สงครามที่พระเจ้าทรงยั้งไว้ ๑๑-๑

2 พงศาวดาร 11:1-4

ราชาเรโหโบอัมทรงรู้สึกเสียหน้าเอามาก ๆ  ครั้งที่ต้องขึ้นรถรบหนีคนอิสราเอลลงมายังเยรูซาเล็ม

“ไม่น่าเลย  ข้าไม่น่าเสียทีขนาดนี้”

พระองค์ทรงตั้งพระทัยแน่วแน่จะต้องแก้แค้น และเอาคนอิสราเอลทั้งสิบเผ่าทางเหนือให้อยู่มือ

การที่คนอิสราเอลสิบเผ่ารุมประชาทัณฑ์ คนที่ราชาเรโหโบอัมส่งไป  แสดงว่า อำนาจกำลังจะหลุดไปจากบัลลังก์   ราชาเรโหโบอัมผู้โหดร้ายพร้อมที่จะก่อให้เกิดการตายจำนวนมหาศาลเพื่อว่า พระองค์เองจะได้ครองอำนาจเบ็ดเสร็จ

สิ่งที่ทรงทำก็คือ รวบรวมผู้ชายจากเผ่ายูดาห์และเบนยามินทางใต้  มาฝึกให้พวกเขาเป็นนักรบ จำนวนถึง 180,000 คน  อะไรกัน   นี่กะจะสู้กันจนต้องใช้คนมากมายขนาดนี้หรือ  ทำไมคนชนชาติเดียวกันจะต้องมารบราฆ่าฟันกันเช่นนี้  ราชาเรโหโบอัมคิดต้องการที่จะครอบครองทั้งเหนือและใต้อย่างที่ราชาซาโลมอนเคยปกครอง   พระองค์ไม่ต้องการสูญเสียอำนาจไป  …..

แต่…ก่อนที่ราชาเรโหโบอัมจะได้ลงมือทำอย่างที่ตั้งใจ

มีชายคนหนึ่งมาขอเข้าเฝ้า

เขาคือเชไมอาห์  …. ผู้ที่ราชาเรโหโบอัมต้องทรงฟัง

ภาพจาก COTTAGE PICTURES FROM THE OLD TESTAMENT, 1857).

“ข้าแต่พระราชา   พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า…. อย่าขึ้นไปสู้รบกับพี่น้อง เลือดเนื้อเชื้อไขอิสราเอล   ให้ชายทุกคนกลับไปบ้านของตน  เพราะสิ่งนี้เป็นมาจากพระองค์”

“อะไรนะ? “   ราชาเรโหโบอัมไม่พอพระทัยมาก ๆ ที่พระเจ้าทรงมากั้นไว้

“ขอพระราชาทรงฟังข้าพเจ้า  อย่าไปสู้รบกับพวกเขาเลยพะยะค่ะ  พระเจ้าจะทรงให้เยโรโบอัมเป็นกษัตริย์ครองทางเหนือ”    เรโหโบอัมทรงฉลาดพอที่จะฟังคำเตือนของเชไมอาห์   พระองค์จึงไม่ทรงขึ้นไปสู้รบกับเยโรโบอัม

แต่ถึงกระนั้น ในรัชสมัยของพระองค์ก็มีการสู้รบกันประปรายเสมอ….เป็นการสู้รบที่ไม่ใหญ่โตอย่างที่ตั้งพระทัยไว้ครั้งแรกนั้น

ผลตอบแทนต่อใจร้าย ๑๐-๓

2 พงศาวดาร 10:12-19

สามวันต่อมา เยโรโบอัม และประชาชนทางเหนือก็มาเฝ้าราชาเรโหโบอัมตามนัด

และราชาเรโหโบอัมก็ทรงทำตามอย่างที่ทรงคิดไว้ล่วงหน้า  พระองค์ไม่สนใจสิ่งที่ผู้ใหญ่ได้แนะนำเอาไว้

“พวกเจ้าไม่รู้หรือว่า  ราชบิดาที่ให้เจ้ารับภาระหนักนั้น  ข้าคิดว่า มันเบาไป  ข้าจะเพิ่มแอกภาษีเงิน  และการใช้แรงงานของพวกเจ้าให้หนักขึ้นไปอีก    พวกเจ้ามันไร้ค่า แล้วยังมาขอสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ “

ภาพวาดโดย วิลเลียม บราสสี โฮล

เยโรโบอัมและประชาชนที่มา หันมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง

แม้กระทั่งเหล่าผู้ใหญ่ก็ตกใจเช่นกัน  พวกเขาเห็นอนาคตของราชาเรโหโบอัมชัดเจนว่า จะเป็นอย่างไรต่อไป

เหตุใดราชาเรโหโบอัมจึงโหดร้ายเช่นนี้   …. พวกเราคงไม่อาจเป็นทาสรับใช้ราชาองค์นี้ต่อไปได้  และสิ่งที่ราชาเรโหโบอัมตรัสต่อไปก็คือ

“ราชบิดาของข้าตีพวกเจ้าด้วยไม้เรียว  แต่ข้าจะจัดการกับคนที่ทำไม่ถูกใจข้าด้วยแส้แมงป่อง !”

พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า

เหตุการณ์นี้เป็นมาจากพระเจ้า  เพื่อพระวจนะที่ได้ตรัสกับเยโรโบอัมผ่านอาหิยาห์จะได้สำเร็จ…..

ประชาชนและเยโรโบอัมจึงทูลพระราชาว่า

“เราทั้งหลายมีส่วนอะไรกับราชาดาวิด?
เราทั้งหลายไม่มีส่วนมรดกในบุตรเจสซี
โอ…คนอิสราเอลเอ๋ย  พวกเจ้านะกลับไปที่กระโจมของตนเองเถิด
ข้าแต่ราชาดาวิด  ขอทรงดูแลราชวงศ์ของพระองค์เองเถิด”

พูดอย่างนี้แล้ว ราชาเรโหโบอัมยังไม่ทรงรู้สึกรู้สาอะไร
กลับทรงส่งฮาโดรัม นายงานที่ดูแลคนทำงานที่ถูกเกณฑ์มาไปจัดการกับคนอิสราเอล

ดังนั้นสิ่งที่ได้รับคือ

“เอามันให้ตาย  เจ้าคนนี้แหละที่ทารุณพวกเรา  ใจร้าย ไม่ปราณีคนงานเลย”

พวกเขาเอาหินขว้างฮาโดรัมจนตาย   ขว้างจนสาแก่ใจ  …..

 

ข่าวการตายของฮาโดรัมมาถึงราชาเรโหโบอัม   จึงทรงรีบขึ้นรถหนี กลับไปที่เยรูซาเล็มอย่างรวดเร็ว…..

ราชาผู้โหดร้ายและขี้ขลาด ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับคนอิสราเอลทางเหนือทั้งสิบเผ่า…. รู้แล้วยังล่ะว่า   ราชาที่ไร้ความเมตตาแบบนี้ ประชาชนไม่ชอบ

 

นิ้วก้อยที่หนากว่าเอว ๑๐-๒

2 พงศาวดาร 10:6-11

ราชาเรโหโบอัม  ราชโอรสของราชาซาโลมอน ทรงเติบโตมาท่ามกลางชีวิตของพระราชาที่มีฮาเร็มใหญ่โต    แม้ว่า ราชบิดาของพระองค์จะทรงยิ่งใหญ่เป็นผู้ที่มีสติปัญญามาก รอบรู้ และเป็นที่นับถือของประชาชน  แต่เรโหโบอัมก็ไม่ได้รับความฉลาดของราชบิดามาเลย   และดูเหมือนว่า ยังมีเพื่อน ๆ ที่น่าจะเป็นลูก ๆ ของบรรดาสาวงามที่เป็นนางห้ามของราชบิดา  หรือเป็นโอรสของมเหสีบางคน   เรโหโบอัมไม่ได้รับการอบรมดีเหมือนกับที่ราชาดาวิดให้กับราชาซาโลมอน

น่าเสียดายจริง ๆ ที่เรโหโบอัมมีบุคลิกลักษณะ นิสัยใจคอที่แตกต่างจากราชบิดาและเสด็จปู่อย่างสิ้นเชิง

ทำไมจึงกล่าวเช่นนี้หรือ?

