เยเรมีย์ 12-3 จะให้สงสารไหม?

เยเรมีย์ 12:10-16

ผู้เลี้ยงแกะหลายคนได้ทำลายสวนองุ่นของเรา 
พวกเขาเหยียบย่ำสวนของเรายับเยิน
ทำให้ส่วนที่เราพอใจนั้นกลายเป็นถิ่นกันดารรกร้าง

พวกเขาทำให้มันร้างเปล่า  และที่รกร้างนั้นได้ร้องคร่ำครวญต่อเรา
ทั้งแผ่นดินถูกปล่้นสะดมจนไม่เหลืออะไร  เพราะไม่มีใครสนใจ

ผู้ทำลายบุกเข้ามา  บนที่สูงโล่งในทะเลทราย
เพราะพระแสงดาบของพระเจ้าจะกวาดจากสุดแดนข้างหนึ่งไปยังอีกข้าง
จะไม่มีใครมีสันติสุขเลย!

พวกเขาหว่านข้าวสาลี  แต่เก็บเกี่ยวหนาม
พวกเขาทำงานหนักเหน็ดเหนื่อย แต่ไม่ได้อะไร
kaosia
พวกเขาต้องอายจากผลที่ได้รับ  นั่นเป็นเพราะพระเจ้าทรงพิโรธยิ่งนัก

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัส “เพื่อนบ้านชั่วร่้าย
ผู้ไปแตะต้องมรดกที่เราเตรียมให้อิสราเอลคนของเรา
ดูเถิด เราจะถอนพวกเขาออกไป
และเราจะถอดพงศ์พันธุ์ยูดาห์ออกจากพวกเขา

หลังจากที่เราถอนรอกถอนโคนพวกเขาไปแล้ว
เราจะสงสารพวกเขา
และนำพวกเขาแต่ละคนกลับมายังมรดกของเขา
กลับมาของแผ่นดินของเขา

และหากพวกเขาตั้งใจ ขยันขันแข็งที่จะเรียนรู้ทางของคนของเรา
ที่จะปฏิญาณในนามของเรา ..ตราบเท่าที่พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่..
เหมือนอย่างที่พวกเขาสอนคนของเราให้บฏิญาณตนในนามเจ้าบาอัล
เมื่อนั้น เขาจึงจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ท่ามกลางคนของเรา

แต่หากพวกเขาไม่เชื่อฟัง เราจะถอนรากถอนโคนพวกเขาและทำลายเขาเสีย”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

 

 

เยเรมีย์ 12-2 แข่งไหวหรือ?

เยเรมีย์ 12:5-9

พระเจ้าทรงตอบเยเรมีย์

หากเจ้าวิ่งแข่งกับมนุษย์ แล้วเขายังทำให้เจ้าเหนื่อยแรง
เจ้าจะไปวิ่งแข่งกับม้าได้อย่างไร?
และหากในแผ่นดินที่เจ้าไว้วางใจ ยังทำให้เจ้าเหน็ดเหนื่อย
เจ้าจะทำอย่างไรกับที่ลุ่มในแม่น้ำจอร์แดน?

mawing

เพราะแม้แต่พี่น้องของเจ้า คนในครอบครัวของพ่อเจ้า
พวกเขาเองก็ได้ทรยศเจ้า ร้องเสียงดังให้ร้ายเจ้า
อย่าเชื่อใจเขาแม้เขาจะพูดจาอ่อนโยนกับเจ้า

“เราได้ละทิ้งบ้านของเรา  ละทิ้งมรดกของเรา
เราได้มอบคนที่เรารักยิ่งไว้ในมือของศัตรู
มรดกของเรากลับกลายเป็นสิงห์ในป่า เขาคำรามใส่เรา
ดังนั้นเราจึงชังเขา
มรดกของเรากลับกลายเป็นเหมือนนกเหยี่ยวสีจุด
และเหยี่ยวตัวรอบ ๆ ก็คอยไล่จิกมัน
มาเถอะ  รวบรวมสัตว์ป่าทั้งสิ้น
ให้มันมาเขมือบพวกมัน

พระเจ้าทรงถามเยเรมีย์ว่า แค่แข่งกับมนุษย์ แค่ล้มในประเทศของตนเอง  แล้วจะไปสู่อะไรกับเรื่องใหญ่ ๆ ที่กำลังตามมา 

เยเรมีย์ 12-1 คิดว่าพระเจ้าไม่เห็น

เยเรมีย์ 12:1-4

คำถามของเยเรมีย์ : 

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระองค์ทรงชอบธรรม
เมื่อข้าทาสร้องทูลต่อพระองค์

แต่กระนั้นขอให้ข้าทาสได้สนทนากับพระองค์เรื่องการพิพากษาของพระองค์..พระเจ้าข้า

เหตุใดคนชั่วร้ายจึงรุ่งเรือง?
เหตุใดคนที่ทรยศจึงมีความสุข?

