อิสยาห์ 42-5

อิสราเอลไม่ได้ยินและไม่เห็น!

อิสยาห์ 42:18-25

จงฟัง เจ้าคนหูหนวก  จงดู เจ้าคนตาบอด เพื่อเจ้าจะได้เห็น!
ใครละที่ตาบอด …ก็เจ้าคนรับใช้ของเรานะซิ?
ใครล่ะที่หูหนวกเหมือนกับผู้สื่อสารที่เราส่งไป?
ใครที่ตาบอดหมือนกับคนที่เราอุตส่าห์ไว้ใจส่งไป?
ใครที่มองไม่เห็นอะไรเหมือนอย่างคนของเรา?

เขาเห็นอะไรตั้งหลายอย่าง แต่ไม่เคยสังเกตอะไร
หูของเขาก็เหมือนฟังอยู่  แต่เขากลับไม่ได้ยิน
พระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะให้ความสำคัญแก่พระธรรมของพระองค์  และทำให้มันยิ่งใหญ่ มีเกียรติ เพราะเห็นแก่ความชอบธรรมของพระองค์
แต่นี่กลับกลายเป็นชนชาติที่ถูกปล้น ถูกขโมยไป  พวกเขาต่างติดกับอยู่ในรูและซ่อนอยู่ในที่จองจำ  พวกเขากลายเป็นเหยื่อซึ่งไม่มีใครช่วยได้  เป็นของริบมาที่ไม่มีใครกล่าวว่า “เอากลับคืน!”

เด็กที่ถูกจำจองในค่ายกักกันเอาชวิตซ์
เด็กที่ถูกจำจองในค่ายกักกันเอาชวิตซ์

จะมีใครในพวกเจ้าที่ฟังเรื่องนี้  และจะตั้งใจฟังเรื่องราวของอนาคตที่จะมาถึง?
ใครยกยาโคบให้แก่คนที่มาปล้น ใครยกอิสราเอลให้กับโจร?
ไม่ใช่องค์พระผู้เป็นเจ้าหรอกหรือที่ทรงทำเช่นนั้น?  เราทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระองค์  เราไม่ยอมเดินในหนทางของพระองค์  และไม่ยอมเชื่อฟังบัญญัติของพระองค์ด้วย
ดังนั้น พระองค์จึงเทความโกรธกริ้วของพระองค์มาบนเขาและทรงเทอานุภาพในการสงคราม  มันทำให้เขามีไฟติดลุกรอบด้าน แต่เขาก็ไม่เข้าใจ มันใหม้ลามเลียเขา  แต่เขาก็ยังไม่เอาใจใส่เลย

 

ทั้ง ๆ ที่เป็นคนของพระเจ้า  แต่พวกเขาตั้งใจจะมองไม่เห็น จะไม่ฟังเสียงของพระเจ้าใช่ไหม?    มีคนในโลกนี้ ทั้งที่เป็นคนของพระเจ้าแต่พวกเขาก็ยังไม่ใส่ใจคำของพระองค์  นี่มันน่ากลัวมากเลย 

พระเจ้าทรงเตือนแล้วเตือนเล่า ที่พวกเขาควรจะทำสิ่งที่ถูกต้อง

พระเจ้าทรงเตือนดี ๆ  และทรงเตือนด้วยไม้เรียวที่รุนแรง  ถึงอย่างนั้นพวกเขายังไม่ใส่ใจ   ลูกหลานของพวกเขาต้องรับสิ่งที่น่ากลัวเพราะพวกเขาไม่ได้เชื่อฟังพระเจ้ามาตั้งแต่ต้น ….

ไม่ว่าพระเจ้าจะทรงเตือนเราอย่างไร  อย่าลืม…. เอาใจใส่คำเตือนของพระองค์   

ลองดูเหตุการณ์ที่น่ากลัวอันนี้ ….. แม้ถึงกระนั้นจนพวกเขาได้ประเทศอิสราเอลมา  คนอิสราเอลส่วนใหญ่ก็ยังไม่ฟังเสียงของพระเจ้าเลย

14 เมษายน 2013 คนหิวได้อิ่ม

ความสุขเป็นของคนที่หิวกระหายความชอบธรรม

เพราะว่า พระเจ้าจะทรงให้เขาอิ่มเต็มที่

ถอดความจาก มัทธิว 5:6

REUTERS/Parth Sanyal ภาพจาก http://odomspeak.wordpress.com/
REUTERS/Parth Sanyal ภาพจาก http://odomspeak.wordpress.com/

เมื่อคนที่อยู่ในพระเจ้าได้สัมผัสชีวิตอ่อนโยน ที่ทำให้เขายินดีเสมอนั้น

สิ่งต่อไปที่จะพบคือ เขาหิว   หิวหาพระเจ้า อยากพบพระองค์

การหิวความชอบธรรม เป็นเหมือนหิวความรอดพ้น

หิวความจริง ความถูกต้องของพระเจ้า

อยากอ่านพระคำของพระองค์  และพระคำของพระองค์เป็นเหมือนอาหารที่ทำให้อิ่ม

ยิ่งหิว ยิ่งหา ยิ่งดื่มด่ำกับพระวจนะของพระเจ้า

เขาก็จะอิ่มบริบูรณ์

อิสยาห์ 42-4

อิสยาห์ 42: 14-17

นานมาแล้วที่เรานิ่งอยู่ เรานิ่งเงียบและสะกดใจเอาไว้

แต่ตอนนี้เราจะร้องออกมาเหมือนกับหญิงที่กำลังคลอดบุตร

เราจะหายใจถี่ ๆ เราจะหอบ

เราจะทำลายภูเขาและเนินเขาทั้งหลาย และจะทำให้พืชที่ขึ้นนั้นเหี่ยวเฉาไป
เราจะทำให้แม่น้ำกลายเป็นเกาะ และทำให้สระทั้งหลายแห้งไป

