ดาเนียล 3-4 คำตอบสุดท้าย

ดาเนียล 3:16-19

ในเมื่อพระราชาให้โอกาสอีกครั้ง ที่จะทำตามพระบัญชา
คนที่อยู่ต่อหน้าพระราชาที่กำลังกริ้ว ก็น่าจะฉวยโอกาสนั้น

แต่ลองมาดูซิครับ ว่า เพื่อนทั้งสามของดาเนียลกล่าวว่าอย่างไร

“โอ พระราชาเนบูคัดเนสซาร์
ข้าพระบาทไม่จำเป็นต้องทูลตอบแก้ตัวต่อพระองค์ในเรื่องนี้เลยพะยะค่ะ
เพราะองค์พระเจ้าผู้ที่เรารับใช้อยู่นั้น ทรงสามารถช่วยให้เราพ้นจากไฟที่ลุกโชนได้
พระองค์จะทรงช่วยเราให้พ้นจากการลงโทษนี้
โอพระราชา  แต่หากพระเจ้าของข้าพระบาทไม่ทรงช่วย
ก็ขอพระราชาทรงทราบว่า
เราจะไม่รับใช้พระของพระองค์ จะไม่นมัสการรูปทองคำที่พระองค์ทรงตั้งขึ้นมา”

เป็นอย่างไรล่ะ  คำตอบนี้ชัดเจน ไม่ต้องอธิบายอะไรอีกเลย!
คำบัญชาของพระราชาไม่มีความหมายสำหรับพวกเขา

burning

ความกริ้วของพระราชาเนบูคัดเนสซาร์ระเบิดตูม….
พระพักตร์ของพระองค์เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
โอกาสที่ทรงให้ กลับกลายเป็นโอกาสที่ทำให้คนทั้งหลายได้เห็นว่า
คนทั้งสามไม่ได้เชื่อฟังพระองค์
“เพิ่มความร้อนขึ้นอีกเจ็ดเท่า!   เดี๋ยวนี้!”

 

(Daniel 3:16-19 ESV)

ดาเนียล 3-3 ให้โอกาส

ดาเนียล 3: 13-15

ราชาเนบูคัดเนสซาร์ทรงโกรธมาก…
แน่นอน เป็นพระราชา  และทรงสั่งการออกมาอย่างชัดเจน
แต่เหตุใดมีคนขัดขืนคำสั่ง
เป็นการท้าทายอำนาจของพระองค์เป็นอย่างมาก

1-neb-angry-put-in-furnace1

พระองค์ทรงสั่งให้นำชัครัค เมชาค อาเบดเนโกเข้ามาเฝ้าทันที
เขาจึงนำทั้งสามมาเข้าเฝ้า
พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า
“ชัครัค เมชาค อาเบดเนโก  จริงหรือที่เจ้าไม่ได้ปรนนิบัติ
ไม่ได้นมัสการเทวรูปที่เราจัดตั้งขึ้น ?
เอาล่ะ ตอนนี้ ถ้าเจ้าได้ยินเสียงดนตรีขึ้นเมื่อไร ก็จงกราบลงนมัสการเทวรูปที่เราสร้าง
ทำให้ตามนั้นล่ะ
แต่หากเจ้าไม่นมัสการ เจ้าก็จะถูกทิ้งลงไปในเตาไฟใหญ่ตรงนั้น
แล้วพระเจ้าองค์ไหน จะมานำให้เจ้าพ้นมือเราไปได้ ?”

ทีนี้ ทั้งสามคนจะทำอย่างไร?
ถ้าเป็นเราจะทำอย่างไร  ตอนนี้อยู่ต่อหน้าพระราชา และต่อหน้าคนทั้งหลาย
ไม่ได้อยู่ท่ามกลางผู้คนเหมือนเมื่อสักครู่นี้…

พระราชาอุตส่าห์ให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง
พระองค์จะจับเขาทั้งสามโยนลงไปก็ได้  แต่พระองค์อยากชนะเขา
อยากจะให้ทุกคนได้เห็นอำนาจยิ่งใหญ่ของพระองค์ ….

 

 

 

 

 

ดาเนียล 3-2 คำสั่งจากเสียงเพลง

ดาเนียล 3:7-12

ดังนั้น เมื่อประชาชนทั้งหลายที่อยู่ในนั้น ได้ยินเสียงดนตรีดังขึ้น
เป็นเสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว
ทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษา ต่างก็พากันก้มกราบเทวรูปที่ราชาเนบูคัดเนสซาร์ตั้งขึ้นมา

ในเวลานั้นเอง มีชาวเคลเดียบางคนเดินออกมา
และต่อว่าชาวยิวอย่างโหดร้าย
เขาทูลกษัตริย์ด้วยเสียงอันดัง  เพื่อให้ทุกคนในที่นั้นได้ยิน
“ขอพระราชาจงทรงพระเจริญ
พระองค์เจ้าข้า  พระองค์ทรงออกกฎมาว่า
เมื่อใดที่ได้ยินเสียงดนตรี ทุกคนจะต้องก้มลงกราบนมัสการเทวรูปทองคำ
และหากใครไม่ก้มลงกราบนมัสการแล้วล่ะก็
จะต้องถูกจับโยนลงไปในเตาไฟ

Statue

โอ..พระราชา  มีชาวยิวที่พระองค์ทรงแต่งตั้งให้ดูแลมณฑลบาบโลนสามคน
ที่ไม่ยอมทำตามคำบัญชาของพระองค์
คือ ชัครัค เมชาค และอาเบดเนโค

คนทั้งสามไม่ยอมฟังคำบัญชาของพระองค์
พวกเขาไม่ยอมรับใช้เหล่าพระ
และไม่ยอมที่จะนมัสการเทวรูปทองคำของพระองค์ พะยะค่ะ”

ดาเนียล 3-1 เทวรูปทองคำ

goldstatue
ดาเนียล 3:1-6

ต่อมาไม่นาน  ราชาเนบูคัดเนสซาร์ก็ได้สร้างเทวรูปทองคำขึ้นมา
สูง 60 ศอก กว้างประมาณ 6 ศอก
แล้วนำเทวรูปนี้ไปตั้งไว้ที่ราบแห่งดูรา มลฑลบาบิโลน
แล้วจากนั้น ก็ทรงเรียกให้เหล่าเสนาบดี ข้าหลวง  ผู้ว่า ที่ปรึกษา
ขุนคลังและเหล่าผู้พิพากษา ตุลาการ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ของมณฑลต่าง ๆ
เข้ามาร่วมกันในงานสถาปนาเทวรูปนั้น
ดังนั้น เหล่าข้าราชการทั้งหลายจึงเข้ามาร่วมงานสถาปนาเทวรูป
ซึ่งราชาเนบูคัดเนสซาร์ได้ตั้งขึ้นมา
พวกเขายืนอยู่ต่อหน้าเทวรูปนั้น

 

และผู้ประกาศของพระราชาก็ประกาศก้องว่า
“ประชาชนทั้งหลาย ทุกชาติ ทุกภาษา
ท่านทั้งหลายได้รับคำสั่งดังนี้
เมื่อใดที่ท่านทั้งหลายได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์
เสียงขลุ่ย   พิณเขาคู่ พิณใหญ่  ปี่ และเสียงดนตรีทุกชนิด
พวกท่านจะต้องก้มลงกราบนมัสการเทวรูปทองคำ
ที่พระราชาเนบูคัดเนสซาร์ได้จัดทำขึ้นมา
ใครก็ตามที่ไม่ก้มกราบนมัสการเทวรูปนี้
จะถูกโยนลงไปในเตาไฟร้อนแรงทันที

 

เพื่อน ๆ ครับ เทวรูปนี้ สูงประมาณ 10 ชั้น 
แถมเป็นทองทั้งตัว แต่เทวรูปในฝันมีหัวเท่านั้นที่เป็นทอง
เนบูคัดเนสซาร์กำลังคิดอะไรอยู่นะ?
อย่างหนึ่งที่รู้แน่ ๆ ก็คือ ใครขัดขืน ก็ต้องถูกเผาตายทั้งเป็น 
ใครขัดขืนคำสั่ง เท่ากับขัดขืนอาณาจักรบาบิโลนตรง

ดาเนียล 2-12 หัวหน้านักปราชญ์คนใหม่

ดาเนียล 2:36-40

แล้วราชาเนบูคัดเนสซาร์ก็ก้มลงถึงดิน  กราบดาเนียล
และสั่งให้นำของมาให้เขา และจุดเครื่องหอมเป็นการถวายแก่เขา
พระราชาตรัสแก่ดาเนียลว่า
“แน่ทีเดียว พระเจ้าของท่านเป็นพระแห่งพระทั้งหลาย
ทรงเป็นเจ้าแห่งกษัตริย์ทั้งหลาย
พระองค์ทรงเป็นผู้เผยความล้ำลึกทั้งปวง
เพราะท่านดาเนียลสามารถเปิดเผยความล้ำลึกเหล่านี้ได้”

176-1

แล้วพระราชาก็แต่งตั้งให้ดาเนียลดำรงตำแหน่งที่สูง ประทานรางวัลมากมาย
แต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ปกครองมณฑลบาบิโลน
และเป็นหัวหน้าของปราชญ์ทั้งหลายแห่งบาบิโลนด้วย
ดาเนียลได้ทูลขอให้ชัครัค เมชาค และอาเบดเนโก เป็นผู้บริหารมณฑลบาบิโลนด้วย
แต่ตัวดาเนียลนั้น ได้รับราชการอยู่ในราชสำนัก

ที่ราชาเนบูคัดเนสซาร์ได้แต่งตั้งให้ดาเนียลดำรงตำแหน่งสูงสุดนั้น
เป็นเพราะพระองค์ทราบดีว่า พระเจ้าของดาเนียลนั้นสุดยอดจริงๆ
พระราชาทรงปรีชาสามารถที่ทำเช่นนั้น
เพราะว่า ดาเนียลเองได้กั้นไม่ให้พระองค์ต้องประหารข้าราชการมากมาย
และดาเนียลกับเพื่อน ๆ ก็ได้มีโอกาสทำสิ่งดีที่สุดให้กับบาบิโลนด้วย  

ดาเนียล 2-11 รายละเอียดความฝัน

ดาเนียล 2:36-43

“ความฝันเป็นอย่างนี้  บัดนี้ ข้าพระบาทจะทูลถึงความหมายของความฝัน

โอพระราชา  ทรงเป็นมหาราชาแห่งราชาทั้งหลาย
พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ประทานอาณาจักร อำนาจ พลัง และสง่าราศีแก่พระองค์

พระองค์ได้ทรงมอบมนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ป่าในทุ่ง
และนกในอากาศ ทำให้พระองค์ทรงปกครองเหล่านั้นทั้งหมด
พระองค์คือศีรษะที่ทำด้วยทองคำ

ต่อมา จะมีอาณาจักรหนึ่งที่ด้อยกว่าเกิดขึ้นหลังจากพระองค์
และก็มีอาณาจักรที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์
ซึ่งจะปกครองทั่วโลก
และอาณาจักรที่สี่นั้นแข็งแกร่งดังเหล็ก
เพราะว่า เหล็กสามารถทำให้ทุกสิ่งแตกหักเป็นชิ้น ๆ ได้
และอาณาจักรนั้นจะบดขยี้อาณาจักรอื่น ๆ ให้พังทลายไป
tao

และที่พระองค์ทรงเห็นเท้าและนิ้วเท้านั้นเป็นดินเหนียวปนเหล็ก
มันคืออาณาจักรที่แยกออกจากกัน
ในนั้นบางส่วนก็แข็งแกร่งเหมือนเหล็ก
เหมือนกับที่พระองค์ทรงเห็นเหล็กผสมกับดินอ่อน
จากการที่นิ้วนั้น เป็นส่วนผสมของเหล็กและดิน
ก็เปรียบได้กับอาณาจักรที่บางส่วนเข้มแข็ง บางส่วนเปราะบาง
อย่างที่พระองค์ทรงเห็นเหล็กผสมดินอ่อน
พวกเขาก็จะผสมกันด้วยการแต่งงาน
แต่พวกเขาไม่อาจจะประสานกันเป็นหนึ่งเดียวได้
เหมือนกับที่เหล็กไม่สามารถผสมเป็นเนื้อเดียวกับดินได้

 

 

 

ดาเนียล 2-10 ฝันของพระราชา

ดาเนียล 2:31-35

“ข้าแต่พระราชา  สิ่งที่ทรงเห็นคือ รูปปั้นขนาดใหญ่มาก
รูปปั้นนี้มีฤทธิ์ และสุกใส
เป็นรูปที่ยืนอยู่ต่อพระพักตร์ของพระองค์
รูปร่างน่ากลัวยิ่งนัก

prophecy_statue

ส่วนหัวของรูปปั้น เป็นทองชั้นดี
อกและแขนเป็นเงิน
ส่วนเอวและโคนขาเป็นทองสัมฤทธิ์
ขาเป็นเหล็ก
ส่วนเท้านั้นเป็นเหล็กปนดิน

ขณะที่พระองค์ทรงมองรูปปั้นนั้น
ก็มีหินใหญ่ก้อนหนึ่ง ที่มิได้สกัดออกมาด้วยมือมนุษย์
กลิ้งมาชนขาเหล็กปนดินของรูปปั้นนั้น ทำให้รูปปั้นแตกออกเป็นชิ้นๆ
ทั้งเหล็ก ดิน ทองสัมฤทธิ์ เงินและทอง ต่างก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
กลายเป็นเหมือนแกลบจากลานนวดข้าวฤดูร้อน
และลมก็พัดมันกระจัดกระจายออกไป
จนหาร่องรอยของมันไม่พบ
แต่หินก้อนที่มาชนรูปปั้นนั้น กลับกลายเป็นภูเขาใหญ่จนเต็มแผ่นดินโลก

 

ดาเนียล 2-9 พระเจ้าผู้ทรงเปิดเผย

ดาเนียล 2:27-30

สิ่งที่ดาเนียลทูลต่อพระราชาเป็นอย่างแรกก็คือ
“ไม่มีนักปราชญ์ หมอดู โหร หรือนักดูดวงดาว สามารถ
บอกสิ่งลี้ลับที่พระราชาทรงถาม ได้เลย
แต่มีองค์พระเจ้าในสวรรค์ผู้ทรงเผยสิ่งลี้ลับ
พระองค์จะทรงแจ้งให้พระราชาเนบูคัดเนสซาร์ทรงทราบว่า
ในยุคสุดท้ายของโลกนี้จะเกิดอะไรขึ้น
ความฝันและศุภนิมิตในความคิดของพระองค์
นั้นเป็นอย่างนี้พะยะค่ะ

ข้าแต่พระราชา  ขณะที่พระองค์ทรงนอนอยู่นั้น
ก็มีความคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้น
พระองค์ผู้ทรงเผยความลี้ลับ ก็ทรงทำให้พระองค์ได้รับทราบถึงอนาคต

Daniel Interprets the Kings Dream

สำหรับข้าพระบาท
พระเจ้าได้ทรงสำแดงความลี้ลับนี้แก่ข้าพระบาท

ไม่ใช่เพราะข้าพระบาทเป็นคนฉลาดกว่าคนอื่น ๆ
แต่พระองค์ทรงสำแดงเพื่อข้าพระบาทจะได้ทูลถวายความหมายให้แก่พระองค์
เพื่อว่าพระองค์จะทรงระลึก รับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในความคิดของพระองค์

ดาเนียล ไม่ได้เอาความดีความชอบเข้าตัวเลย
เขาพูดแต่ความจริง และมีใจถ่อมเป็นอย่างยิ่ง
เขาแจ้งให้พระราชาทราบชัดเจนว่า 

ผู้ที่ทำให้เขารู้ความฝัน และคำแปล คือพระเจ้า 
และพระเจ้าองค์นี้ ทรงประสงค์จะสำแดงให้พระราชาทราบอนาคต 
พระเจ้าองค์นี้ไม่ประสงค์จะให้โหร ผู้ทำนายคนใดมาแตะต้องข่าวสารอันสำคัญนี้  
นอกจากคนของพระองค์ 

 

ดาเนียล 2-8 เข้าเฝ้า…

ดาเนียล 2:24-26

วันต่อมา ดาเนียลเข้าไปหาอาริโอค ผู้ที่ได้รับคำสั่งให้ประหารนักปราชญ์แห่งบาบิโลน
เมื่อพบกันต่อหน้า ดาเนียลกล่าวว่า
“ขอท่านอย่าประหารชีวิตนักปราชญ์ทั้งหลายขอรับ
ให้ท่านนำข้าพเจ้าเข้าเฝ้าพระราชาวันนี้
และข้าพเจ้าจะถวายคำแปลความฝันให้แก่พระราชา”
“จริงรึ … เจ้าแก้ความฝันให้พระราชาได้
แสดงว่า เจ้าก็รู้ซิว่า พระองค์ฝันอะไร”
“ขอรับ พระเจ้าทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าทราบ”

2282197

อาริโอคดีใจมากที่เขาไม่ต้องลงมือประหารปราชญ์เหล่านั้น
หลายคนก็เป็นเพื่อนรักของเขาอยู่แล้ว
เขาโล่งใจจริง ๆ  รีบนำตัวดาเนียลเข้าเฝ้าพระราชา
“ข้าแต่พระราชา ข้าพระบาทพบหนึ่งในเชลยที่พระองค์ทรงกวาดมาจากเยรูซาเล็ม
เขาสามารถแปลความหมายของพระสุบินได้พะยะค่ะ”
อาริโอคกล่าวอย่างมั่นใจ

พระราชาเนบูคัดเนสซาร์ทรงมองดานิเอลซึ่งชาวบาบิโลน
เรียกชื่อว่า เบลชัสซาร์ …
“เจ้าบอกเราได้หรือว่า เราฝันอะไร
และเจ้าแปลความหมายของฝันได้ด้วยรึ?”

ดานิเอลน่าจะตอบว่า ได้พะยะค่ะ   แล้วก็รีบบอก
รีบแปลความหมายของฝัน
แต่เขากลับไม่พูดอย่างนั้น
เขาพูดอะไร…..

 

ดาเนียล 2-7 คำสรรเสริญ …

ดาเนียล 2:22-23

ดาเนียลรู้ในใจของเขาว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ที่สุด
ทรงเป็นผู้กำหนดเวลาฤดูกาล
ทรงเป็นผู้ตั้งและถอนผู้ปกครองประเทศ  เมือง หมู่บ้าน
พระองค์ทรงเป็นผู้ให้ปัญญา
จึงทำให้คนหลายคนมีปัญญา มีความฉลาดเฉลียว

เราคิดอย่างดาเนียลหรือเปล่าครับ
เขายังกล่าวสรรเสริญพระเจ้าต่อไปว่า
“พระองค์ทรงเปิดเผยสิ่งลึกลับที่ซ่อนอยู่
พระองค์ทรงรู้ว่า มีอะไรอยู่ในความมืดมิด
และแสงสว่างก็ดำรงอยู่ในพระองค์

Whirlpool_by_Tr1umph

ข้าพระองค์ถวายคำขอบคุณ และคำสรรเสริญ
แด่พระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพระองค์
เพราะว่า พระองค์ได้ประทานสติปัญญาและกำลังให้แก่ข้าพระองค์
และทรงทำให้ข้าพระองค์ได้รู้ถึงสิ่งที่ทูลถามต่อพระองค์
เพราะพระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์รู้เรื่องขององค์พระราชา ”

ครับ แทนที่ดาเนียลจะรีบไปหาพระราชาทันที
เขากลับหันมาหาพระเจ้า

และกราบนมัสการขอบคุณพระองค์ ​

เพื่อน ๆ ครับ พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของคนที่รักพระองค์
และทรงฟังคำทูลขอของเขาเสมอครับ…

ขอบคุณพระเจ้า

 

 

ดาเนียล 2-6 คำสรรเสริญ

ดาเนียล 2:20-21

เมื่อดาเนียลกับเพื่อน ๆ อธิษฐาน  พระเจ้าก็ทรงตอบเขาทันควัน

คืนนั้นเอง ดาเนียลได้เห็นนิมิต
เขาเห็นว่า พระราชาทรงฝันอะไรบ้าง
เพื่อน ๆ ครับ มันคล้ายกับการเห็นในฝัน แต่ไม่ใช่ฝัน
เหมือนกับเห็นเป็นภาพยนต์มากกว่า แต่ก็ไม่มีจอ เรียกว่า เห็นนิมิต
ยิ่งกว่านั้น พระเจ้ายังทรงให้ดาเนียลได้รู้ว่า
ความฝันนั้น มีความหมายอย่างไรบ้าง

the-statue

เขาดีใจมาก  และสิ่งแรกที่เขาทำเมื่อได้รับคำตอบก็คือ
เขามาหาพระเจ้าอีกครั้ง    ทูลต่อพระองค์ว่า
“สาธุการแด่พระนามของพระเจ้าเป็นนิตย์
ปัญญา และฤทธานุภาพเป็นของพระองค์
พระองค์ทรงเปลี่ยนเวลา และฤดูกาล
ทรงเป็นผู้ถอดถอน และแต่งตั้งกษัตริย์
ทรงให้ปัญญาแก่คนฉลาด
ทรงให้ความรู้แก่ผู้ที่มีความเข้าใจดี

ดาเนียล 2-5 พระเจ้าของดาเนียล

ดาเนียล 2:17-19

เมื่อได้ทูลขอเวลาจากพระราชาแล้ว
เขาก็รีบกลับมาเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนทั้งสามฟัง

GofHeav

ภาพจาก hdw.eweb4.com

เพื่อนทั้งสามคือ ฮานันยา มิชาเอล และอาซาริยาห์โล่งใจไปขั้นหนึ่ง

พวกเขาชวนกันให้แสวงหาพระเมตตาจากพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์
เพื่อพระองค์จะทรงตอบสิ่งลี้ลับนี้ให้พวกเขา
แล้วเขาทั้งหมดก็จะรอดชีวิต ไม่ต้องถูกสังหารไปพร้อมกับเหล่านักปราชญ์แห่งบาบิโลน

 

เด็กหนุ่มทั้งสี่ มีความเชื่อมั่นในพระเจ้าว่า
พระองค์จะทรงตอบคำอธิษฐานของเขา
ไม่สงสัยสักนิด
พระเจ้าของพวกเขาทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้
ไม่มีพระเจ้าใด นอกเหนือจากพระองค์
พระเจ้าของพวกเขาไม่เหมือนเทพเจ้าของบาบิโลน
ที่เป็นแต่เพียงรูปปั้น ไม่อาจรู้อะไรได้
ไม่อาจตอบอะไรได้…..

เราอยากเป็นอย่างนั้นบ้าง ….
แล้วเมื่อเขาอธิษฐาน
คืนนั้นเอง พระเจ้าได้ทรงบอกเรื่องลี้ลับนั้นให้ดาเนียล
เป็นนิมิตที่เขามองเห็นได้
ดาเนียลกับเพื่อนดีใจมาก
เมื่อเขาได้รับคำตอบจากพระเจ้าแล้ว
เพื่อน ๆ ทายซิครับว่า ดาเนียลทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรก

..รีบไปหาพระราชา?

..นอนหลับอย่างสบายใจ?

.. ฉลองกันกับเพื่อนสำหรับคำตอบนั้น ?

พรุ่งนี้ มาดูซิว่า ดาเนียลทำอะไร

 

ดาเนียล 2-4 ไม่ยอมตาย

ดาเนียล 2:14-16

อาริโอค หัวหน้าองค์รักษ์ได้รับคำสั่งจากพระราชาให้สังหารปราชญ์ทุกคนในบาบิโลน
เมื่อถูกตามที่จะเอาทั้งดาเนียลและเพื่อนๆ ไปสังหาร
มีหรือที่ดาเนียลจะยอมง่ายๆ
“ท่านอาริโอคขอรับ เหตุใดการสั่งประหารจึงด่วนเช่นนี้?”
เขาต้องการรู้เหตุผลว่า เหตุใดพระราชาจึงกริ้วหนักขนาดนี้
เหตุใดถึงกับจะเอาชีวิตทุก ๆ คน
เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากอาริโอคซึ่งเป็นหัวหน้าขององค์รักษ์
ดาเนียลก็ได้ตอบกลับไปด้วยความสุขุม รอบคอบ
เขาตอบอาริโอคด้วยคำที่ทำให้อาริโอคสบายใจขึ้นมาก
daniel2b

“กระผมขอเข้าเฝ้าพระราชาขอรับ
ขอให้พระองค์ประทานเวลาให้พวกกระผม
และเราก็จะทูลรายงานทำนายฝันให้พระองค์ได้”

“โห…นี่ถ้าสำเร็จนะ ข้าเองก็ไม่ต้องประหารเหล่านักปราชญทั้งหลายในเมือง
ข้าโล่งใจมากเลย”

มีหรือ ที่พระราชาจะไม่ให้เขาเข้าเฝ้า
พระองค์ทรงประสงค์คำตอบอยู่แล้ว
ถ้ายังมีอีกสักคนที่จะให้คำตอบได้
พระองค์ก็ทรงยินดีที่จะรอ

แล้วเหตุใด ดาเนียลจึงมั่นใจนักว่า
ตนเองจะมีคำตอบให้พระราชา ?

ดาเนียล 2-3 คำสั่งจากพระราชา !

ดาเนียล 2:9-13

ส่วนข้าราชการชาวเคลเดียก็ทูลตอบพระราชาว่า
“ข้าแต่พระราชา  ไม่มีมนุษย์คนใดในโลกนี้ ที่จะทูลตอบพระองค์​
อย่างที่พระองค์ทรงประสงค์ได้พะยะค่ะ
เพราะไม่เคยมีพระราชายิ่งใหญ่ที่ทรงฤทธานุภาพองค์ใดเคยบัญชา
อย่างที่พระองค์ทรงบัญชาแก่เหล่าผู้ทำเวทมนตร์
พ่อมด และคนเคลเดียมาก่อน

 

สิ่งที่พระราชาทรงเรียกจากเรานั้น ยากยิ่งนัก
ไม่มีใครจะแสดงความฝันของพระองค์เองคืนให้พระองค์ได้
นอกจากเหล่าเทพเจ้าซึ่งไม่ได้มีร่างกายอย่างพวกเรา

เพราะคำตอบของชาวเคลเดีย  ทำให้พระราชาทรงโกรธกริ้วเป็นที่สุด

upset

เพื่อน ๆ คิดว่า พระราชาจะทำอะไร
สั่งไล่คนนั้นออกไป?
สั่งไล่ทุกคนในห้องนั้นออกไปให้หมด?
หรือว่าสั่งเนรเทศคนเหล่านั้น ?
หรือสั่งให้ลงโทษ?
ไม่ใช่เลย… พระองค์ทรงทำสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้น
ทรงสั่งให้ประหารเหล่านักปราชญ์ในบาบิโลนทุกคน
ทุกคนไม่เว้นใครเลย.!!!

ดังนั้น เมื่อคำบัญชานี้ออกมา
คนที่ถูกตามเพื่อนำไปประหารก็คือ ทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรง
และเขายังไปตามตัวดาเนียล และเพื่อน ๆ อีกด้วย

 

ดาเนียล 2-2 อย่าคิดว่าจะหลอกได้

ดาเนียล 2:6-9

แต่พระราชาไม่ใช่แค่คาดโทษ

พระองค์ตรัสต่อไปว่า
“แต่หากพวกเจ้าบอกเราว่า เราฝันอะไร
และแปลความหมายของฝันนั้นให้เรา
เราจะให้รางวัล ของขวัญแก่เจ้าพร้อมกับเกียรติสูงส่ง
ดังนั้น ขอให้เจ้าบอกเรามาว่า
เราฝันอะไร  แปลว่าอะไร เข้าใจไหม?”

tumblr_m77cdpH63r1qezho5o1_1280

พวกโหรตัวสั่นงันงก พวกเขามองหน้ากัน
คิดว่า จะหาหนทางอย่างไรดีที่จะไม่ต้องเจอเคราะห์กรรมที่ไม่คาดคิดจากพระราช

ต้องซื้อเวลา  ถ่วงเวลาเอาไว้ก่อน  พวกเขาทูลว่า

“ขอพระราชาโปรดเล่าให้พวกเราฟังว่า ทรงฝันเรื่องอะไร
พวกเราก็จะทูลแปลความหมายฝันนั้นพะยะค่ะ”

แต่พระราชาไม่หลงกลพวกเขา  ทรงรู้ดีว่า คนเหล่านี้เจ้าเล่ห์ขนาดไหน
จึงทรงยืนกรานคำเดิม

“ข้ารู้ว่า พวกเจ้ากำลังถ่วงเวลา
เพราะเจ้ารู้อยู่ว่า เราพูดจริงทำจริง  คำไหนคำนั้น
ถ้าเจ้าไม่บอกฝันแก่เรา …เจ้าก็จะมีโทษอย่างแน่นอน
พวกเจ้ากำลังพยายามจะหาทางโกหกเรา
และใช้คำคดโกง… หลอกเรา เผื่อว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป

คิดว่าเราไม่รู้หรือว่า เจ้าคิดอะไร
ดังนั้น พวกเจ้าจงบอกความฝันมาให้เราเดี๋ยวนี้ !
เราจึงจะรู้ว่า พวกเจ้าสามารถแปลฝันนั้นให้เราได้
ที่เราพูดเช่นนี้ เจ้าเข้าใจดีว่า เราหมายความอย่างไร …..”

จนตรอก  จนทาง  เหล่าโหรไม่รู้ความฝันของพระราชา
และขืนมั่วบอกความฝันไม่จริงตามที่ทรงฝัน
พระราชาจะต้องรู้แน่นอนว่า พวกเขาไม่มีอำนาจรู้ขนาดนั้น 

วิธีที่ปกติคือ พระราชาจะเล่าความฝัน และพวกเขาแปล…
แต่วันนี้ไม่ปกติเลย  พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะเจอแบบนี้ 

 

 

ดาเนียล 2-1 ฝันที่จำไม่ได้

ดาเนียล 2: 1-5

อยู่มา ในปีที่สองของรัชกาลเนบูคัดเนสซาร์
พระราชาทรงฝัน  และเป็นฝันที่ทำให้เกิดความกังวลอย่างมาก
หลังจากความฝันนั้น พระองค์ทรงนอนไม่หลับเลย
ลองคิดดู  หากพระราชานอนไม่หลับ
ทั้งวังคงอยู่ไม่เป็นสุข ……​

nebuchadnezzar

สำหรับสมัยของราชาเนบูคัดเนสซาร์  ความฝันเป็นเรื่องสำคัญ

เพราะว่า มันคือการบอกล่วงหน้า มันเหมือนข่าวสารอย่างหนึ่ง
ดังนั้น สิ่งที่เนบูคัดเนสซาร์ได้เห็นในความฝัน
จึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย
ที่หนักไปยิ่งกว่านั้น  พระราชาเองทรงเป็นทุกข์มาก

 

สิ่งที่พระราชาทรงทำคือ ทรงเรียกเหล่าผู้ทำเวทมนตร์
วิทยาคม พ่อมด และคนเคลเดียเข้ามาเฝ้า

พวกเขามาเข้าเฝ้าพระราชากันพร้อมหน้าพร้อมตา

“ข้าฝันไป ใจข้าเป็นทุกข์มาก ข้าต้องรู้ให้ได้ว่า ฝันนั้นคืออะไร”

 

ฮ้า พวกเขามาเพื่อจะทูลพระราชาว่า พระองค์ทรงฝันอะไรบ้าง…..

 

พระราชาทรงฝันอะไรบ้าง?  ใครจะรู้ได้?

 

โหรชาวเคลเดียคนหนึ่งทูลว่า
“ขอองค์พระราชาทรงพระเจริญเป็นนิตย์
โปรดบอกเหล่าผู้รับใช้ของพระองค์ว่า
ทรงฝันอะไร  แล้วพวกเราจะแปลความฝันทูลต่อพระองค์”

 

“ข้าพูดแล้ว มันก็ตามนํ้นแหละ
หากพวกเจ้าไม่รู้ว่า เราฝันอะไร
และไม่สามารถแปลฝันนั้น
เจ้าจะถูกฉีกแขนขา
บ้านของพวกเจ้าจะถูกทำลาย …..

 

ยังไม่ทันจะฟังพระราชาตรัสจนจบ
พวกเขาแทบจะเป็นลมไปเดี๋ยวนั้น!

 

ดาเนียล 1-8 เหนือกว่าสิบเท่า!

ดาเนียล 1:18-21

อย่างที่ได้เล่ามาแล้ว  ดาเนียลกับเพื่อนก็ได้เข้ารับราชการ
ในงานที่ใกล้ชิดพระราชากว่าคนอื่น ๆ
แค่นี้ก็ทำให้ใคร ๆ เห็นแล้วว่า พวกเขาทุกคนต้องมีอะไรแตกต่างไปอย่างแน่นอน

พระราชาทรงสังเกตเห็นว่า ไม่ว่าในเรื่องอะไร
ไม่ว่าจะทรงถามอะไรชายหนุ่มทั้งสี่คนนี้
พวกเขา มีความเข้าใจมากกว่าเหล่าโหร
และพวกนักเวทมนตร์ ของพระองค์ถึง สิบเท่า!

47586407!h.480,id.2365,m.fill,w.640

เพื่อน ๆ ครับ สิบเท่านี่ ไม่ใช่น้อยนะครับ

อยากเก่งกว่าคนที่ใคร ๆ นับถือ และเชี่ยวขาญ
เป็นหลาย ๆ เท่าแบบนี้  น่าจะถามตัวเองดูว่า

จากตัวอย่างของดาเนียลนั้น  เราจะทำอะไรได้บ้าง

เพื่อน ๆ ครับ  พระเจ้าทรงให้ดาเนียลและเพื่อน ๆ

ได้อยู่ในตำแหน่งที่เขาจะเป็นพร เป็นประโยชน์แก่ประเทศที่จับพวกเขามา
ได้มีโอกาสที่จะส่งสิ่งดี ๆ ของพระเจ้าให้คนในประเทศนี้
และกับเหล่าเชลยที่ถูกจับมาพร้อม ๆ กัน
ในขณะเดียวกัน ทั้งดาเนียลและเพื่อนของเขาก็ยังมีโอกาส
ที่จะรักและนับถือพระเจ้าของเขา โดยไม่ต้องโอนอ่อนไปกับ
ความเชื่อในเทพเจ้าต่าง ๆ ของบาบิโลน

ยังมีเรื่องราวที่บอกเล่าว่า
พวกเขาจะยอมให้กับความเชื่อของบาบิโลนหรือไม่

 

ยังมีเรื่องราวที่บอกเล่าว่า
พวกเขาจะยอมให้กับความเชื่อของบาบิโลนหรือไม่

 

ปรากฎว่า ดาเนียลได้รับราชการตั้งแต่สมัยของราชาเนบูคัดเนสซาร์
มาจนถึงสมัยของไซรัสมหาราช …..นั่นก็คือประมาณ 539- 535 ปีก่อนคริสตศักราช

เป็นเวลาราว เจ็ดสิบปี ที่ดาเนียลได้รับใช้ในบาบิโลน

กษัตริย์องค์หนึ่งมาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไปหลายองค์
และในที่สุดบาบิโลนก็มาตกอยู่ในอำนาจของกษัตริย์ชาวเปอร์เซีย …

ต่อไป เราจะได้เห็นว่า พระเจ้าทรงใช้ดาเนียลอย่างไรบ้าง

 

 

ดาเนียล 1-6 เคล็ดลับความฉลาด

ดาเนียล 1:17

หลังจากที่ดาเนียลประสบความสำเร็จในการต่อรอง
ขอให้เขาและเพื่อนกินแต่ผักและน้ำแล้วนั้น
ก็มีบันทึกที่น่าสนใจต่อไปว่า
“พระเจ้าทรงโปรดให้ชายหนุ่มทั้งสี่คน
มีความรู้ มีความเข้าใจในวรรณกรรม
และวิชาการทุกอย่างของบาบิโลน

ที่เหนือไปกว่าเพื่อน ๆ ก็คือ
ดาเนียลเข้าใจนิมิตและความฝันทุกอย่าง

tangsee

ดาเนียลมีความคล้ายคลึงกับโมเสส
คือว่า มีการเตรียมตัวในความรู้อย่างดี และยังมีสติปัญญาเฉียบแหลมอีกด้วย
ท่านโมเสสได้เรียนรู้วิชาการต่างๆ ของอียิปต์อย่างไร
ดาเนียลและเพื่อน ๆก็ได้เรียนรู้จากบาบิโลนเช่นกัน

การที่ดาเนียลเข้าใจนิมิตและความฝันนั้น เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
เพราะในสมัยนั้น การเปิดเผยของพระเจ้ามักจะมาในความฝัน ทางนิมิต
พระเจ้าเคยตรัสกับโมเสส อาโรนและมิเรียมว่า
“ถ้าจะมีผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าท่ามกลางเจ้า
เราจะสำแดงตัวแก่ผู้นั้นทางนิมิต
เราจะพูดกับเขาทางความฝัน” *

ดาเนียลยังเหมือนโยเซฟในเรื่องนี้ด้วยนะครับ
ท่านโยเซฟก็สามารถทำนายฝันได้อย่างถูกต้องเช่นกัน

การที่ดาเนียลได้รับพระพรจากพระเจ้าเกินคนอื่น
เกิดจากการยอมตนต่อพระเจ้า เชื่อฟังพระองค์สุดหัวใจของเขา
อยากให้เพื่อน ๆ ลองอ่านสิ่งที่ท่านโยบกล่าวไว้ว่า
“ดูเถิด  ความยำเกรงพระเจ้านั้นคือสติปัญญา
การหันจากความชั่วร้ายคือความเข้าใจ”**

 *กันดารวิถี 12:6
**โยบ 28:28

 

ดาเนียล 1-5 สำเร็จดังตั้งใจ!

ดาเนียล 1:11-176

ดาเนียลจึงเข้าไปหาผู้ดูแลเรื่องอาหารใต้บังคับบัญชาของกรมวังอัชเปนัส
ชายผู้นี้ รับผิดชอบดูแลอาหารการกินของดาเนียลและเพื่อนทั้งสาม
“ท่านหัวหน้าขอรับ โปรดลองให้พวกเรากินแต่ผักและดื่มน้ำสักสิบวันนะขอรับ
แล้วขอท่านเปรียบเทียบดูว่า พวกเรากับเพื่อน ๆ ที่กินจากเครื่องเสวยของพระราชา
มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
เมื่อท่านเห็นความแตกตางนั้นแล้ว
ก็ขอให้ท่านได้ทำต่อพวกเราตามที่ท่านเห็นสมควรขอรับ”

“อืม.. ไม่เลว ”
ผู้ดูแลเห็นด้วยที่จะมีการพิสูจน์ว่า อะไรดีกว่ากัน
อาหารแบบใดจะทำให้เด็กหนุ่มเหล่านี้ดีขึ้น

เราไม่ทราบว่า เครื่องแสวยเหล่านี้ ถูกถวายให้กับเทพเจ้าของบาบิโลน
ก่อนที่จะส่งมาให้เหล่าชายหนุ่มเหล่านี้หรือเปล่า เป็นไปได้ที่จะเป็นอย่างนั้น
แต่ดาเนียลก็ไม่ได้พูดเหตุผล หรือแจกแจงให้ผู้ดูแลฟัง
110_05_0233_BiblePaintings
ภาพเอื้อเฟื้อจาก http://www.visualbiblealive.com/image_download.php?image_id=79420&type=mm
ดังนั้น ทุกวัน พวกเขาได้กินผัก และ ดื่มน้ำ มีผักต้ม ผักนึ่ง
และยังมีผลไม้ด้วย

สิบวันผ่านไป ผู้ดูแลเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
“พวกเจ้าดูแข็งแรง หน้าตาสดชื่น ถ้าอย่างนั้น
เราจะให้เจ้ากินอาหารเมนูนี้แล้วกัน ”

ยิ่งพวกนี้หน้าตาดี สดชื่นมากเท่าไร ผู้ดูแลก็จะพลอยได้รับการชมเชยไปด้วย
เป็นอันว่า การต่อรองของดาเนียลและเพื่อนทั้งสี่ จึงประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง

แต่ยังมีของดียิ่งกว่านั้น ….ต้องติดตามพรุ่งนี้ครับ

ดาเนียล 1-4 อาหารจากโต๊ะเสวย

ดาเนียล 1:8-10

อย่างที่บอกแล้วว่า ราชาเนบูคัดเนสซาร์ ได้ให้ชายหนุ่มที่จะเข้ารับราชการ
ได้รับประทานอาหารจากโต๊ะเสวยทุกวัน
แถมยังมีเหล้าองุ่นให้ด้วย

เป็นการปรนเปรอที่คนรับคาดไม่ถึงว่า จะส่งผลอะไรให้บ้าง
แน่นอน นานๆ เข้า พวกเขาไม่ต้องนึกถึงพระเจ้าแล้วว่า พระองค์เป็นผู้ประทานอาหาร น้ำ
นานๆ เข้า พวกเขาหลายคนจะกลายเป็นคิดว่า อาหารมาจากพระราชาต่างหาก
และหลายคนก็จะติดใจ หลงโต๊ะอาหารแสนวิเศษเหล่านี้

Daniel-Ch.-1-Video-Commentary

แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะอยากกินอาหารจากโต๊ะเสวย
ดาเนียลกับเพื่อนของเขา ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมให้ตัวเองเป็นมลทิน
เพราะอาหารเสวยและเหล้าองุ่นเหล่านั้น

จะทำอย่างไรดี? …​ต้องคุย …​ต้องเจรจา….

เขาจึงเข้ามาคุยกับท่านอัชเปนัช หัวหน้ากรมวัง
“ท่านขอรับ  พวกเราจะขอว่า เราไม่รับประทานอาหารของพระราชา
เพราะอาหารเหล่านั้น เป็นอาหารต้องห้ามสำหรับพวกเราขอรับ
เราไม่ควรดื่มเหล้าองุ่นมาก ๆ แบบนั้น ทุกวัน
เนื้อสัตว์บางอย่างเราไม่กินอยู่แล้วขอรับ”
“อืม… ข้าเข้าใจนะ และข้าก็เห็นใจเจ้า  แต่ว่า หากเจ้าซูบผอมกว่าคนอื่น
และพระราชาเห็นเข้า  ข้าคงหัวขาดแน่นอน”

ดาเนียลเห็นแล้วว่า หัวหน้ากรมวังนั้น มีใจเอนเอียงอยากช่วยเขา
แต่เขาก็กลัวพระราชาลงโทษถ้าดาเนียลและเพื่อน ๆ ดูไม่ดี
เขาจึงคิดว่า จะต้องให้ท่านอัชเปนัสได้เห็นข้อพิสูจน์….

มันคืออะไรหรือ?…..