พระองค์ทรงปลูกพวกเขา.. ใช่ซิ   พวกเขาหยั่งรากลง
พวกเขาเติบโตและออกผล

ปากของเขาเหมือนมีพระองค์อยู่ใกล้แสนใกล้
แต่ใจของเขานั้น ห่างจากพระองค์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระองค์ทรงรู้จักข้าทาสคนนี้
ทรงเห็นข้า และทรงทดสอบใจของเข้า
ขอพระองค์ทรงโปรดลากพวกเขาออกไป เหมือนแกะที่ถูกนำไปฆ่า
ขอทรงเตรียมพวกเขาไว้สำหรับวันสังหาร!

นานเท่าไรที่แผ่นดินต้องคร่ำครวญ
และพืชพันธุ์ตามไร่นาต้องเหี่ยวแห้ง
สัตว์ป่าและนกทั้งหลายก็ถูกผลาญไปสิ้น

crisis

นี่เป็นเพราะคนที่อาศัยในแผ่นดินชั่วร้ายนัก
พวกเขากล่าวกันว่า

“พระเจ้าไม่ทรงเห็นหรอกว่า พวกเราจะจบกันอย่างไร”

เยเรมีย์ต้องการทูลต่อพระเจ้า…
และขอร้องให้พระองค์ทรงจัดการกับศัตรูเหมือนกับที่เขารู้สึก…
คือแกะที่ถูกนำไปฆ่า
เขาคิดเสมอว่า เมื่อไร?  เมื่อไร? พระเจ้าจึงจะทรงจัดการ 

เยเรมีย์ 11-3 ผู้ทดสอบใจและความคิด

เยเรมีย์ 11:18-23

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบอกข้า และข้าก็รู้
พระองค์ทรงเปิดเผยการกระทำของพวกเขา
แต่ข้าเป็นเหมือนลูกแกะเชีื่องที่ถูกนำไปฆ่า
ข้าหารู้ไม่ว่า พวกเขาวางแผนต่อสู้้ข้า  พวกเขากล่าวว่า
“ให้เราทำลายต้นและผลของมัน
ให้เราโค่นมันจากแผ่นดินของคนเป็น
เพื่อว่าชื่อของเขาจะไม่เป็นที่จดจำอีกต่อไป”

แต่ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม
พระองค์ทรงทดสอบจิตใจและความคิด
ขอให้ข้าได้เห็นการแก้แค้นของพระองค์เถิด
เพราะข้าได้มอบเรื่องของข้าไว้กับพระองค์แล้ว

พระเจ้าทรงอยู่เหนือจิตใจและความคิดของเรา ทรงรู้ทุกอย่างที่ลึกลับในความคิดนั้น
พระเจ้าทรงอยู่เหนือจิตใจและความคิดของเรา ทรงรู้ทุกอย่างที่ลึกลับในความคิดนั้น

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับคนจากตำบลอานาโธท ผู้จะเอาชีวิตของเจ้า
ผู้กล่าวแก่เจ้าว่า “อย่าเผยคำของพระเจ้าในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า
มิฉะนั้นแล้ว เจ้าจะต้องตายด้วยมือของเราเอง”

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสว่า
“นี่แนะ เราจะลงโทษพวกเขา  คนหนุ่ม จะตายด้วยดาบ
ลูกชายลูกสาวของเขาจะตายเพราะขาดอาหาร
จะไม่มีใครเหลืออยู่สักคน เพราะเราจะนำหายนะมาสู่คนตำบลอานาโธท
คือปีแห่งการลงโทษเขา!”

เยเรมีย์ 11-2 เจ้าไม่ต้องอธิษฐาน

เยเรมีย์ 11:9-17

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าอีกครั้งว่า
“มีการสมคบคิดในหมู่คนยูดาห์ และคนที่อาศัยในนครเยรูซาเล็ม
พวกเขาหันกลับไปทำความชั่วร้ายเหมือนกับบรรพบุรุษของพวกเขา
ซึ่งคนเหล่านั้นไม่ยอมฟังคำของเรา
พวกเขาได้ติดตามไปปรนนิบัติพระอื่น ๆ

ทั้งวงศ์วานอิสราเอลและยูดาห์ ต่างหักพันธสัญญาที่เราทำไว้กับบรรพบุรุษของเขา
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ดังนั้น ดูเถิด เราจะนำหายนะมาสู่เขา
เป็นหายนะที่พวกเขาหนีไม่พ้น
แม้เขาจะร้องทูลต่อเรา เราก็จะไม่ฟังเขา

แล้วหัวเมืองต่าง ๆ ของยูดา กับเหล่าคนที่อยู่ในนครเยรูซาเล็ม จะออกไป
และร้องขอความช่วยเหลือจากพระที่พวกเขาถวายเครื่องบูชา
แต่พระเหล่านั้นก็ไม่อาจช่วยพวกเขาในเวลาลำบากได้
เพราะเจ้าทั้งหลายมีพระมากมายเหมือนกับจำนวนของเมือง
ยูดาห์เอ๋ย เจ้ายังตั้งแท่นบูชาบาอัลที่ทำให้เจ้าต้องอับอาย ตามถนนต่างๆ ของนครเยรูซาเล็ม

ภาพวาดโดยไมเคิล แอนเจลโล
ภาพวาดโดยไมเคิล แอนเจลโล

ดังนั้น เยเรมีย์ เจ้าไม่ต้องอธิษฐานเพื่อคนเหล่านี้
ไม่ต้องร้องขอเราเพื่อพวกเขา
เพราะเราจะไม่ฟังเมื่อพวกเขาร้องทูลต่อเราในยามยากลำบาก
“คนที่เรารักมีสิทธิ์มาทำอะไรในวิหารของเรา ในเมื่อเขาทำสิ่งชั่วหลายอย่าง
การถวายเครื่องบูชาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้หรือ?
เจ้าจะพ้นโทษได้หรือ?

