เอเสเคียล 21-3 ดาบที่กำลังมา

เอเสเคียล 21:14-20

สำหรับเจ้า ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  จงกล่าวคำพยากรณ์
ตบมือของเจ้า และปล่อยให้ดาบหล่นลงมาสองครั้ง
สามครั้งซิ ..
คือดาบสำหรับคนที่จะถูกสังหาร
มันเป็นดาบที่จะสังหารครั้งมโหฬาร เป็นการล้อมพวกเขาไว้่
(แน่นอน ย่อมหนีไม่พ้น)

ใจของพวกเขาจะลานจนละลายไป และหลายคนจะสะดุด
ทุกประตูเข้าออกจะมีดาบประกายวับวามรออยู่
อา.. มันเหมือนฟ้าแลบแปลบปลาบ
มันเตรียมไว้เพื่อการสังหาร

จะพลิกดาบไปทางไหน จะฟันทางขวาหรือทางซ้าย
ไม่ว่าจะเป็นทางไหนที่เจ้าต้องการเลือดและที่คมดาบนำเจ้าไป

เราจะตบมือของเราด้วย  เราจะระบายความโกรธของเราจนหมด
เรา..องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้กล่าว

signpost

แล้วพระดำรัสของพระเจ้าก็มาถึงข้าอีก
“สำหรับเจ้าแล้ว  ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย
จงทำเครื่องหมายไว้สองทาง สำหรับดาบของกษัตริย์แห่งบาบิโลนที่กำลังมาถึง
ทางทั้งสองนั้น มาจากแผ่นดินเดียวกัน
จงสร้างป้ายชีัทาง ปักมันไว้ที่หัวถนนตามทางที่จะเข้าไปในเมือง
ทำเครื่องหมายนำดาบไปยังรับบาห์แห่งคนอัมโมน
และยูดาห์ เข้าไปยังเยรูซาเล็มที่มีกำแพงเข้มแข็ง

 

เอเสเคียล 21-2 ผลแห่งการดูหมิ่น…

เอเสเคียล 21:8-13

และพระดำรัสของพระเจ้ามายังข้า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย
จงกล่าวคำของเราและกล่าวว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
“ดาบเล่มหนึ่ง  ดาบเล่มหนึ่งถูกลับให้คมและยังขัดให้มันวาวด้วย
มันถูกลับเพื่อจะสังหาร
มันถูกขัดให้ส่งแสงปลาบแปลบดั่งฟ้าแลบ

หรือเราจะยินดี..?
เจ้าได้ดูหมิ่นคทาของเรา ลูกชายของเราเอ๋ย
ดูหมิ่นด้วยสิ่งที่ทำจากไม้ทั้งนิ้น
ดังนั้น ดาบจึงถูกส่งไปขัดเงา
เพื่อว่าคนถือดาบจะได้จับให้แน่น

มันถูกลับและขัดให้มันเพื่อส่งให้ผู้สังหาร
จงร้อง ส่งเสียงคร่ำครวญ ลูกชายของมนุษย์
เพราะดาบนั้นเป็นการต่อสู้กับประชากรของเรา
ต่อสู้กับเจ้านายทั้งหลายแห่งอิสราเอล
พวกเขาถูกมอบให้กับดาบพร้อมกับประชากรของเรา

ภาพจาก http://www.bronze-age-swords.com/in_my_workshop.htm
ภาพจาก http://www.bronze-age-swords.com/in_my_workshop.htm

 

ดังนั้นจงตีโคนขาของเจ้าเถิด
เพราะว่าดาบได้รับการทดสอบแล้ว
และจะเป็นอย่างไร หากว่า การปฏิเสธและการดูหมิ่นคทาแห่งยูดาห์จะไม่เกิดขึ้นอีก
แต่จะถูกทำลายไปสิ้น?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

 

เอเสเคียล 21-1 ดาบอันคมกริบ!

เอเสเคียล 21:1-7

พระวจนะของพระเจ้ามาถึงข้าดังนี้
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย จงตั้งหน้าของเจ้าสู้กับนครเยรูซาเล็ม
และกล่าวคำต่อต้านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
จงกล่าวคำต่อต้านแผ่นดินอิสราเอล
และกล่าวแก่แผ่นดินอิสราเอลว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ..

ดูเถิด เราเป็นศัตรูของเจ้า และเราจะชักดาบของเราออกจากฝัก
และจะฟันทั้งคนชอบธรรมและคนชั่วร้ายออกจากพวกเจ้า
เพราะเราจะฟันทั้งคนชอบธรรมและคนชั่วร้ายออกจากพวกเจ้า
ดังนั้น ดาบของเราจึงจะถูกชักออกจากฝัก
เพื่อต่อสู้มนุษย์ทุกคนจากทางใต้ไปเหนือ

และมนุษย์ทุกคนจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เราได้ชักดาบของเราออกจากฝัก และจะไม่ได้เก็บเข้าฝักอีกต่อไป

ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  เพราะฉะนั้น เจ้าจะส่งเสียงครวญคราง
ด้วยหัวใจที่แตกสลาย  ด้วยความเจ็บปวดที่ขมขื่นต่อหน้าต่อตาเขาทั้งหลาย
และเมื่อเขาทั้งหลายถามเจ้าว่า
..ทำไมท่านจึงครวญคราง?..

Fainting
เจ้าจะตอบว่า
..ก็เป็นเพราะข่าวที่กำลังมา  ทุกหัวใจจะละลายไป
แขนจะอ่อนแรงกันไปหมด
ทุกหัวใจจะสลบไสล
ทุกหัวเข่าจะหมดเรี่ยวแรงไปดั่งน้ำ
ดูเถิด.. มันมาถึงแล้ว ทุกสิ่งที่เรากล่าวจะสำเร็จทั้งสิ้น”

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

เอเสเคียล 20-6 บนเขาสูง…

เอเสเคียล 20:40-48

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศว่า
เพราะบนภูเขาบริสุทธิ์ของเรา  ภูเขาสูงแห่งอิสราเอล
ที่นั่น วงศ์วานอิสราเอลทั้งหมด จะปรนนิบัติเราในแผ่นดิน
ที่นั่น เราจะรับเขา  และ
ที่นั่น เราจะเรียกเอาของถวายจากเจ้า
และของที่เจ้าคัดเลือกว่า ดีที่สุด รวมถึงเครื่องถวายอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น

Sinai Desert, via Creative Commons
Sinai Desert, via Creative Commons

เราจะรับเจ้ารับเจ้าเป็นดังกลิ่นอันหอมหวาน
เมื่อเรานำเจ้าออกมาจากประชาชาติต่าง ๆ
และรวบรวมเจ้าออกมาจากประเทศที่เจ้ากระจัดกระจายไปนั้น
และเราจะแสดงความบริสุทธิ์ของเราต่อหน้าประชาชาติทั้งหลาย
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อเรานำเจ้าเข้ามาในดินแดงอิสราเอล
แผ่นดินที่เราสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า
และที่นั่นเจ้าจะระลึกถึงหนทางที่เจ้าเดิน
และการกระทำที่เจ้าทำให้ตัวเองเป็นมลทิน
และเจ้าจะเกลียดตัวเองเพราะความชั่วทั้งหลายที่เจ้าได้ทำลงไป
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เมื่อเราจัดการกับเจ้าเพื่อเห็นแก่นามของเรา
ไม่ได้จัดการกับเจ้าตามความบาปผิดหรือการกระทำคดโกงของเจ้า
โอ… เจ้าวงศ์วานอิสราเอล..
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

และพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าว่า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย จงตั้งหน้าของเจ้าไปยังดินแดนทางใต้
ให้เทศนาต่อต้านทางใต้ และพยากรณ์ต่อผืนป่าในเนเกบ
จงกล่าวแก่ป่าไม้แห่งเนเกบดังนี้…
จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า  … องค์พระเจ้าตรัส
ดูเถิด เราจะจุดไฟขึ้นท่ามกลางเจ้า และไฟจะเผาต้นไม้เขียว
ต้นไม้แห้งทุกต้นในป่า
จะไม่อาจดับเปลวไฟที่โชติช่วงนั้นได้
และทุกใบหน้าตั้งแต่ทิศใต้จนถึงทิศเหนือจะถูกไฟลวก
และทุกคนจะได้เห็นว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจุดไฟซึ่งไม่มีใครดับได้”
และข้ากล่าวว่า
“โอ..องค์พระผู้เป็นเจ้า   พวกเขากล่าวถึงข้าว่า
เขาไม่ใช่เป็นคนปั้นแต่งคำอุปมาขึ้นมาหรือ?”

 

เอเสเคียล 20-5 พระเจ้าทรงรื้อฟื้น

เอเสเคียล 20:33-49

ตราบเท่าเรามีชีวิต  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
แน่นอนว่าเราจะเป็นกษัตริย์เหนือเจ้า
ด้วยมือที่ทรงฤทธิ์ และแขนที่เหยียดออก และความโกรธของเราจะระบายออกมา
เราจะนำเจ้าออกจากประชากรทั้งหลาย
และรวบรวมเจ้าจากประเทศที่เจ้ากระจัดกระจายไปอยู่นั้น
ด้วยมือที่เข้มแข็งและแขนที่เหยียดออก และความโกรธที่ระบายออกมา
และเราจะนำเจ้าเข้าไปยังถิ่นกันดารแห่งชนชาติทั้งหลาย
ที่นั่นเราจะพิพากษาเจ้าต่อหน้าต่อตา-Ezekiel-elders

เราจะพิพากษาเจ้า เหมือนอย่างที่เราพิพากษาบรรพบุรุษของเจ้าในถิ่นกันดารแห่งอียิปต์
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

เราจะให้เจ้าผ่านใต้คทา และเราจะนำเจ้าไปสู่สายใยแห่งพันธสัญญา

เราจะกำจัดคนดื้อดึงออกไปจากพวกเจ้า และคนที่ล่วงละเมิดเรา
เราจะนำเขาออกจากดินแดนที่เขาต้องเพนจร
แต่เขาจะไม่เข้ามายังแผ่นดินอิสราเอล
นั่นแหละ เจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

สำหรับเจ้า โอวงศ์วานอิสราเอล
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
ถ้าเจ้าจะไม่ฟังเรา  ก็จงกลับไปปรนนิบัติเทวรูปของพวกเจ้า ทั้งตอนนี้ และต่อไป
แต่นามอันบริสุทธิ์ของเราจะไม่เป็นมลทินด้วยของถวายและเทวรูปของพวกเจ้าอีกต่อไป

 

เอเสเคียล 20-4 อยากเป็นเหมือนคนอื่น?

เอเสเคียล 20:27-32

ดังนั้น ลูกชายของมนุษย์  เจ้าจงกล่าวแก่วงศ์วานอิสราเอลว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
บรรพบุรุษของเจ้าได้ดูหมิ่นเรา ด้วยการทรยศเรา
เพราะเมื่อเราได้นำพวกเขามายังแผ่นดินที่เราสัญญาไว้นั้น
ไม่ว่าพวกเขาเห็นที่สูง หรือต้นไม้ใบดก พวกเขาก็จะถวายเครื่องบูชาที่นั่น
และได้ทำยั่วยุให้เราโกรธด้วยของบูชาเหล่านั้น
พวกเขาเผากลิ่นหอม และเทเครื่องดื่มบูชา
เราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า ที่สูงที่เจ้าจะไปนั้นคืออะไร ?
พวกเขาเรียกมันว่า บามาห์จนทุกวันนี้

ดังนั้น จงกล่าวแก่วงศ์วานอิสราเอล
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
เจ้าจะทำให้ตัวเองเป็นมลทินตามแบบอย่างของบรรพบุรุษของเจ้า
และทำตัวสกปรกโสโครกกับสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างนั้นหรือ?
เมื่อเจ้าได้ถวายของและถวายลูกของเจ้าในกองไฟ
เจ้าได้ทำให้ตัวเองเป็นมลทินด้วยรูปเคารพเหล่านั้นจนทุกวันนี้

child sacrifice

แล้วอย่างนี้ เราจะให้เจ้ามาถามขอคำปรึกษาจากเราหรือ
โอ..วงศ์วานอิสราเอล
เรามีชีวิตอยู่ฉันใด.. เราจะไม่ให้เจ้ามาถามเราฉันนั้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
สิ่งที่อยู่ในใจของเจ้าจะไม่เกิดขึ้น… คือสิ่งที่เจ้าคิดว่า
ให้เราเป็นเหมือนประเทศอื่น ๆ
เป็นเหมือนเผ่าต่าง ๆ  ทั่วไป
และให้เรากราบไหว้ไม้ และหิน

 

เอเสเคียล 20-3 ต้องกระจายไป

เอเสเคียล 20:18-26

และเราได้กล่าวแก่ลูกหลานของเขาในถิ่นกันดาร
อย่าได้เดินตามทางของพ่อเจ้า อย่าได้ไปรักษากฎเกณฑ์ของเขา
อย่าทำให้ตัวเป็นมลทินด้วยรูปเคารพของเขา

เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าของเจ้า
จงระวังที่จะรักษากฎเกณฑ์ของเรา
และรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์
เพื่อว่าจะเป็นสัญญลักษณ์ระหว่างเรากับเจ้า
เพื่อว่าะเจ้าจะได้รู้ว่า เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า

แต่ลูกหลานอิสราเอลได้ดื้อดึงต่อเรา
ไม่เดินในกฎเกณฑ์ของเรา ไม่สนใจระวังที่จะเชื่อฟังกฎของเรา
ซึ่งจริง ๆ แล้ว หากใครทำตามนั้น ก็จะมีชีวิต
พวกเขากลับทำให้วันสะบาโตของเราเป็นมลทิน!

แลัวเรากล่าวว่า  เราจะเทความโกรธของเราลงเหนือเขา
และระบายความโกรธของเราต่อเขาในถิ่นกันดาร
แต่เราก็รั้งมือของเราไว้ และได้ทำเพื่อเห็นแก่นามของเราเอง
เพื่อมิให้นามนั้นเป็นมลทินในสายตาของคนชาติต่าง ๆ
ที่เรานำคนอิสราเอลออกมาจากพวกเขา

krajai

ยิ่งกว่านั้น เราสัญญากับพวกเขาในถิ่นกันดารว่า
เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามชาติต่าง ๆ
และทำให้เขาแยกย้ายกันไปตามที่ต่าง ๆ
เพราะว่าพวกเขาไม่สนใจที่จะเชื่อฟังกฎเกณฑ์ของเรา
แต่ได้ปฏิเสธกฎของเรา และทำให้สะบาโตของเราเป็นมลทิน
สายตาของพวกเขาก็จับจ้องอยู่ที่รูปเคารพของบรรพบุรุษ

ยิ่งกว่านั้น เราจะให้กฎเกณฑ์ที่ไม่ดีแก่พวกเขา
เป็นกฎที่หากทำตามก็จะไม่ได้ชีวิต
เราจะทำให้เขาเป็นมลทินจากลูกหัวปีที่พวกเขาเอาเป็นของบูชารูปเคารพ
ซึ่งเราจะทำลายพวกเขา
เราทำเพื่อพวกเขาจะได้รู้ว่า  เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

เอเสเคียล 20-2 เพื่อเห็นแก่นามของเรา

เอเสเคียล 20:8ข-17

และเรากล่าวว่า เราจะระบายความโกรธของเราเหนือเขา
และจะต่อสู้กับเขาด้วยความโกรธในแผ่นดินอียิปต์จนกว่าโกรธของเราจะมอดลงไป
แต่เราได้กระทำสิ่งที่เห็นแก่นามของเรา
เพื่อว่านามนั้นจะไม่เป็นมลทินในสายตาของเหล่าประชาชาติ  ในแผ่นดินที่คนของเราเข้าไปอยู่
เราจึงทำให้คนต่างชาติเหล่านั้นรู้จักเรา ด้วยการนำคนของเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์

ดังนั้น เรานำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ และนำพวกเขาเข้าไปในถิ่นกันดาร
เราได้ให้กฎเกณฑ์ของเราแก่พวกเขา
ทำให้พวกเขารู้จักข้อบังคับของเรา
ซึ่งใครก็ตามที่ทำตามนั้น ก็จะมีชีวิตอยู่ได้
ยิ่งกว่านั้น  เราได้ให้สะบาโตแห่งพวกเขา
เป็นสัญลักษณ์ระหว่างเรากับเขา
เพื่อเขาจะได้รู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ชำระเขาให้บริสุทธิ์

Gathering Manna Exodus 16:14-31

แต่วงศ์วานอิสราเอลกลับดื้อดึงต่อเราในถิ่นกันดาร
พวกเขาไม่เดินตามกฎเกณฑ์ของเรา แต่ปฏิเสธกฎเหล่านั้น
ซึ่งเราบอกแล้วว่า หากเขาทำตาม เขาจะมีชีวิต
แล้ววันสะบาโตของเราก็ยังถูกเหยียดหยามอีกด้วย

 

แล้วเราจึงกล่าวว่า เราจะเทความโกรธของเราลงในถิ่นกันดาร
เพื่อจะทำลายพวกเขาให้หมดสิ้นไป
แต่เราก็กระทำเพื่อเห็นแก่นามของเรา เพื่อว่าจะไม่เป็นมลทินในสายตาของประชาชาติ
ที่ได้เห็นเรานำคนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินนั้น

ยิ่งกว่านั้น เรายังได้สาบานกับพวกเขาในถิ่นกันดารว่า
เราจะไม่นำเขาเข้าไปในแผ่นดินที่เราให้แก่พวกเขา

ซึ่งเป็นแผ่นดินที่เต็มด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง เป็นแผ่นดินที่ยอดเยี่ยม
เพราะพวกเขาปฏิเสธกฎของเรา และไม่เดินในข้อกฎหมายของเรา
พวกเขาทำให้สะบาโตของเราเป็นมลทิน
เพราะใจของเขาเดินตามรูปเคารพ
แต่อย่างไรก็ตาม เราจะยอมไว้ชีวิตของเขา
เราไม่ได้ทำลายเขาและกำจัดพวกเขาในถิ่นทุรกันดาร

เอเสเคียล 20-1 ตาที่จับจ้อง

เอเสเคียล 18:1-8

ปีที่เจ็ด เดือนที่ห้า วันที่สิบ
มีผู้ใหญ่ของอิสราเอลได้พากันมาเพื่อขอคำปรึกษาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
พวกเขานั่งต่อหน้าข้า
และพระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าว่า

“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  จงกล่าวแก่ผู้ใหญ่แห่งอิสราเอล กล่าวกับเขาว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
..เจ้ามาหาเราเพื่อถามเราอย่างนั้นหรือ?
ตราบเท่าที่เรามีชีวิต… องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ
เจ้าจะไม่ได้ถามอะไรเราได้อีก

เจ้าจะพิพากษาพวกเขาหรือ ลูกชายของมนุษย์ เจ้าจะพิพากษาพวกเขาหรือ?
จงให้พวกเขารับรู้ถึงพฤติกรรมอันน่าสะอิดสะเอียนของบรรพบุรุษ
และกล่าวกับพวกเขาว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
วันที่เราเลือกอิสราเอล เราสาบานกับวงศ์วานของยาโคบ
เราทำให้เขารู้จักเราในแผ่นดินอียิปต์
เรากล่าวว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
ในวันนั้น เราสาบานที่จะนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์
เขาไปในดินแดนที่เราเลือกไว้สำหรับพวกเขา
เป็นดินแดนที่เต็มด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง
แผ่นดินที่ยอดเยี่ยมที่สุด

egyptgods
และเรากล่าวกับพวกเขาว่า
จงทิ้งสิ่งที่น่ารังเกียจซึ่งสายตาพวกเจ้าจับจ้อง
ทุกคน…อย่าทำให้ตัวเองเป็นมลทินด้วยรูปเคารพของอียิปต์
เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
แต่พวกเขากลับดื้อดึงต่อเรา และไม่ยอมฟังเรา
ไม่มีสักคนที่ยอมทิ้งรูปเคารพซึ่งสายตาของพวกเขาจับจ้องอยู่
พวกเขาไม่ยอมทิ้งรูปเคารพของอียิปต์ !

 

เอเสเคียล 19-2 ต้นองุ่นที่ถูกเผา

เอเสเคียล 19:10-14

แม่ของพวกเจ้าเป็นเหมือนเถาองุ่นในสวนองุ่น
ที่ปลูกไว้ริมน้ำ
มีผลดก และเต็มไปด้วยกิ่งก้าน
เพราะมีน้ำเลี้ยงอย่างอุดมสมบูรณ์

ลำต้นที่แข็งแรงกลายเป็นคทาของผู้ปกครอง
มันเติบโตสูงขึ้นไป ท่ามกลางต้นหนาม
มองเห็นมันได้เพราะความสูงของมัน
รวมทั้งกิ่งก้านสาขาของมันด้วย vi
แต่แล้วต้นองุ่นนั้นก็ถูกถอนขึ้นมาด้วยความโกรธ
ถูกเขวี้ยงทิ้งลงบนพื้นดิน
ลมตะวันออกก็พัดมาทำให้ผลองุ่นเหี่ยวแห้ง
เปลือกของมันแห้ง และลอกออกมา
ส่วนลำต้นที่แข็งแรงก็ถูกไฟเผา

บัดนี้ มันถูกปลูกลงในถิ่นกันดาร
ในแผ่นดินที่แห้ง และโหยหาน้ำ
ไฟก็แลบออกมาจากลำต้น และหน่อของมัน
ไฟผาผลาญผลองุ่นเสียหมด
บัดนี้ไม่เหลือลำต้นที่แข็งแรง
ไม่มีคทาที่จะปกครอง
นี่เป็นคำคร่ำครวญที่กลายเป็นการคร่ำครวญ

เอเสเคียล 19-1 คร่ำครวญเพื่อเจ้าชาย

เอเสเคียล 19:1-9

และเจ้า จงคร่ำครวญเพื่อเจ้าชายแห่งอิสราเอล
และกล่าวว่า …

แม่ของเจ้าอยู่ที่ไหน?
เธอเป็นเหมือนแม่สิงโต
เธอหมอบอยู่ท่ามกลางสิงห์  ท่ามกลางสิงห์หนุ่ม

เธอเลี้ยงดูลูกน้อย
และเธอได้นำลูกมาอีกตัวหนึ่ง
เลี้ยงจนกระทั่งมันเติบโต เป็นสิงห์หนุ่ม
มันเรียนรู้วิธีตะครุบเหยื่อ  และมันก็กินเนื้อคน

ประชาชาติต่าง ๆ รู้เรื่องของมัน
และมันก็ตกหลุมพราง ถูกจับไป
มันถูกขอเกี่ยวไปถึงแผ่นดินอียิปต์

เมื่อเธอเห็นว่า เธอรออย่างไร้ผล
ความหวังไม่หลงเหลือ
เธอก็จึงเอาลูกสิงห์มาอีกตัว
เลี้ยงจนเป็นสิงห์หนุ่ม
มันเดินไปมาอยู่ท่ามกลางสิงห์ทั้งหลาย
มันเรียนรู้วิธีตะครุบเหยื่อ  และมันก็กินเนื้อคน

singh

มันจับเหล่าแม่ม่ายของคนเหล่านั้น
มันทำให้เมืองต่าง ๆ ร้างเปล่า
ทั้งแผ่นดินและคนที่อยู่ในนั้นต่างหวาดหวั่นเพราะเสียงคำรามของมัน
และแล้ว ประชาชาติทั้งหลายก็ตั้งหน้าต่อสู้มัน
จากแคว้นต่าง ๆ รอบด้าน
พวกเขาโยนตาข่ายลงมาเหนือมัน
มันจึงถูกจับในหลุมพรางของพวกเขา
พวกเขาเอาขอเกี่ยวมันเข้าไปไว้ในกรง
นำไปยังกษัตริย์แห่งบาบิโลน
เขาขังมันไว้ในที่ๆ จะไม่มีใครได้ยินเสียงคำรามของมัน
บนภูเขาแห่งอิสราเอล

เอเสเคียล 18-4 จงหันกลับมา

เอเสเคียล 18:25-32

“แต่เจ้ายังกล่าวว่า .. ทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม..
จงฟังทางนี้ เหล่าวงศ์วานอิสราเอล
ทางของเราอยุติธรรมอย่างนั้นรึ?
ทางของเจ้ามิใช่หรือที่อยุติธรรม?

เมื่อคนชอบธรรมหันจากความดีและทำการอยุติธรรม
เขาจะต้องตายเพราะเหตุนั้น
ที่เขาตายก็เพราะความอยุติธรรมที่เขาลงมือทำ

เช่นกัน เมื่อคนชั่วหันจากความชั่วที่เขาได้ทำ
และกลับมาทำสิ่งดี ยุติธรรมและถูกต้อง
เขาก็ช่วยชีวิตตัวเองให้รอด
เพราะเขาได้พิจารณาแล้ว และหันจากการล่วงละเมิดทั้งปวกที่เคยทำ
เขาจะมีชีวิตอย่างแน่นอน   เขาจะไม่ตาย

deathdai

แต่..วงศ์วานอิสราเอลยังกล่าวว่า
“ทางของพระเจ้าไม่ยุติธรรม
เหล่าวงศ์วานอิสราเอล
ทางของเราอยุติธรรมอย่างนั้นรึ?
ทางของเจ้ามิใช่หรือที่อยุติธรรม?

ดังนั้น เราจะพิพากษาเจ้า วงศ์วานอิสราเอล
เราจะพิพากษาทุกคนตามการกระทำของแต่ละคน
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

จงกลับใจและหันออกจากการล่วงละเมิดของเจ้า
มิฉะนั้นความบาปผิดจะนำมาซึ่งหายนะ
เขวี้ยงความบาปทั้งปวงที่เจ้าทำ และ

และสร้างใจใหม่ วิญญาณจิตใหม่
ทำไมเจ้าจะต้องมาตายด้วย โอ้วงศ์วานอิสราเอล?
เพราะเราไม่มีความพอใจในความตายของใครสักคน
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
เจ้าจงหันกลับมาและมีชีวิต

เอเสเคียล 18-3 มาตรวัดความเป็นความตาย

เอเสเคียล 18:19-24

แต่เจ้ากล่าวว่า “เหตุใดลูกจึงไม่สมควรจะรับความบาปผิดของพ่อเล่า?”

ก็ในเมื่อลูกชายได้ทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง
เขาได้ระวังที่จะทำตามกฎเกณฑ์ของเรา  เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน

ชีวิตที่ทำบาปจะต้องตาย  ลูกชายจะต้องไม่รับผลแห่งความผิดของพ่อ
หรือพ่อ ก็ไม่ต้องรับโทษเพราะความผิดของลูกชาย
ความถูกต้องของคนชอบธรรมนั้นจะอยู่ที่ตัวเขา
ความชั่วร้ายของของคนชั่วก็จะอยู่ที่ตัวเขา

lady-liberty

แต่หากคนชั่วได้หันกลับจากความบาปที่เขาได้ทำ
กลับมารักษากฎเกณฑ์ของเรา
ทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้องเมื่อไร
เขาก็จะมีชีวิต ไม่ต้องตาย
การล่วงละเมิดใด ๆที่เขาทำจะไม่ถูกนำกลับย้อนมาฟ้องร้องเขา
เขาจะมีชีวิตอยู่ได้เพราะความชอบธรรมของเขา

เรามีความพอใจในความตายของคนชั่วอย่างนั้นหรือ?
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส
เราต้องการให้เขากลับใจจากความบาปและกลับมามีชีวิตมิใช่หรือ?
แต่เมื่อคนชอบธรรมหันจากทางแห่งความดี
และกลับไปทำสิ่งอยุติธรรม  ประพฤติตามความน่าสะอิดสะเอียนอย่างเดิม
เขาจะมีชีวิตอยู่ได้หรือ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น ความดีที่เขาเคยทำ ก็จะไม่มีการจดจำเอาไว้
และเขาก็จะต้องตายเพราะความคดโกง ความบาปผิดที่ได้กระทำ

 

 

เอเสเคียล 18-2 ทำผิดต้องชดใช้

เอเสเคียล 18:10-18

แต่หากชายผู้นี้ มีลูกชายที่เป็นโจร
หรือเป็นคนที่ทำให้คนอื่นต้องเลือดตก
หรือทำสิ่งใด ๆ ในทำนองนี้
แม้ว่าตัวเขาเองไม่ได้ทำสิ่งเลวร้ายเช่นนั้น
ลูกชายของเขาไปกินอาหารบนภูเขา
ไปเป็นชู้กับภรรยาของเพื่อนบ้าน
กดขี่คนยากจน คนขัดสน ทั้งปล้น
ไม่ยอมคืนของประกัน
และยังเงยหน้าบูชาเทวรูป ทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน
ให้ยืมเพื่อหวังดอกเบี้ยสูง ๆ และเอากำไรเกินควร
เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไหม?
เขาจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป
การที่เขาทำสิ่งน่าสะอิดสะเอียนเหล่านี้
เขาจะต้องตาย เลือดของเขาจะตกลงบนหัวของเขาเอง

kunjaemue

และหากว่า ชายคนนี้ มีลูกชายที่มองเห็นบาปทั้งหมดที่พ่อลงมือทำ
เขาเห็น แต่เขาไม่ได้ทำเหมือนพ่อของเขา
เขาไม่กินบนภูเขา หรือเงยหน้าบูชารูปเคารพ
ไม่ได้ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านเป็นมลทิน

เขาไม่ได้กดขี่ใคร  ไม่ได้เอาค่าประกันเพิ่ม

ไม่ได้ปล้นใคร  แต่กลับให้อาหารแก่คนที่หิว
คุลมผ้าให้คนที่เปลือยกาย  ไม่ยื่นมือไปทำความผิด

ไม่เอาดอกเบี้ยหรือกำไร   เชื่อฟังกฎของเขา
และเดินตามกฎเกณฑ์ของเรา
เขาจะไม่ต้องตายเพราะบาปของพ่อเขา เขาจะมีชีวิตอยู่แน่นอน
แต่ส่วนคนที่เป็นพ่อ ที่ได้ทำการบีบบังคับ
ปล้นพี่น้อง และทำสิ่งที่ไม่ดีท่ามกลางคนของเขา
ดูเถิด… เขาจะต้องตายเพราะความผิดของเขา

 

เอเสเคียล 18-1 ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิต

เอเสเคียล 18:1-9

พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าว่า
“มีนหมายความอย่างไร ที่พวกเจ้าใช้สุภาษิตอ้างถึงอิสราเอลว่า
พ่อกินองุ่นเปรี้ยว แต่ลูกกับเข็ดฟัน?
เพราะเรามีชีวิตอยู่ เจ้าจะไม่ได้ใช้สุภาษิตนี้อีกในอิสราเอล

eze18

“ดูเถิด วิญญาณทุกดวงเป็นของเรา
ทั้งวิญญาณของพ่อ และวิญญาณของลูกต่างก็เป็นของเรา
คนใดทำบาป คนนั้นก็ต้องตาย
แต่หากคน ๆ นั้น เป็นคนชอบธรรม
ทำความยุติธรรม และถูกต้อง
ถ้าคนนั้น ไม่ได้กินบนภูเขา หรือเงยหน้ามองเทวรูปของวงศ์วานอิสราเอล
ไม่ได้ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านเป็นมลทิน
ไม่ได้เข้าหาผู้หญิงในเวลาที่เธอมีรอบเดือน
หากเขาไม่ได้บีบบังคับใคร
แต่ได้คืนของประกันให้แก่คนที่เป็นหนี้เขา
ไม่ปล้นใครด้วยความรุนแรง แต่ให้อาหารแก่คนที่หิว
และคลุมผ้าให้กับคนที่เปลือยกาย

ไม่ได้ให้กู้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยหรือขูดรีดผู้อื่น
แต่ได้หดมือ ไม่ทำสิ่งที่อยุติธรรม
แต่ทำความยุติธรรมระหว่างคนสองฝ่าย
ดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา
และรักษากฎของเราอย่างสัตย์ซื่อ
คนนั้นคือคนชอบธรรม
เขาจะมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน”
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส

เอเสเคียล 17-3 อุปมาเรื่องอินทรีกับองุ่น (ต่อ)

เอเสเคียล 17:16-24

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า .. ตราบเท่าที่เรามีชีวิต
แน่นอน ในที่ซึ่งกษัตริย์องค์นั้นประทับอยู่ องค์ที่ทำให้เขาเป็นกษัตริย์
แต่เขากลับดูหมิ่นคำปฏิญาณของพระองค์
และหักพันธสัญญาที่มีกับพระองค์เสีย
เขาจะต้องตายในบาบิโลน
ฟาโรห์และกองทัพใหญ่โตของพระองค์ รวมทั้งคนอีกมากมาย
จะไม่ช่วยเขาทำสงคราม
แม้เมื่อมีการสร้างเชิงเทิน และก่อกำแพงขึ้นเพื่อทำลายชีวิตมากมายนั้น

เขาดูหมิ่นคำปฏิญาณด้วยการหักพันธสัญญา
และดูเถิด ในเมื่อเขาทำเช่นนี้ เขาจะไม่มีทางหนีพ้นไปได้

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า
ตราบเท่าที่เรามีชีวิต  และเขาได้ดูหมิ่นคำปฏิญาณของเรา
และได้หักพันธสัญญาของเรา
เราจะให้โทษนั้นตกเหนือหัวของเขา
เราจะเหวี่ยงตาข่ายของเราเหนือเขา และเขาจะติดกับของเรา
เราจะนำเข้าเข้าไปในบาบิโลน ไปสู่การพิพากษาที่นั่น
เรื่องที่เขาได้กบฎต่อเรา
กองทัพที่เขาได้เลือกไว้จะล้มลงด้วยดาบ
ผู้ที่รอดตายจะกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า  เราได้กล่าวไว้แล้ว

toncedars

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
“เราเอง เราจะเอากิ่งจากยอดต้นสีดาร์  และปลูกเอาไว้
เราจะหักยอด คือกิ่งอ่อนๆ ของมัน
และจะปลูกมันไว้บนภูเขาสูง
ใช่…บนเขาสูงแห่งอิสราเอล  เราจะปลูกมันไว้
เพื่อว่ามันจะแตกยอด และออกผล และกลายเป็นต้นสีดาร์ที่ทรงเกียรติ
ใต้ต้นนั้น จะเป็นที่อาศัยของนกทุกชนิด
ภายใต้เงาของกิ่งก้านนั้น นกทั้งหลายจะมาทำรัง
และต้นไม้ทั้งหลายในทุ่ง จะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

เราจะทำให้ต้นไม้ใหญ่ต่ำลง
และทำให้ต้นที่ต่ำเตี้ยนั้นสูงขึ้น
เราจะทำให้ต้นที่เขียวเหี่ยวแห้งไป
และทำให้ต้นที่แห้งกลับงดงาม
เรา..องค์พระผู้เป็นเจ้า ได้กล่าวไว้ และเราจะทำดังนั้น

เอเสเคียล 17-2 อุปมาเรื่องอินทรีกับองุ่น (ต่อ)

เอเสเคียล 17:9-15

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส   ..เจ้าจงกล่าวว่า  มันจะงอกงามดีไหม?
มันจะไม่ถอนรากของมันออก และตัดผลของมันไป
เพื่อให้มันเหี่ยวแห้ง
เพื่อว่าใบที่กำลังงอกก็จะเหี่ยวแห้งไป
ดูถิด มันถูกปลูกเอาไว้ และมันจะงอกงามดีหรือเปล่า?
มันจะไม่แห้งกรอบไปเมื่อลมตะวันออกพัดมา
แห้งเหี่ยวคาต้น คาร้านที่มันงอกขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?

angunhang

แล้วพระดำรัสของพระเจ้าก็มาถึงข้า
“จงกล่าวกับวงศ์วานที่ดื้อดึง
..พวกเจ้าไม่รู้หรือว่า เรื่องนี้มีความหมายอย่างไร?
เจ้าจงบอกพวกเขาว่า
..ดูเถิด กษัตริย์แห่งบาบิโลนมายังเยรูซาเล็ม
กวาดทั้งกษัตริย์ และราชวงศ์ และนำไปยังบาบิโลน
และพระองค์ได้เอาคนหนึ่งในเชื้อพระองค์มา
และทำพันธสัญญากับเขา
ให้เขาปฏิญาณ (เหล่าคนใหญ่โตของแผ่นดินที่พระองค์กวาดมา
เพื่อว่าแผ่นดินนั้น จะไม่มีโอกาสเงยหน้าเงยตาขึ้นมาอีก
และให้พวกเขารักษาพันธสัญญานั้นไว้
เพื่ออาณาจักรของพระองค์จะยั่งยืน..)
แต่เขาผู้นั้นกลับกบฎต่อกษัตรยิ์โดยส่งทูตไปยังอียิปต์
เพื่อขอม้าศึกและกองทัพเข้ามาช่วย
มันจะเกิดผลอย่างนั้นหรือ?
คนใดที่ทำเช่นนั้นจะหนีรอดพ้นไปได้หรือ ?
เขาจะหักพันธสัญญาและหนีไปได้หรือ

เอเสเคียล 17-1 อุปมาเรื่องอินทรีกับองุ่น

เอเสเคียล 17:1-8

พระดำรัสของพระเจ้ามายังข้า
“ลูกชายของมนุษย์ จงนำปริศนา และกล่าวเป็นคำอุปมาแก่วงศ์วานอิสราเอล
กล่าวว่า ..องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
มีอินทรีใหญ่ตัวหนึ่งปีกใหญ่กว้าง และขนปีกยาว
ขนของมันทั้งมากมายและมีหลายสี

eze17

มันมายังเลบานอนและจิกยอดต้นสีดาร์
มันหักกิ่งที่เป็นยอดอ่อน และนำไปยังดินแดนที่มีการค้า
และวางมันไว้ในเมืองต่าง ๆ ที่มีพ่อค้า
จากนั้น มันก็เอาเมล็ดพืชของแผ่นดินไป และปลูกมันไว้ในดินที่อุดมยิ่ง
มันเอาเมล็ดไปวางไว้ริมธารน้ำที่มีน้ำสูงเต็มฝั่ง
มันวางมันไว้เหมือนกับกิ่งต้นหลิว
เมล็ดนั้นงอกขึ้นมา และกลายเป็นเถาองุ่นเลี้อยไปเตี้ย ๆ
กิ่งของมันหันไปหาตัวอินทรี ในขณะที่รากของมันยังอยู่ที่เดิม
ดังนั้นมันจึงกลายเป็นเถาและงอกกิ่งออกมาและแตกใบ

จากนั้นมีอินทรีอีกตัวซึ่งมีปีกใหญ่ และขนมาก
ดูเถิด เถาองุ่นนั้นก็ให้รากของมันชอนไชมาหาอินทรีตัวนั้น
และแตกแขนงจากที่เดิมของมัน  เพื่อให้มันรดน้ำให้
มันถูกปลูกไว้ในดินดีริมน้ำอุดม เพื่อว่ามันจะได้งอกกิ่งก้านและออกผล
เป็นต้นองุ่นอันทรงเกียรติ

เอเสเคียล 16-7 พันธสัญญานิรันดร์

เอเสเคียล 16: 59- 63

ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า
เราจะจัดการกับเจ้าตามการกระทำของเจ้า
เจ้าผู้ที่ดูหมิ่นคำปฏิญาณ และได้หักพันธสัญญาเสีย
แต่เรายังคงจำคำสัญญาณที่ให้ไว้กับเจ้าเมื่อเจ้ายังเยาว์
และเราจะสถาปนาพันธสัญญานิรันดร์กับเจ้า
แล้วเจ้าจะระลึกถึงหนทางของเจ้า และละอายใจ
เมื่อเจ้ารับเอาพี่สาว น้องสาวของเจ้าไป
โดยเรามอบเขาให้เป็นลูกสาวของเจ้า
แต่ไม่ใช่ตามพันธสัญญาที่เราให้ไว้กับเจ้า
เราจะสถาปนาพันธสัญญากับเจ้า
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เจ้าจะระลึกได้และประหลาดใจ
และเจ้าจะไม่อ้าปากพูดอะไรอีกเพราะเจ้าเกิดความละอาย
ในตอนที่เราลบมลทินบาปของเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ

jesus_on_cross_crucifixion
ดูซิ อย่างไรพระเจ้าก็ทรงรักษาพันธสัญญาของพระองค์
แม้ว่ามนุษย์จะคดโกง ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
ขนาดพวกเขาทำบาปมากกว่าสะมาเรียและโสโดม
พระเจ้ายังจะรื้อฟื้นพันธสัญญาของพระองค์กับเขา
คำว่า พระเจ้าจะทรงลบมลทินบาป … ทำให้เรารู้ว่า
พระเจ้าทรงรักและตั้งพระทัยจริง ๆ ที่จะให้พระบุตรของพระองค์
มาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อมนุษย์….

เอเสเคียล 16-6 เรื่องราวต่อมา …

เอเสเคียล 16: 53-58

เราจะรื้อฟื้นพวกเขาขึ้น ทั้งโสโดมและลูกสาว รวมทั้งของสะมาเรียและลูกสาว
และเราจะรื้อฟื้นเจ้าท่ามกลางพวกเขา
นั่นคือ เจ้าจะได้รับความอับอายและต้องละอายกับทุกสิ่งที่เจ้าได้ทำ
เจ้าจะกลายเป็นสิ่งปลอบใจพวกเขา

ส่วนพี่น้องสองสาวของเจ้า โสโดมและลูกสาวทั้งหลายจะกลับสู่สภาพเดิม
และสะมาเรียกับลูกสาวก็จะกลับสู่สภาพเดิม
เจ้าและลูกสาวของเจ้าจะกลับสู่สภาพเดิมphoto (2)

ยามที่เจ้ายะโสอยู่นั้น น้องสาวโสโดมของเจ้าถูกเจ้าเย้ยหยันเสมอมิใช่หรือ?
ใช่สินะ ก่อนที่ความชั่วร้ายของเจ้าถูกเปิดโปงขึ้นมา
บัดนี้เจ้ากลายเป็นที่ครหาของเหล่าลูกสาวของซีเรีย
และคนที่อยู่รอบข้าง
เจ้าเป็นที่ครหาของลูกสาวแห่งฟิลิสเตียและคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดูหมิ่นเจ้า
เจ้ารับบทลงโทษเพราะความชั่วร้าย และความน่าสะอิดสะเอียนที่เจ้าได้ทำลงไป
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศ