โฮเชยา 1-1

ระเจ้าทรงสั่งให้โฮเชยาไปแต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่ง   แต่พระองค์ก็ทรงบอกเขาด้วยว่า  หญิงคนนี้เป็นคนเจ้าชู้   ซึ่งเราอาจจะสงสัยว่า ทำไมพระเจ้าจึงทรงให้เขาทำเช่นนั้น

พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะบอกถึงภาพของอิสราเอลที่ไปรัก บูชา พระอื่น ทั้ง ๆ ที่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเขามาตั้งแต่ต้น

อย่างไรก็ดีตอนที่เขาแต่งงานกันใหม่ ๆ และมีลูกคนแรกนั้น ก็ยังเป็นปกติทุกอย่าง   และเด็กชายคนนี้ก็เป็นลูกชายของโฮเชยาเอง

ส่วนการที่พระเจ้าจะทรงจัดการกับวงศ์วานของเยฮูนั้น  น่าจะกินความไปถึงการที่พระเจ้าจะทรงกำจัดราชวงศ์ทั้งหมดของอิสราเอลทางเหนือด้วย     เพราะว่า พวกเขารักที่จะหันกลับไปหาจ้าวบาอัลอย่างไม่ว่างเว้น   ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงเตือนพวกเขามากมายขนาดไหนก็ตาม

ส่วนคำว่าหักธนูของอิสราเอลในหุบเขายิสเรเอลนั้น  ….. กำลังบ่งบอกว่า ระบบของจ้าวบาอัลจะต้องพ่ายแพ้ไป   อิสราเอลจะถูกพิพากษาในสถานที่ซึ่งพวกเขาได้ทำบาปต่อพระเจ้านั้นเอง

 

 

แนะนำ โฮเชยา

เพื่อน ๆ ครับ   หนังสือเล่มต่อไปที่เราจะอ่านก็คือ โฮเชยา…..   เขาเป็นคนที่กล่าวคำของพระเจ้า ที่อยู่ยาวนานประมาณ 790-686  ปีก่อนคริสตศักราช  คิดว่าเขาเริ่มต้นกล่าวคำของพระเจ้าต่อชนอิสราเอล   ตอนปลายรัชสมัยของราชาเยโรโบอัมที่สอง  ราชาเศคาริยาห์ ราชาชัลลุม ราชาเมนาเฮม ราชาเปคาหิยาห์  ราชาเปคา  และราชาโฮเชยา (ชื่อเหมือนเขาเลย)

ชื่อโฮเชยานั้น  แปลว่า ความรอด  เขาแต่งงานและมีลูกสามคนชื่อ

ลูกชาย เกิดจากนางโกเมอร์ ชื่อ ยิสเรเอล  แปลว่า พระเจ้าทรงหว่าน
คนที่สองเป็นลูกสาวชื่อโลรุหะมาห์  แปลว่า ไม่ได้รับ ความสงสารและเห็นใจ
คนที่สามชื่อ โลอัมมี  แปลว่า ไม่ใช่คนของเรา

แปลกจริง  ชื่อที่มีความหมายเหล่านี้  ทำให้เกิดเรื่องราวอะไรขึ้น?

เขากล่าวถึงบาปของอิสราเอลที่ทำตามราชาเยโรโบอัมซึ่งเป็นราชาองค์แรกของอาณาจักรทางเหนือ     เขาเป็นผู้กล่าวคำของพระเจ้าสำหรับอาณาจักรเหนือคืออิสราเอล   เราจะได้เห็นพระเจ้าทรงเรียกคนของพระองค์ว่า อิสราเอล และเอฟราอิมบ่อย ๆ   เพราะเอฟราอิมเป็นเผ่าที่มีคนจำนวนมากที่สุดในบรรดาคนทั้ง 10 เผ่าที่อยู่ทางเหนือ  ดังนั้นบางครั้งจึงเรียกอาณาจักรอิสราเอลว่า เอฟราอิม   เราจึงต้องไม่สับสนกับการเรียกของพระเจ้า …..

ยากที่จะเขียนโครงสร้างของหนังสือโฮเชยา  เพราะว่า เดี๋ยวเขาก็กล่าวถึงบาป  เดี๋ยวก็พูดถึงการพิพากษาของพระเจ้า  และยังกล่าวถึงการที่พระเจ้าจะรื้อฟื้นพวกเขาขึ้นมาใหม่ด้วย  คล้ายกับโยเอลและอาโมส

ภาพจากthehouslingfire.com

แม้ว่า โฮเชยา  โยเอล และอาโมส ต่างก็กล่าวถึงความดื้อดึงและความไม่เชื่อฟังพระเจ้าที่นำมาถึงการถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดิน     แต่ที่แปลกคือ พระเจ้าทรงให้โฮเชยาทำสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะทำ เป็นการแสดงถึงความรัก ความหึงหวงของพระองค์ที่มีต่อประชากรของพระองค์ด้วย   เราจะดูต่อไปว่า พระเจ้าทรงให้โฮเชยาทำอะไร

อาโมส 8-1

พระเจ้าไม่ทรงยกเว้นอิสราเอล

คนในอิสราเอล ไม่ต้องการอยู่กับพระเจ้า หรือเชื่อฟังพระองค์

สิ่งที่เขาต้องการคือ รีบ ๆ กลับไปทำธุรกิจโกงกินของเขาอย่างที่เคย

เขาเข้าใจว่า การโกง จะทำให้เขาร่ำรวย

แต่ลืมนึกถึงคนที่เขาโกง….   คนพวกนี้ คิดแบบนี้ได้อย่างไรกัน

พระเจ้าทรงแจ้งให้เขาทราบถึงความผิดบาปของเขา

แต่พวกเขาก็ยังไม่สนใจ…

เมื่อพระเจ้าทรงบอกในใจของเราว่า เราผิดอะไร

รีบสารภาพบาป และหันไปทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างรวดเร็วเลย…. จะปลอดภัยที่สุด

อาโมส 7-1

ดูซิว่า ครั้งนี้พระเจ้าทรงเปลี่ยนพระทัยด้วย เมื่ออาโมสทูลขอร้อง

อาโมสเห็นว่า หลังจากเสียภาษีให้กษัตริย์ไปแล้ว  พวกเขาปลูกพืชพันธุ์อีกครั้ง  และคราวนี้ก็ถูกทำลาย  จะมีไฟมาเผาผลาญพวกเขาด้วย……

ส่วนสายดิ่งมีความหมายว่า  คนอิสราเอลถูกสร้างขึ้นมาตามมาตรฐานที่พระเจ้าทรงวางไว้  คราวนี้พระเจ้าจะทรงวัดว่า เขาเดินตามมาตรฐานนั้นหรือเปล่า

คำบอกล่วงหน้าก็คือ  ศัตรูของอิสราเอลจะเข้ามากวาดผู้คนราวกับตั๊กแตนลงไร่นา  มันจะไม่เหลืออะไร

อาโมสกล่าวถึงสิ่งที่เห็นสามอย่างคือ  ตั๊กแตน  ไฟ และสายดิ่ง  สองอันแรกพระเจ้าทรงยอมที่จะให้ไม่เกิดขึ้น  แต่สิ่งที่สามนั้น พระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย

อาโมส 6-2

อาโมส 6:8-14

คนที่พระเจ้าทรงเลือก  แต่กลับกลายเป็นคนยะโส

คิดว่า ตัวเองยังเก่งอยู่  คิดว่า ลอยลำ แต่พระเจ้าทรงบอกว่า พวกเขาจะตายหมด

ในสังคมยิวนั้น เขาไม่มีการเอากระดูกไปเผา แต่จะฝังร่างของผู้ตาย การที่เขาจะเอากระดูกออกไปจากบ้าน แสดงว่า มีการเผา อาจเป็นเพราะมีศพมากเกินไป จนต้องเผาเพื่อไม่ให้มีโรคระบาดต่อไปอีก และที่พวกเขาไม่ยอมออกพระนามพระเจ้าเพราะว่า ตอนนั้นเขาจะกลัว เขารู้ว่า พระเจ้าทรงน่ากลัวยิ่งนักเมื่อพวกเขาทำผิดต่อพระองค์

สิ่งที่พวกเขาภูมิใจว่าได้ไปยึดเมืองต่าง ๆ ด้วยตัวเองนั้น พระเจ้าทรงบอกว่า มันเป็นศูนย์ เพราะมันไม่มีความหมายอะไรเลย พระเจ้าไม่ทรงปล่อยพวกเขา  จะทรงให้บทเรียนที่เขาต้องจำไปอีกหลายชั่วอายุคน

อาโมส 6-1

อาโมส 6:1-7

ถ้าเราเป็นคนของพระเจ้า  แต่ยังรักความสนุกสนาน

ไม่สนใจคนที่กำลังทุกข์ยาก เราคิดว่า ไม่เห็นเป็นไร

ต้องระวังหน่อยแล้ว …. พระเจ้าให้เราเกิดมาเพื่อช่วยเหลือกัน

พระองค์ทรงเตือนว่า  คนที่รักสนุกและลืมผู้อื่นนั้น … เวลาหายนะมา  จะไม่ทันตั้งตัวเลย