ครั้งหนึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าเคยเรียกเจ้าว่า .. ต้นมะกอกเขียวสด สวยงามมีผลเต็มต้น..
แต่พระองค์จะทรงเผามันพร้อมด้วยเสียงดังสนั่นแห่งพิโรธ    กิ่งก้านของมันจะถูกเผา

องค์พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ ทรงปลูกเจ้าขึ้นมา และบัดนี้พระองค์ประกาศหายนะของเจ้า
เพราะความชั่วที่วงศ์วานยูดาห์และวงศ์วานอิสราเอลได้กระทำ
พวกเขายั่วพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยการเผาเครื่องหอมแก่เจ้าบาอัล!

เยเรมีย์ 11-1 บอกแล้วบอกอีก

เยเรมีย์ 11:1-8

คำขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์
“จงฟังคำแห่งพันธสัญญานี้ และกล่าวกับคนในยูดาห์ รวมทั้งคนที่อาศัยในเยรูซาเล็ม
เจ้าจะพูดกับพวกเขาว่า .. องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้
คำสาปแช่งมีแก่คนที่ไม่ฟังคำแห่งพันธสัญญาซึ๋งเป็นพันธสัญญาที่เราได้บัญชา
แก่บรรพบุรุษของเจ้า ครั้งที่เรานำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
ออกจากเตาเผาเหล็ก
พระเจ้าตรัสว่า .. จงฟังเสียงของเรา และทำทุกอย่างที่เราบัญชาเจ้า
เพื่อว่า เจ้าจะได้เป็นคนของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า..

เพื่อเราจะได้ย้ำคำปฏิญาณที่เราได้ให้ไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า คือ
ที่เราจะให้แผ่นดินอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง เหมือนอย่างที่เจ้ามีอยู่ในวันนี้”

แล้วข้าทูลตอบว่า “ขอให้เป็นไปอย่างนั้นเถิดพระเจ้าข้า”

ironf

และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าว่า
“เจ้าจงประกาศคำเหล่านี้ในเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์ และในถนนแห่งเยรูซาเล็ม:

..เจ้าทั้งหลายจงฟังคำแห่งพันธสัญญานี้ และกระทำตาม
เพราะเราย้ำนักย้ำหนาตอนที่เรานำพวกเขาออกมาจากอียิปต์  ย้ำแล้วย้ำอีกจนทุกวันนี้ว่า
จะต้องเชื่อฟังเสียงของเรา
แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อฟัง ไม่เอียงหูฟัง
กลับเดินตามใจชั่วและดื้อดึงของตนเอง
ดังนั้นเมื่อไม่เชื่อฟัง    เราก็จะให้สิ่งที่เราบอกไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น  เกิดขึ้นกับเขาอย่างแน่นอน”
 

เยเรมีย์ 10-3 สงครามจากทางเหนือ

เยเรมีย์ 10:17-25

เหล่าคนที่ถูกล้อมเอาไว้เอ๋ย  พวกเจ้าจงรวบรวมข้าวของขึ้นมาจากพื้นดิน

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้  “ดูเถิด เวลานี้เราจะเหวี่ยงผู้คนที่อาศัยในแผ่นดิน
เราจะนำความทุกข์ยากมาให้
พวกเขาจะรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน”

วิบัติแก่ข้า เพราะความเจ็บปวดของข้า  แผลนั้นสาหัส
แต่ข้ากล่าวว่า “จริงซิ นี่เป็นความทุกข์ใจที่ข้าต้องทนให้ได้”

กระโจมของข้าถูกทำลาย เชือกก็ขาดหมด ลูก ๆ ก็ไปจากข้า
ไม่มีใครอยู่เลย..
ไม่มีใครจะช่วยกางกระโจมออกมาอีก ไม่มีใครช่วยติดม่านให้

เพราะเหล่าผู้เลี้ยงก็โง่บัดซับ  และไม่ทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้า
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่เจริญรุ่งเรือง
และเหล่าฝูงสัตว์ก็กระจัดกระจายไป

มีเสียงหนึ่ง… ข่าวลือ!!  ดูเถิด มันมาแล้ว !
เป็นเสียงอึกทึกสนั่นลั่นมาจากทางเหนือ
มันมาเพื่อทำให้หัวเมืองยูดาห์ร้างเปล่า
ให้เป็นที่อยู่อาศัยของหมาป่า

รถม้าศึกแบบนี้ของอัสซีเรียยกมานับไม่ถ้วน ถล่มทลาย ภาพจากwww.militar.org.ua
รถม้าศึกแบบนี้ของอัสซีเรียยกมานับไม่ถ้วน ถล่มทลาย ภาพจากwww.militar.org.ua

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้ารู้ว่า
หนทางของมนุษย์นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขาเอง
ไม่ใช่ตัวเขา ที่จะนำหนทางชีวิตของตนเอง

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงแก้ไข ตีสอนข้าทาสด้วยความยุติธรรม
ไม่ใช่ด้วยพระพิโรธของพระองค์
มิฉะนั้นแล้วชีวิตของข้าจะสูญเปล่าไป

ขอทรงเทพระพิโรธไปยังประชาชาติที่ไม่รู้จักพระองค์
เทลงบนประชาชาติที่ไม่ได้ออกพระนามของพระองค์
เพราะพวกเขาได้เขมือบยาโคบ   เขาเผาผลาญยาโคบ
ทำให้ที่อาศัยของยาโคบร้างเปล่า…..

 

เยเรมีย์ 10-2 ผู้ทรงเป็นจอมทัพ

เยเรมีย์ 10:8-16

พวกเขาทั้งโง่และเง่า  การตีสอนของรูปปั้นนั้นก็คือไม้เท่านั้นเอง
เครื่องเงินที่ตีแล้วถูกนำมาจากทารซิช
ทองถูกนำมาจากเมืองอุฟาส  มันเป็นผลงานจากน้ำมือของช่างฝีมือและช่างทอง
เสื้อผ้าของรูปปั้นนั้นเป็นสีครามและสีม่วง
เป็นผลงานของคนที่เชี่ยวชาญทั้งสิ้น

แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และเป็นองค์ราชานิรันดร์
โลกสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเมื่อพระองค์ทรงกริ้ว
และประชาชาติทั้งหลายก็ไม่อาจต้านทานพระพิโรธของพระองค์ได้

 

ดังนั้น เจ้าจงพูดกับพวกเขาว่า
“เหล่าพระที่มิได้เป็นผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน
จะพินาศไปจากโลก จากใต้ฟ้าสวรรค์!”

 

Galax

ภาพถ่ายของคุณ Rogelio  Bernal Andreo  เป็นดาราจักรที่กำลังหมุน และทางช้างเผือกเหนือ อุทยานแห่งชาติโยซีไมท์  http://noticias.uol.com.br

พระองค์คือผู้ทรงสร้างโลกด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์

ทรงสถาปนาโลกนี้ด้วยพระปัญญา
ทรงขึงท้องฟ้าออกด้วยความเข้าใจ

เมื่อพระองค์เปล่งพระสุรเสียง  ก็มีเสียงน้ำพลุ่งพล่านบนท้องฟ้า
พระองค์ทรงทำให้ม่านหมอกเกิดขึ้นจากปลายแผ่นดินโลก
ทรงทำให้ฟ้าแลบแปลบปลาบเพื่อให้เกิดฝน
และทรงนำลมออกมาจากพระคลังของพระองค์

มนุษย์ทุกคนโง่เขลา ไร้ความรู้
ช่างทองทุกคนจะต้องละอายเพราะรูปเคารพของเขา
เพราะรูปเหล่านั้นเป็นสิ่งเท็จ ไม่มีความคิดในรูปนั้น
มันเป็นสิ่งไร้ค่า เป็นผลงานที่ให้ความเชื่อผิด
มันจะพินาศย่อยยับเมื่อถึงเวลาแห่งการลงโทษ

แต่พระองค์ผู้ทรงเป็นส่วนของยาโคบไม่เป็นเช่นสิ่งเหล่านี้
พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งขึ้นมา
และอิสราเอลเป็นเผ่าพันธุ์ที่จะได้รับมรดกของพระองค์
พระนามของพระองค์คือ  องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เยเรมีย์ 10-1 พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่

เยเรมีย์ 10:1-7

จงฟังคำที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับเจ้า โอ … วงศ์วานอิสราเอล
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
“อย่าทำตามอย่างชนชาติอื่น ๆ
อย่าสับสน หวาดกลัวหมายสำคัญจากท้องฟัา
เพราะว่าประชาชาติทั้งหลายกลัวสิ่งเหล่านี้
ประเพณีของพวกเขานั้นเป็นอนิจจัง

เขาตัดต้นไม้ต้นหนึ่งจากป่า และช่างก็ใช้ขวานอย่างเชี่ยวชาญ
จากนั้นก็ประดับมันด้วยเงินและทอง
ตอก รัดแน่นด้วยค้อนและตะปู  เพื่อว่ามันจะไม่เขยื้อนไปไหน
รูปของเขาเป็นเหมือนหุ่นไล่กาในทุ่งแตงกวา
มันพูดไม่ได้  และจะต้องขนมันไปมา
อย่าไปกลัวมันเลย…เพราะมันทำชั่วไม่ได้  และทำดีก็ไม่ได้…

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์ 
พระนามของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่ 
พระนามของพระองค์ทรงพลานุภาพ

Je10-11

มีผู้ใดบ้างที่จะไม่ยำเกรงพระองค์  โอพระมหาราชาแห่งประชาชาติทั้งหลาย
เพราะนี่คือพระองค์
ท่ามกลางนักปราชญ์ของชนชาติทั้งหลาย
ในอาณาจักรทั้งปวง

ไม่มีผู้ใดเหมือนพระองค์!

