อิสยาห์ 41-2

อิสยาห์ 41:5-10

แผ่นดินชายทะเลเห็นและกลัว  ที่สุดปลายแผ่นดินโลกก็ตัวสั่น  พวกเขามาใกล้ และมาจริง ๆ  ทุกคนต่างช่วยเพื่อนบ้านของตน และกล่าวกับพี่น้องของตนว่า “จงเข้มแข็ง!”

cyrus-the-great-2 (2)

ช่างฝีมือให้กำลังใจกับช่างทอง ผู้ที่ทำให้งานเรียบเนียนด้วยค้อนก็ให้กำลังใจกับคนที่ใช้ทั่ง  พูดถึงการที่บัดกรีออกมาว่า “ดีนะ”   แล้วเขาก็เอาตะปูไปตรึงไว้

เมื่อมีศัตรูเข้ามาโจมตี  ดูซิ  แทนที่พวกเขาจะมาหาพระเจ้า  กลับมาปลอบใจกันเอง และพากันสร้างรูปเคารพขึ้นอีก  

แต่เจ้า อิสราเอล  เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา  ยาโคบที่เราได้เลือก  ลูกหลานของอับราฮัมเพื่อนของเรา
เจ้า ผู้ที่เราได้นำมาจากที่สุดปลายแผ่นดินโลก  และเรียกมาจากดินแดนไกลโพ้น

พวกเขาเป็นคนรับใช้ของพระเจ้า… เมื่อเทียบกับชนชาติอื่นที่ไม่ใช่  พวกเขามีสิทธิพิเศษจริง ๆ   และพระเจ้าทรงเรียกอับราฮัมผู้เป็นบิดาของชาวอิสราเอลว่า “เพื่อน” ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์นั้นแนบแน่นกว่าการเป็นคนรับใช้เสียอีก

ในยุคสุดท้าย พระเจ้าจะทรงเรียกคนของพระองค์กลับมาจากสถานที่ซึ่งพวกเขากระจัดกระจายกันไป…  

และเราพูดกับเจ้าว่า “เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา เราได้เลือกเจ้าและมิได้เขวี้ยงเจ้าทิ้งไป  อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า  อย่าท้อแท้ เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า  เราจะให้กำลังเจ้า ใช่ เราจะช่วยเจ้า  เราจะยกเจ้าขึ้นด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา”

พระเจ้าทรงให้กำลังใจพวกเขาขนาดนี้  พวกเขารู้ไหมนะว่า คนอื่น ๆ ยังไม่ได้อย่างนี้เลย 

อิสยาห์ 41-1

อย่ากลัว เพราะเราอยู่กับเจ้า

อิสยาห์ 41:1-4

ในความเงียบ  จงฟังเรา  แผ่นดินชายทะเลเอ๋ย
จงให้ผู้คนได้รื้อฟื้นกำลังขึ้นมาใหม่
ให้พวกเขาเข้ามา และได้พูด
ให้พวกเราเข้ามาเพื่อรับการพิพากษา

Is41Cyrus

ใครล่ะ ที่ได้เร้าให้คนหนึ่งจากตะวันออกเข้ามาพบกับชัยชนะทุกฝีก้าว?
ผู้นั้นได้มอบประชาชาติทั้งหลายให้เขา เพื่อว่าเขาจะได้เหยียบย่ำเหล่ากษัตริย์อยู่ใต้เท้า เขาใช้ดาบทำให้เหล่ากษัตริย์เหล่านั้นเป็นเหมือนฝุ่น
เขาใช้ธนูทำให้พวกนั้นเป็นเหมือนตอข้าวที่ถูกพัดไป
เขาตามไล่ล่าและผ่านพวกเขาไปอย่างปลอดภัย  ตามทางที่เขาไม่เคยเหยียบไปเลย
ใครล่ะ เป็นผู้ที่ทำสิ่งนี้ให้เห็น  เรียกบรรดาชนทุกรุ่นมาจากตั้งแต่เวลาปฐมกาล?

เรา องค์พระผู้เป็นเจ้า  ผู้เป็นต้น และเป็นสุดท้าย เราคือเขาผู้นั้น

อ่านตอนนี้แล้วต้องเข้าใจว่า ใครล่ะ นั่นคือ องค์พระผู้เป็นเจ้า ส่วนคนที่มาจากตะวันออกนั้นคือ  ราชาไซรัสมหาราชแห่งเปอร์เซีย   ไซรัสได้รบชนะบาบิโลน (ถ้าเราดูการ์ตูนของวันที่ 4 เมษายน 13 ช่องที่ 7 ก็จะเข้าใจมากขึ้น)

พระเจ้าทรงมอบอำนาจให้ไซรัสมหาราชได้ชนะไปรอบทิศ …. เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้กำหนดสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น ไม่ใช่อะไรเกิดตามความบังเอิญ  …

พระเจ้าทรงเป็นต้น และเป็นสุดท้าย มีความหมายชัดเจนว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และทรงเป็นผู้ปกครองทุก ๆ ส่วนของประวัติศาสตร์โลกนี้

อิสยาห์ 40-5

อิสยาห์ 40:25-31

เจ้าจะเปรียบเรากับใคร เราเหมือนใครหรือ? องค์ผู้บริสุทธิ์ตรัส  จงเงยหน้ามองดูที่สูง  ใครล่ะ  ใครสร้างสิ่งเหล่านี้มา?
พระองค์ผู้ทรงนำดวงดาวออกมาตามจำนวน และเรียกชื่อของมัน  ด้วยความยิ่งใหญ่แห่งอำนาจของพระองค์  และเพราะพระองค์ทรงพลังเข้มแข็ง จึงไม่มีดาวดวงใดขาดไปเลย

“โอ ยาโคบ เหตุใดเจ้าจึงกล่าวว่า…  โอ อิสราเอล เหตุใดเจ้าจึงพูดว่า… ..หนทางของข้าพเจ้าซ่อนไว้จากพระเจ้า  และพระเจ้าไม่ทรงสนพระทัยในสิทธิของข้าพเจ้า..? “

เจ้าไม่เคยรู้เลยหรือ?  เจ้าไม่เคยได้ยินหรือ?   ว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้านิรันดร์  ทรงเป็นพระผู้สร้างจนที่สุดปลายแผ่นดินโลก  พระองค์ไม่ทรงอ่อนเพลียหรือเหนื่อยล้า   ความเข้าใจของพระองค์นั้นเกินที่จะหยั่งรู้ได้

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Unported License.
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Unported License.

