อิสยาห์ 40-3

อิสยาห์ 40:12-17

ใครเป็นผู้ที่วัดน้ำด้วยอุ้งมือ และวัดขนาดท้องฟ้าด้วยมือเพียงคืบเดียว

ภาพs]6,fe creative commons
ภาพs]6,fe creative commons

ยังบรรจุผงดินจากผืนโลกในถัง และชั่งน้ำหนักของภูเขาบนตาชั่ง ชั่งนำหนักของเนินเขาด้วยตราชั่งลูกตุ้ม ?
พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ และขณะที่พระองค์ทรงสร้างสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ พระเจ้าทรงทำอย่างมีระบบระเบียบ งดงาม

ผู้ใดได้วัดพระวิญญาณของพระเจ้า?
มนุษย์คนใดจะให้คำปรึกษาแก่พระองค์?
ใครจะทำให้พระองค์ทรงเข้าใจ?
ใครบอกหนทางของความเที่ยงตรงแก่พระองค์?
และบอกความรู้ต่าง ๆ แก่พระองค์?
พระเจ้าเท่านั้นทรงสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาด้วยพระองค์เอง ไม่มีมนุษย์คนใดเกิดมาแล้วไปสั่งพระองค์ให้สร้างโลกและจักรวาลได้ แต่มนุษย์ในโลกก็ยังคิดว่า ตัวเองใหญ่โตเหนือกว่าพระองค์ สรรเสริญองค์พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งอย่างมหัศจรรย์

ดูเถอะ ประชาชาชาติต่าง ๆ ก็เป็นเหมือนน้ำหยดหนึ่งจากถัง และนับเหมือนผงเล็ก ๆ บนตาชั่ง
ดูเถิด พระองค์ทรงหยิบแผ่นดินชายทะเลขึ้นมาเหมือนกับฝุ่นเล็ก ๆ
เลบานอนทั้งหมดก็ไม่พอที่จะเป็นเชื้อเพลิง สัตว์ป่าทั้งสิ้นก็ไม่พอที่จะเผาเป็นเครื่องบูชา

ต่อพระพักตร์พระเจ้า ประชาชาติทั้งหลายก็ไม่เป็นอะไรเลย…
พวกเขาถูกพระองค์นับเป็นน้อยกว่าศูนย์ น้อยกว่าความว่างเปล่า!

แค่อ่านตอนนี้ ก็รู้สึกตะลึงลานกับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
และรู้สึกสมเพชกับมนุษย์ที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มีอำนาจ เขาหารู้ไม่ว่า เขาเล็กยิ่งกว่าฝุ่นในสายพระเนตรของพระเจ้า

อิสยาห์ 40-2

อิสยาห์ 40:6-11

พระคำของพระเจ้าคงอยู่ตลอดไป

เสียงหนึ่งร้องว่า “ร้องซิ! “ และข้ากล่าวว่า “ข้าจะร้องอะไรเล่า?”   บรรดาสิ่งที่มีเนื้อหนังก็เหมือนหญ้า  ความงามของมันก็เหมือนกับดอกไม้ในทุ่ง

หญ้าก็เหี่ยวแห้งไป  ดอกไม้ก็ร่วงไป  เมื่อพระเจ้าทรงเป่ามันด้วยลมปราณของพระองค์   ใช่แล้ว คนเป็นเหมือนหญ้า

หญ้าก็เหี่ยวแห้งไป  ดอกไม้ก็ร่วงไป  แต่พระคำของพระเจ้านั้นดำรงอยู่เป็นนิตย์

ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

จงลุกขึ้นไปยังภูเขาสูง  โอ ศิโยน  ฟังข่าวดีเถอะ  เปล่งเสียงของเจ้าสุดกำลัง โอ เยรูซาเล็ม  ผู้ส่งข่าวดี  จงเปล่งเสียงของเจ้า ไม่ต้องกลัว  กล่าวแก่เมืองต่าง ๆ ของยูดาห์ว่า “ จงมองดูพระเจ้าของเจ้า”

ดูเถิด  องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาด้วยอานุภาพ  แขนของพระองค์ครอบครองเพื่อพระองค์
ดูเถิด รางวัลอยู่กับพระองค์ และค่าตอบแทนก็อยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์

is40-shepherd

พระองค์จะทรงเลี้ยงฝูงแกะของพระองค์เหมือนกับผู้เลี้ยง และจะทรงรวบรวมลูกแกะไว้ในอ้อมกอดของพระองค์  พระองค์จะทรงอุ้มมันไว้ในทรวง และนำตัวที่มีลูกอ่อนไป

การบรรยายของอิสยาห์ตอนนี้ ทำให้เราคิดถึงใครไปไม่ได้  นอกจากพระเยซูผู้ทรงเป็นผู้เลี้ยงดีเลิศ

อิสยาห์ 40-1

จากบทที่ 40 ต่อไปนี้ เราจะได้เห็นพระคุณของพระเจ้าที่มีต่ออิสราเอลอย่างมาก   แม้ว่าเขาจะถูกจับไปเป็นเชลย ต้องทุกข์ยากลำบากในบาบิโลน แต่มีวันหนึ่งที่พระเจ้าจะทรงช่วยเขา  ตั้งแต่บทแรกจน 39 ที่ผ่านมา  มีข่าวสารเรื่องของการพิพากษาของพระเจ้าไม่ยั้งหยุด  แต่เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงเมตตาเพียงไร แผนการของพระองค์นั้น  เพื่อให้พวกเขาได้สิ่งดีกว่า ไม่ตกอยู่ในสภาพที่ทำลายตัวเองด้วยบาปของตน

“จงปลอบใจ จงปลอบใจคนของเรา”  พระเจ้าของเจ้าตรัส

“จงพูดอย่างอ่อนโยนต่อนครเยรูซาเล็ม และร้องว่า สงครามของเธอสิ้นสุดลงแล้ว และความบาปผิดของเธอได้รับการอภัยแล้ว   และเธอได้รับโทษจากพระหัตถ์ของพระเจ้าถึงสองเท่าของบาป”

ตรงนี้เราเห็นเลยว่า ไม่ว่าพวกเขาทำบาปเพียงไร พระเจ้าก็ทรงยกโทษให้เขาเมื่อเขากลับใจ และถ้าเราจะอ่านไป ๆ เราจะเห็นว่า พระเจ้าจะประทานพระพรเป็นสองเท่าของที่ได้รับโทษไปด้วย …

desert

มีเสียงหนึ่งร้องว่า “จงเตรียมทางของพระเจ้าในถิ่นกันดาร  จงทำทางหลวงเส้นตรงในทะเลทรายถวายองค์พระเจ้า   หุบเขาจะถูกถม  และภูเขา-เนินเขาจะถูกทำให้ราบลง  พื้นที่ซึ่งเป็นหลุมขรุขระจะทำให้ราบเรียบ

พระสิริอันตระการของพระเจ้าจะปรากฏ  และทุกชีวิตจะมองเห็นพร้อม ๆ กัน  พระโอษฐ์ของพระเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว”

 

ดูเหมือนท่านอิสยาห์จะเน้นพระบิดา พระเจ้าผู้ทรงสร้าง ผู้ทรงยิ่งใหญ่จากบทนี้ไปจนถึง 48  จากนั้นกล่าวถึงพระบุตรจนถึงบทที่ 57  และองค์พระวิญญาณจาก 58-66 

ให้เพื่อน ๆ อ่านกันต่อไปนะครับ 

อิสยาห์ 39-2

อิสยาห์ 39:3-8

เมื่อได้ข่าวนั้น อิสยาห์จึงเข้ามาเฝ้าราชาเฮเซคียาห์ด้วยความหนักใจ ทูลว่า “คนเหล่านี้พูดอะไรบ้าง?  และพวกเขามาจากไหนกันพะยะค่ะ?”

Is39Hezekiah-Babylonians

พระราชาตรัสตอบว่า “โอ.. พวกเขามาเยี่ยมเราไง  มาจากเมืองบาบิโลนซึ่งอยู่ไกลมาก “

“แล้วพวกเขาเห็นอะไรในราชวังของพระองค์บ้าง?”

“โอย… พวกเขาเห็นทุกอย่างนั่นแหละ  ไม่มีอะไรสักอย่างที่ข้าไม่ได้ให้พวกเขาชม”  พระราชาทรงตอบอย่างภูมิใจ… พระองค์ทรงมีมากมายที่จะอวดได้นี่นา

แล้วอิสยาห์จึงทูลพระองค์ว่า “ขอพระราชาทรงฟังพระดำรัสของพระเจ้า  ดูเถอะ     วันหนึ่ง ทรัพย์สมบัติทุกอย่างในพระคลัง และทุกอย่างที่บรรพบุรุษได้เก็บสะสมไว้จะถูกกวาดไปบาบิโลนจนหมดสิ้น  ไม่มีอะไรเหลือเลย… พระเจ้าตรัสไว้ดังนี้

และโอรสในใส้ของพระองค์หลายคนจะถูกจับไป  และกลายเป็นขันทีในวังของกษัตริย์แห่งบาบิโลน”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฮเซคียาห์จึงตรัสแก่อิสยาห์ว่า  “พระดำรัสของพระเจ้าที่ท่านอิสยาห์ว่ามานั้น ก็ดีนะ”

เพราะพระราชาทรงคิดว่า…. อย่างน้อยก็มีสันติสุขและความปลอดภัยในรัชกาลของข้า!

ราชาเฮเซคียาห์ไม่ได้คิดถึงลูกหลานเลย… ขอให้ตัวเองสบายและปลอดภัยเป็นพอ…ยังไงกันนี่?

อิสยาห์ 39-1

อิสยาห์ 39:1-2

ในเวลานั้น เมโรดัค-บาลาดัน โอรสของบาลาดันซึ่งเป็นราชาแห่งบาบิโนทรงส่งราชทูตมาพร้อมกับคำอวยพรและของขวัญมาถวายแด่ราชาเฮเซคียาห์

พระองค์ทรงได้ข่าวว่า ราชาเฮเซคียาห์ทรงล้มป่วยและบัดนี้หายดีแล้ว  การมาของราชทูตครั้งนี้ทำให้ราชาเฮเซคียาห์ทรงรู้สึกดีมาก ๆ

คงเป็นความรู้สึกแปลกมากทีเดียว  หัวหน้าของประเทศที่เป็นศัตรูกลับส่งสารมาอวยพร และยังมีของขวัญมาถวายอีก  ราชาเฮเซคียาห์ทรงรู้สึกอย่างไร  ลองคิดซิ….

ต่อมา พระองค์ได้ทรงนำราชทูตทั้งคณะไปชมท้องพระคลังในราชวัง และท้องพระคลังหลวง  ให้พวกเขาชมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเงิน ทอง เครื่องเทศ น้ำมันมีค่า และอาวุธ …

Is39hezekiah_babylon

และแน่นอนในเวลานั้น เพื่อน ๆ ลองคิดดูว่า ราชทูตจะต้องพูดคำที่ยกยอราชาเฮเซคียาห์อย่างล้น ๆ เกิน ๆ  พระราชาเองก็หลงคำเหล่านั้นไปด้วยปรากฏว่า ไม่มีของใดที่หลุดหูหลุดตาเหล่าราชทูตนี้ไปเลย พระองค์ไม่เก็บความลับไว้สักนิด

เหมาะหรือเปล่าที่พระราชาจะทำสิ่งนี้?

เหตุใดพระองค์จึงทรงให้พวกเขาดูท้องพระคลัง? ลองจินตนาการวันนั้นที่ทั้งสองฝ่ายพบกัน… แล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนี่?

เวลาที่มีคนชม เวลาที่ถูกชื่นชมมากเกินไป  จะเกิดอะไรในใจของเรา ??

อิสยาห์ 38-3

ข้อเขียนของพระราชา (ต่อ)

ตอนที่ราชาเฮเซคียาห์ทรงป่วยหนัก  ทรงทูลขอต่อพระเจ้าที่จะรักษาให้หาย

อิสยาห์ 38:16-21

ข้าแต่พระเจ้า มนุษย์มีชีวิตได้ด้วยสิ่งเหล่านี้  และชีวิตของจิตวิญญาณของข้าก็อยู่ในสิ่งเหล่านี้  ขอพระเจ้าทรงรื้อฟื้นข้าให้หายเป็นปกติ  ขอทรงให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไป!

ดูเถอะ ที่ข้าต้องขมขื่นมากเช่นนี้ก็เพื่อสวัสดิภาพของข้าเอง  ด้วยความรัก พระองค์ได้ทรงช่วยชีวิตของข้าให้รอดพ้นจากหายนะในหลุมลึก เพราะพระองค์ทรงเขวี้ยงบาปทั้งสิ้นของข้าไว้เบื้องหลังพระองค์

เพราะแดนคนตายไม่ขอบคุณพระองค์ และความตายก็ไม่สรรเสริญพระองค์  และคนที่ตายไปอยู่ที่นั่นก็ไม่อาจจะหวังใจในความซื่อตรงของพระองค์

Is38hezekiah-sick

คนเป็น คนเป็นเท่านั้นที่ขอบคุณพระองค์  เหมือนอย่างที่ข้าทำในวันนี้  พ่อได้ทำให้ลูกได้รู้จักความซื่อตรงของพระองค์

พระเจ้าจะทรงช่วยข้าให้รอดพ้น และเราจะเล่นเครื่องสายทุกวันตลอดชีวิตของเราในพระวิหารของพระองค์

บัดนี้อิสยาห์กล่าวว่า “ให้เอาขนมมะเดื่อมาปะไว้ที่ฝีของพระราชา แล้วพระองค์จะทรงหายดี”  เอเซคียาห์จึงตรัสว่า “อะไรเป็นหมายสำคัญว่า ข้าจะได้ไปยังพระวิหารของพระเจ้า”

อิสยาห์ 38-2

อิสยาห์ 38:9-15

คำเขียนของราชาเฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ หลังจากที่พระองค์ทรงป่วย และฟื้นองค์ขึ้นจากอาการป่วย

ข้ากล่าวว่า … ในชีวิตวัยกลางคน ข้าจะต้องจากไป ข้าถูกพาไปที่ประตูเมืองคนตายตลอดชีวิตของข้าที่เหลืออยู่  ข้ากล่าวว่า ข้าจะไม่ได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าในแผ่นดินของคนที่มีชีวิตอยู่

ข้าจะไม่ได้มองเห็นมนุษย์ท่ามกลางผู้ที่อาศัยในโลกอีกต่อไป
ที่อาศัยของข้าถูกถอน และเคลื่อนย้ายออกไปจากข้าราวกับกระโจมของคนเลี้ยงแกะ

ข้าได้ม้วนชีวิตของข้าเหมือนกับคนทอผ้า  เขาตัดข้าออกจากหูกทอ  ตั้งแต่เช้าจนค่ำพระเจ้าทรงนำข้ามาถึงอวสาน

ข้าทำตัวให้สงบจนกระทั่งเช้า  พระองค์ทรงหักกระดูกของข้าเหมือนอย่างสิงโต  ตั้งแต่เช้าจนค่ำพระเจ้าทรงนำข้ามาถึงอวสาน

ข้าร้องอย่างนกนางแอ่น หรือนกกระเรียน ข้าร้องครางเหมือนอย่างนกพิราบ

is38king_hezekiah

ดวงตาของข้าอ่อนระโหยเพราะมองขึ้นไป  ข้าแต่พระเจ้า ข้าถูกบีบคั้น ขอทรงเป็นผู้ประกันความปลอดภัยให้ข้าด้วย!

ข้าจะพูดอย่างไร เพราะพระองค์ตรัสกับข้า พระองค์ทรงกระทำสิ่งเหล่านั้น  ข้าเดินไปช้า ๆ ตลอดปีเดือนของชีวิตข้าเพราะจิตวิญญาณของข้าขมขื่นนัก….

ยังมีต่อ

อิสยาห์ 38-1

 

อิสยาห์ 38:1-8

ในช่วงเวลานั้นเอง ราชาเฮเซคียาห์ทรงป่วยจนเกือบจะสิ้นพระชนม์   และอิสยาห์ผู้กล่าวคำของพระเจ้าบุตรของอามอสเข้ามาเฝ้า  ทูลขอให้พระราชาทรงจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เพราะว่า พระองค์จะสิ้นพระชนม์แน่  จะไม่มีพระชนม์อยู่ต่อไป

hezekiahs-illness2

เมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น ….

ราชาเฮเซคียาห์หันพระพักตร์เข้าผนัง และอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า   ตรัสว่า

ขอพระเจ้าทรงโปรดระลึกถึง  ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทูลขอพระกรุณา  ขอทรงระลึกว่า ข้าพระองค์ได้ดำเนินชีวิตอย่างไรต่อพระพักตร์ของพระองค์  ข้าพระองค์เดินอย่างสัตย์ซื่อ ในควาจริง ด้วยสุดใจของข้าพระองค์  และได้ทำสิ่งที่ชอบต่อพระเนตรของพระองค์… แล้วพระราชาก็ทรงร้องไห้ด้วยความขมขื่นพระทัย….

ใช่แล้ว พระองค์ไม่อยากที่จะสิ้นใจไปในเวลานี้!

จากนั้น พระเจ้าตรัสกับอิสยาห์ว่า  “ไป  เจ้าจงไปบอกเฮเซคียาห์ว่า  พระเจ้าของดาวิด บรรพบุรุษของเจ้าตรัสว่า เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว  เราได้เห็นน้ำตาของเจ้า ดูเถอะ เราจะต่อชีวิตให้อีก 15  ปี”

“และเราจะช่วยเจ้าและนครแห่งนี้ให้พ้นจากน้ำมือของกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย  เราจะปกป้องนครเยรูซาเล็มไว้”

เพือเจ้าจะได้รู้ว่านี้เป็นคำของเรา เราจะให้หมายสำคัญแก่เจ้า

นั่นคือ เราจะให้เงาของแสงอาทิตย์บนนาฬิกาแดดของอาหัสนั้น  ย้อนกลับมาสิบขั้น…”

แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง    แสงอาทิตย์ได้ย้อนกลับบนนาฬิกาแดดสิบขั้น…….

อิสยาห์ 37-5

อิสยาห์ 37:30-38

และนี่จะเป็นเครื่องหมายสำหรับเจ้า… เฮเซคียาห์ ปีนี้เจ้าจะได้กินสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาเอง ในปีถัดไปเจ้าจะได้กินสิ่งที่งอกออกมาจากจากนั้น แล้วในปีที่สามจงหว่านและเก็บเกี่ยว ปลูกสวนองุ่นและกินจากผลนั้น

และคนที่เหลืออยู่ในครอบครัวของยูดาห์จะหยั่งรากลึกลงไป และเกิดผลขึ้นมา เพราะจากนครเยรูซาเล็ม คนที่หลงเหลืออยู่จะออกมา จากภูเขาศิโยนจะมีกลุ่มคนที่รอดชีวิตออกมา พระเจ้าจะทรงทำสิ่งนี้ด้วยความกระตือรือร้น

พระเจ้าตรัสถึงกษัตริย์แห่งอัสซีเรียว่า ดังนั้น เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองนี้ หรือยิงธนู ณ ที่นี้ หรือจะมาอยู่ต่อหน้าเมืองนี้ด้วยโล่ห์ หรือจะมาสร้างป้อมเพื่อสู้กับเมืองนี้ก็ไม่ได้ เขามาทางใด เขาต้องกลับไปทางนั้น เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองนี้ พระเจ้าตรัส
เพราะเราจะป้องกันเมืองนี้ เพื่อจะช่วยให้รอดปลอดภัย เพื่อเห็นแก่เราเอง และเห็นแก่ดาวิดซึ่งเป็นผู้รับใช้ของเรา

ภาพจากmagnoliabox.com
ภาพจากmagnoliabox.com

แล้วทูตสวรรค์ของพระเจ้าได้ออกไป และสังหารทหารอัสซีเรีย 185,000 นาย และเมื่อลุกขึ้นในเวลาเช้าวันต่อมา ก็พบแต่ศพมากมายเหล่านี้
จากนั้น เซนนาเคอริบ กษัตริย์แห่งอัสซีเรียจึงยกทัพกลับไป ประทับในนีนะเวห์

อยู่มา ขณะที่พระองค์กำลังนมัสการในวิหารเจ้านิสโรก โอรสสองคนก็สังหารพระองค์ด้วยดาบ จากนั้นก็หนีไป โอรสที่ชื่อเอสารฮัดโดนจึงครองแทน

อิสยาห์ 37-4

อิสยาห์ 37:21-29

ถึงทีของเซนนาเคอริบ

แล้วอิสยาห์ลูกชายของอาโมสจึงส่งคนไปหาราชาเฮเซคียาห์   ทูลว่า  “พระเจ้า องค์พระเจ้าแห่งอิสราเอล  ตรัสดังนี้  เพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเราในเรื่องของเซนนาเคอริบ ราชาแห่งอิสซีเรีย

ขอให้ฟังคำของพระเจ้าเกี่ยวกับราชาอัสซีเรีย  เธอดูหมิ่นเจ้า เธอเยาะหยันเจ้า ลูกสาวพรหมจารีแห่งศิโยน… เธอส่ายหน้าตามหลังเจ้า ลูกสาวแห่งเยรูซาเล็ม

เซนนาเคอริบ...
เซนนาเคอริบ…

เจ้าเยาะเย้ย เหยียดหยามใคร? เจ้าขึ้นเสียงต่อต้านใคร?  เจ้าทำตายะโสใส่ใคร?  ก็ต่อองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลไงเล่า !  เจ้าใช้บ่าวของเจ้ามาเยาะหยันองค์พระเจ้า   และเจ้ากล่าวว่า  ข้าได้ขึ้นไปยังภูเขาสูงพร้อมกับรถรบจำนวนมาก  ไปยังยอดเลบานอนเพื่อตัดต้นสีดาร์ต้นที่สูงสุดลงมา  ข้าโค่นต้นสนที่ดีเยี่ยม ข้าได้ขึ้นไปถึงที่สูงสุด ในป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด

ข้าขุดบ่อ และดื่มน้ำ  ธารน้ำแห่งอียิปต์แห้งไปหมดเพราะส้นเท้าของข้า”

“เจ้าไม่ได้ยินหรือว่า เราตั้งใจมานานแล้ว?  และบัดนี้ เราจะทำให้มันสำเร็จอย่างที่เราคิดไว้  นั่นก็คือ ให้เจ้าทำลายเมืองป้อมจนกลายเป็นซากปรักหักพัง  ในขณะที่คนเมืองนั้น หมดอำนาจไป ต้องสับสนและอับอาย  กลายเป็นเหมือนต้นพืชในทุ่ง และเหมือนหญ้าอ่อน เหมือนหญ้าที่อยู่บนหลังคาบ้านซึ่งถูกแดดเผาก่อนที่จะเติบโตขึ้นมาได้”

“เรารู้จักเจ้าดี ไม่ว่าจะนั่งลง ออกไป หรือเข้ามา รวมไปถึงที่เจ้าฉุนเฉียวใส่เรา.. เพราะว่าเจ้าได้ทำตัวฉุนเฉียวใส่เรานี่แหละ วาจาอันโอ้อวด โอหังเข้ามาถึงหูเรา  เราจะเอาขอเกี่ยวใส่จมูกของเจ้า และใส่บังเหียนในปากของเจ้า  และเราจะทำให้เจ้ากลับไปตามเส้นทางที่เจ้ามา”

เซนนาเคอริบโอหังกับพระเจ้ามาโดยตลอด  แต่หารู้ไม่ว่า ชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับพระเจ้า  พระองค์ทรงใช้ให้เขาทำทุกอย่างตามน้ำพระทัยของพระองค์เอง ไม่ว่าจะเป็นการทำสงคราม หรือการโจมตีเมืองต่าง ๆ   

เขาไม่มีสิทธิที่จะโอ้อวดอย่างที่เราได้อ่านในวันนี้เลย 

อิสยาห์ 37-3

 

อิสยาห์ 37:14-20

คำอธิษฐานของราชาเฮเซคียาห์

ราชาเฮเซคียาห์ทรงรับจดหมายมาจากมือของผู้สื่อข่าว  ทรงอ่าน และพระองค์ก็เสด็จขึ้นไปยังพระวิหารของพระเจ้าทันที…

คิดว่า พระองค์จะทรงทำอย่างไร?

พระองค์ทรงวางจดหมายนั้นต่อพระพักตร์พระเจ้า และทูลอธิษฐานด้วยพระทัยที่ปวดร้าว
“ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ  พระเจ้าแห่งอิสราเอล  พระองค์ประทับอยู่เหนือเชรูบิม  พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า  จากประชาชาติ อาณาจักรทั้งหลายในแผ่นดิน  พระองค์เท่านั้น ทรงเป็นผู้สร้างสวรรค์และโลก hezekiahs_prayer

 

ขอพระเจ้าทรงเงี่ยพระกรรณ  พระเจ้าข้า  และขอพระองค์ทรงฟัง  โปรดทอดพระเนตร

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเห็นและได้ยินคำที่เซนนาเคอริบส่งมาเพื่อเหยียดหยามพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์   จริง ๆ แล้ว พระเจ้าข้า..กษัตริย์แห่งอัสซีเรียได้ทำลายแผ่นดินของหลาย ๆ ประเทศ  ได้โยนพระของเขาเหล่านั้นลงในกองไฟ  เพราะเหล่านั้นไม่ใช่พระ เป็นเพียงสิ่งที่มือมนุษย์ทำขึ้นมา  เป็นไม้และหิน  ดังนั้นมันจึงถูกทำลาย

บัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเราทั้งหลาย ขอพระองค์ทรงช่วยเราให้พ้นจากมือของราชาอัสซีเรีย  เพื่อว่า อาณาจักรทั้งหลายในแผ่นดินจะได้รู้ว่า พระองค์เท่านั้นทรงเป็นพระเจ้า

อิสยาห์ 37-2

อิสยาห์ 37:5-12 

ดังนั้นเมื่อข้าราชการของราชาเฮเซคียาห์ไปหาอิสยาห์   อิสยาห์จึงกล่าวกับเขาว่า “ไปบอกเจ้านายของเจ้า … พระเจ้าตรัสดังนี้  อย่ากลัวคำที่เจ้าได้ยิน

กษัตริย์อัสซีเรียส่งคนหนุ่ม ๆ มาเพื่อกล่าวคำดูหมิ่นเรา  ดูเถิด เราจะใส่วิญญาณหนึ่งเข้าไปในเขา เพื่อว่าเขาจะได้ยินข่าวลือและกลับไปแผ่นดินของเขาเอง  และเราจะให้เขาต้องตายด้วยดาบในแผ่นดินของเขา”

กษัตริย์อัสซีเรียองค์นี้คือ เซนนาเคอริบ   สิ่งที่ร้ายกับตัวเซนนาเคอริบเองคือ การที่ดูหมิ่นองค์พระผู้เป็นเจ้าเที่ยงแท้  และพระองค์ทรงคาดโทษเขาไว้ให้เห็นชัดเจน  

กษัตริย์อัสซีเรียตีเมืองต่าง ๆ พ่ายไปทั่วดินแดน
กษัตริย์อัสซีเรียตีเมืองต่าง ๆ พ่ายไปทั่วดินแดน

เพราะเขาได้ยินว่า พระองค์ออกจากเมืองลาคิชไปแล้ว รับชาเคห์จึงกลับไปเฝ้ากษัตริย์อัสซีเรีย และพบว่ากษัตริย์กำลังต้องสู้กับเมืองลิบนาห์  …
แต่กษัตริย์อัสซีเรียเองได้ยินว่า ทีรหะคาห์ กษัตริย์แห่งคูช … กำลังออกมาสู้กับพระองค์

เมื่อได้ยินดังนั้นจึงส่งสารมาหาราชาเฮเซคียาห์ว่า

อย่าให้พระเจ้าที่ท่านวางใจหลอกท่านว่า  นครเยรูซาเล็มจะไม่ตกอยู่ในมือของกษัตริย์อัสซีเรียอย่างข้า …
ดูซิ  ท่านก็ได้ยินข่าวมาแล้วว่า กษัตริย์อัสซีเรียได้ทำอะไรกับแผ่นดินรอบข้างบ้าง  ทำลายจนหมด  แล้วท่านจะได้รอดไปอย่างนั้นหรือ?
พระเจ้าของชาติต่าง ๆ  ช่วยอะไรได้บ้าง  ประเทศที่พ่อของข้าทำลาย ไม่ว่าจะเป็นโกเซน  ฮาราน  เรเซฟ และชนเอเดนที่อยู่ในเทอัสสาร์
แล้วกษัตริย์เหล่านี้ไปอยู่กันที่ไหนแล้ว?  ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ฮามัท กษัตริย์แห่งอารปัด  กษัตริย์แห่งเมืองเสฟารวาอิม  กษัตริย์แห่งเฮนา และกษัตริย์แห่งอิฟวาห์

อิสยาห์ 37-1

อิสยาห์ 37:1-4

ตอนที่รับชาเคห์เข้ามาพูดท้าทายอยู่นั้น พระราชามิได้ทรงได้ยินว่าเขาพูดอะไร…แต่

ทันทีที่ราชาเฮเซคียาห์ทรงรับทราบว่า เกิดอะไรขึ้นจากข้าราชการทั้งสาม พระองค์ทรงรู้สึกแย่เป็นที่สุด จนกระทั่งทรงฉีกฉลองพระองค์ออก  และทรงสวมผ้ากระสอบ   พระองค์เสด็จเข้าไปในพระวิหารของพระเจ้าด้วยความทุกข์ท่วมท้น

is37sackclth

ไม่แต่เท่านั้น พระองค์ยังทรงส่งข้าราชการสองคนที่ได้ยินคำของรับชาเคห์ สวมเสื้อผ้ากระสอบ  ไปหาท่านอิสยาห์โดยด่วน  บอกท่านอิสยาห์ว่า

“พระราชาเฮเซคียาห์ตรัสว่า … วันนี้เป็นวันแห่งความทุกข์ยาก ถูกตำหนิด่าทอ และเป็นวันแห่งความละอาย… ดูซิ แม่ก็ท้องแก่ใกล้คลอด  แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่มีแรงที่จะเบ่งลูกออกมา   เป็นไปได้ที่พระเจ้าของท่านจะทรงฟังคำของรับชาเคห์ซึ่งกษัตริย์อัสซีเรียได้ส่งมาเพื่อเยาะเย้ยองค์พระผู้เป็นเจ้า และจะทรงขนาบถ้อยคำซึ่งพระเจ้าทรงได้ยิน   ดังนั้นขอท่านอธิษฐานเพื่อคนที่เหลืออยู่ตรงนี้ด้วย”

เมื่อเรามีความทุกข์มากที่สุด  หาทางออกไม่ได้  มีทางใดจะดีไปกว่าเข้ามาเฝ้าพระเจ้าก่อนอื่นใด!1

อิสยาห์ 36-2

อิสยาห์ 36:11-22

ข้าราชการทั้งสามของราชาเฮเซคียาห์กล่าวกับรับชาเคห์ว่า  “ขอท่านพูดกับเราเป็นภาษาอาราเมค เพราะเราเข้าใจภาษานั้น อย่าพูดภาษายูดาห์ให้คนที่อยู่บนกำแพงได้ยิน”   แต่รับชาเคห์กลับตอบว่า “เจ้านายของข้าส่งข้ามาเพื่อพูดกับเจ้านายของเจ้า  พูดกับเจ้า แต่ไม่ให้พูดกับประชาชนที่นั่งอยู่บนกำแพงอย่างนั้นรึ?  พวกเขาเองก็จะต้องกินมูลของตัวเอง และดื่มปัสสาวะของตนเองอย่างเจ้านั่นแหละ”Is36rab

แล้วรับชาเคห์จึงยืนและส่งเสียงดังเป็นภาษายูดาห์  “จงฟังคำของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอัสซีเรีย!  พระองค์ตรัสว่า อย่ายอมให้ราชาเฮเซคียาห์หลอกให้พวกเจ้า  เพราะราชาองค์นี้ช่วยเจ้าไม่ได้   อย่ายอมให้ราชาเฮเซคียาหลอกให้วางใจพระเจ้าว่า..พระเจ้าจะทรงช่วยเราให้รอดพ้น  เมืองนี้จะไม่ตกในมือของกษัตริย์อัสซีเรีย …  เพราะเจ้านายของข้า กษัตริย์ยิ่งใหญ่แห่งอัสซีเรียกล่าวว่า จงมีสัมพันธไมตรีกับเราเถอะ  ออกมาหาเรา แล้วพวกเจ้าทุกคนจะได้ดิ่มเหล้าองุ่น   จะได้กินผลจากต้นมะเดื่อของตนเอง  เจ้าจะได้ดื่มน้ำจากบ่อของเจ้าเองจนกว่าเราจะมาและพาเจ้าไปยังดินแดนที่เหมือนกับแผ่นดินของเจ้า  เป็นพื้นที่อุดมไปด้วยข้าวและน้ำองุ่น  ขนมปังและสวนองุ่น

ระวังเถอะ เพราะราชาเฮเซคียาห์จะนำเจ้าผิดไปโดยกล่าวว่า … พระเจ้าจะทรงช่วยเราให้รอดพ้น”   มีพระเจ้าองค์ไหน ในประเทศใดที่สามารถจะช่วยคนให้พ้นพระหัตถ์ของราชาอัสซีเรียได้บ้าง ล่ะ?

เทพฮามัทและอารปัดอยู่ที่ไหน?  เทพเสฟารวาอิมล่ะอยู่ที่ไหน? เทพเหล่านี้ช่วยสะมาเรียจากเงื้อมมือของเราได้หรือ?     มีเทพองค์ไหนที่ช่วยชาติต่าง ๆ ให้พ้นมือเราได้?  แล้วอย่างนี้ องค์พระเจ้าจะช่วยนครเยรูซาเล็มจากเราได้หรือ?

แต่พวกเขานิ่งเงียบ และไม่ตอบสักคำ  เพราะราชาเฮเซคียาห์ทรงสั่งไว้ว่า “อย่าตอบเขา” ดังนั้น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งสามท่านจึงกลับไปเข้าเฝ้าราชาเฮเซคียาห์ด้วยเสื้อผ้าที่ฉีกขาดและกราบทูลตามที่รับชาเคห์ได้กล่าวมา

อิสยาห์ 36-1

แล้วหนังสืออิสยาห์ก็ย้อนกลับมาเล่าประวัติศาสตร์ให้กับเราอีกครั้ง
อิสยาห์ 36:1-10

ปีที่สิบสี่ในการครองราชย์ของราชาเฮเซคียาห์ ราชาแห่งอัสซีเรียก็ยกทัพเข้ามาโจมตีหัวเมืองยูดาห์ที่มีป้อมปราการและตีได้หลายเมือง
แล้วราชาอัสซีเรียส่งรับชาเคห์พร้อมกับกองทัพใหญ่ จากเมืองลาคิชมายังนครเยรูซาเล็ม รับชาเคห์มายืนอยู่ที่ลานซักฟอก และมีฝ่ายของราชาเฮเซคียาห์ออกมาพบสามคน คือ ผู้บัญชาการราชสำนัก ราชเลขา และเจ้ากรมสารบรรณ
รับชาเคห์โอหังมาก กล่าวเย้ยว่า “พระมหาราชาแห่งอัสซีเรีย ตรัสฝากมาว่า ท่านวางใจในอะไรกัน? ท่านคิดว่า เพียงแค่คำพูด ก็จะเป็นยุทธวิธี เป็นอำนาจในการทำสงครามอย่างนั้นหรือ? ท่านวางใจใครที่ทำให้ท่านขัดขืนข้า ?
ดูเถอะ ท่านไปไว้ใจอียิปต์ซึ่งเป็นเพียงต้นอ้อขาด ๆ ที่จะทิ่มตำมือคนที่เข้าไปอยู่ใกล้ ๆ ฟาโรห์แห่งอียิปต์ก็เป็นได้แค่นั้นกับคนที่ไปหวังพึ่งเขา
The Assyrian Rabshakeh demanding the surrender of Jerusalem
แต่หากท่านกล่าวกับข้าว่า ..เราวางใจในพระเจ้าของเรา… ก็ไม่ใช่พระองค์หรือที่ราชาเฮเซคียาห์รื้อทั้งแท่นบูชาในที่สูงลงมาหมด และพระองค์ก็ทรงกล่าวว่า ให้คนในยูดาห์และเยรูซาเล็มเข้ามานมัสการที่แท่นนี้?
มาเถอะ มาทำสัญญากับราชาอัสซีเรีย เจ้านายของข้า แล้วข้าจะให้ม้าศึก 2000 ตัว หากเจ้าหาคนมาขี่มันได้…ฮะ ฮะ
เจ้าจะสามารถขับไล่ผู้บัญชาการกองพลเล็ก ๆ ของราชาอัสซีเรียได้อย่างไรในเมื่อเจ้าวางใจในรถศึกและพลม้าของอียิปต์? ยิ่งกว่านั้น เราเข้ามาโจมตีทำลายเจ้าโดยไม่มีพระเจ้าอย่างนั้นหรือ พระเจ้าตรัสว่า ให้เราลงมาโจมตีและทำลายแผ่นดินนี้เสีย”

อิสยาห์ 35-2

อิสยาห์ 35:5-10

แล้วตาของคนตาบอดจะเปิดออก และหูของคนหูหนวกจะยินได้  แล้วคนง่อยจะกระโดดเหมือนกวาง ลิ้นของคนใบ้จะร้องเพลงด้วยความยินดี

ในเวลานั้น พระเจ้าจะประทานให้คนตาบอดเห็น หูหนวกได้ยิน  มีความหมายถึงว่า พระเจ้าจะทรงให้ผู้คนต่างเข้าใจพระวจนะของพระองค์

เพราะว่า น้ำก็พลุ่งขึ้นมาในถิ่นกันดาร  และมีสายธารเกิดขึ้นในทะเลทราย

ทรายที่ร้อนแรงจะกลายเป็นสระน้ำ และแผ่นดินที่แห้งผากจะกลายเป็นน้ำพุ ในที่ ๆ หมาป่านอน  หญ้าจะกลายเป็นต้นอ้อและต้นกก

และจะมีทางหลวงเกิดขึ้นที่นั่น เป็นทางแห่งความบริสุทธิ์  คนที่ไม่สะอาดจะไม่ได้เดินไปในทางนั้น

Is35

มันเป็นทางของคนที่เดินตามทางถูกต้อง ต่อให้เป็นคนโง่ เขาก็ยังจะไม่หลงทาง

เป็นทางที่ความถูกต้องแต่งต่างจากความผิดอย่างชัดเจน ไม่มีกำกวม

จะไม่มีสิงโตที่นั่น หรือแม้แต่สัตว์กินเนื้อก็จะไม่มาที่นั่น จะหาพวกมันไม่เจอ แต่คนที่พระเจ้าทรงไถ่จะเดินในทางนั้น และคนที่พระเจ้าทรงไถ่ไว้แล้วจะกลับมา และมาถึงศิโยนด้วยการร้องเพลง   บนศีรษะของเขาคือความยินดีนิรันดร์ พวกเขาจะดีใจและเบิกบาน   ความเศร้าและการถอนหายใจจะหนีไปไกล

คนที่พระเจ้าทรงไถ่ คำนี้เน้นให้เรารู้ว่า พระเจ้าเท่านั้นทรงเป็นที่สุดของความสุข  พระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบทเพลง และความชื่นชมยินดีให้กับเขา  พวกเขาจะได้รับความสุข ซึ่งก่อนหน้านี้ หาไม่เจอเลย… 

 

อิสยาห์ 35-1

อิสยาห์ 35:1-4

 

ถิ่นกันดารและแผ่นดินอันแห้งแล้งจะยินดี  ทะเลทรายจะร่าเริงและเบิกบานเหมือนดอกบัวดิน  มันจะออกดอกบานสะพรั่ง และร้องเพลงร่าเริงด้วยความยินดี

หลังจากที่ถูกพระเจ้าพิพากษาแล้ว  แผ่นดินจะเปลี่ยนแปลง  …. 

Is35crocus2

มันจะได้รับศักดิ์ศรีแห่งเลบานอนและความตระการยิ่งใหญ่ของคารเมล และชาโรน
เขาจะเห็นพระสิริของพระเจ้า และความตระการอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

จงทำให้แขนที่อ่อนล้าเข้มแข็ง  และทำให้เข่าที่อ่อนแอมั่นคงขึ้น
กล่าวกับคนที่มีจิตใจกังวลว่า “จงเข้มแข็ง อย่างกลัวไป  ดูเถิด พระเจ้าของเจ้าจะเสด็จมาพร้อมการแก้แค้น  พระองค์จะทรงมาและช่วยเจ้าด้วยการแก้คืนของพระองค์”

คนที่หลงเหลืออยู่จากการพิพากษา และการแก้แค้นของพระเจ้านั้นจะเหลือคนที่เชื่อในพระเจ้าบ้าง  และยังมีคนที่ยังไม่ได้เชื่อในพระองค์ด้วย   อิสยาห์ขอให้ผู้อ่านได้หนุนกำลัง สนับสนุนให้คนที่อ่อนแอนั้น เข้มแข็งขึ้นอีก   พวกเขาจะต้องมองไปที่พระเจ้า เพื่อว่าพระเจ้าจะทรงกลับมาช่วยเขาที่เหลืออยู่นั้น 

 

อิสยาห์ 34-4

อิสยาห์ 34:13-17

ที่กำบังอันเข้มแข็งกลับจะมีต้นหนามขึ้นปกคลุม จะมีต้นตำแยและต้นกระชับขึ้นอยู่ในป้อมปราการ   สถานที่ต่าง ๆ มากมายถูกทำลาย ทำให้สัตว์ป่าเข้ามาครองพื้นที่ 

มันจะกลายเป็นที่อาศัยของหมาป่า และเป็นที่พักพิงของนกกระจอกเทศ

เหล่าสัตว์ป่าจะมาเจอกับหมาไน  แพะป่าจะร้องหาเพื่อนของมัน  (แพะป่านี้ ในภาษาเดิมมีความหมายเหมือนกับคำว่า ผี)

krajoktet

จริง ๆ แล้ว นกกลางคืนจะเข้ามาหาที่พักในนั้น  เจ้าตัวนี้ก็เช่นกัน มีความหมายคล้ายกัน เหมือนเป็นวิญญาณที่ชั่วร้าย 

นกฮูกจะทำรังและออกไข่ ออกลูกที่นั่น มันจะรวบรวมลูกในเงาของมัน

จริง ๆ แล้ว  นางเหยี่ยวก็จะรวมตัวกันที่นั่น แต่ละตัวมีคู่ของมัน

จงแสวงหาและอ่านจากหนังสือของพระเจ้า  ไม่มีคำใดจะล้มเหลวไป สัตว์เหล่านี้จะไม่ขาดไปสักตัว ไม่มีตัวใดขาดคู่ของมัน  ท่านอิสยาห์รู้ว่า สิ่งที่ท่านกล่าวออกมานั้น มาจากพระเจ้า และเมื่อเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นตามคำทำนาย  พวกเขาจะมาหาอ่านได้ว่า ท่านเคยกล่าวอะไรไว้ 

เพราะพระเจ้าได้ตรัสจากพระโอษฐ์ของพระองค์  และพระวิญญาณของพระองค์ได้รวบรวมเอาไว้

พระองค์ได้ทรงโยนฉลากให้มัน และพระหัตถ์ของพระองค์ก็แบ่งส่วนให้กับมันด้วยสายวัด  lสัตว์ป่าเหล่านี้จะครอบครองตลอดไป  มันจะอาศัยในนั้นจากชนรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นไม่จบเลย

อิสยาห์ 34-3

อิสยาห์ 34:8-12

เพราะพระเจ้าทรงมีวันที่จะทรงแก้แค้น มีปีที่จะตอบแทนเพื่อศิโยน
และลำธารแห่งเอโดมจะกลายเป็นยางมะตอย   พื้นดินจะกลายเป็นกำมะถัน
แผ่นดินจะกลายเป็นยางมะตอยที่ติดไฟอยู่
ทั้งคืนและวัน มันไม่ดับ และควันของมันลอยขึ้นตลอดไปเป็นนิตย์

มันถูกทิ้งให้ร้างเปล่าจากชนรุ่นหนึ่งไปสู่ชนอีกรุ่น  …ไม่มีใครเดินทางผ่านทางนั้นไปชั่วนิรันดร์

แม้ว่าเหตุการณ์นี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นให้เห็น…. แต่บอกไว้ล่วงหน้า เมื่อไรที่เราเห็นตอนนั้น จะกลับใจอาจจะสายไปแล้ว!  คำว่าร้างเปล่านี้  หมายความถึงความยุ่งเหยิงและสับสนในแผ่นดินด้วย 


Is34deserted

แต่นกเหยี่ยวและเม่นจะยึดที่ดินนั้นเป็นของมัน  นกเค้าแม้วและอีกาจะอาศัยอยู่ในนั้น

พระเจ้าจะทรงขึงสายแห่งความสับสันเหนือมัน และจะปล่อยลูกดิ่งแห่งความว่างเปล่าลงมา

ชนชั้นสูง… ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเพื่อจะเรียกแผ่นดินนั้นว่า อาณาจักร  เจ้าชายทั้งหลายจะกลายเป็นผู้ที่ไม่มีค่าสักนิด

สัตว์จะกลายเป็นผู้ครองแผ่นดิน ชนชั้นสูงกลับไม่มีความหมาย  เพราะแผ่นดินนั้นเมื่อพระเจ้าวัดดูแล้ว  มันไม่ได้มาตรฐานอย่างที่พระองค์ทรงประสงค์!

อิสยาห์ 34-2

อิสยาห์ 34:5-7

ภาพที่เราจะเห็นจากการบรรยายของท่านอิสยาห์ต่อไปนี้  เป็นภาพแห่งการพิพากษาของพระเจ้า  เป็นภาพที่น่ากลัว  เอโดม มีความหมายถึงผู้ที่ไม่ยอมจำนนต่อพระเจ้า….  เอโดมเป็นชาติที่ไม่มีอยู่ในปัจจุบันแล้ว มันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการไม่ยอม  ดาบของพระเจ้าจะที่จะจัดการกับทั้งหมดในโลกนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้น  แต่มันกำลังจะเกิดในอนาคต  …..

เพราะว่าดาบของเราจะสังหารจนเต็มอิ่มในฟ้า ดูเถิด มันลงมาเพื่อพิพากษาเอโดม  เหล่าคนที่เรายกให้ถูกทำลาย
พระเจ้าทรงมีพระแสงดาบที่อาบด้วยเลือด กรังไปด้วยไขมัน ด้วยเลือดของลูกแกะและแพะกับไขมันจากไตของแกะตัวผู้

Is34war

เพราะพระเจ้าทรงมีการถวายเครื่องบูชาที่โบสราห์  มีการฆ่าล้างอย่างยิ่งใหญ่ในแผ่นดินเอโดม
กระทิงจะล้มลงไปพร้อมกับพวกเขา  ลูกวัวล้มลงไปพร้อมกับวัวร่างใหญ่เข้มแข็ง    แผ่นดินของเขาจะได้ดื่มเลือดเต็มที่ และพื้นดินจะเต็มไปด้วยไขมันเรื่ยราดไปหมด
คำพูดข้างบนที่ผ่านมา  พูดถึงการถวายเป็นเครื่องบูชา…. เมื่อมนุษย์ทำบาป เขาก็ต้องไถ่บาปของเขาด้วยเครื่องบูชา  แต่… พระเยซูทรงมาไถ่บาปของเราทุกคนแล้ว   พระเจ้าทรงมอบพระเยซูให้เพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่ รับโทษบาปเรา  ทีนี้เหลืออยู่ว่า ถ้าเราใจแข็งกระด้างไม่รับพระเยซู  เราก็แค่ไปรับโทษเอง นั่นหมายถึงความตายนิรันดร์ !