เยเรมีย์ 9-4 สิ่งที่น่าอวด

เยเรมีย์ 9:20-25

หญิงทั้งหลายเอ๋ย  จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ให้หูของเจ้าน้อมรับพระคำจากพระโอษฐ์ของพระองค์
สอนลูกสาวของเจ้าให้รู้จักคร่ำครวญ  และสอนเพลงศพให้กับเพื่อนบ้านด้วย

เพราะว่า ความตายคืบคลานมาที่หน้าต่าง
มันเข้ามาในวังของเรา ทำให้ไม่มีเด็กในถนนหนทาง
ไม่มีชายหนุ่มที่ลานเมือง!

จงพูดว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
“ศพของคนตายจะถูกทิ้งไว้เหมือนมูลสัตว์ตามทุ่งโล่ง
เหมือนฟ่อนข้าวที่ล้มตามที่เก็บเกี่ยว
และจะไม่มีใครไปเก็บศพเหล่านั้น”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“อย่าให้คนฉลาด อวดสติปัญญาของตน
อย่าให้คนเข้มแข็งอวดพลังของตน
อย่าให้คนรวยอวดความมั่งคั่งของตน
แต่คนที่จะอวด  ให้เขาอวดว่า
เขาเข้าใจ และรู้จักเราว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงรักอย่างมั่นคง  ทำการยุติธรรม และความชอบธรรมในโลก
เพราะว่า เราพอใจในสิ่งที่กล่าวมา”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แหละ
Is9-4

“ดูเถิด  วันนั้นจะมาถึง”  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
“คือเราจะลงโทษคนที่เข้าสุหนัตพอเป็นพิธี
อียิปต์ ยูดาห์ เอโดม  ลูกชายของอัมโมน โมอับและเหล่าคนที่อาศัยในทะเลทราย
ผู้ที่โกนจอนหู  เหล่าคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัต
รวมไปถึงเหล่าอิสราเอลที่มิได้เข้าสุหนัตทางใจ!

 

 

เยเรมีย์ 9-3 เสียงคร่ำครวญจากศิโยน

เยเรมีย์ 9:13-19

และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ..
เพราะพวกเขาได้ละทิ้งธรรมบัญญัติที่เราได้วางไว้ต่อหน้าพวกเขา
และมิได้เชื่อฟังเสียงของเรา ไม่ได้เดินตามคำของเรา

แต่กลับดื้อดึง  เดินตามใจตนเอง  วิ่งไล่ตามบาอัลอย่างที่พ่อเขาสอน

ดังนั้น พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลจึงตรัสว่า
“ดูเถอะ เราจะเลี้ยงคนเหล่านี้ด้วยบอระเพ็ด และจะให้เขาดื่มน้ำพิษ!

เราจะส่งเขาให้กระจัดกระจายไปตามชาติต่าง ๆ ที่บรรพบุรุษของเขาไม่เคยรู้จัก
เราจะส่งดาบตามเข้าไปจนกระทั่งเราผลาญเขาเสียสิ้น”
พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัส

ดังนั้น  จงไตร่ตรอง และเรียกหญิงผู้ทำหน้าที่ไว้ทุกข์ ร้องไห้คร่ำครวญสำหรับงานศพมา
ไปตามหญิงที่เชียวชาญเหล่านั้นมา

mourner

ให้พวกเธอส่งเสียงร้องไห้ คร่ำครวญ โหยหวน
เพื่อว่าน้ำตาจะหลั่งออกมาจากตาของเรา และหนังตาของเราจะท่วมท้นด้วยน้ำตา

เพราะว่า คนได้ยินเสียงคร่ำครวญออกจากศิโยน
เราย่อยยับกันขนาดไหนนี่?  เราอับอายเป็นที่สุด
เพราะเราต้องทิ้งแผ่นดินของเรา
เพราะพวกเขาได้พังทำลายที่อาศัยของเรา

 

เยเรมีย์ 9-2 ที่อยู่ของหมาป่า

เยเรมีย์ 9:7-12

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพจึงตรัสว่า
“เราจะถลุงและทดสอบพวกเขา  เพราะเราจะทำอะไรได้เล่า
ในเมื่อพวกเขาเป็นกันอย่างนี้?”

ลิ้นของพวกเขาเป็นลูกศรแห่งความตาย  มันเป็นคำเสแสร้ง
แต่ละคนพูดถึงสันติภาพกับเพื่อนบ้าน แต่ในใจกลับวางแผนสังหารเขา

แล้วจะไม่ให้เราลงโทษพวกเขาเพราะสิ่งเหล่านี้รึ?  องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
และจะไม่ให้เราแก้แค้นชนชาติที่ทำตัวอย่างนี้หรือ?

จงร้องไห้เพื่อภูเขาทั้งหลาย
จงครวญครางเพราะทุ่งหญ้าแห่งถิ่นกันดาร
เพราะว่ามันถูกทิ้งร้างไป ไม่มีคนผ่านไปมา
และไม่มีฝูงสัตว์เข้ามาในทุ่งนี้
ทั้งนกในอากาศและสัตว์ป่าต่างหนีหายไปสิ้น

ภาพจากourenvironment.berkeley.edu
ภาพจากourenvironment.berkeley.edu

เราจะทำให้นครเยรูซาเล็มเป็นกองซากปรักหักพัง
กลายเป็นที่อยู่ของหมาป่า
และเราจะให้เมืองต่าง ๆ ของยูดาห์กลายเป็นที่ร้างไม่มีคนอาศัย

ใครนะ..เป็นคนฉลาดพอที่จะเข้าใจสิ่งนี้ ?
พระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับใคร เพื่อที่เขาจะได้ป่าวประกาศออกไป?
เหตุใดแผ่นดินจึงถูกทำลาย กลายเป็นที่ร้างจนไม่มีใครเดินผ่าน?

 

 

เยเรมีย์ 9-1 จากชั่วสู่ชั่ว

เยเรมีย์ 9:1-6

โอ… อยากให้หัวของข้าเป็นธารน้ำ  และตาของข้าเป็นน้ำพุน้ำตา

เพื่อข้าจะได้ร้องไห้ทั้งวันทั้งคืน เพราะลูกสาวประชากรของข้าถูกสังหาร

ภาพวาดโดยมาร์ค ชากัล
ภาพวาดโดยมาร์ค ชากัล

โอ… อยากจะให้มีที่พักสำหรับคนเดินทางสำหรับข้าในทะเลทราย
เพื่อข้าจะได้ไปจากชนชาติของข้า

ใช่!….. ไปให้พ้นพวกเข้า เพราะพวกเขาทั้งหมดเป็นคนมีชู้
เป็นกลุ่มคนที่ร่วมมือกันทรยศ

พวกเขางอลิ้นราวกับคันธนู
สิ่งที่เข้มแข็งในแผ่นดินมิใช่ความจริง
แต่กลับเป็นการโป้ปดมดเท็จ
พวกเขาเดินก้าวจากความชั่วช้าสู่ความชั่วช้า
พวกเขาไม่รู้จักเรา… องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

ให้ทุกคนระมัดระวังเพื่อนบ้านของตนเอง และ อย่าไว้วางใจพี่น้องคนใดเลย
เพราะพี่น้องทุกคนเป็นคนหลอกลวง
และเพื่อนบ้านทุกคนก็ไปทางโน้นที ทางนี้ทีใส่ร้ายป้ายสีไปทั่ว

ทุกคนต่างล่อลวงเพื่อนบ้านของตนเอง
ไม่มีใครที่พูดความจริง
พวกเขาเสี้ยมสอนลิ้นให้พูดแต่คำมุสาออกมา
พวกเขากระทำผิดจนเกือบหมดแรง

กดขี่กันแล้ว กดขี่กันเล่า…
ล่อลวงกันแล้ว ล่อลวงกันเล่า
พวกเขาปฏิเสธไม่ยอมรู้จักเรา … องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

 

 

เยเรมีย์ 8-4 ไม่มี ไม่มี ไม่มี

เยเรมีย์ 8:16-22
ได้ยินเสียงหายใจของม้าจากเมืองดาน
แผ่นดินก็สะเทือนสะท้าน เพราะเสียงร้องของม้าศึกเหล่านั้น
พวกมันมาและเขมือบดินแดนไป พร้อมกับทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น

“ดูเถิด เราส่งงูมาท่ามกลางเจ้า เป็นงูทับทางที่ไม่อาจใช้มนต์สะกด
พวกมันจะกัดเจ้าทั้งหลาย” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แหละ

nguadder4

ภาพจาก http://www2.le.ac.uk

โอ… ความยินดีของข้าหายไปหมด มีแต่ความโศกเศร้า
ใจของข้าก็ป่วยอยู่ข้างใน
ฟังเสียงร้องของลูกสาวประชากรของข้าซิ จากส่วนกว้างและส่วนยาวของแผ่นดิน
องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ประทับในศิโยนหรอกหรือ?
พระราชามิได้ประทับอยู่ในเมืองหรือ?
“เหตุใดพวกเขาจึงมายั่วให้เราโกรธด้วยรูปเคารพและด้วยพระต่างชาติของเขา?

เวลาเก็บเกี่ยวผ่านพ้นไปแล้ว ฤดูร้อนก็สิ้นสุดลง และพวกเราก็ไม่รอด!
เพราะแผลของลูกสาวประชากรของข้า ใจของข้าจึงมีแผล
ข้าโศกเศร้างยิ่ง และความสยดสยองนั้น ก็ยึดตัวข้าไว้แน่น

ไม่มีพิมเสนในกิเลอาด ไม่มีแพทย์ที่นั่นเลยหรือ?
ทำไมสุขภาพของลูกสาวประชากรของข้าจึงไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิม?

เยเรมีย์ 8-3 ไม่เหลืออะไรเลย

เยเรมีย์ 8:10-15

“ดังนั้น เราจะมอบภรรยาของเขาให้กับผู้อื่น
และมอบทุ่งนาของเขาให้กับผู้ชนะ
เพราะตั้งแต่คนเล็กน้อย ไปจนถึงคนใหญ่โต ต่างกระหาย ตะกละที่จะได้จากการโกง
ตั้งแต่ผู้กล่าวคำของพระเจ้า ไปจนถึงปุโรหิต ทุกคนต่างฉ้อโกงทั้งนั้น!

พวกเขาได้รักษาแผลของประชากรของเราอย่างผักชีโรยหน้า
กล่าวว่า ..สันติสุข สันติสุข.. ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสันติสุขเลย
พวกเขารู้สึกละอายบ้างไหม เมื่อได้ทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน
เปล่าเลย พวกเขาไม่มียางอายสักนิด
ไม่รู้จักว่า การขายหน้าคืออะไร
ดังนั้น พวกเขาจะล้มลงไปเหมือนคนอื่นที่ล้มลง
Jeremiah-Lamentations-churban-temple
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เมื่อเราจะรวบรวมพวกเขา
ตอนนั้น จะไม่มีลูกองุ่นหลงเหลืออยู่บนกิ่งก้าน
ไม่มีลูกมะเดื่ออยู่บนต้น
ใบก็แห้งเหี่ยวไป สิ่งที่เราเคยให้เขาก็สูญจากไปจากเขา

เหตุใดเราจึงนั่งนิ่ง ๆ รวมตัวกันเถอะ และไปยังเมืองที่มีป้อมกัน
และพากันพินาศที่นั่น!

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงกำหนดให้เราพินาศ
ทรงให้เราดื่มน้ำที่เป็นพิษ
เพราะเราได้ทำบาปต่อพระองค์
เรามองหาสันติภาพ แต่ก็ไม่มีอะไรดี ๆ เข้ามาเลย
เรามองหาเวลาแห่งการบำบัดรักษา
แต่กลับมีแต่ความน่ากลัว สยดสยอง!!!

เยเรมีย์ 8-2 ไม่รู้จักเอาเสียเลย

เยเรมีย์ 8:4-9
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“เมื่อมนุษย์ล้มลง เขาจะไม่ลุกขึ้นอีกหรือ?
เมื่อเขาหันจากไปแล้ว เขาจะไม่กลับมาอีกหรือ?

แล้วเหตุใด คนเหล่านี้จึงหันไป เขาทรยศไม่สิ้นสุด
เขาหลอกลวงไม่หยุดหย่อน และปฏิเสธไม่ยอมกลับมา
เราตั้งใจและคอยฟังอยู่
แต่พวกเขาไม่พูดในสิ่งที่ถูกต้อง
ไม่มีใครกลับใจจากความบาปของตนแล้วกล่าวว่า
‘ข้าได้ทำอะไรลงไปนี่?’
ทุกคนต่างหันไปตามทางของตน เหมือนกับม้าที่มุ่งหน้าไปยังสนามรบ
opayop2
แม้นกกระสาแห่งท้องฟ้า ยังรู้จักฤดูกาลของมัน
นกพิราบ นกนางแอ่น และนกกระเรียนยังรู้ว่า เวลาใดมันควรอพยพ
แต่คนของเรากลับไม่รู้จักกฎเกณฑ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

เจ้าพูดได้อย่างไรว่า ‘เราเป็นคนฉลาด และกฎเกณฑ์ของพระเจ้าอยู่กับเรา?’
ดูเถิด ปากกาของพวกอาลักษณ์ ได้ทำให้พระธรรมกลายเป็นคำมุสา
คนที่ฉลาดจะต้องอับอาย พวกเขาจะสับสนและถูกนำออกไป
ในเมื่อเขาปฏิเสธพระคำของพระเจ้า
แล้วจะมีปัญญาอยู่ในตัวเขาได้อย่างไร

เยเรมีย์ 8-1 กระดูกที่ถูกทิ้ง

เยเรมีย์ 8:1-3
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ในเวลานั้น…..
กระดูกของพระราชาแห่งยูดาห์
กระดูกของเหล่าข้าราชบริพาร
กระดูกของเหล่าปุโรหิต
กระดูกของผู้กล่าวคำ
กระดูกของประชาชนผู้อาศัยในนครเยรูซาเล็ม
จะถูกนำไปยังที่เก็บศพ
กระดูกเหล่านั้น จะถูกวางตากแดดตากน้ำค้าง
ภายใต้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และบรรดาดาวบนท้องฟ้าที่พวกเขาถือเป็นพระ
เขารักและรับใช้เหล่าเทหวัตถุบนท้องฟ้าเหล่านี้
เขาไล่ตามดาวเหล่านี้ นมัสการ และบูชามัน
กระดูกเหล่านั้นจะไม่ถูกเก็บไปฝัง
แต่จะกลายเป็นเหมือนมูลสัตว์บนพื้นแผ่นดิน
640x360
เหล่าคนที่หลงเหลือจากครอบครัวที่ชั่วร้าย ซึ่งยังคงค้างอยู่ในที่เหล่านี้
ซึ่งเราได้ขับไล่เขาไป จะอยากตายมากกว่ามีชีวิตอยู่!”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

เยเรมีย์ 7-5 หุบเขาสังหาร

gehเยเรมีย์ 7:30-34
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า เพราะลูกหลานของยูดาห์ได้ทำชั่วในสายตาของเรา
พวกเขาได้วางสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังไว้ในพระวิหารซึ่งเรียกตามชื่อของเรา
และทำให้วิหารนั้นเป็นมลทิน
พวกเขาได้สร้างที่สูงของโทเฟท สร้างในหุบเขาแห่งลูกชายของฮินโนม
ที่ทำอย่างนั้นก็เพื่อจะได้เผาลูกชายและลูกสาวเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ
เรื่องนี้ เราไม่ได้สั่งให้ทำ และเราไม่เคยคิดอะไรเช่นนี้เลย

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ดังนั้น ดูเถิด เวลาจะมาถึง เมื่อคนจะไม่เรียกที่นั่นว่า โทเฟท หรือหุบแห่งลูกชายฮินโนมอีกต่อไป
แต่มันจะถูกเรียกว่า หุบเขาสังหาร!

เพราะพวกเขาจะถูกฝังที่โทเฟท ไม่มีที่อื่นให้ฝังศพอีกแล้ว
และซากศพของผู้คนจะกลายเป็นอาหารของนกในอากาศ และสัตว์ร้ายของแผ่นดิน
โดยไม่มีใครจะขับไล่มันออกไป
เราจะทำให้เสียงเบิกบาน ร่าเริง บันเทิง เสียงเจ้าบ่าว เจ้าสาวหายไปจากเมืองต่างๆ ของยูดาห์
และหายไปจากถนนในนครเยรูซาเล็ม
เพราะว่า แผ่นดินนั้นจะกลายเป็นที่ร้างเปล่า

เยเรมีย์ 7-4 พระเจ้าทรงโยนทิ้งไป

เยเรมีย์ 7:21-29

ดังนั้น องค์ผู้ทรงเป็นจอมทัพ  พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า

“จงเพิ่มเครื่องเผาบูชาเข้าไปกับของถวายของเจ้า และจงกินเนื้อ

เพราะในวันที่เรานำพวกเขาออกจากอียิปต์  เราไม่ได้พูดกับบรรพบุรุษของเจ้า

ไม่ได้สั่งเขาเรื่องเครื่องเผาบูชาและของถวาย

แต่เราสั่งพวกเขาดังนี้

‘จงเชื่อฟังเสียงของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า

และเจ้าจะเป็นประชากรของเรา  และจงเดินในทางที่เราสั่งเจ้า

เพื่อว่า ชีวิตของเจ้าจะเป็นไปด้วยดี’

แต่พวกเขากลับไม่เชื่อฟัง  แต่กลับเดินตามความคิดของตนเอง
และกลายเป็นเดินถอยหลัง ไม่ใช่เดินหน้า
Ph

ตั้งแต่วันที่บรรพบุรุษของเจ้าออกจากดินแดนอียิปต์จนถึงวันนี้

เราได้ส่งผู้รับใช้ของเราคนแล้วคนเล่าไปหาเขา

ส่งไปอย่างไม่ขาดสาย

แต่พวกเขาไม่ฟังเรา ไม่เอียงหูฟังเลย

แต่กลับทำคอแข็ง  พวกเขาทำตัวเลวร้ายยิ่งกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเสียอีก

ดังนั้น เจ้าจงพูดคำเหล่านี้กับพวกเขา

แต่พวกเขาจะไม่ฟังเจ้า

เจ้าเรียกพวกเขา  แต่ไม่มีเสียงตอบ

และเจ้าจะกล่าวว่า  ‘นี่เป็นชนชาติที่ไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้า

พระเจ้าของพวกเจ้า    เจ้าไม่ยอมรับวินัย ความจริงก็วินาศไปเสียแล้ว
มันถูกตัดออกจากปากของพวกเขา

จงตัดผมของเจ้าแล้วโยนทิ้งไป
จงส่งเสียงคร่ำครวญจากที่สูงโล่ง

เพราะว่า พระเจ้าทรงปฏิเสธ และละทิ้งชนชาติแห่งความกริ้วของพระองค์แล้ว

เยเรมีย์ 7-3 ไม่ต้องอธิษฐาน!

เยเรมีย์ 7:8-16

“แต่ส่วนเจ้า… เยเรมีย์  อย่าอธิษฐานเผื่อคนเหล่านี้ ไม่ต้องร้องขอ ร้องทูลเราเพื่อพวกเขา

ไม่ต้องอธิษฐานอ้อนวอนเผื่อ  พวกเราจะไม่ฟังเจ้า

เจ้าไม่เห็นหรือว่า พวกเขาทำอะไรในเมืองต่าง ๆ ในแคว้นยูดาห์

ไม่เห็นหรือว่า พวกเขาทำอะไรตามถนน ในนครเยรูซาเล็ม!

Is7-5

เด็ก ๆ ไปเก็บฟืน  พ่อก็จุดไฟ  ผู้หญิงนวดแป้ง และทำขนมให้ราชินีแห่งสวรรค์

พวกเขาเทเครื่องดื่มถวายบูชาพระอื่น ๆ เพื่อทำให้เราโกรธ

 

ไม่ใช่เราหรอกหรือ ที่เขายั่วยุให้โกรธ ?”   องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

“เขาไม่ได้ทำอย่างนั้นเพื่อให้ตัวเองขายหน้าหรือ?”

ดังนั้น พระเจ้าตรัสว่า

“ดูเถิด ความโกรธและความกริ้วของเราจะต้องถูกเทลง ณ ที่นี้  ลงบนมนุษย์และสัตว์

บนต้นไม้ในทุ่ง และบนพืชผลจากแผ่นดิน  มันจะถูกเผาผลาญ  ไม่อาจดับได้”