เราจะนำคนตาบอดไปตามทางที่พวกเขาไม่รู้จัก  พาไปตามทางที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน
เราจะนำพวกเขา และจะทำให้ความมืดต่อหน้าเขากลายเป็นสว่าง

darktolight
ทางที่ขรุขระจะกลายเป็นทางเรียบ
นี่เป็นสิ่งที่เราทำ และเราไม่ทอดทิ้งพวกเขา

 คนที่วางใจในรูปสลัก  คนที่กล่าวกับรูปโลหะว่า “ท่านเป็นพระของเรา”  จะต้องหันกลับและละอายเป็นที่สุด

พระเจ้าตรัสเองว่าพระองค์ทรงนิ่งเงียบอยู่  แต่วันหนึ่งพระองค์จะทรงร้องเสียงดัง คนทั้งโลกจะได้ยินว่า พระองค์ตรัสอะไรบ้าง
ไม่มีอะไรในโลกจะขวางพระองค์ได้   แต่พระองค์จะทรงนำคนของพระองค์ไป  

และเวลานั้นเราจะเห็นความแตกต่างของคนที่วางใจพระเจ้า กับคนที่พึ่งพารูปปั้น

13 เมษายน 2013 คนสุภาพได้มรดก

ความสุขเป็นของคนที่ใจอ่อนโยน

เพราะว่า เขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก

ถอดความจาก มัทธิว 5:5

singtoภาพจาก http://www.cherylricker.com

คำสอนบนภูเขาของพระเยซู  มิใช่เป็นบทบัญญัติเป็นข้อ ๆ ที่เราต้องปฏิบัติตาม

แต่หากคนใดได้อยู่ในพระเยซูคริสต์ เขาจะมีชีวิตเช่นนี้

อย่างแรก เขาจะรู้สึกบกพร่องในตัวของเขา

เขาจะรู้สึกเศร้าใจกับชีวิตที่ไม่ได้เป็นอย่างที่พระเจ้าต้องการ

อย่างที่สาม ตามมาก็คือ

เขาจะสุภาพ อ่อนโยน ถ่อมตน ไม่ดึงดัน ไม่คิดว่า ตัวเองเก่งยอดกว่าใคร

เขาจะรู้จักตัวเองว่าอยู่ประมาณไหน

ความสุภาพอ่อนโยนเป็นสิ่งตรงข้ามกับ ความดื้อดึง ความเย่อหยิ่ง เจ้าคิดเจ้าแค้น  ความโหดร้าย

คนที่มีใจอ่อนโยน จึงมีความยินดีในทุกสถานการณ์ได้

เขาจึงไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ขี้อิจฉา  แต่เป็นจิตใจที่มีสันติสุข

และนี่เป็นความหมายหนึ่งของการรับแผ่นดินเป็นมรดก

อิสยาห์ 42-3

อิสยาห์ 42:10-13

ร้องเพลงบทใหม่ถวายพระเจ้า

จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระเจ้า
สรรเสริญแด่พระองค์จากที่สุดปลายแผ่นดินโลก
เจ้าคนที่ลงไปยังทะเล และบรรดาสิ่งที่อยู่ในนั้น แผ่นดินชายทะเล และคนที่อยู่ในนั้น
จงให้ทะเลทรายและเมืองต่าง ๆ ในนั้นส่งเสียงขึ้นมา ให้หมู่บ้านที่ชายเคดาร์อาศัยอยู่
จงให้คนที่อยู่ในเส-ลาร้องเพลงด้วยความยินดี ให้เขาตะโกนก้องมาจากยอดเขา
ให้เขาถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า และประกาศสรรเสริญพระองค์ตามแผ่นดินชายทะเล
พระเจ้าเสด็จออกมาดั่งชายที่มีกำลัง

is42

พระองค์ทรงกระตุ้นความกระตือรือร้นขึ้นมาดั่งนักรบ
พระองค์ทรงร้อง ทรงตะโกนเสียงดัง
พระองค์ทรงทำให้เห็นว่า พระองค์ทรงฤทธิ์ต่อหน้าศัตรูของพระองค์

12 เมษายน 2013 นักเขียนหนุ่มน้อย

ไปตามมาระโกมา  และพาเขามาด้วย

เพราะเขาช่วยปรนนิบัติข้าพเจ้าเป็นอย่างดี 

ถอดความจาก  2 ทิโมธี 4:11

Daily2013_4_12

 

ยอห์นมาร์ก  หรือที่เราเรียกภาษาไทยว่า มาระโก    เป็นชายหนุ่มที่รู้อย่างน้อยสองภาษา