PHOTO BY SCOTT BOURNE

พระองค์ประทานกำลังให้กับคนที่อ่อนเพลีย  และคนที่ไม่มีพลัง พระองค์ก็ทรงเพิ่มกำลังให้
แม้ว่าเด็กหนุ่มสาวจะอ่อนเพลียและเหน็ดเหนื่อย  แม้เด็กหนุ่มจะล้มลงด้วยความล้า  แต่คนที่รอคอยพระเจ้าจะรับกำลังใหม่  พวกเขาจะก้าวขึ้นมาพร้อมกับปีกดั่งอินทรี  พวกเขาจะวิ่ง และไม่อ่อนแรง  พวกเขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง

อิสยาห์ 40-4

อิสยาห์ 40:18-24

พระเจ้าเท่านั้น ทรงเป็นพระเจ้า

ดูเหมือนว่า คราวนี้อิสยาห์กำลังเยาะเย้ยคนที่สร้างรูปเคารพขึ้น  อ่านดูว่า ท่านกล่าวไว้อย่างไร

เจ้าจะเปรียบองค์พระผู้เป็นเจ้ากับอะไร  จะมีสิ่งใดมาเปรียบเทียบกับพระองค์ได้ ?

รูปเคารพหรือ ช่างปั้นก็หล่อมันขึ้นมา  และช่างทองก็เคลือบมันด้วยทอง  และยังหล่อโซ่เงินให้อีก
และสำหรับคนที่ยากจน ก็เลือกเอาไม้ที่ไม่ผุมาทำเป็นรูปเคารพ เขาหาช่างฝีมือให้ตกแต่งไม้เป็นรูปเคารพที่จะไม่เคลื่อนไหวไปไหน

เจ้าไม่รู้หรือ? เจ้าไม่ได้ยินหรือ? ไม่ได้มีการบอกมาตั้งแต่ต้นหรอกหรือ? เจ้าไม่เข้าใจมาตั้งแต่การเริ่มวางฐานแผ่นดินโลกหรือ?

พระองค์ผู้ประท้บเหนือวงอาณาเขตของโลก  (น่าสนใจจริง เอกภาพอันกว้างใหญ่ ทำให้เรารู้ว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก)
และเหล่าคนที่อยู่ในโลกก็เป็นเหมือนตั๊กแตน
พระองค์ทรงขึงฟ้าราวกับขึงม่าน
และกางมันออกเหมือนกับกระโจมที่อาศัย

meathook galaxy  ภาพถ่ายโดยWide Field Imager on the MPG/ESO 2.2-metre telescope at La Silla, Chile ใช้ภาพผ่าน creative commons
meathook galaxy ภาพถ่ายโดยWide Field Imager on the MPG/ESO 2.2-metre telescope at La Silla, Chile ใช้ภาพผ่าน creative commons

พระองค์ทรงทำให้เจ้าชายทั้งหลายกลายเป็นความว่าง
และทำให้ผู้ปกครองของแผ่นดินกลายเป็นความว่างเปล่า

พวกเขาถูกปลูกขึ้นไม่กี่คน  หว่านไม่กี่คน   รากก็ลงไปในดิน ยังไม่ทันไร เมื่อพระเจ้าทรงเป่าพวกเขา เขาก็เหี่ยวแห้งไป  พายุพัดเขาออกไปเหมือนตอข้าว

เพื่อน ๆ ครับ เมื่อเราสามารถมองลึกเข้าไปในจักรวาล  เห็นกาแล็กซี่อื่น ๆ  มันพอจะทำให้เราเห็นไหมว่า เราเหมือนความว่างเปล่าขนาดไหน

อิสยาห์ 40-3

อิสยาห์ 40:12-17

ใครเป็นผู้ที่วัดน้ำด้วยอุ้งมือ และวัดขนาดท้องฟ้าด้วยมือเพียงคืบเดียว

ภาพs]6,fe creative commons
ภาพs]6,fe creative commons

ยังบรรจุผงดินจากผืนโลกในถัง และชั่งน้ำหนักของภูเขาบนตาชั่ง ชั่งนำหนักของเนินเขาด้วยตราชั่งลูกตุ้ม ?
พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ และขณะที่พระองค์ทรงสร้างสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ พระเจ้าทรงทำอย่างมีระบบระเบียบ งดงาม

ผู้ใดได้วัดพระวิญญาณของพระเจ้า?
มนุษย์คนใดจะให้คำปรึกษาแก่พระองค์?
ใครจะทำให้พระองค์ทรงเข้าใจ?
ใครบอกหนทางของความเที่ยงตรงแก่พระองค์?
และบอกความรู้ต่าง ๆ แก่พระองค์?
พระเจ้าเท่านั้นทรงสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาด้วยพระองค์เอง ไม่มีมนุษย์คนใดเกิดมาแล้วไปสั่งพระองค์ให้สร้างโลกและจักรวาลได้ แต่มนุษย์ในโลกก็ยังคิดว่า ตัวเองใหญ่โตเหนือกว่าพระองค์ สรรเสริญองค์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งอย่างมหัศจรรย์

ดูเถอะ ประชาชาชาติต่าง ๆ ก็เป็นเหมือนน้ำหยดหนึ่งจากถัง และนับเหมือนผงเล็ก ๆ บนตาชั่ง
ดูเถิด พระองค์ทรงหยิบแผ่นดินชายทะเลขึ้นมาเหมือนกับฝุ่นเล็ก ๆ
เลบานอนทั้งหมดก็ไม่พอที่จะเป็นเชื้อเพลิง สัตว์ป่าทั้งสิ้นก็ไม่พอที่จะเผาเป็นเครื่องบูชา

ต่อพระพักตร์พระเจ้า ประชาชาติทั้งหลายก็ไม่เป็นอะไรเลย…
พวกเขาถูกพระองค์นับเป็นน้อยกว่าศูนย์ น้อยกว่าความว่างเปล่า!

แค่อ่านตอนนี้ ก็รู้สึกตะลึงลานกับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
และรู้สึกสมเพชกับมนุษย์ที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มีอำนาจ เขาหารู้ไม่ว่า เขาเล็กยิ่งกว่าฝุ่นในสายพระเนตรของพระเจ้า

อิสยาห์ 40-2

อิสยาห์ 40:6-11

พระคำของพระเจ้าคงอยู่ตลอดไป

เสียงหนึ่งร้องว่า “ร้องซิ! “ และข้ากล่าวว่า “ข้าจะร้องอะไรเล่า?”   บรรดาสิ่งที่มีเนื้อหนังก็เหมือนหญ้า  ความงามของมันก็เหมือนกับดอกไม้ในทุ่ง

หญ้าก็เหี่ยวแห้งไป  ดอกไม้ก็ร่วงไป  เมื่อพระเจ้าทรงเป่ามันด้วยลมปราณของพระองค์   ใช่แล้ว คนเป็นเหมือนหญ้า

หญ้าก็เหี่ยวแห้งไป  ดอกไม้ก็ร่วงไป  แต่พระคำของพระเจ้านั้นดำรงอยู่เป็นนิตย์

ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

จงลุกขึ้นไปยังภูเขาสูง  โอ ศิโยน  ฟังข่าวดีเถอะ  เปล่งเสียงของเจ้าสุดกำลัง โอ เยรูซาเล็ม  ผู้ส่งข่าวดี  จงเปล่งเสียงของเจ้า ไม่ต้องกลัว  กล่าวแก่เมืองต่าง ๆ ของยูดาห์ว่า “ จงมองดูพระเจ้าของเจ้า”

ดูเถิด  องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาด้วยอานุภาพ  แขนของพระองค์ครอบครองเพื่อพระองค์
ดูเถิด รางวัลอยู่กับพระองค์ และค่าตอบแทนก็อยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์

is40-shepherd

พระองค์จะทรงเลี้ยงฝูงแกะของพระองค์เหมือนกับผู้เลี้ยง และจะทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมกอดของพระองค์  พระองค์จะทรงอุ้มมันไว้ในทรวง และนำตัวที่มีลูกอ่อนไป

การบรรยายของอิสยาห์ตอนนี้ ทำให้เราคิดถึงใครไปไม่ได้  นอกจากพระเยซูผู้ทรงเป็นผู้เลี้ยงดีเลิศ

อิสยาห์ 40-1

จากบทที่ 40 ต่อไปนี้ เราจะได้เห็นพระคุณของพระเจ้าที่มีต่ออิสราเอลอย่างมาก   แม้ว่าเขาจะถูกจับไปเป็นเชลย ต้องทุกข์ยากลำบากในบาบิโลน แต่มีวันหนึ่งที่พระเจ้าจะทรงช่วยเขา  ตั้งแต่บทแรกจน 39 ที่ผ่านมา  มีข่าวสารเรื่องของการพิพากษาของพระเจ้าไม่ยั้งหยุด  แต่เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงเมตตาเพียงไร แผนการของพระองค์นั้น  เพื่อให้พวกเขาได้สิ่งดีกว่า ไม่ตกอยู่ในสภาพที่ทำลายตัวเองด้วยบาปของตน

“จงปลอบใจ จงปลอบใจคนของเรา”  พระเจ้าของเจ้าตรัส

“จงพูดอย่างอ่อนโยนต่อนครเยรูซาเล็ม และร้องว่า สงครามของเธอสิ้นสุดลงแล้ว และความบาปผิดของเธอได้รับการอภัยแล้ว   และเธอได้รับโทษจากพระหัตถ์ของพระเจ้าถึงสองเท่าของบาป”

ตรงนี้เราเห็นเลยว่า ไม่ว่าพวกเขาทำบาปเพียงไร พระเจ้าก็ทรงยกโทษให้เขาเมื่อเขากลับใจ และถ้าเราจะอ่านไป ๆ เราจะเห็นว่า พระเจ้าจะประทานพระพรเป็นสองเท่าของที่ได้รับโทษไปด้วย …

desert

มีเสียงหนึ่งร้องว่า “จงเตรียมทางของพระเจ้าในถิ่นกันดาร  จงทำทางหลวงเส้นตรงในทะเลทรายถวายองค์พระเจ้า   หุบเขาจะถูกถม  และภูเขา-เนินเขาจะถูกทำให้ราบลง  พื้นที่ซึ่งเป็นหลุมขรุขระจะทำให้ราบเรียบ

พระสิริอันตระการของพระเจ้าจะปรากฏ  และทุกชีวิตจะมองเห็นพร้อม ๆ กัน  พระโอษฐ์ของพระเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว”

 

ดูเหมือนท่านอิสยาห์จะเน้นพระบิดา พระเจ้าผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงยิ่งใหญ่จากบทนี้ไปจนถึง 48  จากนั้นกล่าวถึงพระบุตรจนถึงบทที่ 57  และองค์พระวิญญาณจาก 58-66 

ให้เพื่อน ๆ อ่านกันต่อไปนะครับ 

อิสยาห์ 39-2

อิสยาห์ 39:3-8

เมื่อได้ข่าวนั้น อิสยาห์จึงเข้ามาเฝ้าราชาเฮเซคียาห์ด้วยความหนักใจ ทูลว่า “คนเหล่านี้พูดอะไรบ้าง?  และพวกเขามาจากไหนกันพะยะค่ะ?”

Is39Hezekiah-Babylonians

พระราชาตรัสตอบว่า “โอ.. พวกเขามาเยี่ยมเราไง  มาจากเมืองบาบิโลนซึ่งอยู่ไกลมาก “

“แล้วพวกเขาเห็นอะไรในราชวังของพระองค์บ้าง?”

“โอย… พวกเขาเห็นทุกอย่างนั่นแหละ  ไม่มีอะไรสักอย่างที่ข้าไม่ได้ให้พวกเขาชม”  พระราชาทรงตอบอย่างภูมิใจ… พระองค์ทรงมีมากมายที่จะอวดได้นี่นา

แล้วอิสยาห์จึงทูลพระองค์ว่า “ขอพระราชาทรงฟังพระดำรัสของพระเจ้า  ดูเถอะ     วันหนึ่ง ทรัพย์สมบัติทุกอย่างในพระคลัง และทุกอย่างที่บรรพบุรุษได้เก็บสะสมไว้จะถูกกวาดไปบาบิโลนจนหมดสิ้น  ไม่มีอะไรเหลือเลย… พระเจ้าตรัสไว้ดังนี้

และโอรสในใส้ของพระองค์หลายคนจะถูกจับไป  และกลายเป็นขันทีในวังของกษัตริย์แห่งบาบิโลน”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฮเซคียาห์จึงตรัสแก่อิสยาห์ว่า  “พระดำรัสของพระเจ้าที่ท่านอิสยาห์ว่ามานั้น ก็ดีนะ”

เพราะพระราชาทรงคิดว่า…. อย่างน้อยก็มีสันติสุขและความปลอดภัยในรัชกาลของข้า!

ราชาเฮเซคียาห์ไม่ได้คิดถึงลูกหลานเลย… ขอให้ตัวเองสบายและปลอดภัยเป็นพอ…ยังไงกันนี่?

อิสยาห์ 39-1

อิสยาห์ 39:1-2

ในเวลานั้น เมโรดัค-บาลาดัน โอรสของบาลาดันซึ่งเป็นราชาแห่งบาบิโนทรงส่งราชทูตมาพร้อมกับคำอวยพรและของขวัญมาถวายแด่ราชาเฮเซคียาห์

พระองค์ทรงได้ข่าวว่า ราชาเฮเซคียาห์ทรงล้มป่วยและบัดนี้หายดีแล้ว  การมาของราชทูตครั้งนี้ทำให้ราชาเฮเซคียาห์ทรงรู้สึกดีมาก ๆ

คงเป็นความรู้สึกแปลกมากทีเดียว  หัวหน้าของประเทศที่เป็นศัตรูกลับส่งสารมาอวยพร และยังมีของขวัญมาถวายอีก  ราชาเฮเซคียาห์ทรงรู้สึกอย่างไร  ลองคิดซิ….

ต่อมา พระองค์ได้ทรงนำราชทูตทั้งคณะไปชมท้องพระคลังในราชวัง และท้องพระคลังหลวง  ให้พวกเขาชมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเงิน ทอง เครื่องเทศ น้ำมันมีค่า และอาวุธ …

Is39hezekiah_babylon

และแน่นอนในเวลานั้น เพื่อน ๆ ลองคิดดูว่า ราชทูตจะต้องพูดคำที่ยกยอราชาเฮเซคียาห์อย่างล้น ๆ เกิน ๆ  พระราชาเองก็หลงคำเหล่านั้นไปด้วยปรากฏว่า ไม่มีของใดที่หลุดหูหลุดตาเหล่าราชทูตนี้ไปเลย พระองค์ไม่เก็บความลับไว้สักนิด

เหมาะหรือเปล่าที่พระราชาจะทำสิ่งนี้?

เหตุใดพระองค์จึงทรงให้พวกเขาดูท้องพระคลัง? ลองจินตนาการวันนั้นที่ทั้งสองฝ่ายพบกัน… แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนี่?

เวลาที่มีคนชม เวลาที่ถูกชื่นชมมากเกินไป  จะเกิดอะไรในใจของเรา ??

อิสยาห์ 38-3

ข้อเขียนของพระราชา (ต่อ)

ตอนที่ราชาเฮเซคียาห์ทรงป่วยหนัก  ทรงทูลขอต่อพระเจ้าที่จะรักษาให้หาย

อิสยาห์ 38:16-21

ข้าแต่พระเจ้า มนุษย์มีชีวิตได้ด้วยสิ่งเหล่านี้  และชีวิตของจิตวิญญาณของข้าก็อยู่ในสิ่งเหล่านี้  ขอพระเจ้าทรงรื้อฟื้นข้าให้หายเป็นปกติ  ขอทรงให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไป!

ดูเถอะ ที่ข้าต้องขมขื่นมากเช่นนี้ก็เพื่อสวัสดิภาพของข้าเอง  ด้วยความรัก พระองค์ได้ทรงช่วยชีวิตของข้าให้รอดพ้นจากหายนะในหลุมลึก เพราะพระองค์ทรงเขวี้ยงบาปทั้งสิ้นของข้าไว้เบื้องหลังพระองค์

เพราะแดนคนตายไม่ขอบคุณพระองค์ และความตายก็ไม่สรรเสริญพระองค์  และคนที่ตายไปอยู่ที่นั่นก็ไม่อาจจะหวังใจในความซื่อตรงของพระองค์

Is38hezekiah-sick

คนเป็น คนเป็นเท่านั้นที่ขอบคุณพระองค์  เหมือนอย่างที่ข้าทำในวันนี้  พ่อได้ทำให้ลูกได้รู้จักความซื่อตรงของพระองค์

พระเจ้าจะทรงช่วยข้าให้รอดพ้น และเราจะเล่นเครื่องสายทุกวันตลอดชีวิตของเราในพระวิหารของพระองค์

บัดนี้อิสยาห์กล่าวว่า “ให้เอาขนมมะเดื่อมาปะไว้ที่ฝีของพระราชา แล้วพระองค์จะทรงหายดี”  เอเซคียาห์จึงตรัสว่า “อะไรเป็นหมายสำคัญว่า ข้าจะได้ไปยังพระวิหารของพระเจ้า”

อิสยาห์ 38-2

อิสยาห์ 38:9-15

คำเขียนของราชาเฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ หลังจากที่พระองค์ทรงป่วย และฟื้นองค์ขึ้นจากอาการป่วย

ข้ากล่าวว่า … ในชีวิตวัยกลางคน ข้าจะต้องจากไป ข้าถูกพาไปที่ประตูเมืองคนตายตลอดชีวิตของข้าที่เหลืออยู่  ข้ากล่าวว่า ข้าจะไม่ได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าในแผ่นดินของคนที่มีชีวิตอยู่

ข้าจะไม่ได้มองเห็นมนุษย์ท่ามกลางผู้ที่อาศัยในโลกอีกต่อไป
ที่อาศัยของข้าถูกถอน และเคลื่อนย้ายออกไปจากข้าราวกับกระโจมของคนเลี้ยงแกะ

ข้าได้ม้วนชีวิตของข้าเหมือนกับคนทอผ้า  เขาตัดข้าออกจากหูกทอ  ตั้งแต่เช้าจนค่ำพระเจ้าทรงนำข้ามาถึงอวสาน

ข้าทำตัวให้สงบจนกระทั่งเช้า  พระองค์ทรงหักกระดูกของข้าเหมือนอย่างสิงโต  ตั้งแต่เช้าจนค่ำพระเจ้าทรงนำข้ามาถึงอวสาน

ข้าร้องอย่างนกนางแอ่น หรือนกกระเรียน ข้าร้องครางเหมือนอย่างนกพิราบ

is38king_hezekiah

ดวงตาของข้าอ่อนระโหยเพราะมองขึ้นไป  ข้าแต่พระเจ้า ข้าถูกบีบคั้น ขอทรงเป็นผู้ประกันความปลอดภัยให้ข้าด้วย!

ข้าจะพูดอย่างไร เพราะพระองค์ตรัสกับข้า พระองค์ทรงกระทำสิ่งเหล่านั้น  ข้าเดินไปช้า ๆ ตลอดปีเดือนของชีวิตข้าเพราะจิตวิญญาณของข้าขมขื่นนัก….

ยังมีต่อ

อิสยาห์ 38-1

 

อิสยาห์ 38:1-8

ในช่วงเวลานั้นเอง ราชาเฮเซคียาห์ทรงป่วยจนเกือบจะสิ้นพระชนม์   และอิสยาห์ผู้กล่าวคำของพระเจ้าบุตรของอามอสเข้ามาเฝ้า  ทูลขอให้พระราชาทรงจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพราะว่า พระองค์จะสิ้นพระชนม์แน่  จะไม่มีพระชนม์อยู่ต่อไป

hezekiahs-illness2

เมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น ….

ราชาเฮเซคียาห์หันพระพักตร์เข้าผนัง และอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า   ตรัสว่า

ขอพระเจ้าทรงโปรดระลึกถึง  ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทูลขอพระกรุณา  ขอทรงระลึกว่า ข้าพระองค์ได้ดำเนินชีวิตอย่างไรต่อพระพักตร์ของพระองค์  ข้าพระองค์เดินอย่างสัตย์ซื่อ ในควาจริง ด้วยสุดใจของข้าพระองค์  และได้ทำสิ่งที่ชอบต่อพระเนตรของพระองค์… แล้วพระราชาก็ทรงร้องไห้ด้วยความขมขื่นพระทัย….

ใช่แล้ว พระองค์ไม่อยากที่จะสิ้นใจไปในเวลานี้!

จากนั้น พระเจ้าตรัสกับอิสยาห์ว่า  “ไป  เจ้าจงไปบอกเฮเซคียาห์ว่า  พระเจ้าของดาวิด บรรพบุรุษของเจ้าตรัสว่า เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว  เราได้เห็นน้ำตาของเจ้า ดูเถอะ เราจะต่อชีวิตให้อีก 15  ปี”

“และเราจะช่วยเจ้าและนครแห่งนี้ให้พ้นจากน้ำมือของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย  เราจะปกป้องนครเยรูซาเล็มไว้”

เพือเจ้าจะได้รู้ว่านี้เป็นคำของเรา เราจะให้หมายสำคัญแก่เจ้า

นั่นคือ เราจะให้เงาของแสงอาทิตย์บนนาฬิกาแดดของอาหัสนั้น  ย้อนกลับมาสิบขั้น…”

แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง    แสงอาทิตย์ได้ย้อนกลับบนนาฬิกาแดดสิบขั้น…….

อิสยาห์ 37-5

อิสยาห์ 37:30-38

และนี่จะเป็นเครื่องหมายสำหรับเจ้า… เฮเซคียาห์ ปีนี้เจ้าจะได้กินสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาเอง ในปีถัดไปเจ้าจะได้กินสิ่งที่งอกออกมาจากจากนั้น แล้วในปีที่สามจงหว่านและเก็บเกี่ยว ปลูกสวนองุ่นและกินจากผลนั้น

และคนที่เหลืออยู่ในครอบครัวของยูดาห์จะหยั่งรากลึกลงไป และเกิดผลขึ้นมา เพราะจากนครเยรูซาเล็ม คนที่หลงเหลืออยู่จะออกมา จากภูเขาศิโยนจะมีกลุ่มคนที่รอดชีวิตออกมา พระเจ้าจะทรงทำสิ่งนี้ด้วยความกระตือรือร้น

พระเจ้าตรัสถึงกษัตริย์แห่งอัสซีเรียว่า ดังนั้น เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองนี้ หรือยิงธนู ณ ที่นี้ หรือจะมาอยู่ต่อหน้าเมืองนี้ด้วยโล่ห์ หรือจะมาสร้างป้อมเพื่อสู้กับเมืองนี้ก็ไม่ได้ เขามาทางใด เขาต้องกลับไปทางนั้น เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองนี้ พระเจ้าตรัส
เพราะเราจะป้องกันเมืองนี้ เพื่อจะช่วยให้รอดปลอดภัย เพื่อเห็นแก่เราเอง และเห็นแก่ดาวิดซึ่งเป็นผู้รับใช้ของเรา

ภาพจากmagnoliabox.com
ภาพจากmagnoliabox.com

แล้วทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้ออกไป และสังหารทหารอัสซีเรีย 185,000 นาย และเมื่อลุกขึ้นในเวลาเช้าวันต่อมา ก็พบแต่ศพมากมายเหล่านี้
จากนั้น เซนนาเคอริบ กษัตริย์แห่งอัสซีเรียจึงยกทัพกลับไป ประทับในนีนะเวห์

อยู่มา ขณะที่พระองค์กำลังนมัสการในวิหารเจ้านิสโรก โอรสสองคนก็สังหารพระองค์ด้วยดาบ จากนั้นก็หนีไป โอรสที่ชื่อเอสารฮัดโดนจึงครองแทน

อิสยาห์ 37-4

อิสยาห์ 37:21-29

ถึงทีของเซนนาเคอริบ

แล้วอิสยาห์ลูกชายของอาโมสจึงส่งคนไปหาราชาเฮเซคียาห์   ทูลว่า  “พระเจ้า องค์พระเจ้าแห่งอิสราเอล  ตรัสดังนี้  เพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเราในเรื่องของเซนนาเคอริบ ราชาแห่งอิสซีเรีย

ขอให้ฟังคำของพระเจ้าเกี่ยวกับราชาอัสซีเรีย  เธอดูหมิ่นเจ้า เธอเยาะหยันเจ้า ลูกสาวพรหมจารีแห่งศิโยน… เธอส่ายหน้าตามหลังเจ้า ลูกสาวแห่งเยรูซาเล็ม

เซนนาเคอริบ...
เซนนาเคอริบ…

เจ้าเยาะเย้ย เหยียดหยามใคร? เจ้าขึ้นเสียงต่อต้านใคร?  เจ้าทำตายะโสใส่ใคร?  ก็ต่อองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลไงเล่า !  เจ้าใช้บ่าวของเจ้ามาเยาะหยันองค์พระเจ้า   และเจ้ากล่าวว่า  ข้าได้ขึ้นไปยังภูเขาสูงพร้อมกับรถรบจำนวนมาก  ไปยังยอดเลบานอนเพื่อตัดต้นสีดาร์ต้นที่สูงสุดลงมา  ข้าโค่นต้นสนที่ดีเยี่ยม ข้าได้ขึ้นไปถึงที่สูงสุด ในป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด

ข้าขุดบ่อ และดื่มน้ำ  ธารน้ำแห่งอียิปต์แห้งไปหมดเพราะส้นเท้าของข้า”

“เจ้าไม่ได้ยินหรือว่า เราตั้งใจมานานแล้ว?  และบัดนี้ เราจะทำให้มันสำเร็จอย่างที่เราคิดไว้  นั่นก็คือ ให้เจ้าทำลายเมืองป้อมจนกลายเป็นซากปรักหักพัง  ในขณะที่คนเมืองนั้น หมดอำนาจไป ต้องสับสนและอับอาย  กลายเป็นเหมือนต้นพืชในทุ่ง และเหมือนหญ้าอ่อน เหมือนหญ้าที่อยู่บนหลังคาบ้านซึ่งถูกแดดเผาก่อนที่จะเติบโตขึ้นมาได้”

“เรารู้จักเจ้าดี ไม่ว่าจะนั่งลง ออกไป หรือเข้ามา รวมไปถึงที่เจ้าฉุนเฉียวใส่เรา.. เพราะว่าเจ้าได้ทำตัวฉุนเฉียวใส่เรานี่แหละ วาจาอันโอ้อวด โอหังเข้ามาถึงหูเรา  เราจะเอาขอเกี่ยวใส่จมูกของเจ้า และใส่บังเหียนในปากของเจ้า  และเราจะทำให้เจ้ากลับไปตามเส้นทางที่เจ้ามา”

เซนนาเคอริบโอหังกับพระเจ้ามาโดยตลอด  แต่หารู้ไม่ว่า ชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับพระเจ้า  พระองค์ทรงใช้ให้เขาทำทุกอย่างตามน้ำพระทัยของพระองค์เอง ไม่ว่าจะเป็นการทำสงคราม หรือการโจมตีเมืองต่าง ๆ   

เขาไม่มีสิทธิที่จะโอ้อวดอย่างที่เราได้อ่านในวันนี้เลย 

อิสยาห์ 37-3

 

อิสยาห์ 37:14-20

คำอธิษฐานของราชาเฮเซคียาห์

ราชาเฮเซคียาห์ทรงรับจดหมายมาจากมือของผู้สื่อข่าว  ทรงอ่าน และพระองค์ก็เสด็จขึ้นไปยังพระวิหารของพระเจ้าทันที…

คิดว่า พระองค์จะทรงทำอย่างไร?

พระองค์ทรงวางจดหมายนั้นต่อพระพักตร์พระเจ้า และทูลอธิษฐานด้วยพระทัยที่ปวดร้าว
“ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ  พระเจ้าแห่งอิสราเอล  พระองค์ประทับอยู่เหนือเชรูบิม  พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า  จากประชาชาติ อาณาจักรทั้งหลายในแผ่นดิน  พระองค์เท่านั้น ทรงเป็นผู้สร้างสวรรค์และโลก hezekiahs_prayer

 

ขอพระเจ้าทรงเงี่ยพระกรรณ  พระเจ้าข้า  และขอพระองค์ทรงฟัง  โปรดทอดพระเนตร

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเห็นและได้ยินคำที่เซนนาเคอริบส่งมาเพื่อเหยียดหยามพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์   จริง ๆ แล้ว พระเจ้าข้า..กษัตริย์แห่งอัสซีเรียได้ทำลายแผ่นดินของหลาย ๆ ประเทศ  ได้โยนพระของเขาเหล่านั้นลงในกองไฟ  เพราะเหล่านั้นไม่ใช่พระ เป็นเพียงสิ่งที่มือมนุษย์ทำขึ้นมา  เป็นไม้และหิน  ดังนั้นมันจึงถูกทำลาย

บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเราทั้งหลาย ขอพระองค์ทรงช่วยเราให้พ้นจากมือของราชาอัสซีเรีย  เพื่อว่า อาณาจักรทั้งหลายในแผ่นดินจะได้รู้ว่า พระองค์เท่านั้นทรงเป็นพระเจ้า

อิสยาห์ 37-2

อิสยาห์ 37:5-12 

ดังนั้นเมื่อข้าราชการของราชาเฮเซคียาห์ไปหาอิสยาห์   อิสยาห์จึงกล่าวกับเขาว่า “ไปบอกเจ้านายของเจ้า … พระเจ้าตรัสดังนี้  อย่ากลัวคำที่เจ้าได้ยิน

กษัตริย์อัสซีเรียส่งคนหนุ่ม ๆ มาเพื่อกล่าวคำดูหมิ่นเรา  ดูเถิด เราจะใส่วิญญาณหนึ่งเข้าไปในเขา เพื่อว่าเขาจะได้ยินข่าวลือและกลับไปแผ่นดินของเขาเอง  และเราจะให้เขาต้องตายด้วยดาบในแผ่นดินของเขา”

กษัตริย์อัสซีเรียองค์นี้คือ เซนนาเคอริบ   สิ่งที่ร้ายกับตัวเซนนาเคอริบเองคือ การที่ดูหมิ่นองค์พระผู้เป็นเจ้าเที่ยงแท้  และพระองค์ทรงคาดโทษเขาไว้ให้เห็นชัดเจน  

กษัตริย์อัสซีเรียตีเมืองต่าง ๆ พ่ายไปทั่วดินแดน
กษัตริย์อัสซีเรียตีเมืองต่าง ๆ พ่ายไปทั่วดินแดน

เพราะเขาได้ยินว่า พระองค์ออกจากเมืองลาคิชไปแล้ว รับชาเคห์จึงกลับไปเฝ้ากษัตริย์อัสซีเรีย และพบว่ากษัตริย์กำลังต้องสู้กับเมืองลิบนาห์  …
แต่กษัตริย์อัสซีเรียเองได้ยินว่า ทีรหะคาห์ กษัตริย์แห่งคูช … กำลังออกมาสู้กับพระองค์

เมื่อได้ยินดังนั้นจึงส่งสารมาหาราชาเฮเซคียาห์ว่า

อย่าให้พระเจ้าที่ท่านวางใจหลอกท่านว่า  นครเยรูซาเล็มจะไม่ตกอยู่ในมือของกษัตริย์อัสซีเรียอย่างข้า …
ดูซิ  ท่านก็ได้ยินข่าวมาแล้วว่า กษัตริย์อัสซีเรียได้ทำอะไรกับแผ่นดินรอบข้างบ้าง  ทำลายจนหมด  แล้วท่านจะได้รอดไปอย่างนั้นหรือ?
พระเจ้าของชาติต่าง ๆ  ช่วยอะไรได้บ้าง  ประเทศที่พ่อของข้าทำลาย ไม่ว่าจะเป็นโกเซน  ฮาราน  เรเซฟ และชนเอเดนที่อยู่ในเทอัสสาร์
แล้วกษัตริย์เหล่านี้ไปอยู่กันที่ไหนแล้ว?  ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ฮามัท กษัตริย์แห่งอารปัด  กษัตริย์แห่งเมืองเสฟารวาอิม  กษัตริย์แห่งเฮนา และกษัตริย์แห่งอิฟวาห์

อิสยาห์ 37-1

อิสยาห์ 37:1-4

ตอนที่รับชาเคห์เข้ามาพูดท้าทายอยู่นั้น พระราชามิได้ทรงได้ยินว่าเขาพูดอะไร…แต่

ทันทีที่ราชาเฮเซคียาห์ทรงรับทราบว่า เกิดอะไรขึ้นจากข้าราชการทั้งสาม พระองค์ทรงรู้สึกแย่เป็นที่สุด จนกระทั่งทรงฉีกฉลองพระองค์ออก  และทรงสวมผ้ากระสอบ   พระองค์เสด็จเข้าไปในพระวิหารของพระเจ้าด้วยความทุกข์ท่วมท้น

is37sackclth

ไม่แต่เท่านั้น พระองค์ยังทรงส่งข้าราชการสองคนที่ได้ยินคำของรับชาเคห์ สวมเสื้อผ้ากระสอบ  ไปหาท่านอิสยาห์โดยด่วน  บอกท่านอิสยาห์ว่า

“พระราชาเฮเซคียาห์ตรัสว่า … วันนี้เป็นวันแห่งความทุกข์ยาก ถูกตำหนิด่าทอ และเป็นวันแห่งความละอาย… ดูซิ แม่ก็ท้องแก่ใกล้คลอด  แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่มีแรงที่จะเบ่งลูกออกมา   เป็นไปได้ที่พระเจ้าของท่านจะทรงฟังคำของรับชาเคห์ซึ่งกษัตริย์อัสซีเรียได้ส่งมาเพื่อเยาะเย้ยองค์พระผู้เป็นเจ้า และจะทรงขนาบถ้อยคำซึ่งพระเจ้าทรงได้ยิน   ดังนั้นขอท่านอธิษฐานเพื่อคนที่เหลืออยู่ตรงนี้ด้วย”

เมื่อเรามีความทุกข์มากที่สุด  หาทางออกไม่ได้  มีทางใดจะดีไปกว่าเข้ามาเฝ้าพระเจ้าก่อนอื่นใด!1

อิสยาห์ 36-2

อิสยาห์ 36:11-22

ข้าราชการทั้งสามของราชาเฮเซคียาห์กล่าวกับรับชาเคห์ว่า  “ขอท่านพูดกับเราเป็นภาษาอาราเมค เพราะเราเข้าใจภาษานั้น อย่าพูดภาษายูดาห์ให้คนที่อยู่บนกำแพงได้ยิน”   แต่รับชาเคห์กลับตอบว่า “เจ้านายของข้าส่งข้ามาเพื่อพูดกับเจ้านายของเจ้า  พูดกับเจ้า แต่ไม่ให้พูดกับประชาชนที่นั่งอยู่บนกำแพงอย่างนั้นรึ?  พวกเขาเองก็จะต้องกินมูลของตัวเอง และดื่มปัสสาวะของตนเองอย่างเจ้านั่นแหละ”Is36rab

แล้วรับชาเคห์จึงยืนและส่งเสียงดังเป็นภาษายูดาห์  “จงฟังคำของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอัสซีเรีย!  พระองค์ตรัสว่า อย่ายอมให้ราชาเฮเซคียาห์หลอกให้พวกเจ้า  เพราะราชาองค์นี้ช่วยเจ้าไม่ได้   อย่ายอมให้ราชาเฮเซคียาหลอกให้วางใจพระเจ้าว่า..พระเจ้าจะทรงช่วยเราให้รอดพ้น  เมืองนี้จะไม่ตกในมือของกษัตริย์อัสซีเรีย …  เพราะเจ้านายของข้า กษัตริย์ยิ่งใหญ่แห่งอัสซีเรียกล่าวว่า จงมีสัมพันธไมตรีกับเราเถอะ  ออกมาหาเรา แล้วพวกเจ้าทุกคนจะได้ดิ่มเหล้าองุ่น   จะได้กินผลจากต้นมะเดื่อของตนเอง  เจ้าจะได้ดื่มน้ำจากบ่อของเจ้าเองจนกว่าเราจะมาและพาเจ้าไปยังดินแดนที่เหมือนกับแผ่นดินของเจ้า  เป็นพื้นที่อุดมไปด้วยข้าวและน้ำองุ่น  ขนมปังและสวนองุ่น

ระวังเถอะ เพราะราชาเฮเซคียาห์จะนำเจ้าผิดไปโดยกล่าวว่า … พระเจ้าจะทรงช่วยเราให้รอดพ้น”   มีพระเจ้าองค์ไหน ในประเทศใดที่สามารถจะช่วยคนให้พ้นพระหัตถ์ของราชาอัสซีเรียได้บ้าง ล่ะ?

เทพฮามัทและอารปัดอยู่ที่ไหน?  เทพเสฟารวาอิมล่ะอยู่ที่ไหน? เทพเหล่านี้ช่วยสะมาเรียจากเงื้อมมือของเราได้หรือ?     มีเทพองค์ไหนที่ช่วยชาติต่าง ๆ ให้พ้นมือเราได้?  แล้วอย่างนี้ องค์พระเจ้าจะช่วยนครเยรูซาเล็มจากเราได้หรือ?

แต่พวกเขานิ่งเงียบ และไม่ตอบสักคำ  เพราะราชาเฮเซคียาห์ทรงสั่งไว้ว่า “อย่าตอบเขา” ดังนั้น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งสามท่านจึงกลับไปเข้าเฝ้าราชาเฮเซคียาห์ด้วยเสื้อผ้าที่ฉีกขาดและกราบทูลตามที่รับชาเคห์ได้กล่าวมา

อิสยาห์ 36-1

แล้วหนังสืออิสยาห์ก็ย้อนกลับมาเล่าประวัติศาสตร์ให้กับเราอีกครั้ง
อิสยาห์ 36:1-10

ปีที่สิบสี่ในการครองราชย์ของราชาเฮเซคียาห์ ราชาแห่งอัสซีเรียก็ยกทัพเข้ามาโจมตีหัวเมืองยูดาห์ที่มีป้อมปราการและตีได้หลายเมือง
แล้วราชาอัสซีเรียส่งรับชาเคห์พร้อมกับกองทัพใหญ่ จากเมืองลาคิชมายังนครเยรูซาเล็ม รับชาเคห์มายืนอยู่ที่ลานซักฟอก และมีฝ่ายของราชาเฮเซคียาห์ออกมาพบสามคน คือ ผู้บัญชาการราชสำนัก ราชเลขา และเจ้ากรมสารบรรณ
รับชาเคห์โอหังมาก กล่าวเย้ยว่า “พระมหาราชาแห่งอัสซีเรีย ตรัสฝากมาว่า ท่านวางใจในอะไรกัน? ท่านคิดว่า เพียงแค่คำพูด ก็จะเป็นยุทธวิธี เป็นอำนาจในการทำสงครามอย่างนั้นหรือ? ท่านวางใจใครที่ทำให้ท่านขัดขืนข้า ?
ดูเถอะ ท่านไปไว้ใจอียิปต์ซึ่งเป็นเพียงต้นอ้อขาด ๆ ที่จะทิ่มตำมือคนที่เข้าไปอยู่ใกล้ ๆ ฟาโรห์แห่งอียิปต์ก็เป็นได้แค่นั้นกับคนที่ไปหวังพึ่งเขา
The Assyrian Rabshakeh demanding the surrender of Jerusalem
แต่หากท่านกล่าวกับข้าว่า ..เราวางใจในพระเจ้าของเรา… ก็ไม่ใช่พระองค์หรือที่ราชาเฮเซคียาห์รื้อทั้งแท่นบูชาในที่สูงลงมาหมด และพระองค์ก็ทรงกล่าวว่า ให้คนในยูดาห์และเยรูซาเล็มเข้ามานมัสการที่แท่นนี้?
มาเถอะ มาทำสัญญากับราชาอัสซีเรีย เจ้านายของข้า แล้วข้าจะให้ม้าศึก 2000 ตัว หากเจ้าหาคนมาขี่มันได้…ฮะ ฮะ
เจ้าจะสามารถขับไล่ผู้บัญชาการกองพลเล็ก ๆ ของราชาอัสซีเรียได้อย่างไรในเมื่อเจ้าวางใจในรถศึกและพลม้าของอียิปต์? ยิ่งกว่านั้น เราเข้ามาโจมตีทำลายเจ้าโดยไม่มีพระเจ้าอย่างนั้นหรือ พระเจ้าตรัสว่า ให้เราลงมาโจมตีและทำลายแผ่นดินนี้เสีย”

อิสยาห์ 35-2

อิสยาห์ 35:5-10

แล้วตาของคนตาบอดจะเปิดออก และหูของคนหูหนวกจะยินได้  แล้วคนง่อยจะกระโดดเหมือนกวาง ลิ้นของคนใบ้จะร้องเพลงด้วยความยินดี

ในเวลานั้น พระเจ้าจะประทานให้คนตาบอดเห็น หูหนวกได้ยิน  มีความหมายถึงว่า พระเจ้าจะทรงให้ผู้คนต่างเข้าใจพระวจนะของพระองค์

เพราะว่า น้ำก็พลุ่งขึ้นมาในถิ่นกันดาร  และมีสายธารเกิดขึ้นในทะเลทราย

ทรายที่ร้อนแรงจะกลายเป็นสระน้ำ และแผ่นดินที่แห้งผากจะกลายเป็นน้ำพุ ในที่ ๆ หมาป่านอน  หญ้าจะกลายเป็นต้นอ้อและต้นกก

และจะมีทางหลวงเกิดขึ้นที่นั่น เป็นทางแห่งความบริสุทธิ์  คนที่ไม่สะอาดจะไม่ได้เดินไปในทางนั้น

Is35

มันเป็นทางของคนที่เดินตามทางถูกต้อง ต่อให้เป็นคนโง่ เขาก็ยังจะไม่หลงทาง

เป็นทางที่ความถูกต้องแต่งต่างจากความผิดอย่างชัดเจน ไม่มีกำกวม

จะไม่มีสิงโตที่นั่น หรือแม้แต่สัตว์กินเนื้อก็จะไม่มาที่นั่น จะหาพวกมันไม่เจอ แต่คนที่พระเจ้าทรงไถ่จะเดินในทางนั้น และคนที่พระเจ้าทรงไถ่ไว้แล้วจะกลับมา และมาถึงศิโยนด้วยการร้องเพลง   บนศีรษะของเขาคือความยินดีนิรันดร์ พวกเขาจะดีใจและเบิกบาน   ความเศร้าและการถอนหายใจจะหนีไปไกล

คนที่พระเจ้าทรงไถ่ คำนี้เน้นให้เรารู้ว่า พระเจ้าเท่านั้นทรงเป็นที่สุดของความสุข  พระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบทเพลง และความชื่นชมยินดีให้กับเขา  พวกเขาจะได้รับความสุข ซึ่งก่อนหน้านี้ หาไม่เจอเลย…