เยเรมีย์ 2-6 ไม่ได้ทำผิดซะหน่อย

เยเรมีย์ 2:29-37

พระเป็นเจ้าตรัสว่า “เจ้ามีอะไรไม่พอใจเรารึ? เจ้าทุกคนต่างต่อต้านเราอยู่แล้ว”
เราเสียเวลาตีสอนลูกหลานของเจ้า  เพราะว่าพวกเขาไม่สนใจเลย
ดาบของเจ้าก็สังหารผู้กล่าวพระคำของเจ้าเอง  เหมือนกับสิงโตที่ทำลาย

แทนที่จะฟังคนตักเตือน พวกเขากลับฆ่าคนเหล่านั้น!

เจ้ากลายเป็นคนรุ่นแบบไหนกัน จงฟังพระวจนะของพระเจ้าเถิด…
เราเป็นเหมือนถิ่นกันดารต่อคนอิสราเอล  เป็นแผ่นดินแห่งความมืดแก่พวกเขาหรือ?
แล้วเหตุใด คนของเราจึงกล่าวว่า
‘ เราเป็นอิสระแล้ว  เราจะไม่กลับมาหาพระองค์อีก’ ?
สาวพรหมจารีลืมเครื่องประดับของเธอได้หรือ?
หรือเจ้าสาวจะลืมเครื่องแต่งกายของเธอได้หรือ?
แต่คนของเรากลับลืมเรานานจนนับไม่ไหวแล้ว

เจ้ามีหนทางไปหาความรักของเจ้าอย่างน่าทึ่ง  แถมยังสอนทางบาปของเจ้าให้หญิงชั่วอื่น ๆ อีก
ยิ่งกว่านั้น ที่ชายเสื้อของเจ้าก็เห็นรอยเลือดของคนยากจนที่ไร้ความผิด

เจ้าไม่ได้เห็นพวกเขาบุกรุกเข้ามาในบ้านสักนิด  แต่แม้ว่าหลักฐานจะโจ่งแจ้งอย่างนี้

เจ้ายังกล่าวว่า ‘ข้าไม่ได้ทำผิดสักหน่อย  พระพิโรธของพระเจ้าหันไปจากข้าแล้ว’
ดูเถิด เราจะพิพากษาเจ้า เพราะเจ้ากล่าวว่า ‘ข้าไม่ได้ทำบาป’

Je2-4

เท่าไรแล้วที่เจ้าไป ๆ มา ๆ เปลี่ยนวิธีการไปเรื่อย ๆ
เจ้าจะต้องละอายเพราะอียิปต์  เหมือนกับที่เจ้าต้องละอายเพราะอัสซีเรีย
เจ้าจะออกมาจากที่นั่นโดยเอามีบังหัวของเจ้าไว้
เพราะว่า พระเป็นเจ้าทรงปฏิเสธทุกคนที่เจ้าไว้วางใจ
และเจ้าจะไม่มีวันรุ่งเรืองขึ้นมาได้เพราะพวกเขา… จำไว้

เยเรมีห์ 2-5

เยเรมีย์ 2:20-28

เพราะนานมาแล้วที่เราได้ทำลายแอกของเจ้าและระเบิดพันธนะของเจ้าออก…   แต่เจ้ากลับว่า “ข้าจะไม่รับใช้”
ใช่ซิ บนภูเขาสูง  ใต้ต้นไม้เขียวทุกต้น เจ้ากลับไปก้มกราบเหมือนหญิงขายตัว
แต่เราก็คือคนที่ปลูกองุ่นอย่างดี ด้วยเมล็ดพันธุ์บริสุทธิ์ แล้วเป็นไปอย่างไรที่เจ้ากลายพันธุ์ เป็นองุ่นป่า?   แม้ว่าเจ้าจะชำระตัวด้วยน้ำด่าง และเจ้าใช้สบู่มากมาย  แต่รอยด่างความผิดของเจ้าก็ยังอยู่ต่อหน้าเรา

เจ้ากล้าพูดออกมาได้อย่างไรว่า “ข้าไม่มีรอยด่างของความผิดบาป  ข้าไม่ได้ติดตามเจ้าบาอัลสักหน่อย?    มองดูทางที่เจ้าผ่านไปในหุบเขาซิ  รู้ซะบ้างว่าเจ้าทำอะไร

เจ้าเป็นเหมือนอูฐสาวติดสัด วิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ที

came
เป็นเหมือนลาป่าที่ชินกับถิ่นกันดาร  สูดดมลมที่พัดมาเพียงเพื่อให้ได้กลิ่นความใคร่ของมัน  แล้วใครจะไปช่วยระงับความใคร่ของมันได้?    คนที่ตามหามันอยู่ ก็ไม่ต้องเหนื่อยหรอก  ในเวลาของมัน เจ้าจะพบมันเอง
จงระวัง อย่าให้เจ้าขาดรองเท้า อย่าให้เจ้าต้องกระหาย แต่เจ้ากลับว่า “หมดหวัง เพราะว่าข้ารักคนต่างชาติ และข้าจะตามพวกเขาไป”
“เมื่อโจรถูกจับได้ เขาจะละอายอย่างไร เชื้อสายอิสราเอลก็จะละอายเช่นกัน
ตัวเขา กษัตริย์ ข้าราชการ ปุโรหิต และผู้กล่าวคำของพระเจ้า คนเหล่านี้ไปพูดกับต้นไม้ว่า  ‘ท่านเป็นพ่อของเรา’  เขาไปพูดกับก้อนหินว่า  ‘ท่านได้คลอดข้าออกมา’   พวกเขาหันหลังให้เรา และไม่ใช่หันหน้ามาหาเรา
แต่ในเวลาที่เจอกับความลำบาก ก็กลับมาร้องขอเรา ‘ขอพระเจ้าทรงลุกขึ้น และช่วยเราด้วย’

แล้วพระที่เจ้าสร้างขึ้นมาให้ตัวเองล่ะ มันอยู่ที่ไหน?  ปล่อยให้มันลุกขึ้นมา ดูซิ มันจะช่วยเจ้าในเวลาลำบากได้หรือไม่?   โอ ยูดาห์  ยิ่งเจ้ามีเมืองมากเท่าไร  เจ้าก็มีพระมากเท่านั้น

เยเรมีย์ 2-4 คนหัวแข็ง

เยเรมีห์ 2:14-19

”อิสราเอลเป็นทาสรึ?
พวกเขาเป็นทาสติดเรือนอย่างนั้นหรือ?
ทำไมพวกเขาจึงกลายเป็นเหยื่อ?

สิงโตคำรามใส่เขา  มันคำรามเสียงสนั่น มันทำให้แผ่นดินของเขารกร้าง

เมืองต่าง ๆ กลายเป็นซากหักพัง  ไม่มีคนอาศัยอยู่

ยิ่งกว่านั้น คนแห่งเมมฟิสและทาฟาเนสได้โกนศีรษะของเขา

ที่เป็นอย่างนี้ไม่ใช่เพราะเจ้าละทิ้งพระเจ้าผู้ทรงนำทางหรอกหรือ?

และตอนนี้ เจ้าจะได้ประโยชน์อะไรที่ไปอียิปต์ เพื่อที่จะดื่มน้ำจากแม่น้ำไนล์?

หรือเจ้าได้ผลประโยชน์อะไรที่ไปหาอัสซีเรีย เพื่อจะดื่มน้ำจากแม่น้ำยูเฟรตีส

ความบาปของเจ้าจะตามมาเฆี่ยนเจ้า  และการทรยศจะจัดการกับตัวเจ้าเอง

SITE

ให้รู้และเห็นเถิดว่า การละทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้านั้นมันชั่วร้ายและขมขื่นยิ่งนัก

ความยำเกรงเราไม่มีอยู่ในตัวเจ้าเลย  “พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัส

อิสราเอลเป็นเหมือนลูกหัวปีของพระเจ้า   พระเจ้าทรงดูแลเขาเป็นพิเศษ   อย่างเขาไม่ได้เป็นทาส แต่กลับตกเป็นเหยื่อ  ถูกศัตรูทั้งขู่ และบีบคั้น ทำลาย   เขาถูกศัตรูเยาะเย้ย เหยียดหยามและโกนหัว ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งว่า เขาดูถูกเป็นที่สุด
ที่อิสราเอลกลายเป็นคนแพ้ ก็เพราะตัวของเขาเอง ไม่ยอมตามพระเจ้า ละทิ้งพระองค์ กลับไปติดตาม ยอมต่อกษัตริย์ที่ตนคิดว่า จะช่วยได้  

อิสราเอลเข้าใจผิด คิดว่า การไปหาอียิปต์ หรืออัสซีเรียแล้วจะได้ความสดชื่น 

จะสมัยก่อน หรือสมัยนี้ … ทิ้งพระเจ้าไป มันขมขื่นจริง ๆ !

เยเรมีย์ 2-3 บ่อน้ำของตนเอง

เยเรมีย์2: 9-13
“ดังนั้น เราจะยังคงต่อสู้เจ้า!” องค์พระเป็นเจ้าตรัส
“ต่อสู้ทั้งลูกหลานเหลนของเจ้าด้วย
มองไปรอบรอบซิ ข้ามจากฝั่งไปยังไซปรัส
และดู…หรือไม่ก็ส่งไปยังเคดาร์และตรวจสอบให้ดี

ดูว่ามีสิ่งเหล่านั้นไหม
ประเทศใดประเทศหนึ่งเคยเปลี่ยนพระของเขาไหม ทั้งที่เหล่านั้น ไม่ใช่พระสักนิด?

แต่คนของเรากลับแลกเปลี่ยนศักดิ์ศรีของเขากับสิ่งที่ไร้ค่า!
จงตกใจ โอสวรรค์ จงตกใจ รู้สึกสยดสยอง  ไม่น่าเชื่อ!
พระผู้เป็นเจ้าตรัส

broken
เพราะคนของเราได้ทำสิ่งชั่วร้ายสองอย่าง
พวกเขาได้ละทิ้งเรา ซึ่งเป็นน้ำพุแห่งชีวิต
และสกัดบ่อเล็ก ๆ เพื่อตัวเอง
เป็นบ่อเล็กๆ ที่รั่ว ไม่อาจเก็บน้ำไว้ได้

ทิ้งพระเจ้า ไม่นับถือ ไม่พึ่งพระองค์  

และเดินตามทางของตัวเอง ตัวเองเป็นที่พึ่งของตัวเอง!  

ซึ่งความจริงแล้ว การทำทั้งสองอย่างนี้   มันน่ากลัวมาก  มีแต่จะเสีย……

 

 

เยเรมีย์ 2-2 ทำเหมือนไม่รู้จัก

เยเรมีย์ 2: 6-8

พวกเขาไม่ได้กล่าวว่า “พระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่ไหน พระองค์ผู้ทรงนำเรามาจากแผ่นดินอียิปต์
พระองค์ผู้ทรงนำเราในถิ่นกันดาร ในทะเลทราย ที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ
ในแผ่นดินที่แห้งแล้งและมืดมิด ในแผ่นดินที่ไม่มีใครสามารถผ่านไปเลย ในที่ ๆ ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่”
WildernessSinai
และเรานำเจ้ามายังแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ เพื่อที่จะได้อิ่มอร่อยกับผลไม้และสิ่งดี ๆ ในแผ่นดินนั้น
แต่เมื่อเจ้าเข้ามา เจ้ากลับทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน เจ้าทำให้มรดกของเรากลายเป็นสิ่งที่ดูน่าสะอิดสะเอียน

ปุโรหิตไม่ได้กล่าวว่า “องค์พระเป็นเจ้าอยู่ที่ไหน?
คนที่จะต้องรักษากฎเกณฑ์ของเรากลับไม่รู้จักเรา
คนที่เป็นผู้เลี้ยงรึ ก็ล่วงละเมิดเรา
ผู้ที่ต้องกล่าวคำของเรา ก็กลับกล่าวคำของบาอัล และวิ่งไล่ตามสิ่งที่ไม่ได้ประโยชน์อันใด

น่าแปลกที่พระเจ้าทรงดีกับเรา แต่เราไม่ได้เห็นพระคุณของพระองค์เลย

เยเรมีย์ 2-1

เยเรมีย์ 2:1-6

พระคำของพระเจ้ามาถึงข้าฯ  พระองค์ตรัสว่า

“ไป และประกาศให้ชาวนครเยรูซาเล็มได้ยินว่า… พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้…
“เราจำได้ถึงการอุทิศตนทุ่มเทของเจ้ายามที่เจ้ายังหนุ่มสาวอยู่
เราจำได้ถึงความรักของเจ้าอย่างเจ้าสาว
จำได้ว่าเจ้าตามเรามาในถิ่นกันดาร  ในดินแดนที่ยังไม่มีการเพาะปลูก
อิสราเอลนั้นบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า  เป็นผลแรกแห่งการเก็บเกี่ยวของพระองค์
ใครก็ตามที่กินพวกเขาเข้าไปก็จะรู้สึกผิด และมีหายนะเกิดขึ้นกับเขา พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น”

kandan

จงฟังคำขององค์พระผู้เป็นเจ้า… เจ้าวงศ์วานยาโคบ และตระกูลทั้งหลายในอิสราเอล
พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“บรรพบุรุษของเจ้ามาจับผิดอะไรเรา

พวกเขาจึงออกห่างเราไป และเดินตามสิ่งไร้ค่า

ในที่สุดก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีคุณค่าไปด้วย?

ในสมัยก่อน ยามที่ชนอิสราเอลตามพระเจ้ามาในถิ่นกันดาร ด้วยการนำของโมเสส
พวกเขา ไม่ได้ทำผิดร้ายแรงอย่างที่ทำอยู่ในสมัยของเยเรมีย์
พวกเขาเคยไม่เชื่อฟัง  ไม่เชื่อพระเจ้าก็จริง
แต่มาวันนี้ เขาทิ้งพระองค์ไป  ติดตามพระที่เป็นสิ่งของ ไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ 
พวกเขากำลังเหยียดหยามพระเจ้าอย่างยิ่ง ….

เยเรมีย์ 1-4

เยเรมีห์ 1:17-19

แต่เจ้า เจ้าจงแต่งตัวเพื่อทำการ  ลุกขึ้น
และบอกพวกเขาทุกอย่างที่เราสั่งเจ้า

ภาพวาดโดย มาร์ค ชากัล
ภาพวาดโดย มาร์ค ชากัล

อย่าไปกลัวเกรงพวกเขา  มิฉะนั้น เราจะทำให้เจ้าอับอาย กลายเป็นกลัว กลายเป็นหงอต่อพวกเขา
และดูเถอะ ในวันนี้ เราทำให้เจ้าเป็นเมืองป้อมเสาเหล็ก กำแพงทองเหลืองเพื่อสู้กับทั้งแผ่นดิน
ต่อสู้กับกษัตริย์แห่งยูดาห์ ทั้งข้าราชการ  ปุโรหิต และประชาชนในแผ่นดินนั้น
พวกเขาจะต่อต้าน สู้เจ้า
แต่พวกเขาจะไม่ชนะเจ้า  เพราะว่าเราอยู่กับเจ้า เพื่อที่จะช่วยกู้เจ้า”
พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แหละ

เยเรมีย์ 1-3 หม้อเดือด

เยเรมีย์ 1:13-16

 

แล้วพระดำรัสของพระเจ้าก็มาอีก “ตอนนี้เจ้าเห็นอะไร? “
ข้าฯ จึงตอบว่า “ข้าทาสเห็นหม้อที่กำลังเดือด หันจากทิศเหนือมาทางเรา”

maudeud (2)

แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าว่า
“จากทางเหนือนั้นจะมีหายนะเกิดขึ้นลงมายังทุกคนที่อาศัยในแผ่นดินนี้
เพราะว่า เรากำลังเรียกชนเผ่าทั้งหลายแห่งอาณาจักรทางเหนือให้ออกมา”
พระเจ้าทรงบัญชา
“และพวกเขาจะลงมา ต่างก็จะตั้งบัลลังก์ของตนไว้ที่ประตูนครเยรูซาเล็ม
ตั้งเพื่อต่อสู้กำแพงเมือง ตั้งเพื่อต่อสู้กับหัวเมืองทั้งสิ้นในยูดาห์
และเราจะบัญชาคำพิพากษาของเราต่อเมืองเหล่านั้น
เพราะพวกเขาทำสิ่งชั่วร้าย ละทิ้งเรา พวกเขาได้ถวายเครื่องบูชาแก่พระอื่น ๆ
และไปนมัสการผลงานของน้ำมือตัวเอง

เยเรมีย์ 1-2 กิ่งอัลมอนด์

เยเรมีย์ 1:9-
แล้วองค์พระเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์ออกมา
และแตะปากของข้าฯ  และพระเจ้าตรัสกับข้าฯ ว่า
“ดูเถิด.. เราได้ใส่คำของเราไว้ในปากของเจ้า
ดูซิ เราได้ตั้งเจ้าเหนือประชาชาติ เหนืออาณาจักร
เพื่อที่จะถอนอออกมา และรื้อลงมา
เพื่อทำลายและโยนทิ้ง
เพื่อสร้าง และปลูก
และคำของพระเจ้ามายังข้าฯ ว่า
“เยเรมีย์เอ๋ย  เจ้าเห็นอะไร?”
และข้าฯ ทูลตอบว่า “ข้าทาสเห็นกิ่งอัลมอนด์พระเจ้าข้า”

branch
แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า
“เจ้าเห็นถูกแล้ว เพราะเราได้เฝ้าดูคำของเราเพื่อที่จะทำให้มันสำเร็จ”

การที่พระเจ้าทรงแตะริมฝีปากของเยเรมีย์ คือการที่พระองค์ทรงแยกปากของเขาไว้เพื่อให้พระองค์ทรงใช้   และพระองค์ก็ทรงใส่พระคำของพระองค์ในปากของเขา  แสดงว่า เมื่อเขาพูดอะไรสิ่งนั้นมาจากพระองค์  
สิ่งที่เขาจะทำต่อไปนั้น ไม่ใช่ความสามารถของเขาเองเลย   แต่เป็นราชกิจของพระเจ้าทั้งสิ้น  
พระคำของพระเจ้าจะอยู่เหนือชาติและอาณาจักรต่าง ๆ    คำที่เขาพูดนั้น จะมีอำนาจสามอย่างคือ เพื่อที่จะถอนอออกมา และรื้อลงมาเท่ากับการที่เขาพูดต่อต้านความบาป     เพื่อทำลายและโยนทิ้ง เป็นคำที่พิพากษา     เพื่อสร้าง และปลูก  เขาจะพูดถึงความหวังใจ การรื้อฟื้นใหม่อีก 

การเห็นอัลมอนด์… หมายถึงให้รอคอยฤดูใบไม้ผลิ… และพระเจ้าทรงคอยดูพระดำรัสของพระองค์เอง เพื่อพระองค์จะทรงทำอย่างที่ทรงสัญญาไว้   ไม่ว่าพระเจ้าจะตรัสอะไร เยเรมีห์เชื่อได้เสมอว่า จะเกิดขึ้นจริง

เยเรมีย์ 1-1 เรียกตั้งแต่ในท้องแม่

 เยเรมีย์  1:1-8

ถ้อยคำจากเยเรมีย์  บุตรชายของฮิลคียาห์ จากครอบครัวปุโรหิตซึ่งอาศัยในอานาโทท ในแผ่นดินคนเผ่าเบนยามิน
พระดำรัสจากพระเจ้ามาถึงเยเรมีย์ ในปีที่ 13  ของรัชสมัยราชาโยสิยาห์ โอรสของราชาอาโมน ซึ่งเป็นราชาของยูดาห์
พระเจ้าได้ทรงให้เยเรมีห์กล่าวคำของพระองค์ต่อไป
จนถึงเดือนที่ห้าของรัชสมัยราชาเศเดคียาห์
ซึ่งเป็นปีที่เยรูซาเล็มถูกโจมตี และกวาดไปเป็นเชลย

พระเจ้าทรงเรียกเยเรมีย์
และพระดำรัสของพระเจ้าก็มาถึงข้าฯ   “ก่อนที่เราจะสร้างเจ้าขึ้นมาในครรภ์มารดา
เรารู้จักเจ้าแล้ว  ก่อนที่เจ้าจะเกิด เราก็ได้ชำระเจ้า
เราแต่งตั้งให้เจ้าเป็นผู้กล่าวคำของเราต่อประชาชาติทั้งหลาย  .... “

thecall

และข้าฯกล่าวว่า “โอ องค์เจ้านายของข้าพเจ้า !
ดูเถอะ ข้าพเจ้าไม่ทราบว่า ควรจะพูดอย่างไร  เพราะข้าพเจ้ายังเด็กอยู่”
แต่พระเจ้าตรัสกับข้าฯ ว่า
“อย่าพูดไปว่า ตัวเองเป็นเด็ก
เพราะเจ้าจะต้องไปหาคนที่เราส่งเจ้าไป
และเจ้าจะต้องพูดทุกคำที่เราสั่งให้เจ้าพูด
อย่ากลัวพวกเขา  เพราะว่า เราอยู่กับเจ้าเพื่อช่วยดูแลเจ้า”
พระเจ้าทรงบัญชา

เยเรมีย์อ้างว่าตนเองยังอายุน้อย…   เหมือนโมเสสอ้างว่าตนพูดไม่เก่ง … เมื่อพระเจ้าจะทรงใช้ใคร พระองค์ก็จะทรงใช้เขาไม่ว่าจะอ้างอย่างไร เพราะว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ที่อยู่กับเขา เพื่อช่วยเขาให้สำเร็จตามที่พระองค์ทรงใช้

รู้สึกอย่างไรกับพระคัมภีร์ตอนนี้  พระองค์ทรงใช้ให้เราทำอะไร ?  แล้วเชื่อไหมว่า พระองค์จะทรงอยู่เพื่อดูแลเราตลอด?

แนะนำท่านเยเรมีย์

จากท่านอิสยาห์ผู้ที่คอยตักเตือน เรียกร้องให้คนอิสราเอลกลับมาหาพระเจ้า พระองค์ก็ยังทรงส่งคนของพระองค์มาอย่างไม่ขาดสาย   คราวนี้ ในรัชสมัยของราชาโยสิยาห์ พระเจ้าทรงเรียกเยเรมีย์ให้เป็นปากเป็นเสียงให้พระองค์

ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือท่านเยเรมีย์เอง โดยมีอาลักษณ์คนหนึ่ง  เป็นผู้ช่วยของท่านคอยบันทึกสิ่งต่าง ๆ ให้ และท่านเองก็ได้ตรวจสอบสิ่งที่เขาบันทึกลงไป
เหตุการณ์ต่าง ๆ สมัยที่เยเรมีย์เริ่มทำงานนั้น
เราอ่านได้จากเรื่องราวของราชาโยสิยาห์ ในหนังสือ 2 พงศ์กษัตริย์ 22-25 และ 2 พงศาวดารกษัตริย์ 34-36
เยเรมีย์นั้น อยู่ในสมัยของราชาโยสิยาห์ (เริ่มปีที่ 13 ของการครองราชย์)
ราชาเยโฮอาหัส
ราชาเยโฮยาคิม
ราชาเยโฮอาคิน
และราชาเศเดคียาห์ ในปี 586 ก่อนคริสตศักราช

Tanjeremiah

 

ภาพวาดโดย ไมเคิล แอนเจลโล เสร็จเมื่อค.ศ. 1512

สิ่งที่ท่านเยเรมีย์กล่าวถึงและย้ำแล้วย้ำอีกใน 40 ปีของท่านก็คือ
• ความบาปของคนอิสราเอลในเรื่องของการไหว้รูปเคารพและบาปอื่น ๆ
• การบุกของศัตรูที่พระเจ้าทรงเป็นผู้ส่งมาเอง
• เหตุการณ์ในการจับเป็นเชลย
• ความเสียหาย วิบัติที่จะเกิดขึ้น