 

อาโมส 5-2

อาโมส 5 :10-15

สิ่งที่อาโมสพูดนั้น เขาพูดในยามที่อิสราเอลกำลังรุ่งเรือง  แต่ความยากจนยังคงมีอยู่ทั่วไป  คนรวยกดขี่คนจน  แต่… พระเจ้าไม่ทรงยอมให้เป็นเช่นนั้นตลอดไป

พระองค์ปรารถนาให้เขาทำอะไร  อยู่ในคำพูดของอาโมสข้างล่างนี้

อาโมส 5-1

อาโมส 5:1-9

พระเจ้าทรงเรียกให้อิสราเอลกลับใจ อาโมสพยายามเตือนแล้วเตือนอีกไม่ให้เขากลับไปหารูปเคารพ ให้เขาแสวงหาพระเจ้าผู้ทรงสร้างฟ้า และแผ่นดิน พระเจ้าผู้ทรงทำให้โลกมีฝน ….
น่าแปลกจริง ๆ อาโมสรู้ได้อย่างไรว่า น้ำทะเลถูกทำให้กลายเป็นฝน …..

อาโมส 4-2

อาโมส 4:6-13

พระเจ้าทรงทำความสะอาดฟันนั้น หมายความว่า พวกเขาไม่มีอาหารเข้าปากเลย!
ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงส่งความทุกข์ยากและภัยพิบัติมา  เขาก็ไม่กลับมาหาพระองค์  โธ่เอ๋ย เพียงกลับมาหาพระเจ้า กลับใจใหม่  ความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นเพราะความบาปของพวกเขาก็จะหยุดลง

อาโมส 4-1

อาโมส 4:1-5

 

แม่วัวแห่งบาชานนั้นก็คือ  ผู้หญิงชั้นสูงในอิสราเอลที่ร่ำรวย  พวกเธอจะทำตามใจตัวเอง  แต่งตัวสวยงดงาม  ไม่มีเรื่องใดในโลกจะสำคัญมากไปกว่า ความสนุกสนานส่วนตัว  และผู้หญิงเหล่านี้ก็กดขี่คนอื่น   ลองคิดดูซิ  เธออาบน้ำนม ในขณะที่เด็ก ๆ ตาดำ ๆ มากมายไม่มีนมจะดื่ม

คนเหล่านี้คิดว่าจะไม่เกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกับตัวเอง

แต่พระเจ้าทรงกล่าวว่า พวกเขาจะถูกศัตรูมาลากไปด้วยขอ

จะต้องไปอยู่ในที่ ๆ พวกเขาไม่เคยรู้จัก ไม่เคยได้ยิน

 

พระเจ้าทรงกล่าวกับพวกเขาผ่านอาโมสว่า ให้มาทำผิดบาปให้มากขึ้นเสียเลย  ทำพิธีทางศาสนาที่คิดว่าจะทำให้ตัวเองดูดี   เป็นที่นับถือของคนอื่น ….

นี่คือสภาพสังคมของอิสราเอลก่อนหน้าที่จะถูกอัสซีเรียโจมตี

พวกเขาร้ายจริง ๆ

 

อาโมส 3-2

อาโมส 3:9-16

วังป้อมในอัชโดด เป็นเมืองตัวแทนของฟิลิสเตียทางใต้ บรรดาวังป้อมในอัชโดดและอียิปต์ต้องเข้ามาดูในสะมาเรีย ว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่ พวกเขาทารุณคนยาก มีการโจรกรรม ไม่ทำสิ่งที่ยุติธรรม ดังนั้น ศัตรูจะมาล้อมสะมาเรีย และมันจะไม่เป็นเมืองกันชนให้กับฟิลิสเตียและอียิปต์อีกต่อไป พวกเขาจะถูกศัตรูจัดการจนแทบไม่เหลือชาวเมืองที่จะอยู่ดูแลแผ่นดินอีกเลย … (เพื่อน ๆ กลับไปดูแผนที่ได้ที่นี่ครับ  อียิปต์ตกแผนที่ไป  อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้)

อาโมสเรียกพระเจ้าผู้เป็นจอมทัพ แสดงถึงความยิ่งใหญ่ และอำนาจทางการทหารที่พระองค์สามารถจะทำสิ่งใด ต่อประเทศใดก็ได้…. และบาปใหญ่ยิ่งของสะมาเรียหรือคนอิสราเอลทางเหนือนั้น ก็คือ การสร้างศาสนาจอมปลอม กับการสร้างความมั่งคั่งให้ตนเองบนความยากจนของผู้ือื่น

อาโมส 3-1

อาโมส 3:1-8


คนยูดาห์และอิสราเอลเข้าใจว่า ตนเป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือก  จะผิดจะถูก ยังไง ๆ พระเจ้าจะทรงช่วยเขาแน่    แต่นั่นเป็นความเข้าใจผิด    เขาไม่รู้ว่า ในเมื่อเขาเป็นคนของพระเจ้า เขาจะถูกพิพากษาหนักกว่าชนชาติอื่นที่ไม่รู้จักพระองค์

คำถามต่าง ๆ ที่เราได้อ่านนั้น  อาโมสกำลังบอกว่า  ในโลกนี้  เมื่อสิ่งหนึ่งเกิด  อีกสิ่งจะเกิดเป็นผลตามมา     เช่นกัน… เมื่อเขาเตือนแล้ว  ไม่มีใครกลับใจ  หายนะจะมาถึงแน่นอน    และภัยร้ายเหล่านั้น  พระเจ้าเป็นผู้ส่งมาให้เอง!

 

อาโมส 2-3

อาโมส 2:10-16

เมื่อวานเราได้เห็นแล้วว่า บาปที่พระเจ้าทรงชี้แจงให้เขาเห็นนั้น เป็นอะไรบ้าง   และที่แย่สุดต่อมาก็คือ  พระเจ้าได้ตั้งคนบางคนเรียกว่า นาศีร์  หรือผู้ที่แยกตัวออกมาเพื่อเขาจะบริสุทธิ์  และกล่าวคำของพระเจ้าให้กับประชาชน  เขาเป็นตัวแทนของพระเจ้า….  คนเหล่านี้ไม่เหมือนปุโรหิตที่อยู่ในพระวิหาร  พวกเขาอยู่ท่ามกลางประชาชน  แต่เขาจะไม่ตัดผม  ไว้ผมยาว  และไม่ดื่มเหล้าองุ่นเลย …. คนที่เป็นนาศีร์ก็อย่างเช่น แซมสัน เป็นต้น

คนอิสราเอลกลับปิดปาก  ห้ามพวกเขาไม่ให้กล่าวคำของพระเจ้า  แถมยังบังคับให้เขาดื่มเหล้าเพื่อให้เมา  พูดไม่รู้เรื่องเสียอีก

นี่เป็นการสบประมาทพระเจ้าอย่างรุนแรง!

ผลที่จะเกิดขึ้นคือ  ไม่มีใครในพวกเขาจะหนีพ้นการลงโทษของพระเจ้าเลย

อาโมส 2-2

อาโมส 2:6-9

 

ความบาปของคนอิสราเอลทางเหนือ   ที่พระเจ้าทรงแจกแจงออกมาผ่านอาโมสนั้น    ไม่ได้ทำให้แปลกใจว่า  ทำไมพวกเขาก็ต้องถูกลงโทษเช่นคนอื่น ๆ       พรุ่งนี้เราจะเห็นต่อไปว่า  พวกเขายังมีบาปอะไรที่น่าเกลียดน่าชังที่พระเจ้าจะทรงกำจัดอีก

 

ส่วนคนอาโมไรต์ เป็นชนชาติที่เคยอยู่ในคานาอันมาก่อน   พวกเขาเป็นชนชาติที่เก่งกล้า

แต่พระเจ้าทรงถอนรากถอนโคนพวกเขา เพื่อให้ชนอิสราเอลที่พระองค์ทรงพาออกมาจากอียิปต์ได้เข้าไปอาศัย   ตอนที่โมเสสนำคนอิสราเอลออกมานั้น (เพื่อน ๆ หาอ่านได้ใน หนังสืออพยพ)   พระเจ้าทรงสั่งให้เขารุกเข้าไปในเทือกเขาที่ชาวอาโมไรต์อาศัยอยู่ (เฉลยธรรมบัญญัติ 1:7)

 

อาโมส 2-1

อาโมส 2:1-5

เมื่อพระเจ้าทรงลงโทษประชาชาติรอบข้าง

พระองค์มิได้ทรงปล่อยให้ยูดาห์ทำอะไรตามใจพวกเขาเอง

และทรงหันกลับมาพิพากษาโทษพวกเขาด้วย

แม้ว่าพวกเขาเป็นชนชาติที่พระองค์ทรงเลือก   แต่เมื่อทำผิด ก็ต้องว่ากันไปตามนั้น

ถึงอย่างนั้น  พระเจ้าทรงมีพระคุณให้เขาด้วย… เราจะได้เห็นกันต่อไป