คือภาษากรีก และ ภาษาที่ใช้กันทั่วไปในปาเลสไตน์

มาระโกได้บันทึกเรื่องราวของพระเยซูตั้งแต่ที่พระองค์ทรงเริ่มราชกิจ

จนกระทั่งพระองค์สิ้นพระชนม์และเสด็จสู่สวรรค์

เขาไปไหนมาไหนกับเปโตรบ่อย ๆ  ได้เห็นการทำงานของพระเจ้าผ่านคนของพระองค์

เคยไปกับท่านเปาโล และก็ทำให้ท่านไม่พอใจ

แต่ในที่สุดท่านเปาโลก็เปลี่ยนใจ ยอมรับมาระโกเป็นอย่างดี

มาระโกผู้นี้ ก็ได้รับการบันดาลใจจากพระเจ้าให้เขียนบันทึกเรื่องราวของชีวิตพระเยซู

งานเขียนของมาระโกรวดเร็ว ทันใจ ไม่เยิ่นเย้อเลย

คนที่เริ่มสนใจพระเจ้าใหม่ ๆ มักเริ่มต้นอ่านพระธรรมมาระโกก่อนเล่มอื่น ๆ

เพราะเข้าใจง่าย และเห็นภาพที่รวดเร็วเหมือนกับภาพยนต์…..

อิสยาห์ 42-2

อิสยาห์ 42:5-9

องค์พระเจ้าผู้ทรงสร้างสวรรค์ และขึงมันออกมา ผู้ที่ขยายโลกออกไป และสิ่งที่ออกมาจากโลกนั้นด้วย

พระเจ้าผู้ทรงประทานลมหายใจแก่เหล่ามนุษย์ที่อยู่ในโลกนั้น และประทานจิตวิญญาณแก่ผู้ที่เดินในโลก

พระเจ้าองค์นี้ตรัสว่า

“เราเป็นพระเจ้า เราได้เรียกเจ้ามาในความชอบธรรม
เราจะจูงมือเจ้า และรักษาเจ้าไว้

is42blind ภาพจาก http://christianradiokids.blogspot.com

เราจะให้เจ้าเป็นพันธสัญญาสำหรับประชาชนทั้งหลาย
เจ้าจะเป็นแสงสว่างสำหรับประชาชาติ  เพื่อเปิดตาที่บอด  เพื่อนำนักโทษออกมาจากคุกมืด   พาคนที่นั่งอยู่ในความมืดของที่คุมขัง
เราคือพระเจ้า นี่เป็นนามของเรา
เราจะไม่มอบศักดิ์ศรีของเราให้กับใคร ไม่ให้คำสรรเสริญแก่รูปที่ถูกสลักขึ้นมาก

ดูเถิด สิ่งเก่า ๆ ได้ผ่านไปแล้ว  และเรากำลังประกาศสิ่งใหม่  เราได้บอกเรื่องเหล่านี้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น”

11 เมษายน 2013 นักเขียนนักวิชาการ

ที่เรากำลังประกาศอยู่ ก็เรื่องพระองค์นั่นแหละ…
เราเตือนสติและสอนทุกคนให้มีสติปัญญา
เพื่อจะได้ถวายทุกคนให้เป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์

ถอดความจาก โคโลสี 1:28

Daily2013_4_11

 

เซาโล  ฟาริสีผู้ปราชญ์เปรื่อง… มั่นใจว่า พระเยซูไม่ใช่พระผู้ช่วยให้รอด

ดังนั้น หากใครเชื่อพระเยซู เขาก็จะพร้อมที่จะจัดการลงโทษคนเหล่านั้น

แต่แล้ววันหนึ่ง เขาพบพระเยซูกลางทางที่จะเดินไปข่มเหงคริสเตียน

การพบกับพระเยซูอย่างมหัศจรรย์ในวันนั้น ทำให้เขารู้ว่า พระเยซูผู้ที่เขาข่มเหงคือพระเจ้าเที่ยงแท้

จากนั้นมา พระเจ้าทรงใช้เขาออกไปประกาศเรื่องของพระองค์

ตามที่ต่าง ๆ  นอกดินแดนอิสราเอล  ทำให้เขาต้องทนทุกข์เป็นอย่างมาก

เพราะถูกจับ จำคุก ถูกเฆี่ยน ถูกโบย… สารพัด

แต่เขาก็ยังมีความสุขที่ได้รับใช้พระเจ้าเที่ยงแท้

บั้นปลายของเขานั้น…  แม้ถูกเฝ้าไม่ให้คลาดสายตา

ยังคงเขียนจดหมายฝากเตือนคริสตจักรต่าง ๆ ให้ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าอย่างไม่ท้อแท้

อิสยาห์ 42-1

อิสยาห์ 42:1-4

ผู้รับใช้ที่พระเจ้าทรงเลือก

พระคำตอนนี้ ทำให้เราสงสัยไหมว่า ผู้รับใช้ของพระองค์ผู้นี้ คือใครกัน?….

ดูเถิด ผู้รับใช้ของเรา ผู้ที่เรายกขึ้นให้สูง  เขาเป็นผู้ที่เราเลือก จิตใจของเราก็ยินดีเพราะเขา  เราได้ให้วิญญาณของเราเหนือเขา  และเขาจะนำพาให้เกิดความยุติธรรมท่ามกลางประชาชาติ

พระเจ้าทรงเรียกให้ทุกคนได้สนใจบุคคลผู้หนึ่งที่พระเจ้าทรงยกให้สูง  แต่… ทำไมพระเจ้าจึงทรงบอกทั้ง ๆ ที่คนรุ่นอิสยาห์ยังไม่เห็นเลยว่า เขาคือใคร  

อีก กว่าหกร้อยกว่าปีต่อมา พวกเขาจึงรู้ว่า …. บุคคลผู้นั้นคือ พระเยซูคริสต์   พระเยซูเองเปิดอิสยาห์บทนี้   และได้ตรัสถึงพระองค์เองให้ทุกคนได้รู้  แปลกไหม?

IsaiahJesus

เขาจะไม่ร้องเสียงดัง จะไม่เค้นเสียงขึ้นมา หรือทำให้คนตามถนนได้ยิน

พระเยซูจะไม่ทรงส่งเสียงดังเพื่อทำให้คนรู้จักพระองค์  แต่ทรงดำรงพระองค์เองอย่างถ่อมตน อย่างเหลือเชื่อ 

เขาจะไม่หักไม้อ้อที่ช้ำชอก   และเขาจะไม่ดับใส้ตะเกียงที่ริบหรี่

เขาจะนำความยุติธรรมออกไปด้วยความซื่อตรง
เขาจะไม่เหน็ดเหนื่อยหรือท้อแท้ จนกว่าเขาจะได้สถาปนาความเที่ยงตรงบนแผ่นดินโลก  และบรรดาแผ่นดินชายทะเลก็รอคอยบัญญัติของเขา

พระองค์จะทรงนำความเที่ยงตรงออกไปทั่วโลก ไม่เฉพาะกับคนอิสราเอลเท่านั้น

10 เมษายน 2013 นักเขียนชาวประมง

จำเป็นที่เพื่อน ๆ ต้องทุกข์ทนชั่วระยะหนึ่ง ….

เพื่อเป็นการทดสอบความเชื่อที่ดียิ่งกว่าทองคำ

ถอดความจาก 1 เปโตร 1:6-7

Daily2013_4_10

เปโตร เป็นชาวประมงที่พระเยซูทรงเรียกให้เป็นสาวก

เขาตามพระองค์ตั้งแต่วันแรกที่พระองค์ทรงชักชวนเขา  และหลังจากนั้น

เขาก็ได้ประสบกับความมหัศจรรย์มากมายในชีวิต

พระเยซูทรงรักเขา และทรงรู้จักเขายิ่งกว่าที่เขารู้จักตัวเองเสียอีก

เขารักพระเยซูมาก ถวายชีวิตให้พระองค์ได้ เคยปกป้องพระองค์จนไปฟันหูทาสคนหนึ่งขาด

 แต่แล้ว… ไม่นานนักจากการปกป้องพระองค์   เขากลับกล่าวว่า

“ผมไม่รู้จักพระเยซูคนนั้น”   เพียงเขากลัวว่าจะถูกจับไปลงโทษ …..

เปโตรได้เขียนจดหมายฝากไปยังเพื่อน ๆ ที่เชื่อพระเยซู ซึ่งกระจัดกระจายกันอยู่ตามที่ต่าง  ๆ

และจดหมายที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้านั้น

ยังคงอยู่ให้เราอ่านในทุกวันนี้  แม้เวลาจะผ่านมากว่า 2000 ปี!

อิสยาห์ 41-6

อิสยาห์ 41: 25-29

เราได้เร้าให้ผู้หนึ่งมาจากทางเหนือ และเขาก็มาแล้วด้วย จากทิศที่ดวงอาทิตย์ขึ้น เขาจะเรียกชื่อของเรา เขาจะเหยียบย่ำผู้ปกครองเหมือนกับเหยียบลงบนปูนสอ เหมือนกับที่ช่างปั้นนวดดิน


ภาพถ่ายโดยคุณ ราเชน แนร์ จาก http://twicsy.com/i/sQSa9

ภาพถ่ายโดยคุณ ราเชน แนร์ จาก http://twicsy.com/i/sQSa9

ตรงนี้ พระเจ้าได้ทรงบอกให้คนอิสราเอลรู้ล่วงหน้าว่า กษัตริย์ไซรัสจะมาจากทางเหนืออย่างแน่นอน พิสูจน์ ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ที่รู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ยิ่งกว่านั้น พระองค์ยังทรงบอกชัดว่า ทรงเป็นผู้เร้าให้ไซรัสเดินทางมาโจมตีอิสราเอล! และเมื่อตอนที่ไซรัสมา พระองค์ก็อ้างพระนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอลเสียด้วยว่า ทรงใช้พระองค์มา ทั้ง ๆ ที่พระองค์ไม่ได้เชื่อวางใจในพระเจ้าเที่ยงแท้องค์นี้
นโยบายในการทำการศึกของไซรัส เป็นส่วนที่พระเจ้าทรงใช้เปิดเผยพระองค์เองให้คนโลกโบราณได้รู้จักพระองค์

มีใครที่ได้แจ้งเรื่องราว(ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์)มาตั้งแต่เวลาเบื้องต้น เพื่อจะให้เรารู้ และแจ้งเรื่องมาตั้งแต่ก่อนมันเกิดขึ้น เพื่อเราจะได้พูดว่า “เออ เขาพูดถูกต้องนะ” ? ไม่มีใครเลยที่เคยบอกอะไรมาล่วงหน้า ไม่มีใครเคยประกาศ ไม่มีใครได้ยินคำของเจ้า

