ยูดาห์
อิสยาห์ 22-1
อิสยาห์ 22:1-7
คำของพระเจ้าเกี่ยวกับหุบเขาแห่งนิมิต หุบเขาแห่งนิมิตนี้ก็คือเยรูซาเล็มนั่นเอง เมืองนี้มีหุบเขาคิดโรนกับฮินโนมล้อมรอบ
ที่ว่าเจ้าทั้งหมดได้ขึ้นไปบนหลังคาบ้าน เจ้าที่เป็นเมืองที่เต็มด้วยการตะโกน ส่งเสียงครึกโครม เป็นเมืองที่เต้นโลด เจ้าหมายความอย่างไร? พวกเขาดีใจเรื่องอะไรหรือ? จึงออกไปกระโดดโลดเต้น เป็นไปได้ไหมที่เขมีความสุขที่ไม่มี อะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาเหมือนที่เกิดกับสะมาเรียทางเหนือ?
คนในเมืองที่ถูกฆ่านั้น ไม่ได้ถูกฆ่าด้วยดาบ หรือตายในสงคราม
ผู้นำทั้งหมดของเจ้าหนีไป พวกเขาถูกจับเป็นเชลยโดยไม่ต้องใช้ธนู แม้ว่าจะหนีไปไกลมากแล้ว แต่เจ้าทุกคนถูกจับเป็นเชลย
ดังนั้น ข้าจึงว่า “ให้หันไปจากข้า ขอให้ข้าร้องไห้อย่างขื่นขม อย่าพยายามที่จะปลอบใจข้าเพราะลูกสาวประชากรของข้านั้นถูกทำลาย นิมิตที่อิสยาห์เห็นเกี่ยวกับเยรูซาเล็มทำให้เขาเป็นทุกข์ยิ่งนัก ครั้งที่บาบิโลนมาลากตัวคนยูดาห์ไปนั้น ไม่ต้องใช้ดาบหรือธนู แต่ใช้การล้อมเมืองจนคนต้องอดตายเพราะออกมานอกเมืองไม่ได้
สำหรับพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ พระองค์ทรงมีวันหนึ่ง วันแห่งการจลาจล วันที่มีแต่การเหยียบย่ำ วันที่สับสนในหุบเขาแห่งนิมิต แนวกำแพงก็พังลงมา เสียงร้องตะโกนไปถึงภูเขา
เอลามหยิบแล่งธนูพร้อมกับรถรบและพลม้า และคีร์ก็โผล่ออกมาจากโล่ห์
หุบเขาดีที่สุดของเจ้านั้นเต็มไปด้วยรถรบและพลม้า เอลามคือพันธมิตรของบาบิโลนอยู่ทางตะวันออก ส่วนคีร์ เป็นเมืองที่อัสซีเรียพาเชลยไป….
โฮเชยา 5-2
โฮเชยา 5:8-15
เมื่อมีคำเรียกเอฟราอิมในข้อความต่อไปนี้ มีความหมายถึงคนอิสราเอลทางเหนือทั้งหมด ทุก ๆ เผ่า…..
พระเจ้าตรัสผ่านโฮเชยาว่า
“ให้เป่าเขาสัตว์ในกิเบอาห์ เป่าแตรในรามาห์ เป่าเตือนภัยในเบธอาเวน เมืองเหล่านี้จะเป็นเมืองต้น ๆ ที่นำความหายนะมาถึงพวกเขา
พวกเราตามเจ้าอยู่นะ เบนยามิน เอฟราอิมจะกลายเป็นที่ร้างในวันแห่งการลงโทษ เราจะทำให้ทุกเผ่าได้มั่นใจว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นแน่นอน
เจ้าชายแห่งยูดาห์มาเป็นเหมือนคนที่ถอนเสาหลักปักเขตแดนออกไป เราจะเทความกริ้วของเราเหนือพวกเขาเหมือนดั่งเทน้ำลงมาจนท่วมท้น มาถอนเสาหลักเขตแดน ก็เหมือนมาทำลายเขตแดนที่พระเจ้าทรงกำหนดให้คนของพระองค์อาศัยอยู่ และมีความสุขกับสิ่งที่พระองค์ประทานให้
เอฟราอิมถูกกดขี่ ถูกบดขยี้เพราะถูกลงโทษ เพราะว่า พวกเขาดึงดันที่จะเดินตามความโสโครก
เราเป็นเหมือนแมลงที่กัดกินเอฟราอิม เป็นเหมือนความเน่าเปื่อยของวงศ์วานยูดาห์ พระเจ้าตรัสเช่นนั้นเพราะกำลังทรงบอกว่า พระองคืเท่านั้นที่ทรงมีอำนาจจัดการพวกเขาให้หมดไป
เมื่อเอฟราอิมเห็นความเจ็บป่วยของตนเอง และยูดาห์ก็มีบาดแผล เอฟราอิมจึงส่งคนไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์ยิ่งใหญ่แห่งอัสซีเรีย แต่กษัตริย์องค์นั้นไม่สามารถรักษาเจ้า ไม่สามารถทำให้แผลหายได้ กษัตริย์หลายองค์ของอิสราเอลและยูดาห์ ได้หันไปหากษัตริย์แห่งอัสซีเรีย ยอมทำสารพัดให้ ในสมัยของราชาเมนาเฮม ชัลลุม และอาหัส .. แต่กลับถูกอัสซีเรียกลับมาทำร้าย! เพื่อน ๆ ลองกลับไปอ่านตามลิงค์นี้ อ่านเรื่องราวของราชาอาหัส และเพื่อน ๆ จะเข้าใจว่า พำไมพระเจ้าจึงทรงต้องทิ้งพวกเขา ….
เพราะเราจะเป็นดั่งสิงโตต่อเอฟราอิม เป็นเหมือนสิงโตหนุ่มต่อวงศ์วานของยูดาห์ รู้ไหมว่า พระเจ้าเท่านั้นทีจะเป็นผู้กุมอนาคตของแต่ละชนชาติ ทั้งอิสราเอลและยูดาห์ครั้งนี้ เรียกได้ว่า ง่อยไปเลย
เรานะ จะฉีกพวกเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และจะเดินออกไปเสีย เราจะ คาบพวกเขาไป และจะไม่มีใครช่วยได้
เราจะกลับไปที่ของเรา จนกว่าพวกเขาจะยอมรับบาปผิดของตน และแสวงหาหน้าของเรา ในความทุกข์ยากแสนสาหัสของพวกเขา เขาจะดั้นด้นแสวงหาเรา พระเจ้าทรงกลับไปที่ของพระองค์ นั่นคือทรงไปรอให้เขากลับมาแสวงหาพระองค์อีกครั้ง
ราชาโยธาม ๒๗
2 พงศาวดาร 27:1-9
ตอนที่ราชาอุสซียาห์สิ้นพระชนม์ไปพร้อมกับการเป็นโรคเรื้อน ราชโอรสคือราชาโยธาม ขึ้นครองราชย์เมื่อทรงอายุได้ 25 ปี พระมารดาคือ พระนางเยรูชาซึ่งเป็นธิดาของท่านศาโดก
สิ่งที่ดีจากราชาโยธามคือ ตลอด 16 ปีที่ครองราชย์นั้น พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้าเสมอ ทำสิ่งดีเหมือนกับราชบิดา แต่พระองค์ไม่เสด็จเข้าไปในพระวิหารของพระเจ้า
ทำไมหรือ??
อาจเป็นเพราะว่า เห็นราชบิดาเป็นโรคเรื้อนเพราะได้ก้าวล้ำหน้าที่ของปุโรหิต พระองค์ก็ทรงหลีกเลี่ยงที่จะไม่เจอเหตุการณ์อย่างนั้นอีก ก็เป็นได้
แม้ว่าพระองค์จะทรงเป็นพระราชาที่ดี แต่ประชาชนส่วนหนึ่งยังคงติดตามสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และพระองค์ก็ไม่ได้ทำอะไรพวกเขา
แต่สำหรับเรื่องของพระวิหารแล้ว พระราชาได้ทรงดูแลให้พระวิหารงดงาม และทรงสร้างประตูบนเพิ่มเติมที่พระวิหาร และยังสร้างกำแพงของตำบลโอเฟล ทรงสร้างเมืองในเขตเนินเขา สร้างหอและป้อมในเขตที่เป็นป่าด้วย
ส่วนการทหารนั้น พระองค์ก็ไม่ได้น้อยหน้ากษัตริย์องค์ใด ทรงต่อสู้กับราชาแห่งอัมโมน ได้ชัยชนะ และได้รับของบรรณาการมากมายทั้งแร่เงิน และอาหาร ทำให้ประเทศแข็งแรงขึ้นอีก
พระคัมภีร์บันทึกว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ราชาโยธามดำเนินตามน้ำพระทัยของพระเจ้า พระองค์ทรงทำเช่นนั้นตลอดมา สม่ำเสมอ ไม่หันเหไปไหน….
น่าดีใจที่อย่างน้อย ราชาองค์นี้ไม่มีอะไรที่ทำให้พระเจ้าต้องทรงกริ้วเหมือนกับราชบิดา ดีใจที่พระองค์ทรงติดตามพระเจ้าตลอดชีวิตของพระองค์
พระองค์ทรงครอง 16 ปี ก็สิ้นพระชนม์ ราชโอรสจึงขึ้นครอง