ลองอ่านต่อไปซิว่า อะไรเกิดขึ้น

เมื่อเยโรโบอัมผู้นำของเผ่าทางเหนือมาขอร้องให้ราชาเรโหโบอัมลดภาระต่าง ๆ ของประชาชนลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเก็บภาษี  การบังคับแรงงานซึ่งราชาซาโลมอนจะให้คนเข้ามารับราชการทำงานการก่อสร้าง ปีละกี่เดือนก็แล้วแต่

ตอนที่ราชาซาโลมอนทรงสร้างประเทศนั้น ประชาชนทั้งหลายก็เห็นด้วย และช่วยกันทำงานสร้างประเทศกันอย่างแข็งขัน  มาเวลานี้ ทุกอย่างน่าจะลดลงได้แล้ว  พวกเขาจะได้ทำมาหากินใช้ชีวิตเป็นปกติ

ราชาเรโหโบอัมทรงปรึกษาผู้ใหญ่ที่เคยอยู่งานกับราชาซาโลมอนว่า  ควรทำอย่างไรกับคำขอของเยโรโบอัม

“ถ้าฝ่าบาททรงเมตตาเขา  ทำให้เขาพอใจ  ตรัสสิ่งดี ๆ ให้เขา พวกเขาก็จะรับใช้ฝ่าบาทตลอดไปพะยะค่ะ”

เรโหโบอัมทรงพยักหน้า

แต่แล้วก็ไม่ได้ทรงสนใจคำปรึกษาของผู้ใหญ่เหล่านั้น กลับไปถามคนหนุ่ม ๆ ที่เติบโตมาด้วยกันกับพระองค์  เป็นคนรุ่นใหม่ที่เที่ยวสนุกสนานกับพระองค์มาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น

“ฝ่าบาทน่าจะตรัสกับเขาว่า  นิ้วก้อยของเรานั้นหนากว่าเอวของราชบิดาของเรา”

น่ากลัวจริง

ดูเหมือนว่า ราชาเรโหโบอัมก็ชอบคำแนะนำนี้

……ใช่สิ  ที่ราชบิดาเคยวางภาระหนักให้กับประชาชน  เราจะเพิ่มแอกให้อีก  ดี  ดี  ที่ราชบิดาของเราเคยใช้ไม้เรียว   เราจะใช้แส้แมงป่อง….. ราชาเรโหโบอัมทรงคิดและจะตอบประชาชนอย่างนั้น ….

 

 

ราชาองค์ใหม่ ๑๐-๑

2 พงศาวดาร 10:1-5

การที่ราชาซาโลมอนทรงยิ่งใหญ่  ไม่ได้หมายความว่า พระองค์ไร้ศัตรู   คนที่ใกล้พระองค์เองหลายคน ไม่พอใจในสิ่งที่ราชาซาโลมอนทำในช่วงท้าย ๆ ของการปกครอง   นั่นคือ พระองค์หลงใหลในอิสตรีมากมาย  มีฮาเร็มใหญ่โต  มันหมายความว่า เงินทองในท้องพระคลังย่อมหมดไปกับผู้หญิงเหล่านี้  มีสิ่งดี ๆ อีกมากมายที่พระราชาไม่ได้สนพระทัยทำ   แต่กลับทรงใช้เวลาอย่างไม่สมควรในฐานะที่เป็นกษัตริย์

ยังมีคนที่ไม่พอใจการก่อสร้างของพระราชาที่ต้องเกณฑ์แรงงานคนมากมาย  คนหนึ่งในนั้นคือ เยโรโบอัมผู้ได้รับการทำนายว่าจะได้เป็นกษัตริย์   ทำให้เขากลายเป็นอีกคนที่ราชาซาโลมอนทรงตามล่า   แต่เมื่อสิ้นรัชกาลแล้ว เขาก็กลับมาจากการลี้ภัยในอียิปต์

มีคนที่ซ่องสุมผู้คนเพื่อปลดแอกประเทศของตนให้เป็นอิสระจากพระราชา

คนสำคัญในเวลานี้คือ เรโหโบอัมซึ่งเป็นโอรสของราชาซาโลมอน   มีอย่างหนึ่งที่น่าแปลกมาก….. แม้ว่าราชาซาโลมอนจะมีธิดาโอรสหลายองค์  มีมเหสีและนางห้ามมากมาย   แต่มีเรโหโบอัมเท่านั้น ที่มีการบันทึกชื่อเอาไว้   และเรโหโบอัมผู้นี้ก็เป็นคนที่ไม่สมกับเป็นกษัตริย์เสียด้วย ….  ราชาที่ยิ่งใหญ่อย่างซาโลมอน ไม่ได้มีลูกชายสืบต่อที่สมศักดิ์ศรีของพระองค์เลย  …

โรโหโบอัม เสด็จไปเมืองเชเคมเพื่อรับการสถาปนาเป็นกษัตริย์    เชเคมเป็นเมืองสำคัญทางเหนือของอีก 10เผ่า   การที่ต้องไปสถาปนาที่นั่นแสดงว่า เรโหโบอัมอ่อนแอพอสมควร   แทนที่จะเชิญผู้นำเผ่าทั้งสิบมายังเยรูซาเล็มได้เหมือนกับราชาดาวิดหรือซาโลมอน  กลับต้องเดินทางไปเอง!

ตอนที่ราชาซาโลมอนทรงมีชีวิตอยู่  พระองค์ทรงใช้คนเผ่าของเยโรโบอัมในการสร้างพระวิหาร และพระราชวัง   มันกลายเป็นภาระหนักของชนเผ่า ดังนั้น เยโรโบอัม ซึ่งเป็นหัวหน้าจึงเดินทางกลับมาที่เชเคม   เพื่อเข้าเฝ้าเรโหโบอัม

“ราชบิดาของฝ่าบาทได้ทำให้พวกเราต้องแบกแอกอันหนักอึ้ง    ขอพระองค์โปรดพิจารณาเพื่อช่วยให้ภาระเหล่านี้ลดลงบ้าง  แล้วพวกเราทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระองค์ “

เรโหโบอัมได้ยินเช่นนั้น ก็ยังไม่ตัดสินพระทัย   ตรัสว่า

“อีกสามวันจงกลับมาหาเราอีกแล้วกัน   เราจะให้คำตอบ”    ดังนั้นประชาชนจึงกลับไปด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่า จะได้คำตอบที่ดีจากราชาองค์ใหม่

 

 

ความมั่งคั่งของซาโลมอน ๙-๓

2 พงศาวดาร 9:13-31

ใครได้อยู่รัชสมัยของราชาซาโลมอนนั้น นับว่าได้เปรียบคนรุ่นก่อน ๆ และรุ่นหลัง ๆ มาในเรื่องความสงบ    และการได้อยู่กับความสนใจเรื่องของสติปัญญา ความคิด    ราชาซาโลมอนทรงครอบครองตั้งแต่แม่น้ำยูเฟรติสทางเหนือ ลงมาทางใต้ถึงแผ่นดินคนฟีลิสเตีย   และทางตะวันตกนั้น ยาวไปถึงพรมแดนอียิปต์!

เป็นยุคที่กษัตริย์อื่น ๆ  ต่างพากันมาเฝ้าราชาซาโลมอน เพื่อฟังพระสติปัญญาที่พระเจ้าได้ประทานให้ไว้

กษัตริย์ทั้งปวงต่างทึ่งในความฉลาดของราชาซาโลมอน   นำไปเล่ากล่าวขานในประเทศอย่างมากมาย  ดังนั้น เรื่องราวของราชาซาโลมอนจึงแผ่ขยายไปทั่วดินแดนแถบนั้น

เมื่อมาเฝ้าก็ไม่ได้มากันมือเปล่า   ต่างพากันนำเครื่องบรรณาการมาถวาย

ทั้งเงิน  ทองคำ  เครื่องแต่งกาย  อาวุธ  เครื่องเทศ  ม้าและล่อตามจำนวนที่กำหนดไว้      และของเหล่านี้ไม่ได้มาจากประเทศต่าง ๆ เท่านั้น แต่จากพ่อค้าที่เดินทางค้าขายไปมาแถบนั้นด้วย

ภาพจาก http://chportal.christiantoday.co.kr

ในรัชสมัยของพระองค์นั้น   พระองค์ทรงทำของใช้มากมายจากทอง   เงินเป็นของมีค่าน้อยมากเหมือนก้อนหิน  ไม้สนสีดาร์อย่างดีก็มีมากมายเพราะได้รับการถวายจากบรรดาประเทศใกล้เคียง

สิ่งที่ได้บันทึกว่า พระองค์ทรงสร้าง   ก็มีบางอย่างที่เฉไฉไปจากคำบัญชาของพระเจ้า    ครั้งที่พระองค์ประทานให้ไว้กับโมเสส

พระองค์ทรงสร้างพระราชวังงดงามที่เรียกว่า ป่าเลบานอน  มันสวยงาม เต็มด้วยพันธุ์ไม้ต่าง ๆ  มากมาย

และทรงสั่งให้คนสร้างโล่ทองคำใหญ่ เล็ก   อันใหญ่  200 อัน ทำจากทองคำ 3.5 กิโลกรัม  ส่วนอันเล็ก 300 อันทำจากทองคำ 1.7 กิโลกรัม  คงไม่ได้ต้องการเอาไปรบ  แต่เป็นการบ่งบอกถึงความมั่งคั่งของพระองค์

ทรงสร้างพระที่นั่งขนาดใหญ่มีบันได 6 ขั้น  แท่นรองพระบาท   ตกแต่งด้วยงาช้าง  บุด้วยทองคำ ที่วางพระหัตถ์มีสิงโตวางอยู่ข้างละตัว    มีสิงโตปั้นยืนอยู่ข้างละตัวข้างบันได

ทุกอย่างบนโต๊ะเสวยทำจากทองคำ   พระองค์ทรงมีเรือบรรทุกทองคำ เงิน งาช้าง  ลิง  และลิงบาบูน  ซึ่งจะนำสิ่งเหล่านี้กลับมายังเยรูซาเล็มทุก ๆ  3 ปี

ยังทรงมีที่เก็บรถม้าศึก และม้าถึง 4000 แห่ง   ทรงมีม้า 12,000 ตัว  ทรงเก็บไว้ที่หัวเมืองสำคัญ และที่เยรูซาเล็ม

ราชาซาโลมอนทรงครองอิสราเอลอยู่ 40 ปี

เมื่อสิ้นพระชนม์  ราชโอรสคือ เรโหโบอัมได้ขึ้นครองแทน

 

คำชมของราชินี ๙-๒

2 พงศาวดาร 9:5-12

หลังจากที่ทรงเห็นความอลังการของเมืองเยรูซาเล็ม พระวิหาร พระราชวังของราชาซาโลมอน  รวมทั้งได้สนทนาสารพัดเรื่องกับราชาซาโลมอนแล้ว   ราชินีแห่งเชบาทูลว่า

“ที่หม่อมฉันเคยได้ยินเรื่องราวของพระองค์  จากคนในประเทศของหม่อมฉัน  พวกเขาเล่าถึงความสำเร็จ  พระปรีชาญาณของพระองค์  หม่อมฉันไม่ได้เชื่อเลย  แต่ตอนนี้  หม่อมฉันได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่า เป็นจริงสมกับที่พวกเขาพูด   และที่เขาเล่ามา ก็ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของที่เห็นวันนี้    ฝ่าพระบาททรงยิ่งใหญ่กว่าที่พวกเขากล่าวกันมากมายนัก”

พระนางทูลต่อไปว่า

“ประชาชนของพระองค์ต้องมีความสุข ความสงบ รู้สึกปลอดภัยมาก   ข้าราชการของหม่อมฉันก็จะมีความสุขมากถ้าพวกเขาได้มีโอกาสเข้าเฝ้า  และฟังพระสติปัญญาของพระองค์อยู่เสมอ”   พระนางไม่ได้ทรงคิดถึงพระองค์เองเท่านั้น  แต่ทรงเห็นว่า ข้าราชการของราชาซาโลมอนนั้นได้เปรียบกว่าข้าราชการในที่อื่น ๆ  แม้ในประเทศของพระนางเอง….เพราะได้รับใช้พระราชาที่ทรงปัญญา

ราชินีแห่งเชบาเข้าเฝ้าราชาซาโลมอน  Sir Edward John Poynter  (1839-1919)

“สรรเสริญพระเจ้าของฝ่าพระบาท   สรรเสริญพระองค์ที่ทรงตั้งฝ่าพระบาทเป็นกษัตริย์ครองบัลลังก์แห่งอิสราเอล และได้ปกครองนี้ในพระนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอล พระราชาเพคะ    พระเจ้าทรงรักประชากรของพระองค์ยิ่งนัก   และทรงตั้งพระทัยที่จะเชิดชูอิสราเอลไว้ตลอดไป   พระองค์จึงทรงตั้งฝ่าพระบาทให้รักษาความชอบธรรมและความยุติธรรม”

ราชินีแห่งชีบาทรงเห็นทะลุปรุโปร่งว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ และทรงเป็นผู้ตั้งซาโลมอนให้ปกครองประเทศ  พระนางรับว่า พระเจ้าทรงใช้ซาโลมอนเพื่อรักษาความเที่ยงธรรมให้กับประชาชน

จริง ๆ  ราชินีองค์นี้ทรงยิ่งใหญ่ไม่น้อย  เพราะพระนางเป็นราชินีที่เต็มด้วยสติปัญญา   มองทุกสิ่งอย่างลึกซึ้งและละเอียดละออ  ทรงเข้าใจถึงพระทัยของพระเจ้าที่มีต่ออิสราเอลอย่างน่าแปลกใจ

ไม่น่าเชื่อ

ที่ราชินีต่างชาติจะทรงเข้าใจอะไรได้มากมายเช่นนี้

พระนางได้ทรงถวายทองคำหนัก 4 ตัน อัญมณีเหลือล้น   และเครื่องเทศมากมาย   ทรงถวายมากอย่างที่ไม่มีใครเคยถวายมาก่อน

และราชาซาโลมอนทรงมอบทุกสิ่งที่ราชินีทูลขอ  ทรงให้พระนางมากยิ่งกว่าที่พระนางเอามาถวาย

จากนั้น พระนางก็ทูลลา และเดินทางกลับประเทศอย่างปลอดภัย

 

ราชินีผู้มาเยือน ๙-๑

2 พงศาวดาร 9:1-4

ราชินีแห่งเชบา  เป็นราชินีผู้ปกครองประเทศทางใต้ ซึ่งนักประวัติศาสตร์ได้ชี้ว่า น่าจะเป็นประเทศเอธิโอเปียในปัจจุบัน

พระนางเดินทางพร้อมกับกองคาราวานขนาดมหึมา มุ่งหน้ามายังเยรูซาเล็ม   กองคาราวานนี้ มีอูฐบรรทุกเครื่องเทศ  ทองคำและอัญมณีมากมาย

พระนางต้องผ่านทะเลทรายอันร้อนระอุในเวลากลางวัน  หนาวเย็นเยือกในเวลากลางคืนเป็นเวลาหลายเดือน   แต่ในพระทัยของพระนางนั้นมีความมุ่งมั่นที่จะทรงพบชายผู้ฉลาดที่สุดในโลกให้ได้

ทรงขอเข้าเฝ้าราชาซาโลมอนอย่างนอบน้อม      ซึ่งพระองค์ทรงยินดีที่มีแขกสตรีมาเยือนเช่นนี้

ภาพวาดโดย เอ็ดมุน ดูลัค 1882-1953

ราชินีองค์นี้ ทรงฉลาดล้ำ  พระนางถึงทรงใคร่รู้ว่า ราชาซาโลมอนที่ทรงขึ้นชื่อว่า เป็นกษัตริย์ที่ทรงปัญญาที่สุดนั้น  เก่งจริงสมคำเล่าลือหรือไม่  ทรงต้องมาดูด้วยพระองค์เอง   พระนางไม่อาจจะแค่คอยฟังคนนั้น คนนี้พูดได้อีกต่อไป

เมื่อพระนางทรงเข้าเฝ้าราชาซาโลมอน   พระนางก็ไม่ได้รอช้า ทรงสนทนาเรื่องที่ทรงสงสัยอยู่  และราชาซาโลมอนก็ทรงตอบพระนางได้ทุกอย่าง  ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกินกว่าที่พระราชาจะทรงตอบได้

ลองคิดดูซิว่า  ราชาและราชินีผู้ปกครองประเทศที่ต่างกัน จะทรงสนทนากันเรื่องอะไรบ้าง

มันต้องมีเรื่องมากมายให้คุย  ตั้งแต่การปกครอง การบริหารประเทศ  ปัญหาของประชาชน และเรื่องอื่น ๆ อีกที่ยังเป็นปัญหาซึ่งพระราชินีเองก็ทรงต้องการแก้ไข

อาจจะมีเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อ  เรื่องของพระเจ้า พระวิหาร การนมัสการพระองค์    ราชาซาโลมอนทรงรู้จักพระเจ้าอย่างไรบ้าง

ราชินรแห่งเชบา  ทรงประหลาดพระทัยกับคำตอบของราชาซาโลมอน  และทรงยอมรับว่า ราชาซาโลมอนนั้นทรงด้วยสติปัญญาอันสูงส่ง    ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ ดูเหมือนว่า ทุกสิ่งอยู่ในความคิดของพระองค์ทั้งหมด  ทรงเป็นราชาที่รอบรู้จริง ๆ

ยิ่งเมื่อพระนางทอดพระเนตรการถวายเครื่องบูชาอันมากมาย   พนักงาน ข้าราชการของราชาซาโลมอน  รวมไปถึงอาหาร  เครื่องใช้บนโต๊ะเสวย  พระนางทรงตะลึงกับทุกสิ่งที่ได้พบ

 

 

บรรยากาศรัชสมัยซาโลมอน ๘-๒

2 พงศาวดาร 8:11-17

บรรยากาศและความเป็นไปในรัชสมัยของราชาซาโลมอนนั้น เป็นภาพที่ชัดเจนมาก

ราชาซาโลมอนเป็นราชาแห่งการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ   สถาปัตยกรรมอันงดงาม และยังทรงเป็นนักปราชญ์ที่ได้เขียนงานไว้มากมายอีกด้วย

แต่อีกสิ่งที่ราชาซาโลมอนยังทรงใช้เวลามากคือ การมีมเหสีและนางห้ามเป็นฮาเร็มเลยทีเดียว!

หนึ่งในนั้นคือราชธิดาของฟาโรห์   พระองค์ทรงสร้างราชวังให้พระนางเป็นพิเศษ   พระองค์ไม่ทรงให้พระนางอยู่ในวังซึ่งราชาดาวิดได้ทรงสร้างไว้  พระองค์ทรงเห็นว่าที่เหล่านั้นซึ่งหีบพันธสัญญาของพระเจ้าเคยอยู่  เป็นที่อันศักดิ์สิทธิ์   พระนางไม่ควรอยู่…. สงสัยจริงว่า ราชธิดาฟาโรห์ได้เอาอะไรมาด้วย  อาจเป็นรูปเคารพหรืออะไรบางอย่างที่ราชาซาโลมอนเอง ทรงรู้ว่า เอามาอยู่ด้วยกันไม่ได้

ราชาซาโลมอนทรงรู้ดีว่า ราชธิดาของฟาโรห์นั้น เป็นสตรีต่างชาติที่ไม่เชื่อพระเจ้า  แต่พระองค์ก็ยังทรงเอาพระนางเข้ามา  และเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตขาลงของพระราชา!

แต่ส่วนในเรื่องการนมัสการพระเจ้านั้น    ราชาซาโลมอนได้ทรงเริ่มต้นดี

ไม่ว่าราชาดาวิดจะทรงกำหนดอะไรไว้ก่อน    ราชาซาโลมอนก็ทรงทำตามกฎเกณฑ์เหล่านั้น  เช่นการถวายเครื่องบูชาประจำวัน    ในวันสะบาโต   วันขึ้นหนึ่งค่ำ  และในเทศกาลประจำปีสามครั้งคือ   เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ   เทศกาลสัปดาห์  และเทศกาลอยู่เพิง

ราชาซาโลมอนทรงกำหนดการแบ่งเวรของปุโรหิต   คนเลวีในการนำนมัสการสรรเสริญพระเจ้า  คนเฝ้าประตูต่าง ๆ   พระองค์ทรงดูแลเรื่องการคลังของพระวิหารโดยกำหนดคนไว้ดูแลอย่างรอบคอบ

ไม่เฉพาะงานพระวิหารที่สร้างออกมาอย่างงดงาม

แต่การบริหารจัดการในพระวิหารก็ไม่มีที่ติเช่นกัน

 

ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับต่างประเทศนั้น มีอะไร ๆ ที่ทำให้ราชาซาโลมอนยิ่งมั่งคั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

ราชาฮีรามได้ส่งเรือ ส่งคนเชี่ยวชาญการเดินเรือไปให้ราชาซาโลมอนเพื่อไปเอาทองคำมากมายจากเมืองชายทะเลในแผ่นดินเอโดม

 

ราชานักก่อสร้าง ๘-๑

2 พงศาวดาร 8:1-10

ราชาซาโลมอนทรงสร้างพระวิหารใน 7 ปี  และพระราชวังอีก 13 ปี รวมเป็น 20 ปีที่พระองค์ทรงปกครองประเทศไปพร้อม ๆ กับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่

แต่มันไม่ได้จบเพียงแค่นั้น  พระองค์ยังทรงสร้างหัวเมืองต่าง ๆ ที่ราชาฮีรามได้ถวาย   และก็มีเมืองที่ฮีรามถวายคืนมาด้วย  ราชาซาโลมอนเคยให้หลายเมืองกับราชาฮีราม  แต่พระองค์ไม่ประสงค์เมืองเหล่านั้น เพราะเป็นเมืองที่ไม่เจริญเลย  ราชาซาโลมอนทรงส่งคนอิสราเอลไปอยู่ตามหัวเมืองเหล่านั้น   และทรงสร้างสิ่งที่ทรงเห็นว่าเหมาะสม

นายช่างฮีรามกับราชาซาโลมอน  ภาพผลงาน J.J. Scheuchzer 1731

พระองค์ทรงสร้าง  สร้าง  และสร้าง  ตามเมืองขอบเขตรอบนอกออกไป    แม้กระทั่งเมืองในถิ่นที่แห้งแล้งมากอย่างเช่นเมืองทัดโมร์   เมืองที่พระองค์ทรงสร้างจะเป็นเมืองที่มั่นคง มีทั้งกำแพง  ประตู ดาลที่เข้มแข็ง  ยากที่ศัตรูจะเข้ามารุกรานได้

นับได้ว่า เป็นราชาแห่งการก่อสร้างจริง ๆ

ทรงสร้างเมืองที่ใช้เป็นคลังหลวง

เมืองที่จะเก็บรถรบ

เมืองสำหรับพลม้า

ตรงนี้เองที่น่าสนใจ…. พระเจ้าทรงสั่งไม่ให้ผู้ปกครองอิสราเอลสะสมรถรบ พลม้าสำหรับตัวเอง  แต่ดูเหมือนว่า ราชาซาโลมอนจะไม่ได้สนพระทัยคำสังห้ามนี้   ทรงมีม้า  และรถรบ รวมทั้งพลม้ามากมาย  เหล่านี้ จะสร้างปัญหาให้กับพระราชาไหม?

ความที่ทรงเป็นคนฉลาดมาก  พร้อมกับมีแรงงาน  มีทรัพย์มากมายเพียงพอ   ดังนั้น ไม่ว่าทรงคิดอะไรเกี่ยวกับเมือง ก็จะทรงจัดการเรื่องนั้นได้อย่างเรียบร้อย สำเร็จเสร็จสิ้นไปเสียทุกเมือง

พระเจ้าทรงอวยพระพรราชาซาโลมอนและประชาชนของพระองค์

มีเมืองที่ไหน ก็มีงานที่นั่น    มีทั้งนายงาน  และคนแรงงาน ซึ่งนำมาจากชาวฮิตไทท์  อาโมไรต์  เปเรซี  ฮีไวต์  และเยบุส
คนอิสราเอลส่วนใหญ่จะทำงานเป็นข้าราชการ  เป็นนายทหาร  เป็นพลม้าของพระองค์   พระองค์ทรงมีข้าราชการชั้นผู้ปกครองตามเมืองต่าง ๆ   250  คน

 

ชีวิตสองด้าน ๗-๓

2 พงศาวดาร 7:19-22

พระเจ้าทรงเตือนราชาซาโลมอนให้อยู่ในทางของพระองค์  และพระองค์จะทรงทำตามสัญญาของพระองค์ทุกอย่าง

แต่เหรียญมีสองด้าน

ชีวิตมีดี มีร้าย

โลกมีทุกข์และสุข

มนุษย์เชื่อฟัง และต่อต้านพระเจ้า…..

พระเจ้าตรัสต่อไปว่า

“แต่หากเจ้าหันไปจากทางของเรา ละทิ้งพระบัญญัติและกฎเกณฑืที่เราได้บอกเจ้าไว้  แล้วเจ้าหันไปบูชาพระอื่น  นมัสการพระเหล่านั้น  …..”

เป็นไปได้อย่างไร ราชาซาโลมอนทรงแอบคิดในใจ  พระเจ้าทรงดีที่สุด  ข้าจะหันไปจากทางของพระองค์รึ?  เป็นไปไม่ได้..!!!

หายนะของเยรูซาเล็ม โดย David Roberts 1850

“หากเจ้าทำเช่นนั้น  เราจะถอนรากพวกเขาออกไปจากแผ่นดินที่เรามอบให้เจ้า!  และวิหารที่เจ้าสร้าง และถวายแก่เรานี้  เราจะเหวี่ยงมันไปให้ไกลสายตาของเรา  เราจะทำให้วิหารนี้กลายเป็นคำที่คนพูดกันทั่ว  มันจะกลายเป็นคำอ้างถึง  เป็นสุภาษิตของคนทั่วไปที่ผ่านมาเห็น   พวกเขาจะประหลาดใจและกล่าวว่า…  ทำไมพระเจ้าจึงทรงทำต่อแผ่นดินและพระวิหารเช่นนี้?  ….

จะมีคนตอบให้ว่า .. เป็นเพราะพวกเขาละทิ้งพระเจ้า  พระเจ้าของบรรพบุรุษซึ่งทรงนำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์   พวกเขาได้ยึดถือพระอื่นและนมัสการพระเหล่านั้น   รับใช้พระอื่นเหล่านั้น

พระเจ้าจึงทรงนำหายนะมาสู่พวกเขา …. “

 

พระเจ้าทรงเตือนราชาซาโลมอนไว้ล่วงหน้าแล้ว   พระองค์จะทรงใส่พระทัยหรือไม่นะ?

 

คืนที่พระเจ้าทรงเยี่ยม ๗-๒

2 พงศาวดาร 7:11-18

ราชาซาโลมอนได้สร้างพระวิหารของพระเจ้า และราชวังของพระองค์เสร็จสมบูรณ์  ไม่มีสิ่งใดตกบกพร่อง วางแผนไว้อย่างไร ก็ทำตามนั้น   เป็นความสำเร็จที่ผู้คนกล่าวขานถึงความงาม ตระการของพระวิหารทั่วแผ่นดิน   และยังเลื่องลือไปยังประเทศต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ   แม้ประเทศไกล ก็ได้ยินเรื่องราวของพระวิหารนี้

หลังจากงานถวายพระวิหารผ่านไปแล้ว

พระเจ้าทรงมาเยี่ยมราชาซาโลมอนในเวลากลางคืน  ราชาซาโลมอนดีพระทัยมาก  ทรงน้อมองค์ฟังสิ่งที่พระเจ้าตรัส
“เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า   และเราได้เลือกสถานที่แห่งนี้ ให้เป็นที่ ๆ ประชากรอิสราเอลจะถวายเครื่องบูชาต่อเรา
เมื่อเราปิดฟ้า ทำให้ไม่มีฝน หรือเมื่อเราสั่งให้ตั๊กแตนมาเขมือบพืชผลไร่นา  หรือเมื่อเราส่งโรคระบาดมาท่ามกลางพี่น้องอิสราเอล ….  “   ดูเหมือนว่า คำตรัสของพระเจ้านั้นกำลังบอกราชาซาโลมอนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

เมื่อคนเจอโรคระบาด  ภาพวาดโดยกุสตาฟ ดอเร่

“หากประชากรของเรา  ที่เรียกชื่อของพวกเขาตามนามของเรา จะถ่อมใจลง  อธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา   ถ้าเขาจะหันจากทางแห่งความบาปร้ายของเขา เราจะยินเสียงของเขาจากสวรรค์    เราจะอภัยบาปให้เขา  และรื้อฟื้นรักษาแผ่นดินให้หายจากความหายนะ

ตาของเราจะเปิดอยู่  หูของเราจะคอยฟังคำอธิษฐานที่พวกเขามาร้องทูลในสถานที่นี้ เพราะเวลานี้  เราได้เลือกและได้ชำระวิหารนี้ เพื่อว่านามของเราจะอยู่ในวิหารนี้ตลอดไป     ตาของเรา ใจของเราจะอยู่ที่นี่เสมอไป

ส่วนเจ้า  ถ้าเจ้าเดินตามรอยของดาวิด พ่อของเจ้า   ทำทุกสิ่งตามที่เราได้บัญชาไว้ และรักษากฏบัญญัติของเรา  เราก็จะสถาปนาเจ้าบนบัลลังก์ และเราจะให้คำสัญญาเหมือนกับที่ให้กับพ่อของเจ้าว่า   เจ้าจะไม่ขาดชายสักคนที่จะปกครองอิสราเอล”

พระเจ้าทรงเป็นห่วงใยที่จะย้ำให้ราชาซาโลมอนทำในสิ่งที่ถูกต้อง

พระเจ้าทรงเป็นห่วงใยที่จะบอกวิธีแก้ไข เมื่อเกิดเหตุร้าย

พระองค์ทรงบอกชัดเจนว่า  สิ่งร้ายจะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาหันจากทางของพระองค์ และใช้ชีวิตอย่างชั่วร้ายต่อพระองค์  ต่อตัวเอง และผู้อื่น

พระเจ้าทรงรู้ว่า  พวกเขาไม่สามารถที่จะดำเนินตามพระบัญญัติของพระองค์ได้อย่างครบถ้วน  จะมีวันหนึ่งที่พวกเขาหันไปจากทางของพระองค์

 

พระสิริก็ลงมา ๗-๑

2 พงศาวดาร 7:1-10

เมื่อราชาซาโลมอนทรงอธิษฐานจบ  ทุกคนในที่นั้นก็ต้องตะลึง  ….. เพราะ

ชิ้วววววว    ซ  ซซซ ซซ !!!!

ไฟจากสวรรค์เบื้องบน  ลงมาเผาเครื่องบูชา และสัตวบูชาทันที!

พระสิริของพระเจ้าแผ่กระจายเต็มพระวิหาร

แม้ปุโรหิต ก็เข้าไปในพระวิหารไม่ได้เลย   มองไม่เห็นอะไร เพราะพระสิริของพระเจ้าแน่นอยู่ในบรรยากาศนั้น !

ไฟจากสวรรค์ลงมาเผาเครื่องบูชา


“เพราะว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าประเสริฐ

ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่นิรันดร์”

 

 

 

เสียงของผู้คนที่อยู่ในพระวิหารร้องออกมาพร้อมกัน  เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  พวกเขากราบซบหน้าลงถึงดินทุกคน

วันนั้น ราชาซาโลมอนถวายสัตวบูชาเป็นวัว 22,000  ตัว   และแกะอีก 102,000 ตัว   โอ… จะมากอะไรปานนั้น  มิน่า  จึงต้องการเลวี และคนทำงานในพระวิหารมากมายเหลือเกิน

การถวายครั้งนี้เป็นเครื่องหมายว่า ทั้งพระราชาและประชากรของพระองค์ ได้ถวายพระวิหารให้เป็นของพระเจ้า

บรรยากาศวันนั้นสง่างาม  ทรงเกียรติ และเต็มด้วยความชื่นชมยินดี

เหล่าปุโรหิต  เลวี  นักร้อง ต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดใจ

เสียงเพลงกระหึ่มทั่วบริเวณ   ดังออกไปทั่วกรุงเยรูซาเล็ม

ชาวเมืองตั้งใจฟังเสียงเพลงสรรเสริญพระเจ้า  และพวกเขาก็น้อมใจลงสรรเสริญพระเจ้าพร้อมไปกับเหล่านักร้อง  นักดนตรีเหล่านั้น

 

กว่าสิบวัน  ที่คนอิสราเอลและพระราชาอยู่ในงานนี้ด้วยกัน เป็นชุมชนใหญ่โตมาก    เมื่อถึงวันสุดท้าย  ประชาชนลาราชาซาโลมอนกลับยังถิ่นฐานของตนเอง

“ขอบคุณพระเจ้า   ขอบคุณพระเจ้า   พระเจ้าทรงดีต่อเรามากเหลือเกิน”

ชนอิสราเอลต่างชื่นบานยินดีสำหรับความดี    ที่พระเจ้าได้ทรงมอบให้แก่ราชาดาวิด  ผู้ที่ตั้งพระทัยจะสร้างพระวิหาร  ทั้งแก่ราชาซาโลมอนและพวกเขาทุกคน

 

เมื่อต้องเป็นเชลย ๖-๕

2 พงศาวดาร 6:34-39

“ยังมีอีกเรื่องที่ข้าทาสของพระองค์จะทูลขอ

อาจมีสักวันหนึ่งที่คนอิสราเอลต้องออกไปทำสงครามในที่ไกล ๆ  พระองค์เจ้าข้า  เมื่อพวกเขาอธิษฐานต่อพระองค์หันหน้ามาทางเมืองเยรูซาเล็มที่พระองค์ทรงเลือกไว้นี้  เมื่อพวกเขาหันตรงมาที่พระวิหารแห่งพระนามของพระองค์   ขอพระองค์ทรงเมตตา

ขอทรงสดับฟังเขาจากฟ้าสวรรค์  และขอให้สิทธิแห่งความเป็นประชากรของพระองค์นั้น คงอยู่

เมื่อพวกเขาต้องไปเป็นเชลย  ถูกปฏิบัติราวสัตว์ใช้งาน……

พระองค์เจ้าข้า มนุษย์ทำบาปเสมอ  ดังนั้น  หากเขาได้ทำบาปต่อพระองค์  และพระองค์ทรงกริ้ว   พระองค์ทรงมอบเขาไว้ในมือของศัตรูกลายเป็นเชลย… ในแผ่นดินของศัตรู

ขอพระเจ้าทรงเมตตา  หากเขาสำนึกผิดจากแผ่นดินไกล และกลับใจ

เมื่อพวกเขาสำนึกผิดและวิงวอนต่อพระองค์  จากแผ่นดินที่เขาเป็นเชลยนั้น

เมื่อพวกเขาทูลอ้อนวอนต่อพระองค์ว่า  … ข้าทาสทั้งหลายได้ทำบาป ทำชั่วร้าย ทำการอธรรมต่อพระองค์….

เมื่อพวกเขากลับมาหาพระองค์ด้วยสิ้นสุดจิต สิ้นสุดใจ

และอธิษฐานตรงมาที่แผ่นดินนี้  ตรงมาที่พระวิหารนี้

พระเจ้าข้า   ขอทรงโปรดสดับคำอธิษฐานของพวกเขา จากสรวงสวรรค์ จากที่ประทับของพระองค์

ขอพระองค์โปรดให้สิทธิแห่งความเป็นประชากรของพระองค์นั้น ยังคงอยู่

ขอพระองค์เมตตา  ประทานอภัยให้พวกเขา”

 

เมื่อราชาซาโลมอนอธิษฐานเผื่อประชากรของพระองค์แล้ว

พระองค์ทรงหันพระทัยมุ่งมายังที่ ๆ  พระองค์ทรงอยู่พร้อมกับประชากรอีกเป็นจำนวนมาก

“ข้าแต่พระเจ้า

ขอพระเนตรทรงดู  ขอพระกรรณทรงยินคำอธิษฐานแห่งพระวิหารนี้

ข้าแต่พระเจ้า  ขอทรงลุกขึ้นเสด็จไปยังที่ประทับของพระองค์

ทั้งพระองค์  และหีบแห่งอำนาจสูงสุด

ขอให้ปุโรหิตสวมใส่ความรอด

ให้คนของพระองค์  ยินดีในความดีของพระองค์

พระเจ้าข้า   ขออย่าทรงหันใบหน้าของผู้ทรงเจิมไปเสีย

ขอทรงระลึกถึงความรักมั่นคงที่ทรงมีต่อดาวิด  ผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเถิด!”

 

ราชาซาโลมอนได้อธิษฐานเพื่อประชากรของพระองค์   คนต่างด้าว  และที่สุด พระองค์ทรงเชิญพระเจ้าเสด็จเข้ามาประทับในพระวิหาร   คำอธิษฐานที่ได้บันทึกไว้นี้  ทำให้เรารู้ว่า  เราควรอธิษฐานเผื่อคนอื่น  และห่วงใยผู้อื่นอย่างไร

ราชาซาโลมอนผู้ได้เขียนสุภาษิต  และปัญญาจารย์   ผู้ทรงสติปัญญา ไม่ได้อธิษฐานขอความมั่งคั่งเลย

พระองค์ทรงขอเพื่อคนทั้งหลายจะได้ทำสิ่งที่ถูกต้องกับพระเจ้า   และยังอธิษฐานขอทางแก้ไขเมื่อพวกเขาทำผิดต่อพระองค์

 

คำอธิษฐานนี้….. ดีจริง ๆ

 


 

คำทูลเพื่อคนต่างด้าว ๖-๔

2 พงศาวดาร 6:32-33

ยังมีอีกเรื่องที่ราชาซาโลมอนทรงคิดถึง  และทรงอธิษฐานต่อพระเจ้า

นั่นคือ เรื่องของคนต่างด้าว  คนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในแผ่นดินอิสราเอล  ซาโลมอนจะใช้ให้พวกเขาทำงานสร้างพระวิหาร เป็นคนสกัดหิน เป็นคนขนไม้ ทำงานหนักต่าง ๆ    พวกเขาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พระวิหารสำเร็จ   ตลอดเวลาที่ทำงานกับพวกเขา กว่า 7 ปี   ราชาซาโลมอนเองทรงสัมผัสชีวิตของพวกเขา  ทรงเห็นความตั้งใจของพวกเขาในการทำงาน       ราชาซาโลมอนก็ทรงทราบดีว่า พระเจ้าทรงสร้างพวกเขามาเช่นกัน

จากคำอธิษฐานนี้ จะเห็นว่า ราชาซาโลมอนทรงคิดอย่างไรกับพวกเขา  ไม่ได้ทรงเหยียดหยามพวกเขาดั่งทาส   ไม่ได้ทรงคิดกับพวกเขาเหมือนเป็นมนุษย์อีกชนชั้น   แต่กลับขอพระเจ้าทรงเมตตาพวกเขา

 

 

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า  ยังมีคนต่างด้าวซึ่งไม่ใช่คนอิสราเอล ประชากรของพระองค์อีก

พวกเขามาจากที่ ๆ ไกล

พระองค์เจ้าข้า  … เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์

เพื่อเห็นแก่พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์
เพื่อเห็นแก่พระกรที่พระองค์ทรงยื่นออกมา

ขอทรงโปรดสดับฟังจากฟ้าสวรรค์    เมื่อพวกเขามาอธิษฐาน ณ พระวิหารนี้

ขอทรงตอบตามที่พวกเขาทูลขอ

เพื่อว่า ชนชาติต่าง ๆ ในแผ่นดินโลกนี้ จะได้รู้จักพระนาม  และยำเกรงพระนามของพระองค์เหมือนอย่างที่คนอิสราเอลยำเกรงพระองค์

เพื่อเขาจะได้ทราบว่า พระวิหารนี้ เรียกกันด้วยพระนามของพระองค์…”

คำอธิษฐานนี้ น่าสนใจจริง

ราชาซาโลมอนปรารถนาให้คนต่างด้าวได้รู้จักและนับถือองค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนคนอิสราเอล !!

 

คำอธิษฐานล่วงหน้า ๖-๓

2  พงศาวดาร 6:26-31

นอกจากว่า ราชาซาโลมอนจะทรงเป็นห่วงว่า อนาคต คนอิสราเอลจะทำบาปต่อพระเจ้า  เป็นเหตุให้พวกเขาพ่ายแพ้ต่อศัตรูยังไม่พอ

พระองค์ทรงเป็นห่วงอีกหลายเรื่อง  ทรงอธิษฐานต่อไปว่า

“เมื่อประชากรทำบาปต่อพระองค์  ทำให้สวรรค์ปิด  ไม่มีฝนตกลงมา   พระองค์ทรงให้เขาได้รับความทุกข์ใจซึ่งเป็นผลจากบาปของพวกเขา    และพวกเขาได้กลับใจ หันจากความบาปทั้งปวง กลับมารับพระนามของพระองค์  และอธิษฐานจากพระวิหารนี้

ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดฟังจากสวรรค์  และอภัยบาปให้กับผู้รับใช้ของพระองค์  และประชากรอิสราเอลทั้งปวง    เมื่อพระองค์ทรงสอน แนะนำทางที่ดีให้กับพวกเขาแล้ว  ขอประทานฝนรดแผ่นดินที่พระองค์ประทานให้พวกเขา”

คำอธิษฐานของพระราชานั้น  ประชาชนก็ฟังอยู่เช่นกัน  นี่เป็นทั้งคำอธิษฐานและคำเตือนสติจากพระราชาที่มีต่อประชาชน

ราชาซาโลมอนยังทรงนึกถึงวันเวลายากลำบากที่อาจเกิดอย่างไม่คาดคิด…. แม้ในคำอธิษฐานของพระราชาเรายังเห็นได้ว่า พระองค์ทรงรอบคอบ  รอบรู้ ทรงมองการณ์ไกล  พระองค์ไม่เชื่อว่า คนอิสราเอลจะเป็นคนดีไปได้ตลอดไป     แต่พระองค์ทรงเชื่อในความรักมั่นคงของพระเจ้าที่ทรงมีต่อคนอิสราเอล

“ข้าแต่พระเจ้า
วันหนึ่ง  อาจเกิดการกันดารอาหารขึ้น    อาจมีโรคระบาด  โรคพืช  โรคราน้ำค้าง  หรือมีตั๊กแตนเข้ามาเขมือบพืชผล  อาจมีศัตรูเข้ามาล้อมเมือง  และโรคร้ายในหมู่ประชากร

พระเจ้าข้า  ขอพระองค์ทรงโปรดสดับฟังจากสวรรค์ เมื่อพวกเขาร้องทูลพระองค์จากพระวิหารนี้

พระเจ้าข้า  พวกเขาแต่ละคน ย่อมเข้าใจถึงความเจ็บปวด ความทรมานที่เกิดขึ้น   ดังนั้น ขอพระเจ้าทรงโปรดฟังเขา ขอทรงอภัยบาปให้  และจัดการกับเขาตามการกระทำของเขา   พระองค์เท่านั้นที่ทรงรู้จิตใจภายใน   ทรงรู้ว่า เขาคิดอะไรอยู่

พระองค์เจ้าข้า  ทั้งนี้ เพื่อว่าเขาจะได้ยำเกรงพระองค์  และเดินในหนทางของพระองค์  ตลอดวันเวลาที่พระเจ้าได้ให้เขาได้อยู่ในแผ่นดินที่ประทานแก่บรรพบุรุษของเขา “

ราชาซาโลมอน ทรงมองเห็นว่า ในวันข้างหน้านั้น ยังมีอะไรหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นได้   ในรัชสมัยของราชบิดา ก็มีแต่สงคราม และการต่อสู้มากมาย  ส่วน ในสมัยของพระองค์เองมีความสงบ  ประชากรอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข

แต่ใครจะรู้อนาคตว่า  จะดีหรือร้าย?…  พระราชาทรงอธิษฐานเพื่อพวกเขาตั้งแต่วันนี้  มันน่าจะปลอดภัยกว่า

 

คำอธิษฐานของพระราชา ๖-๒

2  พงศาวดาร 6:12-25

ราชาซาโลมอนทรงคุกเข่ากางพระหัตถ์ออก   ต่อหน้าคนอิสราเอลบนปะรำทองเหลืองที่กลางงาน  ตรัสว่า

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอล
ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าพระใด ๆ เป็นเหมือนพระองค์ในฟ้าสวรรค์เบื้องบน หรือแผ่นดินเบื้องล่าง
พระองค์ทรงรักษาคำมั่นสัญญา
ทรงแสดงความรักอันมั่นคงต่อราชาดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ดำเนินในทางของพระองค์อย่างสุดใจ

วันนี้ ทุกอย่างที่พระองค์ทรงสัญญานั้น ได้สำเร็จลงทั้งสิ้นด้วยพระหัตถ์ของพระองค์

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอล
ขอให้พระวจนะของพระองค์ ดำรงอยู่ตามที่พระองค์ได้ตรัสแก่ราชาดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
ที่ลูกหลานของราชาดาวิดจะดำเนินชีวิตต่อพระพักตร์ของพระองค์อย่างที่ราชาดาวิดได้ทรงดำเนินมานั้น
และที่ราชาดาวิดจะไม่ขาดชายที่จะนั่งบนบัลลังก์อิสราเอลจำเพาะพระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

อีกจินตนาการในวันนั้นที่ถวายพระวิหาร  ภาพเอื้อเฟื้อจาก dsmedia.org

เพราะว่าสวรรค์อันกว้างใหญ่ไพศาลยังไม่อาจรับพระองค์ไว้ได้
พระเจ้าข้า  พระวิหารที่ได้สร้างขึ้นมานี้    ยิ่งไม่อาจรับพระองค์ไว้ได้
ขอพระองค์โปรดฟังคำวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์
ขอทรงสดับฟังเสียงร้อง และคำอธิษฐาน
เพื่อว่า พระเนตรของพระองค์จะทรงมองพระวิหารนี้ ทั้งกลางวันและกลางคืน     พระองค์ได้ตรัสว่า จะตั้งพระนามของพระองค์ไว้ที่พระวิหารนี้    และเพื่อว่าพระองค์จะทรงฟังคำอธิษฐานของข้าทาสและประชากรอิสราเอลเมื่อพวกเขาอธิษฐานจากที่นี่

พระเจ้าข้า  ณ สรวงสวรรค์  ขอพระองค์ทรงฟังคำอธิษฐาน และขอพระองค์อภัยบาปทั้งสิ้นของเรา

ขอพระองค์ทรงพิพากษาผู้กระทำผิด และทรงแจ้งความบริสุทธิ์ของคนชอบธรรมจากแท่นบูชานี้

พระเจ้าข้า หากประชากรอิสราเอลทำผิดต่อพระองค์ แล้วพ่ายแพ้ศัตรู และเขาได้หันกลับมาหาพระองค์ รับพระนามของพระองค์ และอธิษฐานวิงวอนขออภัยจากพระวิหารนี้  ขอพระเจ้าโปรดทรงฟังจากสรวงสวรรค์และอภัยบาปเขา  และขอทรงนำพวกเขากลับมายังแผ่นดินซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่บรรพบุรุษของเขา”……

ทำไมพระราชาทรงอธิษฐานเช่นนี้?

ราวกับว่า พระองค์ทรงรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประชากรอิสราเอลในอนาคต!!

 

มอบถวายพระวิหาร ๖-๑

2 พงศาวดาร  6:1-10

เมฆหมอกเต็มอยู่ในพระวิหารจนปุโรหิตไม่สามารถปรนนิบัติหน้าที่ได้    พวกเขาล้มลง  ก้มลงกราบพระเจ้าที่เขาไม่เห็น     ทุกคนต่างตะลึงกับการประทับอยู่ของพระเจ้า    หลายคนรู้สึกเหมือนจะตายเพราะความที่พระเจ้าทรงอยู่ที่นั่น   พวกเขาเข้าใจแล้วว่า พระเจ้ายิ่งใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาจะเห็นพระองค์ได้   แค่รู้ว่า พระองค์ประทับอยู่ที่ตรงนี้ก็มากเกินกว่าที่จะรับไหว!!!

ราชาซาโลมอนทรงอยู่ข้างนอกพระวิหาร พร้อมกับประชาชนเป็นจำนวนมาก   พระองค์ตรัสด้วยสุรเสียงดังก้องว่า

“พระเจ้าตรัสว่า พระองค์จะประทับในความมืดทึบ
ข้าทาสของพระองค์   ได้สร้างพระวิหาร เพื่อเป็นที่ประทับของพระองค์
เพื่อว่าพระองค์จะสถิตอยู่ตลอดไป”

ประชาชนทั้งปวงน้อมลงกราบ…. ทุกคนปรารถนาให้พระวิหารนี้เป็นที่ประทับของพระองค์หรือ?

พวกเขารู้อยู่ในใจว่า พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าวิหารนี้มากมายนัก แม้ฟ้าสวรรค์ยังรองรับพระองค์ไม่หมด….
พวกเขาไม่อาจเอาพระเจ้ามาไว้ในพระวิหาร เหมือนกับที่เอาหีบพันธสัญญาของพระองค์มาไว้ในพระวิหารนั้น

แต่การสร้างพระวิหาร คือการแสดงการถวายเกียรติพระเจ้าด้วยสุดจิต  สุดใจ สุดความคิด และสุดกำลัง ของราชาดาวิดและซาโลมอน เป็นเครื่องหมายแสดงถึงความรักเคารพที่มีต่อพระองค์   ขอถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยทั้งหมดที่มีอยู่   พระราชาและประชาชนพร้อมใจกันที่จะถวายเกียรติสูงสุดแด่พระเจ้า ……

ภาพได้รับความเอื้อเฟื้อจาก lavistachurchofchrist.org

ราชาซาโลมอนตรัสว่า

“สรรเสริญพระเจ้าแห่งอิสราเอล
พระองค์ทรงทำตามคำสัญญาที่ตรัสกับราชบิดาของข้าพเจ้าด้วยพระหัตถ์ของพระองค์
พระองค์ได้ตรัสว่า

…..นับแต่วันที่เรานำประชากรของเราออกมาจากอียิปต์
เรามิได้เลือกเมืองใดเมืองหนึ่ง ในเผ่าใด ๆ เพื่อสร้างวิหารขึ้น
เรามิได้เลือกใครมาครองอิสราเอล

แต่บัดนี้ เราเลือกเยรูซาเล็มเป็นที่สร้างวิหารเพื่อนามของเรา
และเลือกดาวิดให้ปกครองประชากรอิสราเอลของเรา…..

ดาวิด ราชบิดาของข้าพเจ้า ตั้งพระทัยจะสร้างพระวิหารถวายแด่พระนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอล

แต่องค์พระเจ้าทรงห้ามไว้  ที่เจ้ามีใจจะสร้างวิหารให้เรานั้นก็ดีแล้ว
แต่เจ้าจะไม่ใช่ผู้ที่สร้างพระวิหาร  ผู้ที่จะสร้างคือบุตรชายของเจ้า

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำตามพระสัญญาคือ

ให้ข้าพเจ้าครองบัลลังก์ต่อจากราชบิดา
และข้าพเจ้าได้สร้างพระวิหารนี้เพื่อพระนามของพระเจ้าแห่งอิสราเอล

วิหารนี้ให้เป็นที่วางหีบพันธสัญญา    ซึ่งภายใน มีพันธสัญญาที่พระเจ้าประทานแก่คนอิสราเอล”

สิ่งที่ราชาซาโลมอนตรัส  เหล่าคนอิสราเอลต่างก็รับไว้ในใจด้วยความนอบน้อม

 

 

 

วันที่ปุโรหิตล้ม ๕-๒

2 พงศาวดาร 5:10-14

ทายซิว่า มีอะไรอยู่ในหีบพันธสัญญาของพระเจ้า   ทำไมจึงสำคัญมากยิ่งนัก  ….

เป็นอะไรนะ?  ทองคำบริสุทธิ์หรือ?

คงไม่ใช่ เพราะในพระวิหารมีทองคำประดับอยู่ล้นเหลือ

หรือว่าเป็นเพชรน้ำเอก  เพชรก้อนโตที่เจียระนัยมาอย่างสวยงาม….

แต่ในพระวิหารก็มีอัญมณีประดับอยู่มากมายเช่นกัน

ของสิ่งนี้  ใส่ในหีบมานานแล้ว  ตั้งแต่สมัยโมเสส… พอจะนึกออกแล้วหรือยัง

ก็ชื่อ หีบพันธสัญญา  ….ในนั้น ต้องมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับพันธสัญญาของพระเจ้า

คิดออกแล้วใช่ไหม…

ในหีบนั้น มีแผ่นหินก้อนใหญ่สองก้อน   จารึกพระบัญญัติสิบประการไว้ ครั้งที่พระเจ้าทรงกระทำพันธสัญญากับคนอิสราเอลตอนที่พวกเขาออกมาจากอียิปต์ใหม่ ๆ    นี่เป็นเครื่องหมายที่บอกว่า พระเจ้าทรงอยู่กับเขา  เขาเป็นประชากรของพระองค์ และเขาจะดำเนินตามพระประสงค์ของพระองค์   มีบัญญัติบอกทางแล้วว่า พวกเขาจะดำเนินชีวิตอย่างไร

จินตนาการของผู้วาด .... ภาพจาก pitts.emory.edu

เมื่อได้อัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้าเข้าไปในอภิสุทธิสถานแล้ว เหล่าปุโรหิตก็เดินออกมาจากพระวิหาร ส่วนเลวีที่เป็นนักร้อง ยืนอยู่ทางตะวันออกของแท่นบูชา

ไม่เฉพาะนักร้องเท่านั้น ยังมีนักดนตรี ใส่เสื้อผ้าป่าน ถือ ฉาบ พิณใหญ่  พิณเขาคู่ และคนแตรอีก 120 คน

พวกเขาร้องเพลงเสียงสนั่นบริเวณพระวิหาร  ดังออกไปในเมืองเยรูซาเล็ม  ผู้คนได้ยินเสียงดนตรี และเสียงร้องเพลงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

“เพราะว่า พระเจ้าประเสริฐยิ่งนัก

ความรักมั่นคงดำรงเป็นนิตย์

เพราะว่าพระเจ้าประเสริฐยิ่งนัก

ความรักมั่นคงดำรงเป็นนิตย์”

พวกเขาร้องเพลงย้ำให้คนทั้งหลายรู้ว่า ความรักของพระเจ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลงและยังดำรงอยู่เพื่อพวกเขาตลอดไป

ขณะที่กำลังร้องเพลงอยู่นั้น

มีเมฆแห่งพระสิริของพระเจ้าเต็มในพระวิหาร

จนปุโรหิตล้มลง ไม่อาจยืนต่อพระพักตร์ของพระเจ้าได้!

 

จากกระโจม สู่พระวิหาร ๕-๑

2 พงศาวดาร 5:1-9

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว  ราชาซาโลมอนก็ทรงเรียกประชุมบรรดาผู้ใหญ่ หัวหน้าเผ่าในอิสราเอล  หัวหน้าของตระกูลต่าง ๆ ในเยรูซาเล็ม   เพื่อจะเตรียมการอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้า ซึ่งขณะนั้น อยู่ในกระโจมซึ่งราชาดาวิดได้สร้างไว้

เหตุการณ์วันนี้ เป็นเรื่องสำคัญมาก  ดังนั้นพวกเขาจึงต้องมาเป็นตัวแทนของคนอิสราเอลทั้งประเทศ   เพื่อให้เห็นสิ่งนี้ และจะกลับไปเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้คนในตระกูล  และเผ่าของพวกเขาได้รับรู้และสรรเสริญพระเจ้ากันต่อไป

วันนั้น ทั้งพระราชา และหมู่คนอิสราเอลถวายแกะและวัวมากมายจนนับไม่ไหว  สัตว์เหล่านี้จะกลายเป็นเครื่องบูชาต่อไป

ในที่สุดพวกเขาก็ทำการนำหีบพันธสัญญาและเครื่องใช้ต่าง ๆ มาจากกระโจม

โดยที่พวกเขาทำอย่างถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดพลาดเลย

เหล่าคนเลวีใช้คานหามหีบขึ้นมา  เป็นคานที่ยาวมาก  และนำไปไว้ที่ห้องอภิสุทธิสถาน…. มีปุโรหิตเป็นผู้ที่นำเข้าไป

ภาพวาดโดย เจมส์ ทิสสอท

 

ในภาพนั้น คานยังยาวไม่พอ  เพราะพระคัมภีร์บันทึกว่า คานยาวเลยห้องอภิสุทธิสถานออกมา แสดงว่า ยาวกว่า 20 ศอก

เมื่อวางหีบพันธสัญญาไว้ ก็เท่ากับเครูปทองคำที่สร้างรออยู่ มีท่าทางที่กางปีกออกปกคลุมหีบพันธสัญญาไว้ เป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก

วันนั้นเป็นวันที่ทุกคนต่างปลาบปลื้มใจ   พระวิหารโอ่อ่าตระการ การถวายเครื่องบูชาก็ยิ่งใหญ่ …. และวันนั้นเอง พวกเขายังได้พบสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน!!!

 

เครื่องใช้ในพระวิหาร ๔

2 พงศาวดาร 4

พระวิหารของพระเจ้า เป็นที่ ๆ คนอิสราเอลจะเข้ามาถวายเครื่องบูชา และนมัสการพระเจ้า มีอะไรบ้างนะที่เป็นของจำเป็นที่จะใช้ซึ่งราชาซาโลมอนได้เตรียมไว้

ราชาซาโลมอนทรงมีหุรามที่เป็นช่างจากราชาฮีราม  ไม่ว่าทรงต้องการอะไร  หุรามก็ทำให้ได้ทั้งหมด  เขาเอาสิ่งที่เป็นทองเหลืองไปเข้าเบ้าดินเหนียว ในที่ราบแถบแม่น้ำจอร์แดน แล้วขนกันมาที่พระวิหารนั้น

แท่นบูชาทองเหลือง 20x20x10  ศอก   เป็นแท่นมโหฬารที่กว้างยาวเท่ากับห้องอภิสุทธิสถาน!

มีอ่างใหญ่หล่อจากทองเหลือง เรียกขันสาคร ใช้ใส่น้ำเพื่อให้ปุโรหิตชำระร่างกาย    ขันนี้ จุน้ำได้ 66 กิโลลิตร หนา 1 ฝ่ามือ เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ศอก สูง 5 ศอก  โดยใต้ขอบ นั้นมีลายวัวศอกละ 10 ตัว หล่อเป็นเนื้อเดียวกัน  ขันสาครนี้ ตั้งบนวัวทองเหลือง 12 ตัว หันไป 4 ทิศ

มีหม้อ ทัพพี  อ่างประพรมด้านนอกด้วย  และยังมีอ่างอีก 10 ใบเพื่อบรรจุน้ำล้างเครื่องเผาบูชา

ภาพนี้จาก  Solomon’s Temple:ESV Study Bible ผ่านทาง www.souljournaler.blogspot.com

ในพระวิหารมีโต๊ะ 10 ตัว ทางทิศเหนือและใต้
อ่างประพรมทองคำอีก 100 ใบ
แท่นบูชาทองคำ
โต๊ะสำหรับวางขนมปัง
คันประทีปทองคำ ให้จุดตะเกียงมีไฟตลอดเวลา
กรรไกรตัดใส้ตะเกียง อ่างประพรม จานชาม กระถางไฟซึ่งทำจากทองคำทั้งหมด

เมื่อทำเสร็จแล้ว ราชาซาโลมอนก็นำทุกอย่างมาเก็บไว้ในคลังพระวิหารของพระเจ้า