แต่เราเอง เป็นผู้แรกที่กล่าวกับศิโยนว่า “ดูเถิด มันเป็นอย่างนี้นะ” และเราเป็นผู้แจ้งข่าวดีแก่เยรูซาเล็ม
แต่เมื่อเรามองมา ก็ไม่มีใครเลย ไม่มีผู้ให้คำปรึกษาท่ามกลางคนเหล่านี้ คนที่จะให้คำตอบได้เมื่อเราถาม
ดูเถิด ทุกอย่างเป็นแต่เรื่องหลอก งานของพวกเขาเป็นสิ่งไร้ความหมาย รูปปั้นโลหะของพวกเขาก็เป็นเพียงลมพัดไปเปล่า ๆ

เป็นอันว่า ชัดเจน… ไม่มีใครบอกอนาคตอย่างถูกต้อง ตรงไปตรงมาได้นอกจากพระเจ้าเที่ยงแท้

9 เมษายน 2013 ผู้เลี้ยงแกะ..นักเขียน

ฉันจะร้องเพลงถึงความรักมั่นคงของพระเจ้าเป็นนิตย์

และด้วยปากของฉัน

ฉันจะประกาศความซื่อตรงสุจริตของพระเจ้าตลอดทุกชาติพันธุ์ 

 

ถอดความจาก สดุดี 89:1

Daily2013_4_9

คนที่กล่าวคำข้างบนนี้ คือราชาดาวิด กษัตริย์องค์ที่สองของอิสราเอล

เป็นกษัตริย์ที่เขียนคำสดุดีพระเจ้าไว้มากมาย

สามพันกว่าปีมาแล้ว เรื่องราวที่ทรงเขียนไว้ ยังเป็นกำลังใจของเราทุกคน

แต่ราชาดาวิดไม่ได้เขียนจากความรู้สึกของตนเองเท่านั้น

แต่เป็นความรู้สึก พร้อมแรงบันดาลใจ  พร้อมคำอันงามยิ่ง ที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

จากเด็กเลี้ยงแกะ กลายเป็นนักรบ  และเป็นกษัตริย์ที่กล้าหาญ

พร้อมกับความกล้าหาญ ยังเป็นผู้เดียวที่พระเจ้าตรัสว่า

ชายผู้ซึ่งติดตามหัวใจของเรา…..

อิสยาห์ 41-5

อิสยาห์ 41:21-24
ข้อความตอนนี้ เป็นตอนที่พระเจ้าทรงท้าทายประชาชาติทั้งหลายในโลก พระองค์ทรงเรียกให้เขาเข้ามาใกล้เพื่อพิพากษา ว่าประชาชาติเหล่านั้นได้ให้พระที่เป็นรูปปั้นช่วยพวกเขา พระเจ้าจะทรงให้เห็นว่า พวกเขากำลังเชื่ออะไรอยู่ โดยผ่านคำกล่าวของอิสยาห์ พระองค์ทรงให้เขาเห็นว่า พระองค์ทรงยิ่งใหญ่กว่าเทวรูปของคานาอัน และอัสซีเรีย (ทั้ง ๆ ที่พวกเขากำลังจะเข้ามาโจมตีคนของพระองค์)
พระเจ้าตรัสว่า จงเตรียมคดีของเจ้าให้พร้อม …
องค์ราชาแห่งยาโคบตรัสว่า จงนำข้อพิสูจน์ของเจ้ามา
ให้พวกเขานำมา และบอกเราว่า จะเกิดอะไรขึ้น
จงบอกสิ่งที่เกิดขึ้นมาในอดีต มันคืออะไร เพื่อเราจะได้พิจารณา เพื่อเราจะได้ทราบของผลที่ได้จากเหตุการณ์เหล่านั้น
หรือเจ้าจะประกาศถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
meso_idol
พระเจ้าทรงถามเขาว่า เทวรูปเหล่านั้น สามารถบอกอนาคตได้หรือ ทั้ง ๆ ที่จะเดินไปไหนมาไหนยังไม่ได้… ต้องให้คนช่วยพาไปตามที่ต่าง ๆ ( พวกเขาเชื่อว่า เทวรูปของเขาสามารถบอกเหตุการณ์ในอนาคตได้)
บอกเราว่าอะไรจะเกิดตามมา เพื่อว่าเราจะได้รู้ว่าพวกเจ้าเป็นเหล่าเทพเจ้า
จงทำดี หรือทำร้ายเพื่อว่าเราจะได้หวาดหวั่น ตกใจ
พระเจ้าตรัสให้เทวรูปเหล่านั้น ทำอะไรขึ้นมาสักอย่างเพื่อให้คนได้รู้พลังของมัน

ดูเถิด เจ้าไม่เป็นอะไรเลย งานของเจ้าก็น้อยยิ่งนั้น ไร้ค่า คนที่เลือกให้เจ้าเป็นพระของเขากลายเป็นสิ่งที่น่าชัง

อิสยาห์ 41-4

อิสยาห์ 41:17-20

คนที่ยากจนไร้บ้าน คนที่ขัดสนแสวงหาน้ำ ลิ้นของพวกเขาแห้งผากเพราะความกระหายอย่างยิ่ง
แต่เรา ผู้เป็นพระเจ้า จะทรงตอบเขา  เราผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอลจะไม่ทอดทิ้งพวกเขา

shkia_big

 

ภาพข้างบน จิตรกร แมนเดลคิดถึงพระคำของพระเจ้าตอนนี้แหละ

เราจะทำให้มีแม่น้ำบนเนินเขาที่แห้งแล้ง  ให้มีน้ำพุท่ามกลางหุบเขา  เราจะทำให้ถิ่นกันดารกลายเป็นบ่อน้ำ และที่แห้งแล้งกลายเป็นน้ำพุ

เราจะปลูกต้นสีดาร์ ต้นกระถินเทศ  ต้นน้ำมันเขียว และต้นมะกอกเทศ

เราจะให้มีต้นสนไซเปรสขึ้นมาในทะเลทราย และยังมีต้นโอ๊ค และต้นสนอีกมากมาย

ทุกคนจะได้เห็น และรู้ และจะค่อย ๆ พิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นและเข้าใจไปพร้อมๆ กันว่า

พระหัตถ์ของพระเจ้าได้ทำสิ่งนี้  องค์ผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลได้สร้างมันขึ้นมา

ความรักของพระเจ้าที่ทรงมีต่อคนยากจนนั้น ปรากฏชัดในองค์พระเยซูคริสต์   ทุกคนเข้ามาหาพระเจ้าได้  ไม่ว่าเขาจะจนหรือรวย  เงื่อนไขไม่ได้อยู่ที่ฐานะ แต่อยู่ที่ว่า  ใครก็ตามที่มีความเชื่อในพระองค์  ก็จะเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ 

และเมื่อมนุษย์ไม่อาจช่วยซึ่งกันและกัน… ยามนั้น เรายังมีพระเจ้า

และหากทุก ๆ คนมองให้ดี ย้อนไปในประวัติศาสตร์โลก  ก็จะเห็นว่า พระเจ้าทรงควบคุมทุกอย่าง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พระองค์ก็ทรงบอกล่วงหน้าหลายอย่างมากมาย    ถ้าทุกคนพิจารณาให้ดี …จะเห็นพระหัตถ์ของพระเจ้าที่คอยช่วยไว้ 

หากพระองค์ไม่ได้ทรงทำให้  ป่านนี้ โลกไม่เหลือแล้ว… เพราะมนุษย์นี่แหละที่ประหัตประหารกันอย่างไร้ความปราณี  …  แต่จะมีวันหนึ่งที่พระเจ้าทรงจบมันด้วยพระองค์เอง

อิสยาห์ 41-3

อิสยาห์ 41:11-16

ดูเถิด คนที่พยายามต่อต้านเจ้า จะต้องอับอาย และสับสน คนที่ต่อสู้กับเจ้าจะกลายเป็นศูนย์ และจะพินาศไป

เจ้าจะตามหาคนที่สู้กับเจ้า แต่เจ้าจะหาเขาไม่พบ คนที่พยายามทำสงครามกับเจ้า จะกลายเป็นไม่เหลืออะไร

เพราะเรา พระเจ้าของเจ้า จะจับมือขวาของเจ้าว่า เรานี่แหละที่พูดกับเจ้าว่า “อย่ากลัวเลย เราจะเป็นผู้ที่ช่วยเจ้า”

เลื่อนนวดข้าว
เลื่อนนวดข้าว

อย่ากลัวไป เจ้าหนอนยาโคบ  คนแห่งอิสราเอล! เราคือผู้ที่ช่วยเจ้า  พระเจ้าตรัสดังนั้น … ผู้ไถ่ของเจ้าคือ องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

ดูเถิด เราจะทำให้เจ้าเป็นเลื่อนนวดข้าว ทั้งใหม่และคมกริบมีฟันเลื่อย

เจ้าจะบดขยี้ทั้งภูเขา และทำให้มันแหลกละเอียด และเจ้าจะทำให้เนินเขาเป็นเหมือนแกลบ

เจ้าจะซัดมัน และลมจะพัดมันไป  พายุจะทำให้มันกระจัดกระจาย กระเจิดกระเจิงไป และเจ้าจะยินดีในพระเจ้า

เจ้าจะถวายเกียรติแด่องค์ผู้บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล

เมื่อพระเจ้าตรัสว่า หนอนยาโคบ  พระองค์ทรงบอกให้พวกเขารู้ว่า เขาอ่อนแอ และไม่ได้มีความสำคัญ  

พระผู้ไถ่องค์นี้ คือพระองค์ผู้ทรงมีความตั้งพระทัยที่จะทำให้อิสราเอลได้หลุดจากการเป็นเชลย  ให้เขากลับใจใหม่ และไม่พึ่งพารูปเคารพอีกต่อไป

ลมและพายุในที่นี มีความหมายถึงพลังอำนาจที่ทำลาย ซึ่งเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์โลก  พระเจ้าทรงจัดให้มันเกิดขึ้นเพื่อให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ  

 

อิสยาห์ 41-2

อิสยาห์ 41:5-10

แผ่นดินชายทะเลเห็นและกลัว  ที่สุดปลายแผ่นดินโลกก็ตัวสั่น  พวกเขามาใกล้ และมาจริง ๆ  ทุกคนต่างช่วยเพื่อนบ้านของตน และกล่าวกับพี่น้องของตนว่า “จงเข้มแข็ง!”

cyrus-the-great-2 (2)

ช่างฝีมือให้กำลังใจกับช่างทอง ผู้ที่ทำให้งานเรียบเนียนด้วยค้อนก็ให้กำลังใจกับคนที่ใช้ทั่ง  พูดถึงการที่บัดกรีออกมาว่า “ดีนะ”   แล้วเขาก็เอาตะปูไปตรึงไว้

เมื่อมีศัตรูเข้ามาโจมตี  ดูซิ  แทนที่พวกเขาจะมาหาพระเจ้า  กลับมาปลอบใจกันเอง และพากันสร้างรูปเคารพขึ้นอีก  

แต่เจ้า อิสราเอล  เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา  ยาโคบที่เราได้เลือก  ลูกหลานของอับราฮัมเพื่อนของเรา
เจ้า ผู้ที่เราได้นำมาจากที่สุดปลายแผ่นดินโลก  และเรียกมาจากดินแดนไกลโพ้น

พวกเขาเป็นคนรับใช้ของพระเจ้า… เมื่อเทียบกับชนชาติอื่นที่ไม่ใช่  พวกเขามีสิทธิพิเศษจริง ๆ   และพระเจ้าทรงเรียกอับราฮัมผู้เป็นบิดาของชาวอิสราเอลว่า “เพื่อน” ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์นั้นแนบแน่นกว่าการเป็นคนรับใช้เสียอีก

ในยุคสุดท้าย พระเจ้าจะทรงเรียกคนของพระองค์กลับมาจากสถานที่ซึ่งพวกเขากระจัดกระจายกันไป…  

และเราพูดกับเจ้าว่า “เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา เราได้เลือกเจ้าและมิได้เขวี้ยงเจ้าทิ้งไป  อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า  อย่าท้อแท้ เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า  เราจะให้กำลังเจ้า ใช่ เราจะช่วยเจ้า  เราจะยกเจ้าขึ้นด้วยมือขวาอันชอบธรรมของเรา”

พระเจ้าทรงให้กำลังใจพวกเขาขนาดนี้  พวกเขารู้ไหมนะว่า คนอื่น ๆ ยังไม่ได้อย่างนี้เลย 

5 เมษายน 2013 ราชานักเขียน

นี่คือสุภาษิตของซาโลมอน พระราชาแห่งอิสราเอล  

โอรสของดาวิด ทรงเขียนไว้…

เพื่อให้มีปัญญาและวินัย เข้าใจคำแห่งความรู้ 

ถอดความจากสุภาษิต 1:1-2

Daily2013_4_5

 

ราชาซาโลมอนเป็นโอรสที่ราชาดาวิดทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ครองอิสราเอลต่อจากพระองค์

สิ่งที่ราชาซาโลมอนแตกต่างจากคนอื่น ๆ ก็คือ

พระเจ้าได้อวยพระพรให้ทรงปัญญา รอบรู้เหนือกษัตริย์องค์ใดในโลก

ไม่ว่าจะเป็นการปกครอง  วิศวกรรม  การพัฒนาเศรษฐกิจ  หรือแม้กระทั่งการสอน

พระเจ้าทรงอวยพรให้พระองค์เขียนบันทึกสิ่งต่าง ๆ ไว้มากมาย ในสดุดี  สุภาษิต ปัญญาจารย์

และเรื่องของความรัก ในบทเพลงของซาโลมอน

น่าเสียดาย ในวัยชราของพระองค์  ทรงเบี่ยงเบนไปจากสิ่งที่พระองค์เองสอนผู้อื่น

ทำให้เราเห็นว่า

ใครก็ตาม ที่ไม่ระวังตัว  มีโอกาสพลาดได้เสมอ 

อิสยาห์ 41-1

อย่ากลัว เพราะเราอยู่กับเจ้า

อิสยาห์ 41:1-4

ในความเงียบ  จงฟังเรา  แผ่นดินชายทะเลเอ๋ย
จงให้ผู้คนได้รื้อฟื้นกำลังขึ้นมาใหม่
ให้พวกเขาเข้ามา และได้พูด
ให้พวกเราเข้ามาเพื่อรับการพิพากษา

Is41Cyrus

ใครล่ะ ที่ได้เร้าให้คนหนึ่งจากตะวันออกเข้ามาพบกับชัยชนะทุกฝีก้าว?
ผู้นั้นได้มอบประชาชาติทั้งหลายให้เขา เพื่อว่าเขาจะได้เหยียบย่ำเหล่ากษัตริย์อยู่ใต้เท้า เขาใช้ดาบทำให้เหล่ากษัตริย์เหล่านั้นเป็นเหมือนฝุ่น
เขาใช้ธนูทำให้พวกนั้นเป็นเหมือนตอข้าวที่ถูกพัดไป
เขาตามไล่ล่าและผ่านพวกเขาไปอย่างปลอดภัย  ตามทางที่เขาไม่เคยเหยียบไปเลย
ใครล่ะ เป็นผู้ที่ทำสิ่งนี้ให้เห็น  เรียกบรรดาชนทุกรุ่นมาจากตั้งแต่เวลาปฐมกาล?

