มือนั้นถือหนังสือม้วน
และหนังสือนั้นถูกคลี่ออกต่อหน้าข้า
มีคำเขียนไว้ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
เป็นคำคร่ำครวญ คำแสดงความโศกเศร้าและทุกข์ระทมใจ

 

เอเสเคียล 1-4 พระสิริของพระเจ้า

เอเสเคียล 1:22-28

เหนือศีรษะของเหล่าสิ่งมีชีวิต เป็นสิ่งที่เหมือนโดมใหญ่
ส่องแสงออกมาราวกับผลึกแก้ว ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก
สิ่งนั้นแผ่ออกไปเหนือศีรษะพวกเขา

ภายใต้แผ่นโดมกว้างใหญ่นั้น  ปีกของพวกเขากางออกกว้าง ชี้ไปหากัน
สิ่งมีชีวิตแต่ละตนใช้ปีกอีกคู่ปกปิดร่างของตน
และเมื่อพวกเขาเคลื่อนไป ก็มีเสียงดังกัมปนาทราวกับน้ำมากหลาย
เหมือนกับสุรเสียงขององค์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
เป็นเสียงเหมือนกับเสียงของกองทัพ
เมื่อพวกเขายืนก็จะหุบปีกลง

และก็มีเสียงออกจากโดมกว้างใหญ่เหนือศีรษะของพวกเขา
เมื่อพวกเขายืนนิ่ง ก็จะหุบปีกลง
ด้านบนเหนือศีรษะของพวกเขาในโดมกว้างใหญ่นั้น
มีบัลลังก์มองดูแล้วเหมือนไพฑูรย์

แร่ไพฑุรย์ แข็งแกร่งเป็นที่สองรองจากเพชร
แร่ไพฑุรย์ แข็งแกร่งเป็นที่สองรองจากเพชร

ผู้ที่ประทับบนบัลลังก์นั้น มีรูปลักษณ์เหมือนกับมนุษย์
เหนือขึ้นไปจากเอวของท่าน ข้าเห็นเป็นดั่งโลหะที่ส่องประกาย
มีไฟอยู่รอบด้าน
ต่อลงมาจากเอวของท่าน ข้าเห็นว่าเป็นไฟ มีความเจิดจ้ารอบ ๆ ท่าน
ความสว่างเจิดจ้าที่เห็นนั้น เป็นเหมือนสายรุ้งที่อยู่บนเมฆในวันฝนตก
ภาพที่ข้าเห็นคือพระสิริของพระเจ้า
เมื่อข้าเห็นนั้นข้าก็ก้มศีรษะจรดดิน
… และข้าได้ยินเสียงหนึ่งกล่าวขึ้นมา

เอเสเคียล 1-3 วงล้อพิศวง

เอเสเคียล 1:15-21

ภาพที่อธิบายในเรื่อง เพื่อน ๆ ลองจินตนาการดูนะครับ  ส่วนข้างล่างเป็นภาพของเพทายที่เรียกว่า beryl

ตอนนี้ ขณะที่ข้ามองดูสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น
ข้าก็เห็นล้อบนแผ่นดินโลก อยู่ข้างๆ สิ่งมีชีวิตนั้น
แต่ละล้อนั้น อยู่กับแต่ละตน
สำหรับรูปร่างของล้อ และโครงสร้างของมันนั้น
ดูเหมือนเพทายที่ส่องประกาย
และล้อทั้งสี่นั้น เหมือนกัน  มีรูปร่าง โครงสร้างเหมือนว่า มันเป็นล้อสองชั้นซ้อนกัน
เมื่อมันไป ก็ไปตามทิศทางทั้งสี่โดยไม่ต้องหันหน้าเลย
ขอบของวงล้อนั้น สูงและน่ากลัว ริมขอบล้อนั้นมีดวงตาติดอยู่รอบ ๆ
และเมื่อสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไป ล้อก็ไปตามพวกเขา
เมื่อสิ่งมีชีวิตลอยขึ้นจากโลก  ล้อนั้นก็ยกขึ้นตามไปด้วย

Beryl

เมื่อไรที่พระวิญญาณประสงค์จะไป  พวกเขาก็ไป ล้อก็เคลื่อนไปกับพวกเขา
เพราะวิญญาณของสิ่งมีชีวิตนั้นอยู่ในล้อ
เมื่อสิ่งมีชีวิตทั้งสี่เคลื่อนไป  วงล้อนั้นก็เคลื่อนไปด้วย
เมื่อพวกเขายืน  ล้อก็หยุดนิ่ง
เมื่อพวกเขาลอยขึ้นจากผืนโลก ล้อก็ขึ้นตามไป
เพราะวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอยู่ในล้อนั้น

 

เอเสเคียล 1-2 สิ่งมีชีวิตประหลาด

เอเสเคียล 1:6-14

สิ่งมีชีวิตเหล่านั้น แต่ละตนมีใบหน้า 4 หน้า  แต่ละตนมี 4 ปีก
ขาของพวกเขาก็ตรง และส่วนเท้านั้น เป็นเหมือนกีบเท้าวัว
พวกเขาส่องแสงประกายราวกับทองเหลืองเงาวับ
ภายใต้ปีกนั้น ก็มีมือเหมือนมนุษย์
ทั้งสี่มีหน้าตา มีปีกอย่างที่อธิบายมานี่แหละ
ปีกนั้นจรดกัน  ทุกตนกำลังเคลื่อนไหวไปข้างหน้า โดยไม่หันซ้ายหันขวา

Book_of_Ezekiel
ส่วนหน้าของเขานั้น เป็นเหมือนใบหน้าของมนุษย์หนึ่งหน้า
มีใบหน้าเหมือนสิงห์ด้านขวา
มีใบหน้าเหมือนวัวด้านซ้าย
และด้านหลังเป็นหน้าแบบนกอินทรี
หน้าตาของพวกเขาเป็นอย่างนี้  ปีกของเขาก็กางขึ้น
ปีกของเขาจรดกัน โดยปีกอีกสองข้างก็คลุมตัวเขาอยู่
แต่ละตนเคลื่อนไหวตรงไปข้างหน้า
เมื่อใดที่พระวิญญาณไปไหน พวกเขาก็ตามไป ไม่มีการหันไปมาขณะที่ตามไปนั้น
สำหรับรูปร่าง ลักษณะของสิ่งมีชีวิตนั้น เป็นเหมือนถ่านไฟกำลังไหม้
เคลื่อนไหวไปมาระหว่างพวกเขากันเอง ไฟนั้นเจิดจ้า
และมีฟ้าผ่าออกมาจากไฟนั้นด้วย
สิ่งมีชีวิตนั้นเคลื่อนไหวพุ่งไปมาเหมือนกับแสงจากฟ้าผ่า

เอเสเคียล 1-1 เห็นนิมิตประหลาด!

เอเสเคียล 1:1-5

วันนั้น ข้าอยู่ที่ริมแม่น้ำเคบาร์ ท่่ามกลางเชลยที่ถูกกวาดมาจากแผ่นดินยูดาห์

เป็นวันที่ 5 เดือน 4 ปีที่ 30

ท้องฟ้าเปิดออกมา

เงยหน้าขึ้นไป ข้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า !!mekfai

 

เป็นวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ส่งคำของพระองค์มายังปุโรหิตเอเสเคียล ลูกชายบูซี

แต่คำของพระเจ้าไม่ได้เลือกว่าจะมาในดินแดนไหน

ข้าอยู่ในแผ่นดินคนเคลเดีย  แต่ข้าก็ยังเห็นพระเจ้า ….

พระหัตถ์ของพระเจ้ามาอยู่เหนือข้า !

 

ข้ามองไป  มองไป  ตอนนั้นเอง มีลมพายุพัดมาจากทางเหนือ

พร้อมกับเมฆที่มีแสงสว่างรอบ

แถมยังมีไฟออกมาจากเมฆด้วย เี๋ดี๋ยวแวบ  เดี๋ยววาบออกมาจากเมฆนั้น

ดูไป ดูมา ก็เหมือนว่าเป็นทองเหลืองที่มีแสงแวบ

ที่ประหลาดกว่านั้นก็คือ มีร่างสัตว์สี่ตัวออกมา

แต่มันไม่ใช่สัตว์ธรรมดา  เพราะว่า มันมีรูปร่างเหมือนมนุษย์!

ท่านเอเสเคียล ผู้เห็นนิมิตตระการ

ก่อนที่คนอิสราเอลเป็นเชลยอยู่ในกรุงบาบิโลนนั้น
พระเจ้าได้ทรงเรียกเอเสเคียลมาเป็นผู้กล่าวคำของพระเจ้า
เพื่อจะตักเตือนคนของพระองค์ เช่นเดียวกับเยเรมีย์
และเมื่อพวกเขาต้องถูกกวาดไปเป็นเชลย
เอเสเคียลก็ได้ไปอยู่กับพวกที่เป็นเชลย ในเทลอาบิบ ริมแม่น้ำเคบาร์ซึ่งอยู่ทางใต้ของบาบิโลน

เชลยเหล่านี้ถูกกวาดต้อนมาในปี 597 ก่อนคริสตศักราช
มีทั้งราชาเยโฮยาคินและราชวงศ์ ประชาชน และช่างฝีมือทุกชนิด…
เอเสเคียลก็ยังเป็นผู้กล่าวคำปลอบใจพวกเขา
และยังได้กล่าวถึงอนาคตของอิสราเอลด้วย

โดยไมเคิล แอนเจลโล
โดยไมเคิล แอนเจลโล

เอเสเคียลเป็นผู้เขียนหนังสือชื่อ “เอเสเคียล”

เขามักพูดถึงพระวิหารของพระเจ้า การถวายเครื่องบูชา บาปและโทษของอิสราเอล   และพระสิริของพระเจ้า

คำที่เอเสเคียลพูดบ่อย ๆ คือ “เพื่อเขาจะได้รู้ว่า เราคือพระเจ้า”

 

เพราะพระเจ้าทรงจำเป็นที่จะต้องลงโทษคนที่ได้กระทำผิดต่อพระองค์

ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน บาปของพวกเขานั้น รุนแรง

จนพระองค์ต้องให้เขาออกจากแผ่นดินที่พระองค์ทรงสัญญาให้เขาอยู่

แต่เอเสเคียลเองก็ได้ยืนยันว่า อิสราเอลจะได้รับการรื้อฟื้นแน่นอน

 

เพลงคร่ำครวญ 5-2 ขออย่าทรงพิโรธตลอดไป

บทเพลงคร่ำครวญ 5:12-22

เหล่าผู้ปกครองทั้งหลาย ก็ถูกมัดมือแขวนเอาไว้
ไม่มีใครสนใจจะนับถือพวกผู้ใหญ่
คนหนุ่มถูกบังคับให้โม่แป้ง เด็กชายทั้งหลายก็เดินโซเซแบกฟืนเป็นมัด ๆ
คนชราทิ้งประตูเมืองที่เคยนั่งอยู่  คนหนุ่มก็ทิ้งเสียงดนตรีของตน
ความยินดีในหัวใจของเราหยุดไป การเต้นรำกลายเป็นการคร่ำครวญ
มงกุฎหล่นจากหัวของเรา

mapa3

วิบัติแก่พวกเรา
เพราะเราได้ทำบาป
เป็นเพราะเหตุนี้ หัวใจของเราจึงเจ็บป่วย
เพราะเหตุนี้ ดวงตาของเราจึงมืดมัวไป
เพราะภูเขาศิโยนซึ่งถูกทิ้งร้าง  มีหมาป่ามาเดินดุ่ม ๆ ดม ๆ

แต่พระองค์
องค์พระผู้เป็นเจ้า… พระองค์ทรงครอบครองนิรันดร์
บัลลังก์ของพระองค์ดำรงสืบต่อไปทุก ๆ ชั่วอายุคน
เหตุใดพระองค์จึงทรงลืมเราไปตลอดกาล?
เหตุใดพระองค์ทรงละทิ้งเราเป็นนานสองนาน?
ขอทรงโปรดรื้อฟื้นพวกเรา ให้เป็นเหมือนวันในอดีต
นอกเสียจากว่า พระองค์ทรงปฏิเสธเราอย่างไม่มีเยื่อใย
และยังทรงพิโรธเรารุนแรงเหลือเกิน

เพลงคร่ำครวญ 5-1

เพลงคร่ำครวญ 5:1-11

ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดระลึกถึงว่า มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเราบ้าง
ขอทรงดูความน่าอดสูของเรา

มรดกของพวกเราถูกส่งไปให้คนแปลกหน้า  บ้านของเราถูกยื่นให้คนต่างชาติ

เรากลายเป็นลูกกำพร้า  ไม่มีพ่อ  แม่ของเราเป็นเหมือนแม่ม่าย
เราต้องจ่ายเงินค่าน้ำดื่ม  เราต้องเสียเงินซื้อไม้
ผู้ไล่ล่าเรานั้น เข้ามาประชิดตัว  เราเหนื่อยอ่อน ไม่ได้พักเลย

sinai

เราถูกยื่นให้กับอียิปต์ และอัสซีเรีย เพื่อให้มีอาหารกินเพียงพอ
บรรพบุรุษของเราทำบาป และพวกเขาก็ตายไปแล้ว
เราต้องรับโทษบาปของพวกเขา
ทาสปกครองเหนือเรา ไม่มีใครจะช่วยให้เราพ้นมือพวกเขา
กว่าจะได้อาหารมากิน ก็ต้องเสี่ยงชีวิต เพราะดาบที่รออยู่ในถิ่นกันดาร
หนังของเราร้อนเหมือนกับเตาอบ พร้อมกับความร้อนแห่งความอดอยาก
ผู้หญิงในศิโยนก็ถูกข่มขืน   ผู้หญิงสาวในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์

เพลงคร่ำครวญ 4-4 บาปที่ถูกเผย

เพลงคร่ำครวญ 4:17-22

อายิน พยัญชนะตัวที่  17

ดวงตาของเราก็อ่อนระโหย พยายามหาความช่วยเหลืออย่างไร้ผล
เราเฝ้าคอยชาติที่ช่วยเราไม่ได้

ซาเด พยัญชนะตัวที่  18

พวกเขาตามเราติด ๆ เพื่อเราจะเดินไปตามถนนของเราไม่ได้
ปลายทางของเรามาถึงเรา วันของเราถูกกำหนดไว้
จุดจบของเรามาถึงจริง ๆ

โคฟ พยัญชนะตัวที่  19

ผู้ที่ติดตามเรานั้น เร็วยิ่งกว่าอินทรีบนท้องฟ้า
พวกเขาตามเราบนภูเขา
คอยซุ่มดักเราในถิ่นกันดาร

 insee

เรช พยัญชนะตัวที่ 20

ผู้ที่เป็นลมหายใจของเรา ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิม ถูกจับในหลุมของเขา
เขาเป็นคนที่เรากล่าวถึงว่า “เราจะอาศัยท่ามกลางประชาชาติภายใต้ร่มเงาของเขา”
ซิน พยัญชนะตัวที่ 21

จงชื่นชมและยินดีเถิด ลูกสาวแห่งเอโดม
ผู้อาศัยในแผ่นดินอูส

เพราะถ้วยนั้นจะผ่านเข้ามาหาเธอด้วย
เธอจะเมาและฉีกเสื้อผ้าของตนออก
ทาว พยัญชนะตัวที่ 22

โอ ลูกสาวของศิโยน การลงโทษความผิดของเจ้าก็สำเร็จแล้ว
พระองค์จะไม่ทรงให้เจ้าเป็นเชลยตลอดไป
โอ ลูกสาวของศิโยน… แต่พระองค์จะทรงลงโทษความผิดของเธอ
พระองค์จะทรงเปิดเผยบาปของเธอ…

เพลงคร่ำครวญ 4-3 ถูกทิ้งไปเสียแล้ว

เพลงคร่ำครวญ 4:12-16

ลาเมด พยัญชนะตัวที่ 12

เหล่ากษัตริย์ในโลกไม่เชื่อ ทั้งคนที่อยู่ในโลกก็ไม่เชื่อว่า

จะมีศัตรู หรือปฏิปักษ์คนใดสามารถเข้าไปในเยรูซาเล็ม

 เมม พยัญชนะตัวที่ 13
นี่เป็นเพราะบาปของบรรดาผู้กล่าวคำและเป็นความผิดของเหล่าปุโรหิต

พวกเขาได้ทำให้เลือดของผู้มีความชอบธรรมต้องหลั่งออกมา

 นูน พยัญชนะตัวที่ 14

พวกเขาตาบอด เดินสเปะสปะ ไปตามถนน
เป็นมลทินเพราะเลือด
ไม่มีใครสามารถแตะต้องเสื้อผ้าของเขาได้เลย

 

สาเมค พยัญชนะตัวที่  15

“ออกไป เจ้าตัวสกปรก!”  ประชาชนร้องใส่พวกเขา
“ออกไป  ออกไป! อย่าแตะต้องพวกเขา”
พวกเขาจึงกลายเป็นคนที่ต้องหนีกระเซอะกระเซิงไป
ประชาชนกล่าวกันท่ามกลางประชาชาติว่า
“พวกเขาอยู่กับเราที่นี่ไม่ได้แล้ว”

เพ พยัญชนะตัวที่  16

องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทำให้พวกเขากระจัดกระจายไป
พระองค์จะไม่ทรงมองพวกเขาอีก
จะไม่มีการให้เกียรติพวกปุโรหิต
ไม่มีความพอใจในเหล่าผู้ใหญ่ทั้งหลาย

 

เพลงคร่ำครวญ 4-2 อดโซ

เพลงคร่ำครวญ  4:7-11

ซายิน พยัญชนะตัวที่ 7

เหล่าเจ้าชายทั้งหลายก็บริสุทธิ์กว่าหิมะ ขาวกว่าน้ำนม

ร่างกายของเขาเป็นประกายกว่าประการัง
ร่างของเขางดงามดั่งไพฑูรย์

เฆท พยัญชนะตัวที่ 8

มาเดี๋ยวนี้ หน้าตาของเขาก็ดำกว่าเขม่าไฟ
ตามถนน ไม่มีใครจำเขาได้

เนื้อหนังของพวกเขาแห้งเหี่ยวหุ้มกระดูก
แห้งจนกลายเป็นเหมือนไม้ทีเดียว

เทท พยัญชนะตัวที่ 9

คนที่เป็นเหยื่อของดาบก็ยังดีกว่าคนที่เป็นเหยื่อของความอดอยาก
คนเหล่านั้น ค่อย ๆ แห้งตายไป เพราะไม่ได้รับผลจากทุ่งนา

W.W. Hooper “Victims of the Madras Famine” 1876-78.
W.W. Hooper “Victims of the Madras Famine” 1876-78.

โยด พยัญชนะตัวที่ 10

มือของผู้หญิงที่เมตตา กลับกลายเป็นมือที่ต้มลูกของตัวเอง
เด็ก กลายเป็นอาหารเมื่อหายนะมาสู่ลูกสาวของประชากรของข้า

คาฟ พยัญชนะตัวที่ 11

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปล่อยพระพิโรธออกมาเต็มที่
ทรงเทความกริ้วอันร้อนแรงออกมา
และพระองค์ทรงจุดไฟในศิโยน ซึ่งมันได้ไหม้ผลาญรากฐานของเมืองจนหมดสิ้น

 

เพลงคร่ำครวญ 4-1 รวยได้ก็จนได้

เพลงคร่ำครวญ 4:1-6

อาเลฟ พยัญชนะตัวที่ 1

ดูซิว่า ทองนั้นหมองมัวลงไปขนาดไหน
ทองแท้เปลี่ยนไปมากเท่าใด
อัญมณีนั้นก็กระจัดกระจายตามหัวถนนทุกสาย

เบท พยัญชนะตัวที่  2

ลูกชายผู้ทรงคุณค่าแห่งศิโยนซึ่งมีค่าเท่ากับทองบริสุทธิ์
กลับกลายถูกมองเป็นเพียงหม้อดิน ซึ่งเป็นผลงานของมือช่างปั้น
แม้หมาป่ายังให้ลูกของตนเองได้ดูดนม

กิเมล พยัญชนะตัวที่  3

แต่ลูกสาวของประชากรของข้ากลับกลายเป็นคนโหดร้าย
ดั่งนกกระจอกเทศในถิ่นกันดาร
เด็กอ่อนนั้นกระหายนมจนลิ้นจรดเพดานปาก
เด็กๆ ร้องขออาหาร  แต่ก็ไม่มีใครให้พวกเขา

creative commons  license โดย Donarreiskoffer
creative commons license โดย Donarreiskoffer

ดาเลท พยัญชนะตัวที่  4

คนทั้งหลายที่เคยกินอาหารชั้นยอด
มาบัดนี้ กำลังพินาศอยู่ตามถนน
คนที่เติบโตขึ้นมากับการใส่เสื้อสีม่วง ก็กลับนั่งกองอยู่บนขยะ

เฮ พยัญชนะตัวที่  5

การลงโทษลูกสาวของประชากรของข้านั่นยิ่งใหญ่
ใหญ่เกินกว่าการลงโทษเมืองโสโดม ซึ่งถูกคว่ำจนพินาศในพริบตาเดียว
ไม่มีใครส่งมือมาช่วยเลยแม้แต่น้อย

เพลงคร่ำครวญ 3-5 ขอพระเจ้าทรงตัดสิน

เพลงคร่ำครวญ 3:55-66

โคฟ พยัญชนะตัวที่ 19  

“จากก้นหลุมลึก  ข้าร้องทูลต่อพระนามของพระองค์ โอองค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์ทรงได้ยินเสียงทูลขอของเข้า..
ขออย่าทรงปิดพระกรรณต่อเสียงร้องขอความช่วยเหลือของข้าเลย!
พระองค์เสด็จมาใกล้ เมื่อข้าร้องทูลต่อพระองค์
ตรัสว่า “อย่ากลัวเลย!”

 

เรช พยัญชนะตัวที่ 20 

พระองค์ทรงรับคดีของข้า โอองค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์ได้ทรงไถ่ชีวิตของข้า
ทรงเห็นความชั่วที่มีคนทำแก่ข้า โอองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงตัดสินคดีของข้า
พระองค์ทรงเห็นว่า เขาแก้แค้นข้าอย่างไร

yutitham

ซิน  พยัญชนะตัวที่ 21

พระองค์ทรงได้ยินเสียงเยาะหยันของพวกเขา  โอ องค์พระผู้เป็นเจ้า
และแผนการเพื่อทำร้ายข้า

ทั้งปากและความคิดของผู้ที่ให้ร้ายป้ายสีข้า
ก็ตกอยู่กับข้าตลอดวัน
ขอทรงดูการนั่งลงและลุกขึ้นของพวกเขา
ข้าเป็นสิ่งที่เขาคอยเยาะหยันไม่หยุด

ทาว พยัญชนะตัวที่ 22

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงแก้คืนให้
ตามผลงานของน้ำมือของพวกเขา
พระองค์จะทำให้ใจของพวกเขาโง่มึนไป คำสาปของพระองค์จะอยู่เหนือพวกเขา
ภายใต้ฟ้าสวรรค์ของพระองค์ โอองค์พระผู้เป็นเจ้า”

เพลงคร่ำครวญ 3-4 คนที่ถูกล่า

เพลงคร่ำครวญ 3:40-54

นูน พยัญชนะตัวที่ 14

ขอให้เราทดสอบ และตรวจดูหนทางของเรา
และกลับมาหาพระเจ้า
จงยกใจของเรา มือของเราสู่พระเจ้าบนสรวงสวรรค์
เราได้ล่วงละเมิดและกบฎต่อพระเจ้า และพระองค์มิได้อภัย

สาเมค พยัญชนะตัวที่ 15

พระองค์ทรงล้อมพระองค์เองด้วยพระพิโรธ และทรงตามเรา

ทรงสังหารโดยไม่ได้กรุณา
พระองค์ทรงล้อมพระองคืเองด้วยเมฆ เพื่อว่าจะไม่มีคำอธิษฐานทะลุผ่านไปถึงพระองค์
ทรงทำให้เราเป็นคนไร้ค่า เป็นขยะท่ามกลางประชาชนทั้งหลาย

เพ พยัญชนะตัวที่ 16
ศัตรูของเราทุกคนได้เปิดปากต่อต้านเรา
ความหวาดหวั่นและหลุมพรางนั้นก็อยู่เหนือเรา ทั้งความเสียหายอันรุนแรงและหายนะ
ดวงตาของข้าหลั่งน้ำตาพรั่งพรูออกมาเพราะความหายนะของลูกสาวของประชาชนของข้า

lanok

อายิน พยัญชนะตัวที่ 17
น้ำตาของข้าจะไหลไม่หยุด  ไม่ทุเลา

จนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจากสวรรค์จะทรงมองลงมาและเห็น
ดวงตาของข้าทำให้โศกเศร้าเนื่องจากเคราะห์กรรมของลูกสาวแห่งเมืองของข้า

ซาเด พยัญชนะตัวที่ 18
ข้าถูกศัตรูตามล่าเหมือนนก โดยไม่มีเหตุ
พวกเขาโยนข้าลงไปในบ่อลึก และขว้างหินใส่ข้า
น้ำท่วมหัวข้า และข้าร้องว่า “ข้าหมดสิ้นแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร”