อิสยาห์ 4 กิ่งก้านของพระเจ้า

อิสยาห์ 4:1-6

ในวันเวลานั้น  ผู้หญิงถึง 7 คน จะยึดชายคนเดียวกันไว้  โดยขอร้องว่า “เราจะหาอาหารกินเอง หาเสื้อผ้าของเราเอง ขอเพียงให้คนเรียกเราตามนามสกุลของท่านนะ   เราจะได้ไม่ต้องอายใคร”  จะมีเวลาที่เหล่าผู้ชายถูกฆ่าตายอย่างมากมาย จนไม่มีผู้ชายเหลือพอเพียงกับจำนวนประชากรหญิง
การรื้อฟื้นของคนที่รอดตายในศิโยน…..

แล้วอิสยาห์ก็หันกลับมากล่าวถึงวันดี ๆ ที่จะเกิดขึ้น

ในวันเวลานั้น กิ่งก้านของพระเจ้าจะงดงาม ตระการ ผลผลิตที่ได้จากแผ่นดินนั้นทั้งยอดเยี่ยมและน่าเป็นเจ้าของ สำหรับคนที่รอดตายในอิสราเอล…  เคยได้ยินที่พระเยซูตรัสว่า  เราเป็นเถาองุ่นแท้… ไหม?   กิ่งก้านของพระเจ้า ในที่นี้  อิสยาห์กำลังบอกว่า ผู้ที่จะมาเป็นกิ่งก้านซึ่งนำศักดิ์ศรีคืนมาให้มนุษย์เราคือ องค์พระเยซูคริสต์นี่เอง  jesustruvine

 

คนที่เหลืออยู่ในศิโยน  และยังค้างอยู่ในเยรูซาเล็มนั้น ใคร ๆ จะเรียกพวกเขาว่า บริสุทธิ์… พวกเขาเป็นคนที่มีชีวิตในนครเยรูซาเล็มตามที่ได้บันทึกไว้  เมื่อพระเจ้าตรัสถึงคำว่าบริสุทธิ์จะมีความหมายว่าแยกออกเสมอ…. พวกเขาแยกออกจากความบาป จากชีวิตที่สกปรก  และมีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า

เมื่อองค์พระผู้เป็นนายสูงสุด ได้ทรงชำระล้างความสกปรกของบรรดาธิดาแห่งศิโยนให้หมดสิ้น  และชำระรอยเลือดที่ตกค้างของเยรูซาเล็มท่ามกลางเมืองนั้น   ด้วยพระวิญญาณแห่งการพิพากษาและการเผา

พระเจ้าจะทรงสร้างเมฆและควันในเวลากลางวัน   และแสงของเปลวไฟในเวลากลางคืน ให้อยู่เหนือทุกแห่งบนภูเขาศิโยนและเหนือที่ประชุมของเมืองนั้น   เพราะจะมีพลับพลาที่ปกคลุมเหนือพระสิริของพระองค์   เมื่อเราอ่านตรงนี้ อาจจะยากที่จะเข้าใจ อิสยาห์กำลังกล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่คนในศิโยนจะได้รับการปกป้องจากพระเจ้า

และจะเป็นร่มบังแดดกลางวัน  เป็นที่ลี้ภัยและเป็นที่กำบังจากฝนตกอันแรงกล้า

เรื่องดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นนี้ มีได้เพราะพระเยซูได้เสด็จลงมาในโลก และทรงเป็นกิ่งก้านของพระเจ้าที่จะปกป้องรักษา  ดูแลคนที่เชื่อในพระองค์…..

 

อิสยาห์ 3-3 โทษธิดาศิโยน

อิสยาห์ 3:13-26

พระเจ้าทรงยืนตัดสินคดี   พระองค์ทรงยืนเพื่อพิพากษาคนของพระองค์
พระเจ้าทรงเข้าไปพิพากษาเหล่าผู้ใหญ่ของประชากรและเจ้านายทั้งหลาย
“เพราะพวกเจ้าได้กินของในสวนองุ่นจนหมด  สิ่งที่เจ้าปล้นมาจากคนจนก็อยู่ในบ้านของเจ้า
เจ้ามาเหยียบย่ำคนของเรา และบดขยี้ใบหน้าของคนยากจน ..นี่มันหมายความว่าอย่างไร  พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัส

ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังตรัสว่า
“เพราะเหล่าธิดาของศิโยนนั้นหยิ่งผยอง   เดินชูคอ  เชื้อเชิญด้วยสายตา  เสียงกำไลข้อเท้าดังไปพลาง
ดังนั้น พระเจ้าจะทรงให้พวกเธอเป็นแผลชันนะตุ และจะทำให้หัวโล้น”

ในวันนั้น พระเจ้าจะเอาสิ่งที่งดงามออกไปเสีย  ทั้งกำไลข้อเท้า ผ้าคลุมไหล่  ตุ้มรูปดวงจันทร์ จี้  กำไลข้อมือ และผ้าคลุมหน้า

ผ้าคลุมศีรษะ  เครื่องประดับขา  เครื่องคาดศีรษะ  ผอบน้ำมันหอม เครื่องทำเสน่ห์  แหวน  ห่วงจมูก  เสื้อออกงาน และเสื้อคลุมผ้าคลุมชั้นนอก และกระเป๋า  กระจก ลินินเนื้อดี  ผ้าโพกหัว และผ้าคลุมหน้า

 

Is3DofZion

แทนที่จะมีน้ำหอม กลับมีความเน่าเหม็น
แทนที่จะมีผ้าคาดเอว กลับมีเชือกมาแทน
แทนผมที่ตกแต่งทรงอย่างดี กลายเป็นศีรษะโล้น
แทนเสื้อที่งดงาม กลับกลายเป็นผ้ากระสอบ
แทนความงดงาม จะมีแต่ความน่าละอาย

พวกผู้ชายจะตายด้วยดาบ  ทหารกล้าจะล้มในการสงคราม
ประตูเมืองของเธอจะคร่ำครวญ ไว้ทุกข์   เธอจะถูกทำลายไม่มีที่อยู่  ต้องนั่งอยู่บนดิน

อิสยาห์ 3-2

อิสยาห์ 3:9-12

ดูสีหน้าของเขาสิ  มันฟ้องความผิดของเขาออกมาเอง  พวกเขาป่าวประกาศความผิดของตัวเองเหมือนอย่างเมืองโสโดม ไม่มีการปกปิดความผิดเหล่านั้น
ลองคิดถึงคนที่ทำผิด แล้วหน้าฟ้องออกมาซิ  เด็ก ๆ ที่รู้ตัวว่าผิดมักปิดไม่อยู่  แต่สำหรับคนที่ทำชั่ว และก็ไม่ได้ปกปิดความผิดนั้น มันน่ากลัวมากเลย…. หน้าตาของเขาฟ้องออกมาเอง  ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนเหล่านี้  พวกเขาไม่อายต่อความชั่วร้ายของเขา   แถมยังป่าวประกาศให้คนอื่นรู้อีกอย่างภาคภูมิใจ  เราเองก็เห็นคนประเภทนี้เยอะในบ้านเมืองของเรา  ไม่สบายใจเลยใช่ไหม?  

hannibal

วิบัติแก่ตัวเขา  เขานำภัยมาสู่ตัวเอง

จงบอกกับคนที่ชอบธรรมว่า  ชีวิตของเขาจะเป็นสุข   เขาจะได้รับผลดีเพราะการกระทำของเขา แม้ว่าพระเจ้ากำลังประกาศวิบัติ  แต่พระองค์ก็ทรงอดไม่ได้ที่จะอวยพรคนบางคน…!!

แต่คนชั่วร้ายจะเจอกับวิบัติ  ชีวิตของเขาคือหายนะ  เขาเองก็จะได้รับผลสาสมเพราะการกระทำของตนเอง

แต่คนของเรานั้น ผู้ที่กดขี่เขาคือ เด็ก ๆ  และผู้หญิงก็มาปกครองเขา พวกเขาจะได้ผู้นำแบบเด็ก ๆ  ไม่มีความสามารถพอ  ผู้หญิงที่พวกเขาจะเจอก็เหมือนกับราชินีเยเซเบล ไม่ได้ห่างกันมากนัก
คนของเราเอ๋ย… คนที่นำเจ้านั้น ทำให้เจ้าหลงผิดไป  เขาได้ทำให้ทางของเจ้าพลาดพลั้ง

อิสยาห์ 3-1

อิสยาห์ 3:1-8

ดูเถอะ  พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ จะถอดการสนับสนุนและเสบียงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือน้ำ ออกไปจากนครเยรูซาเล็ม และยูดาห์SamariaLL

ภาพวาดโดย ดอน ลอเรนซ์

จะเอาออกไปทั้งนักรบและทหาร  ผู้พิพากษา และผู้กล่าวคำของพระเจ้า  คนที่ทำนาย และผู้ใหญ่  ผู้ดูแลกองห้าสิบ และคนที่มีตำแหน่ง รวมไปถึงผู้ให้คำแนะนำปรึกษาราชการ ไม่เว้นแม้นักวิทยาคมที่เชี่ยวชาญ และผู้ที่เก่งกล้าในเรื่องการทำเสน่ห์

พระเจ้าจะเอาคนในระดับผู้นำออกไปหมด…. 

เราจะยกให้เด็กชายเป็นเจ้าชายของพวกเขา  เด็กทารกจะปกครองพวกเขา

ผู้คนจะกดขี่กันและกัน  ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือ เพื่อนบ้าน
วัยรุ่นจะอวดดีต่อผู้ใหญ่  คนเลวจะดูหมิ่นคนที่มีเกียรติ

ชายคนหนึ่งจะยึดพี่น้องของตนไว้  ในบ้านของพ่อ เขาจะพูดว่า “พี่มีเสื้อคลุม  ดังนั้น ขอให้พี่อเป็นผู้นำของเรา และซากปรักหักพังทั้งสิ้นนี้จะอยู่ใต้อำนาจของพี่”
ในวันนั้น เขาจะพูดขึ้นมาว่า “ข้าจะไม่เป็นผู้รักษา  ในบ้านของข้าไม่มีทั้งเสื้อคลุมและอาหาร  เจ้าจะมาให้เราเป็นผู้นำของพวกเจ้าไม่ได้”

เพราะนครเยรูซาเล็มสะดุด   และยูดาห์ล้มลงไปแล้ว  เนื่องจากคำพูดและการกระทำของพวกเขาต่อต้านพระเจ้า  ท้าทายการประทับอันทรงพระสิริของพระองค์

อิสยาห์ 2-3

อิสยาห์ 2:12-22

เพราะว่า พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ……

ทรงมีวันหนึ่งที่จะต่อสู้กับทุกคนที่เย่อหยิ่ง ทรนงตน
ต่อสู้กับทุกสิ่งที่ถูกยกขึ้นมา  และเหล่านั้นจะถูกทำให้ตกต่ำลงไป
ต่อสู้กับซีดาร์แห่งเลบานอนซึ่งสูงลิ่ว  และที่ถูกยกขึ้น

ต่อสู้กับต้นโอ๊คแห่งบาชาน และ ภูเขาสูงเทียมเมฆ  เนินเขาที่ถูกยกขึ้น
ต่อสู้กับป้อมสูง และกำแพงอันเข้มแข็งทุกแห่ง

ต่อสู้กับเรือค้าขายแห่งทารซิช  และเรือสำราญทั้งหลาย
ความทะเยอทะยาน การโอ้อวดของมนุษย์จะถูกปราบจนราบคาบ
และวันนั้นพระเจ้าองค์เดียวจะถูกเทิดทูนไว้  รูปเคารพทั้งหลายจะสูญสิ้นไป

incave

เหล่าผู้คนจะเข้าไปในถ้ำหิน  ลงไปในรูตามพื้นดิน
เพื่อจะหนีจากความน่ากลัวขององค์พระผู้เป็นเจ้า
หนีไปจากความตระการแห่งพระสิริของพระองค์ ในยามที่พระองค์ทรงลุกขึ้นเพื่อเขย่าจนโลกสั่นสะท้าน
ในวันนั้น มนุษยชาติเขวี้ยงเหล่ารูปปั้นเงินและทองของพวกเขาออกไป  รูปปั้นที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเพื่อกราบไหว้
เขาจะเขวี้ยงมันใส่ตัวตุ่นและค้างคาว  เพื่อที่จะเข้าไปในหลืบซอกผา
เพื่อหนีจากความน่ากลัวของพระเจ้า
และหนีไปจากความตระการแห่งพระสิริของพระองค์  ในยามที่พระองค์ทรงลุกขึ้นเพื่อเขย่าจนโลกสั่นสะท้าน

หยุดวางใจในมนุษย์ได้แล้ว   เพราะว่า เขามีแค่ลมหายใจ  เขาจะช่วยอะไรใครได้เล่า?

อิสยาห์ 2-2

อิสยาห์ 2:6-11
เพราะพระเจ้าได้ทรงทอดทิ้งวงศ์วานของยาโคบ  พวกเขาซึ่งเป็นชนชาติของพระองค์

ด้วยว่า.. พวกเขามีสิ่งที่มาจากตะวันออกเต็มไปหมด

มีเหล่าหมอดูเหมือนกับพวกฟิลิสเตีย  และ พวกเขาร่วมมือกับคนต่างชาติ

Is2-2b

 

แผ่นดินเต็มด้วยเงินและทอง  ทรัพย์สินพวกเขามีมากมายไม่จบสิ้น  แผ่นดินเต็มด้วยม้า  และรถรบก็มีมากมายไม่จบสิ้นเช่นกัน

แผ่นดินของพวกเขาก็เต็มไปด้วยรูปเคารพ  พวกเขาก้มกราบสิ่งที่ตนเองสร้างขึ้นมา   ก้มกราบสิ่งที่นิ้วมือของพวกเขาทำขึ้น

ดังนั้นมนุษย์จึงกลายเป็นตกต่ำลงไป  พวกเขาถูกเหยียดลง อย่าให้อภัยพวกเขาเลย!
เข้าไปหลบในหิน  เข้าไปซ่อนในฝุ่น ให้พ้นจากความน่ากลัวเกรงของพระเจ้า  ให้พ้นจากพระสิริอันตระการของพระองค์

ท่าทางอันหยิ่งยะโสของมนุษย์จะถูกเหยียดต่ำลง  ความจองหองอวดดีของมนุษย์จะตกต่ำลงไป
แต่พระเจ้าเท่านั้นจะทรงรับการยกย่องเทิดทูนในวันนั้น

อิสยาห์ 2-1 พระเจ้าทรงครอบครอง

อิสยาห์ 2:1-5
อิสยาห์ ลูกชายของอามอส กล่าวคำบอกเล่าสิ่งที่ได้เห็นเกี่ยวข้องกับยูดาห์ และเยรูซาเล็ม
ในวันเวลาสุดท้ายสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นสำเร็จผล….
ภูเขาแห่งพระวิหารของพระเจ้าจะได้รับการสถาปนาเป็นภูเขาที่สูงส่งกว่าภูเขาใด ๆ ถูกยกย่องเหนือเนินเขาทั้งหลาย
ประชาชาติทั้งหลายจะหลั่งไหลเข้ามายังภูเขานี้

pukhaoภาพจาก  ilikethemorning.blogspot.com

หลายคนจะมา และกล่าวว่า “มาเถอะ พวกเราไปยังภูเขาของพระเจ้าด้วยกัน ไปยังพระนิเวศของพระเจ้าของยาโคบ
เพื่อว่าพระองค์จะทรงสอนทางของพระองค์ให้กับเรา และเพื่อว่าเราจะได้เดินในทางของพระองค์”

เพราะว่า บทบัญญัติของพระเจ้าจะออกมาจากศิโยน และพระดำรัสของพระเจ้าจะออกมาจากเยรูซาเล็ม
พระเจ้าจะทรงตัดสินคดีระหว่างประชาชาติ พระเจ้าจะทรงตัดสินคดีพิพาทของคนจำนวนมาก

และพวกเขาจะตีดาบของพวกเขาให้กลายเป็นผาลไถนา จะตีหอกของเขาเป็นขอลิดกิ่ง

ประชาชาติทั้งปวดจะไม่ยกดาบสู้กันอีกต่อไป จะไม่มีการเรียนวิชาเกี่ยวข้องกับการสงครามอีกต่อไป
โอ… บ้านแห่งยาโคบ มาให้เราเดินในแสงสว่างของพระเจ้า

อิสยาห์ 1-1

อิสยาห์ 1:1-9

นี่เป็นนิมิตของอิสยาห์ ลูกชายของอามอส
เขาเห็นนิมิตเรื่องเกี่ยวข้องกับยูดาห์ และเยรูซาเล็มในสมัย ราชาอุสซียาห์ ราชาโยธาม ราชาอาหัส และราชาเฮเซคียาห์  ซึ่งเป็นกษัตริย์ปกครองยูดาห์

ความชั่วร้ายของยูดาห์

จงฟังเถิด สวรรค์  จงเงี่ยหูฟังเถอะ แผ่นดิน  เพราะพระเจ้าได้ตรัส
เราได้เลี้ยงดูลูก ๆ จนกระทั่งเขาเติบโต  แต่เขากลับดื้อดึงต่อเรา
แม้แต่วัวผู้ยังรู้จักเจ้าของ   ลายังรู้จักรางหญ้าของนาย
แต่อิสราเอลซิ  กลับไม่รู้จัก  กลับไม่ยอมเข้าใจ

พระเจ้าทรงเรียกให้ทั้งสวรรค์ และบรรดาชาติต่าง ๆ ได้ฟังเรื่องราวที่กำลังจะตรัส  …

โอ้… ชาติที่บาปหนา  ประชาชนที่ตัวหนักไปด้วยการล่วงละเมิด   ทายาทของคนที่ทำชั่ว
ลูกหลานที่เป็นคนคดโกง  พวกเขาได้ละทิ้งพระเจ้า ได้ทำให้พระองค์ผู้ทรงวิสุทธิ์แห่งอิสราเอลพิโรธ
พวกเขาหันหลังไปเสีย

ทำไมเจ้าจะต้องถูกเฆี่ยนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ?  เจ้าดื้อด้านมากขึ้นเรื่อย ๆ  หัวของเจ้าก็บอบช้ำ  ใจของเจ้าก็อ่อนแรง
จากฝ่าเท้าไล่ไปจนถึงหัวของเจ้า  ไม่มีตรงไหนดีเป็นปกติเลย
มีแต่บาดแผล รอยช้ำ และแผลเน่า  แผลไม่หาย ไม่ปิดสนิท ไม่มีการพันเอาไว้  ไม่มีการใส่น้ำมันรักษา

ดูซิ บ้านเมืองของเจ้ากลายเป็นที่ร้างเปล่า เมืองก็ถูกไฟเผา  คนแปลกหน้าได้เข้ามาเขมือบที่ดินของเจ้าต่อหน้าต่อตา
มันถูกคนแปลกหน้าเหล่านั้นคว่ำจนกลายเป็นที่รกร้าง
ดังนั้น ธิดาแห่งศิโยนจึงถูกทิ้งไว้แค่เป็นเพิงในสวนองุ่น  เป็นกระท่อมในสวนแตงกวา  เป็นเมืองที่ถูกล้อมเอาไว้
นี่ถ้าพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพไม่ทรงทิ้งคนไว้บ้าง  เราก็จะเป็นเหมือนเมืองโสโดม  และเราจะถูกทำลายเหมือนเมืองโกโมราห์

 

ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์

13/12/12

ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์
กษัตริย์ทั้ง 4
ที่อิสยาห์รับใช้   คือ ราชาอุสซียาห์  ราชาโยธาม  ราชาอาหัส  และราชาเฮเซคียาห์

ท่านอิสยาห์เริ่มกล่าวคำของพระเจ้าในสมัยราชาอุสซียาห์  ซึ่งได้ครองราชย์เป็นเวลา 52 ปี  (ประมาณปี 790-739  ก่อนคริสตศักราช)  ช่วงรัชสมัยของพระองค์นั้น บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองมาก   มากจริง ๆ  พระเจ้าทรงอวยพระพรยูดาห์ด้วยกษัตริย์ที่ฉลาด และปรีชาสามารถหลายทาง   การค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านทำให้เศรษฐกิจเข้มแข็ง   การทหารก็ไม่ได้แพ้กัน มีกองทหารที่เข้มแข็ง มีการสร้างป้อมเมืองหลายแห่ง

และแล้วในสมัยของพระองค์เองที่ความเชื่อในพระเจ้าเริ่มเสื่อมลง  เพราะพระราชาเองทรงคิดว่า พระองค์ทรงทำได้ทุกอย่าง จึงได้ทรงก้าวไปทำหน้าที่ของปุโรหิต  ทรงไปเผาเครื่องหอมที่แท่นบูชา     พระองค์เป็นกษัตริย์ที่ต้องปกครองประเทศ แต่กลับไปทำสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้สำหรับปุโรหิตเท่านั้น  ราชาอุสซียาห์จึงกลายเป็นโรคเรื้อนจนสิ้นพระชนม์  เป็นที่น่าเสียดายยิ่ง…

ดังนั้นราชาโยธามราชโอรสก็ขึ้นครองแทน(ปี 750-731 ก่อนคริสตศักราช)   ช่วงนั้นเอง กษัตริย์ปูล แห่งอัสซิเรีย (คือทิกลัส ปิเลเสอร์ ปี 745-727 ก่อนคริสตศักราช) กำลังเรืองอำนาจ  ทำให้สภาพทางการเมืองนั้นไม่ค่อยจะมั่นคงนัก      แม้ว่าราชาโยธามเป็นกษัตริย์ที่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า  เป็นนักรบ และนักปกครองที่ดี  แต่ประชาชนกลับหันไปหารูปเคารพมากมาย เพราะองค์โยธามเองก็ไม่ได้กำจัดสถานศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ถูกสร้างขึ้นมาก่อนหน้านั้น    โยธามครองอยู่ 16 ปี

เมื่อสิ้นราชาโยธาม   ราชาอาหัสขึ้นครองเมื่ออายุยี่สิบกว่า กำลังหนุ่มแน่น เชื่อมั่นในตัวเอง  เป็นช่วงเวลาเดียวกับราชาเปคาห์แห่งอิสราเอล   อาหัสนี้เป็นราชาที่ร้ายมาก นอกจากจะไม่ได้เดินตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้สำหรับผู้ปกครอง ยังเลิกที่จะติดตามพระเจ้า   หันไปกราบไหว้รูปเคารพเหมือนอย่างราชาทางเหนือ  และยิ่งกว่านั้นยังเอาโอรสไปบูชายัญด้วย!

อาหัสนี้ต้องเจอศึกกับเปคาห์ ราชาอิสราเอลทางเหนือซึ่งยกมาพร้อมกับราชาเซรีนแห่งซีเรีย ดังนั้นจึงขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์ทิกลัสปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรีย   ให้มาตีซีเรีย และอิสราเอล …. สิ่งที่อาหัสตอบแทนราชาอัสซีเรียก็คือ ยกสมบัติในพระวิหารของพระเจ้าที่ทำจากทอง เงิน มากมายให้  และยังขึ้นไปเยี่ยมคำนับ พอกลับมาก็เอาศาสนา ความเชื่อของอัสซีเรียเข้ามาเผยแพร่ให้ประชาชนในยูดาห์หลงผิดตามไปอีก ช่วงของอาหัสนี้เองที่อัสซีเรียกวาดคนอิสราเอลไปเป็นเชลยมากมาย     อาหัสครองอยู่ 16 ปี

ต่อมาเป็นราชาเฮเซคียาห์ ซึ่งครองตั้งแต่ทรงอายุ 25 พรรษา   ทรงครองนานมากคือ 29 ปี  และท่านอิสยาห์ก็ได้กล่าวคำของพระเจ้าในสมัยของพระองค์ด้วย   ราชาเฮเซคียาห์เป็นราชาที่ดีติดตามพระเจ้า  ทรงทำลายรูปเคารพต่าง ๆ ในเมือง ตามสถานที่สูงทั้งหลายเสีย  พระองค์ได้ชื่อว่า ติดตามพระเจ้าแนบแน่นมาก จนไม่มีกษัตริย์องค์ใดเสมอเหมือน  ไม่ว่าพระองค์จะทำอะไรก็สำเร็จไปเสียหมด เพราะพระเจ้าทรงอยู่กับพระองค์

แต่แล้วเซนนาเคอริบ กษัตริย์แห่งอัสซีเรียได้ยกทัพมาตี  ทำให้ต้องยอมเสียเงินทั้งหมดในพระวิหาร และในพระคลังให้แก่เซนนาเคอริบ   มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายในตอนนี้ ที่เพื่อน ๆ หาอ่านได้ในบู้บี้.เน็ท นี่อีกนั่นแหละ   ในที่สุดพระเจ้าได้ทรงช่วยกู้ให้พ้นเซนนาเคอริบ  จากการที่ราชาเฮเซคียาห์เชื่อฟังพระเจ้าผ่านท่านอิสยาห์   ถึงกระนั้นวันสุดท้ายของชีวิตราชาเฮเซคียาห์นั้นก็มาถึง และมนัสเสห์ราชโอรสขึ้นครองแทน….. และท่านอิสยาห์ก็ได้เสียชีวิตในสมัยของมนัสเสห์องค์นี้

 

 

แนะนำท่านอิสยาห์

มารู้จักท่านอิสยาห์

ชื่อของท่านอิสยาห์ มีความหมายดีมาก คือ  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความรอด   เป็นชื่อที่มีความหมายเหมือนกับชื่อ โยชูวา  เอลีชาห์  และพระเยซู

หนังสืออิสยาห์ซึ่งเพื่อน ๆ จะได้สัมผัสต่อไปมีถึง 66 บท  ดังนั้น เราจะอยู่กับท่านอิสยาห์นานพอควรทีเดียว   ไม่เหมือนผู้กล่าวคำของพระเจ้าที่เราเคยอ่านมา เป็นสามบทบ้าง สิบกว่าบทบ้าง   เราคงจะได้เข้าใจเหตุการณ์ ความคิดของบุคคลในประวัติศาสตร์ช่วงนี้  และจะได้เห็นว่า พระเจ้าทรงเป็นความรอดอย่างไร ….

การที่ท่านอิสยาห์สามารถเข้าไปเฝ้ากษัตริย์ได้ง่ายกว่าท่านอื่น ๆ   แสดงว่า ท่านต้องเป็นลูกหลานของผู้ปกครองหรือข้าราชการที่ใกล้ชิดกษัตริย์  ยิ่งกว่านั้นยังมีความสนิทสนมกับปุโรหิตด้วย

ท่านมีครอบครัว และมีลูกชาย  2 คนที่มีชื่อซึ่งมีความหมายสำคัญ

คนแรกคือ เช อารยาชูบ  แปลว่า  คนที่เหลืออยู่จะได้กลับมา
อีกคนชื่อ  มาเฮอร์ ชาลาล หัชบัส  แปลว่า เร่งไปหาของที่ถูกริบ    รีบไปหาของที่ถูกปล้น

การเขียนของท่านอิสยาห์นั้น มีลีลาในการแสดงความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจน ทำให้ผู้อ่านเห็นภาพทันที  และท่านยังมีคำศัพท์ที่สวยงาม และมากมายด้วย   ท่านได้เขียนประวัติชีวิตของกษัตริย์เฮเซคียาห์ด้วย

ท่านอิสยาห์อยู่จนถึงตอนที่อิสราเอลทางเหนือถูกทำลาย    คงจะมีชีวิตอยู่จนถึงปี 680 ก่อนคริสตศักราช   ในประวัติศาสตร์ของศาสนายิวเชื่อว่า ท่านเสียชีวิตในสมัยของราชามนัสเสห์ที่ชั่วร้าย โดยถูกหั่นเป็นสองท่อนด้วยเลื่อยที่ทำจากไม้  ต้องไปอ่านฮิบรู 11:37

 

แนะนำหนังสืออิสยาห์

สภาพทางการเมืองโดยรวมในสมัยท่านอิสยาห์

ปี 739-686 ก่อนคริสตศักราชนั้น เป็นช่วงเวลาของกษัตริย์หลายองค์ทั้งของอาณาจักรเหนือและใต้  (ผู้อธิบายบางท่านให้ความเห็นว่า ประมาณปี 740-680  ก่อนคริสตศักราช  …ก็คือประมาณปีแถว ๆ นั้น)  ท่านอิสยาห์เป็นผู้กล่าวคำของพระเจ้าคนสำคัญ  ท่านอิสยาห์ ซึ่งเป็นบุตรของอาโมส  (คนละคนกับที่เขียนหนังสืออาโมส)  ได้เป็นผู้กล่าวคำของพระเจ้าเพื่อตักเตือนทั้งกษัตริย์และผู้นำ รวมไปถึงประชาชนทั่วไป่

อาณาจักรทางใต้มีกษัตริย์ที่ดี และเลวสลับกันไป  ในสมัยของท่านอิสยาห์ก็คือ   ราชาอุสซียาห์ (หรืออาซาริยาห์),  ราชาโยธาม,   ราชาอาหัส และราชาเฮเซคียาห์  

ส่วนทางเหนือซึ่งกษัตริย์ทุกองค์นั้นเป็นผู้ที่ทำผิดต่อพระเจ้า นำให้ประชาชนหลงผิดตลอดเวลา อิสยาหก็อยู่ในช่วงท้าย ๆ ตอนที่กำลังถูกโจมตี และกวาดไปเป็นเชลย  ปี 740 ก่อนคริสตศักราช อัสซีเรียเข้ามาโจมตี และอีกสิบแปดปีต่อมา คือปี 722 ก่อนคริสตศักราช  กษัตริย์แชลมาเนเซอร์ แห่งอัสซีเรียก็ตีอิสราเอลยับเยินไม่เกิดขึ้นมาใหม่อีกเลย

ผู้กล่าวคำของพระเจ้าก่อนหน้าท่านอิสยาห์นั้น ก็คือ ท่านเอลียาห์ เอลีชา โอบาดีห์ โยเอล  โยนาห์ และอาโมส ซึ่งเพื่อน ๆ จะเข้าไปค้นหาอ่านสิ่งที่ท่านเหล่านี้ได้ทำและกล่าวได้ในบู้บี้ดอตเนทนี่แหละ

ส่วนผู้กล่าวคำของพระเจ้ารุ่นเดียวกับท่านก็คือ  โฮเชยา และมีคาห์   ซึ่งก็หาอ่านได้เช่นกัน

ตอนที่อิสยาห์อยู่นั้น อิสราเอลกับยูดาห์ต้องเผชิญกับมหาอำนาจสามแห่ง ….

อียิปต์จากทางใต้ …. อัสซีเรีย จากทางเหนือ  และบาบิโลนจากตะวันออก โอ้… จะสู้พวกเขาได้ไหมนี่??  ตอนนั้นอัสซีเรียกำลังโจมตีอิสราเอลทางเหนือไม่หยุดหย่อน  กะจะเอาให้อยู่มือ    ส่วนยูดาห์ทางใต้ก็ถูกแหย่จากประเทศมหาอำนาจมาโดยตลอดเช่นกัน