เรา องค์พระผู้เป็นเจ้า  ผู้เป็นต้น และเป็นสุดท้าย เราคือเขาผู้นั้น

อ่านตอนนี้แล้วต้องเข้าใจว่า ใครล่ะ นั่นคือ องค์พระผู้เป็นเจ้า ส่วนคนที่มาจากตะวันออกนั้นคือ  ราชาไซรัสมหาราชแห่งเปอร์เซีย   ไซรัสได้รบชนะบาบิโลน (ถ้าเราดูการ์ตูนของวันที่ 4 เมษายน 13 ช่องที่ 7 ก็จะเข้าใจมากขึ้น)

พระเจ้าทรงมอบอำนาจให้ไซรัสมหาราชได้ชนะไปรอบทิศ …. เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้กำหนดสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น ไม่ใช่อะไรเกิดตามความบังเอิญ  …

พระเจ้าทรงเป็นต้น และเป็นสุดท้าย มีความหมายชัดเจนว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว และทรงเป็นผู้ปกครองทุก ๆ ส่วนของประวัติศาสตร์โลกนี้

4 เมษายน 2013 องคมนตรีนักเขียน

พระเจ้าประทานปัญญาแก่คนฉลาดเฉลียว

และประทานความรู้ ให้แก่คนที่มีความเข้าใจ

ถอดความจาก ดานิเอล 2:21

Daily2013_4_4 (1)

 

ช่วงปีก่อนคริสตศักราช 605 ปี นับถัดจากวันนี้ไปก็เท่ากับ 2013+605=2618 ปีมาแล้ว

ดานิเอลถูกจับไปเป็นเชลยในสมัยราชาเนบูคัดเนสซาร์ที่ยิ่งใหญ่

แล้วคืนหนึ่งพระราชาทรงฝัน  แต่เกิดจำฝันนั้นไม่ได้

จึงไม่มีใครสามารถทำนายฝันให้พระองค์  พระราชากริ้วยิ่งนัก สั่งประหารโหรทุกคนในอาณาจักร

เมื่อดานิเอลรู้เรื่องเข้า  จึงมาอธิษฐานต่อพระเจ้า

และพระเจ้าทรงสำแดงความฝัน และความหมายของฝันนั้นให้ดานิเอล

เขาทูลพระราชาว่า ในอีก 700 ปีข้างหน้า จะมีอาณาจักรมหาอำนาจเกิดขึ้น

แทนบาบิโลน  คือ เปอร์เซีย  กรีก  และ โรม (ซึ่งต่อมาในประวัติศาสตร์ ก็เป็นอย่างนั้นจริง)

เขาทั้งได้ทำให้พระราชาทรงรู้ว่า พระเจ้ายิ่งใหญ่เพียงใด

และยังช่วยชีวิตของเหล่าข้าราชการอีกมากมายด้วย

ถ้าดานิเอลไม่ได้รับการบันดาลใจเพื่อบันทึกเรื่องนี้ไว้เมื่อสองพันหกร้อยกว่าปีที่แล้ว

พวกเราคงไม่รู้เรื่องนี้เลย….

อิสยาห์ 40-5

อิสยาห์ 40:25-31

เจ้าจะเปรียบเรากับใคร เราเหมือนใครหรือ? องค์ผู้บริสุทธิ์ตรัส  จงเงยหน้ามองดูที่สูง  ใครล่ะ  ใครสร้างสิ่งเหล่านี้มา?
พระองค์ผู้ทรงนำดวงดาวออกมาตามจำนวน และเรียกชื่อของมัน  ด้วยความยิ่งใหญ่แห่งอำนาจของพระองค์  และเพราะพระองค์ทรงพลังเข้มแข็ง จึงไม่มีดาวดวงใดขาดไปเลย

“โอ ยาโคบ เหตุใดเจ้าจึงกล่าวว่า…  โอ อิสราเอล เหตุใดเจ้าจึงพูดว่า… ..หนทางของข้าพเจ้าซ่อนไว้จากพระเจ้า  และพระเจ้าไม่ทรงสนพระทัยในสิทธิของข้าพเจ้า..? “

เจ้าไม่เคยรู้เลยหรือ?  เจ้าไม่เคยได้ยินหรือ?   ว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้านิรันดร์  ทรงเป็นพระผู้สร้างจนที่สุดปลายแผ่นดินโลก  พระองค์ไม่ทรงอ่อนเพลียหรือเหนื่อยล้า   ความเข้าใจของพระองค์นั้นเกินที่จะหยั่งรู้ได้

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Unported License.
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Unported License.

PHOTO BY SCOTT BOURNE

พระองค์ประทานกำลังให้กับคนที่อ่อนเพลีย  และคนที่ไม่มีพลัง พระองค์ก็ทรงเพิ่มกำลังให้
แม้ว่าเด็กหนุ่มสาวจะอ่อนเพลียและเหน็ดเหนื่อย  แม้เด็กหนุ่มจะล้มลงด้วยความล้า  แต่คนที่รอคอยพระเจ้าจะรับกำลังใหม่  พวกเขาจะก้าวขึ้นมาพร้อมกับปีกดั่งอินทรี  พวกเขาจะวิ่ง และไม่อ่อนแรง  พวกเขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง