เอเสเคียล 12-1 สัญลักษณ์จากพระเจ้า

เอเสเคียล 12:1-7

พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้า
“ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย  เจ้าอาศัยอยู่ท่ามกลางชนชาติที่กบฎ
คนที่มีตา  แต่มองไม่เห็น คนที่มีหู แต่ไม่ได้ยิน
เพราะว่าพวกเขาเป็นวงศ์วานที่ดื้อดึง
สำหรับเจ้าแล้ว ลูกชายของมนุษย์.. จงเตรียมห่อผ้าสำหรับคนที่ถูกเนรเทศ
และเดินออกไปดั่งคนถูกเนรเทศต่อหน้าต่อตาพวกเขา
บางที พวกเขาจะเข้าใจได้บ้าง แม้ว่าจะเป็นคนที่ดื้อดึงก็ตาม
เจ้าจะเอาห่อผ้าเชลยของเจ้าออกมาตอนกลางวันให้พวกเขาเห็น
เป็นผ้าห่อสำหรับเชลย และเจ้าจะออกไปตอนเย็นต่อหน้าต่อตาพวหเขา
เดินออกไปดั่งคนที่จะต้องออกไปเป็นเชลย

Eze12
และให้เจ้าขุดกำแพงให้เขาเห็น ลากห่อผ้าเชลยของเจ้าออกไปผ่านช่องนั้น
และเจ้าจะต้องแบกห่อผ้าของเจ้าบนบ่า  เดินออกไปยามโพล้เพล้ให้เขาเห็น
เจ้าจะปิดหน้าปิดตาของเจ้า เพื่อว่า เจ้าจะไม่เห็นแผ่นดิน
เราให้เจ้าทำดังนี้เพื่อเป็นเครื่องหมายแก่วงศ์วานอิสราเอล”

และข้าก็ทำตามอย่างที่พระองค์ทรงบัญชา
ข้าแบกห่อผ้าเชลยของข้าออกไปตอนกลางวัน
และกลางคืนข้าก็ขุดช่องกำแพงด้วยมือเปล่า
ข้าแบกห่อผ้าเชลยของข้าออกไปยามโพล้เพล้ ต่อหน้าต่อตาพวกเขา

เอเสเคียล 11-2

เอเสเคียล 11:13-25

แล้วในเวลาต่อมา ขณะที่ข้ากำลังกล่าวคำของพระเจ้า
ปาลิติยาห์ ลูกชายเบไนยาห์ก็เสียชีวิต
ข้าก็คุกเข่าซบหน้าถึงดิน ร้องเสียงดังว่า
“โอ.. องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์จะทรงทำให้คนที่หลงเหลืออยู่นั้นหมดไปด้วยหรือพระเจ้าข้า?”

และพระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าว่า “ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย
พี่น้องของเจ้า พี่น้องที่ตามการมา ทั้งญาติพี่น้อง วงศ์วานทั้งสิ้นของอิสราเอล
พวกเขาทั้งหมด คือคนที่อาศัยในนครเยรูซาเล็มเคยกล่าวว่า
..พวกเขาออกห่างพระเจ้า  เราจึงได้รับแผ่นดินนี้มาครอบครอง..
ดังนั้น เจ้าจงกล่าวว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
..แม้ว่าเราจะเคลื่อนย้ายพวกเขาไปอยู่ตามประชาชาติต่างๆ
และแม้ว่าเราจะกระจายพวกเขาไปตามประเทศต่างๆ
แต่เราก็จะเป็นวิหารของพวกเขาในช่วงเวลาที่พวกเขาออกไปอยู่ตามดินแดนเหล่านั้น
ดังนั้นจงกล่าวว่า..องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้
เราจะรวบรวมพวกเจ้าออกมาจากชนชาติทั้งหลาย
จะรวมพวกเจ้าจากประเทศต่างๆ ที่เจ้ากระจัดกระจายไปอยู่นั้น
และเราจะมอบแผ่นดินอิสราเอลให้แก่เจ้า ..
และเมื่อพวกเขาไปอยู่ที่นั่น
พวกเขาจะเอาสิ่งที่น่าชัง และสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนออกไปจากพวกเขา

และเราจะให้พวกเขามีใจเดียว
เราจะใส่วิญญาณใหม่เข้าไปในเขา
เราจะนำเอาใจแข็งดั่งหินของเขาออกจากเนื้อของเขา
และใส่ใจเนื้อเข้าไปให้

unite
เพื่อว่า พวกเขาจะได้เดินตามกฎเกณฑ์ของเรา  รักษาและเชื่อฟังกฎหมายของเรา
และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา เราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา
แต่สำหรับเหล่าคนที่หัวใจไปติดตามที่น่าชัง น่าสะอิดสะเอียนนั้น
เราจะนำสิ่งที่เขาทำเทลงมาบนหัวของพวกเขา…
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

แล้วเครูบก็ยกปีกของพวกเขาขึ้น โดยมีวงล้ออยู่ข้าง ๆ
พระสิริของพระเจ้าอยู่เหนือพวกเขา
และพระสิริของพระเจ้าก็เสด็จขึ้นจากท่ามกลางนครนั้น และ
ไปประทับบนภูเขาที่อยู่ทางตะวันออกของนคร
และพระวิญญาณทรงยกข้าขึ้น
ในนิมิต ทรงนำข้าด้วยพระวิญญาณของพระองค์ไปยังเคลเดีย
ไปหาคนที่ถูกเนรเทศออกมา
แล้วนิมิตที่ข้าเห็นก็ลุกไปจากข้า
จากนั้น ข้าจึงเล่าให้ผู้ถูกเนรเทศถึงทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้แสดงให้ข้าเห็น

เอเสเคียล 11-1

เอเสเคียล 11:1-12

พระวิญญาณทรงยกข้าขึ้น
และทรงนำข้ามายังประตูทางตะวันออกของพระวิหารที่หันหน้าไปทางตะวันออก
และดูเถิด ที่ทางเข้านั้น มีชาย 25 คน
ในนั้นมียาอาซันยาห์ ลูกชายของอัสซูร์
และเปลาที่ยาห์ลูกชายเปไนยาห์
แล้วพระองค์ตรัสกับข้าว่า “ลูกชายของมนุษย์เอ๋ย
เหล่านี้ คือคนที่คิดการชั่ว และให้คำปรึกษาโหดร้ายแก่เมืองนี้
พวกเขากลาวว่า .. ยังไม่ถึงเวลาที่จะสร้างบ้าน
เมืองเป็นเหมือนหม้อตุ๋นใหญ่ พวกเราเป็นเนื้อ…
ดังนั้นเจ้าจงกล่าวคำต่อต้านพวกเขา จงกล่าวคำพยากรณ์
ลูกชายของมนุษย์”

ภาพจากthemaskofgod.blogspot.com
ภาพจากthemaskofgod.blogspot.com

แล้วพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็อยู่เหนือข้า
ตรัสกับข้าว่า “จงพูดว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้….
พวกเจ้าคิดอย่างนี้ โอ้วงศ์วานอิสราเอล
เรารู้ว่าเจ้าคิดอะไร  เจ้าได้สังหารคนมากมายเพิ่มขึ้น
ทำให้ตามถนนมีแต่ศพกลาดเกลื่อน
ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้าตรัสว่า
เจ้าได้สังหารคนที่เจ้าทิ้งไว้ท่ามกลางคนทั้งหลาย
คิดว่าพวกเขาเป็นเนื้อ และเมืองนี้เป็นหม้อตุ๋น
แต่เจ้าจะถูกนำออกจากกลางเมืองนี้
พวกเจ้ากลัวดาบใช่ไหม.. เราจะส่งดาบมาให้เจ้า
และเราจะเอาเจ้าออกมา และมอบให้กับมือของชาวต่างชาติ
พวกเขาจะพิพากษาโทษเจ้าเอง
พวกเจ้าจะตายด้วยดาบ เราจะพิพากษาเจ้าจากชายแดนอิสราเอล
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า!
เมืองนี้ไม่ใช่หม้อตุ๋น และเจ้าก็ไม่ใช่เนื้อในหม้อนั้น
เราจะพิพากษาเจ้าจากชายแดนอิสราเอล
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า!
เพราะว่าเจ้าไม่ได้เดินตามกฎเกณฑ์ของเรา
ไม่เชื่อฟังกฎหมายของเรา
แต่เจ้าได้ทำตามกฎของประชาชาติที่อยู่ล้อมรอบเจ้า”

เอเสเคียล 10-3 เครูบที่เคยเห็น

เอเสเคียล 10:15-22

แล้วเหล่าเครูบก็ขึ้นไป … พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ข้าเห็นที่แม่น้ำเคบาร์
และเมื่อเครูบเคลื่อนไป  ล้อก็ตามไปข้าง ๆ
เมื่อเครูบยกปีกขึ้นเพื่อบินขึ้นจากพื้นโลก
ล้อเหล่านั้น ก็ไม่หันไปจากข้าง ๆ พวกเขาเลย

เมื่อพวกเขายืนนิ่ง มันก็หยุดนิ่งด้วย
เมื่อเขาบินขึ้นไป มันก็ลอยตามขึ้นไปด้วย
เพราะวิญญาณของสิ่งมีชีวิตนั้นอยู่ในวงล้อ

และแล้ว พระสิริของพระเจ้าก็ออกมาจากธรณีประตูพระวิหาร
และหยุดนิ่งอยู่เหนือเครูบ
และเครูบก็บินขึ้นไปจากพื้นโลกต่อหน้าต่อตาข้า
วงล้อก็ตามไปด้วยข้าง ๆ
และเมื่อพวกเขายืนอยู่ที่ทางของประตูตะวันออกของพระวิหารนั้น
พระสิริของพระเจ้าแห่งอิสราเอลก็สถิตอยู่เหนือพวกเขา

สิ่งมีชีวิตที่กล่าวมานี้  ข้าเห็นว่าพวกเขาอยู่ภายใต้พระเจ้าแห่งอิสราเอล
ที่ริมแม่น้ำเคบาร์  และข้าก็รู้ว่า พวกเขาคือเครูบ
แต่ละตนมีสี่หน้า และสี่ปีก ใต้ปีกของพวกเขามีเหมือนมือของมนุษย์
สำหรับลักษณ์หน้าตาของพวกเขา
เป็นหน้าตาแบบเดียวกับที่ข้าเห็นริมแม่น้ำเคบาร์
แต่ละตนเคลื่อนตัวไปข้างหน้า….

 

 

 

 

เอเสเคียล 10-2 ภาพที่เห็น

เอเสเคียล 10:6-14

และเมื่อพระองค์ทรงบัญชาชายคนที่สวมเสื้อผ้าป่าน
“จงนำไฟจากระหว่างวงล้อที่กำลังหมุนระหว่างเครูป”
เขาก็เข้าไป และยืนอยู่ข้างวงล้อวงหนึ่ง
และเครูบตนหนึ่งก็ได้ยื่นมือออกมาจากเหล่าเครูบมายังไฟที่อยู่ระหว่างเครูบนั้น
เขาเอาไฟบางส่วนออกมาและใส่เข้าในมือของชายที่สวมเสื้อป่านลินิน
ชายนั้นรับไฟมาและออกไป
ดูเหมือนว่าเครูบมีมือเหมือนมือมนุษย์อยู่ใต้ปิก
cherubim
และเมื่อข้ามองไป ดูเถิด มีล้อสี่ล้ออยู่ข้างเครูบ หนึ่งล้อต่อหนึ่งเครูบ
และล้อนั้นเป็นเหมือนเบริลที่เป็นประกายจ้า
รูปร่างของมันนั้น เป็นเหมือนกันทั้งหมด เป็นล้อหมุนอยู่ในวงล้ออีกที
เมื่อเคลื่อนที่ เครูบสามารถหันหน้าไปด้านใดก็ได้โดยไม่ต้องหันตัวตามไป
ไม่ว่าวงล้อแรกหันไปทางไหน พวกเขาก็จะตามไปโดยไม่ต้องหัน
ร่างกายของเขา ทั้งปีกและหลัง มืปีก และวงล้อคือวงล้อทั้งสี่ต่างมีดวงตาอยู่รอบ ๆ
สำหรับวงล้อเหล่านั้น ข้าได้ยินเขาเรียกว่า วงล้อหมุน
และเครูบต่างมีหน้าสี่หน้า หน้าแรกเป็นหน้าเครูบ
หน้าที่สองเป็นหน้ามนุษย์ หน้าที่สามเป็นหน้าสิงโต และหน้าที่สี่เป็นหน้าอินทรี

เอเสเคียล 10-1

 

เอเสเคียล 10:1-5

เมื่อข้ามองไป ดูเถิด บนความกว้างใหญ่ที่อยู่เหนือเครูบ มีสิ่งหนึ่งปรากฏขึ้น
เป็นบัลลังก์ที่ทำจากอัญมณีไพฑูรย์
พระองค์ตรัสกับชายที่สวมเสื้อป่านลินินว่า
“จงเข้าไปอยู่ท่ามกลางวงล้อซึ่งอยู่ใต้เครูบ
ให้เจ้ากอบเอาถ่านที่กำลังไหม้จากที่ระหว่างเครูบ และให้โปรยเหนือนครนั้น”
เขาก็ออกไปต่อหน้าต่อตา

ezequiel
และเหล่าเครูบยืนอยู่ทางใต้ของพระวิหาร
เมื่อเขาเข้าไปในนั้น ก็มีเมฆปกคลุมลานด้านใน
และพระสิริของพระเจ้าก็ขึ้นมาจากเครูบสู่ธรณีประตู
เมฆลอยอยู่เต็มพระวิหาร
และลานนั้น ก็เต็มไปด้วยความเจิดจ้าแห่งพระสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และเสียงขยับปีกของเครูบ ดังไปถึงลานชั้นนอก
เหมือนกับสุรเสียงของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ยามที่พระองค์ตรัส

เอเสเคียล 9-2 ทำผิดแต่โทษพระเจ้า

เอเสเคียล 9:7-11

แล้วพระองค์ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า “จงทำให้พระวิหารของเราเป็นมลทิน
ให้มีแต่ศพที่ถูกฆ่าตาย  ไปได้”
ดังนั้นพวกเขาจึงออกไป และสังหารคนในเมือง
ในขณะที่พวกเขากำลังตามล่าสังหารนั้น
ข้าถูกทิ้งไว้คนเดียว ข้าจึงล้มตัวลงร้องว่า
“อา..องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์จะทรงทำลายคนที่หลงเหลือในอิสราเอล
ด้วยพระพิโรธที่ทรงเทลงมาเหนือเยรูซาเล็มอย่างนั้นหรือพระเจ้าข้า?”

แล้วพระองค์ตรัสกับข้าว่า
“ความผิดของวงศ์วานอิสราเอลและยูดาห์ใหญ่หลวงนัก
แผ่นดินเต็มด้วยเลือด   ความอยุติธรรมท่วมท้นในเมือง
พวกเขากล่าวกันว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทิ้งแผ่นดินนี้ไปแล้ว
และพระองค์ไม่ทรงเห็นอะไรทั้งนั้น”..eze9-22

สำหรับเราแล้ว  ตาของเราจะไม่ทิ้งใครให้เหลือรอดไป
และเราจะไม่สงสาร
เราจะนำการกระทำของเขามาตกเหนือหัวของเขาเอง”

และดูเถิด ชายคนที่สวมเสื้อป่านลินินที่มีกล่องเครื่องเขียนติดเอว
กลับมาและกล่าวว่า
“ข้าพระองค์ได้ทำตามอย่างที่พระองค์ทรงสั่งทุกประการ พระเจ้าข้า”

เอเสเคียล 9-1 เรียกตัวเพชฌฆาต

เอเสเคียล9:1-6

แล้วพระองค์ตรัสเสียงดังเข้าหูข้าว่า

“จงนำเหล่าเพชฌฆาตของเมืองมาใกล้ๆ
ให้เขามาพร้อมกับอาวุธประหารของตน”
และดูเถิด มีชาย6 คนมาจากประตูบนซึ่งหันไปทางเหนือ
แต่ละคนมีอาวุธสังหารในมือ
มีชายผู้หนึ่งสวมเสื้อป่านลินิน พร้อมกล่องเครื่องเขียนอยู่ที่เอว
พวกเขาเข้ามาข้างในและยืนอยู่ข้างแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์

และพระสิริของพระเจ้าแห่งอิสราเอลก็ขึ้นไปจากเครูบจากที่เคยดำรงอยู่
ไปยังธรณีประตูพระวิหาร
และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกชายที่สวมเสื้อป่านลินินผู้ที่มีกล่องเครื่องเขียนที่เอว
ตรัสสั่งเขาว่า “จงผ่านเข้าไปในนครเยรูซาเล็ม
และทำเครื่องหมายบนหน้าผากของคนที่ถอนหายใจ
และคร่ำครวญเพราะความน่าสะอิดนะเอียนที่ผู้คนทำกันอยู่”

eze9-11

และพระองค์ตรัสกับคนอื่น ๆ ซึ่งข้าได้ยินด้วย
“จงผ่านเข้าไปในนคร ตามเขาไป และจัดการสังหารคนเสีย
ตาของเจ้าไม่ต้องปรานีใคร เจ้าไม่ต้องมีใจสงสารใครด้วย
จงสังหารคนแก่ คนหนุ่ม หญิงสาว เด็กและผู้หญิง
แต่อย่าแตะต้องคนที่มีเครื่องหมายบนหน้าผาก
ให้เริ่มต้นจากพระวิหารของเรา”
ดังนั้น พวกเขาจึงเริ่มต้นสังหารตั้งแต่คนแก่ที่อยู่หน้าพระวิหารนั้น

เอเสเคียล 8-3 เราจะไม่ฟัง

เอเสเคียล8:14-18

แล้วพระองค์ทรงนำข้าไปยังประตูเข้าพระวิหารทางประตูเหนือ
และดูเถิด ที่นั่นมีหญิงคนหนึ่ง ร้องไห้เพื่อเทพทัมมุส
และพระองค์ตรัสกับข้าว่า
“เจ้าเห็นสิ่งนี้ไหม..บุตรของมนุษย์เอ๋ย?
แล้วเจ้าจะเห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนยิ่งกว่านี้อีก”

และพระองค์ทรงนำข้าไปยังลานชั้นในของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า
และดูเถิด ที่ทางเข้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ระหว่างเฉลียงกับแท่นบูชา
มีผู้ชายประมาณ 25 คน หันหลังให้กับพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ทั้งหมดหันหน้าไปทางตะวันออก และก็นมัสการดวงอาทิตย์ทางตะวันออกนั้น
แล้วพระองค์ตรัสกับข้าว่า

eze8-3
“เจ้าเห็นสิ่งนี้ไหม  บุตรของมนุษย์เอ๋ย?
ไม่พอรึ ที่วงศ์วานอิสราเอลได้ทำสิ่งน่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้
ที่พวกเขาทำให้แผ่นดินเต็มไปด้วยความรุนแรง
และยั่วยุให้เราต้องกริ้วต่อไปอีก?
ดูเถิด พวกเขาได้เอากิ่งไม้มาแตะจมูกของพวกเขา
ดังนั้น เราจะกระทำกับเขาด้วยความโกรธ
ตาของเราจะไม่มีความปรานี
เราจะไม่สงสาร
แม้ว่าพวกเขาจะร้องไห้เสียงดังลั่นใส่หูของเรา
เราก็จะไม่ฟัง”

 

เอเสเคียล 8-2 ทำอะไรในที่มืด?

เอเสเคียล 8:7-13

และพระองค์ทรงนำข้ามายังทางเข้าลานพระวิหาร
และเมื่อข้ามองดูนั้น ก็มีช่องโหว่อยู่ช่องหนึ่งที่กำแพง
และพระองค์ตรัสกับข้าว่า “บุตรของมนุษย์เอ๋ย จงขุดกำแพงเข้าไป”
ดังนั้น ข้าจึงขุดกำแพง และดูเถิด มีทางเข้าเข้าไปอีก
และพระองค์ตรัสแก่ข้าว่า
“เข้าไปสิ  และดูสิ่งน่าสะอิดสะเอียนที่พวกเขาลงมือทำอยู่ที่นี้ ขณะนี้”
ดังนั้นข้าจึงเข้าไป  และก็เห็นจริงอย่างนั้น
ที่นั่น มีภาพแกะสลักบนผนังรอบด้าน
เป็นภาพสัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ร้ายที่น่ารังเกียจ

eze8
รวมไปถึงเทวรูปทั้งหลายของวงศ์วานอิสราเอล
หน้าเทวรูปเหล่านั้น ก็คือ ผู้ใหญ่ของวงศ์วานอิสราเอล 70 คน
โดยมียาอาซันยาห์ลูกชายของชาฟานยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา
แต่ละคนถือกระถางไฟในมือ
ควันและกลิ่นของเครื่องหอมก็ลอยขึ้นสู่เบื้องบน
และเขาพูดกับข้าว่า
“บุตรของมนุษย์เอ๋ญ  เจ้าเห็นไหมว่า ผู้ใหญ่ของวงศ์วานอิสราเอล
ทำอะไรอยู่ในที่มืด ๆ ?
แต่ละคนก็อยู่ในห้องรูปภาพของแต่ละคน

พวกเขาพูดกันว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงเห็นเรา
องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ละทิ้งแผ่นดินไปแล้ว”
และพระองค์ยังทรงกล่าวกับข้าว่า

“เจ้าจะได้เห็นสิ่งน่าสะอิดสะเอียนที่พวกเขาทำมากยิ่งกว่านี้อีก”

 

 

เอเสเคียล 8-1 เทวรูปแห่งความหวงแหน

เอเสเคียล 8:1-6

ในปีที่หก เดือนหก วันที่ห้าของเดือน
ขณะที่ข้านั่งอยู่ภายในบ้านของข้าโดยมีผู้ใหญ่แห่งยูดาห์นั่งอยู่ด้วย
พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็มาเหนือข้า

และเมื่อข้ามองออกไป ดูเถิด มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
ด้านล่างที่เป็นเอวของเขานั้น มีไฟไหม้อยู่
เหนือเอวของเขา เป็นเหมือนโลหะที่ส่องสุกใสเจิดจ้า
เขายื่นสิ่งที่เหมือนมือออกมา และจับผมของข้าขึ้นมาปอยหนึ่ง
และพระวิญญาณก็ทรงยกข้าขึ้น มาจากโลกอยู่ระหว่างแผ่นดินกับสวรรค์
และนำข้าไปในนิมิตแห่งพระเจ้าไปยังเยรูซาเล็ม
ที่ทางเข้าของลานด้านในที่หันหน้าไปทางเหนือ
ที่นั่นมีบัลลังก์ของเทวรูปแห่งความหวงแหน
ซึ่งจะยั่วยุให้เกิดความหวงแหน
และดูเถิด พระสิริของพระเจ้าอยู่ที่นั่น
เหมือนกับนิมิตที่ข้าเห็นในหุบเขา

ที่พระวิหารของพระเจ้ากลับมีเทวรูปอยู่
ที่พระวิหารของพระเจ้าซึ่งควรจะเป็นเช่นภาพนี้ กลับมีเทวรูปวางอยู่

แล้วพระองค์ตรัสกับข้าว่า
“บุตรของมนุษย์เอ๋ย จงเงยหน้าขึ้นดูทางเหนือ”
ดังนั้นข้าจึงหันไปมองทางเหนือ ดูเถอะ ทางเหนือของประตูแท่นบูชา ที่ทางเข้า
เทวรูปแห่งการหวงแหนนี้ก็อยู่ตรงนั้น
และพระองค์ตรัสแก่ข้าว่า
“บุตรของมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นไหมว่า พวกเขากำลังทำอะไรอยู่?
เหล่าวงศ์วานของอิสราเอลกำลังทำสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนเหลือแสน
พวกเขาไล่เราออกไปจากสถานที่บริสุทธิ์ของเรา…
แต่เจ้าจะเห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนยิ่งกว่านี้อีก”

 

เอเสเคียล 7-3 ไร้ค่าทั้งที่เคยมีค่า

เอเสเคียล 7:19-27

พวกเขาโยนเงินของตนลงไปตามถนน
ทองก็เป็นเหมือนสิ่งที่เป็นมลทิน

ทั้งเงินและทองของพวกเขาไม่สามารถช่วยให้รอดพ้นในวันแห่งพระพิโรธของพระเจ้า

เพราะมันไม่อาจทำให้หายหิว ไม่อาจทำให้อิ่มท้องได้
มันกลายเป็นหินสะดุดแห่งความบาปของพวกเขา

การมีเครื่องประดับก็เป็นการส่งเสริมความยะโส
และยังสร้างเทวรูปอันน่าสะอิดสะเอียนจากธาตุเหล่านั้น
ดังนั้น เราจึงให้ธาตุเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งสกปรกสำหรับพวกเขา

และเราจะมอบมันให้กับมือของชาวต่างชาติให้เป็นของริบสงคราม
และให้กับคนชั่วร้ายของโลกเพื่อให้เป็นของที่ปล้นได้
และพวกเขาจะทำให้มันเป็นสิ่งโสโครกไป

เราจะหันหน้าไปจากเขา
และเขาจะทำให้สถานที่บริสุทธิ์ของเราสาธารณ์
โจรจะเข้าไปและดูหมิ่นสถานที่นั้น

 
babylonsacks

“จงหล่อโซ่ขึ้นมา !  เพราะแผ่นดินเต็มด้วยอาญชากรรมเลือด
และในเมืองต่าง ๆ ก็เต็มไปด้วยความรุนแรง
เราจะนำชาติที่ร้ายที่สุดมายึดบ้านของเขาไป
เราจะให้ความยะโสของคนที่เข้มแข็งมาถึงจุดจบ
สถานที่บริสุทธิ์ของพวกเขาจะต้องถูกเหยียดหยาม
เมื่อความทุกข์ยากมาถึง พวกเขาจะแสวงหาสันติสุข แต่จะไม่มีให้พบ
ความหายนะเกิดขึ้นต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า
มีข่าวลือทำให้ระส่ำระสายไม่หยุดหย่อน
พวกเขาแสวงหานิมิตจากผู้กล่าวคำ
ในขณะที่กฎบัญญัติของพระเจ้าก็หายไปจากปุโรหิต
คำปรึกษาก็หายไปจากเหล่าผู้ใหญ่

กษัตริย์ก็เศร้าโศก  เจ้าชายสิ้นหวัง
มือของประชาชนก็หมดแรงไปเพราะความหวดกลัว
เราจะทำกับเขา ตามทางของเขา และเราจะพิพากษาเขา ตามความคิดของพวกเขา
และพวกเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

เอเสเคียล7-2 เพลงเต้นรำแห่งความตาย

เอเสเคียล 7:10-18

“ดูเถิด วันนั้น! ดูเถิด มันมาแล้ว! ความย่อยยับของเจ้ามาแล้ว
ไม้เรียวก็กำลังผลิดอก  ความเย่อหยิ่งผลิออกเป็นตา
ความรุนแรงโตขึ้นจนกลายเป็นไม้เรียวแห่งความชั่วร้าย
ไม่มีใครจะคงอยู่ได้   ไม่ว่าจะเป็นความมั่งคั่งของพวกเขา
ทรัพย์สมบัติของพวกเขา  จะไม่มีใครอยู่เหนือใคร
เวลามาถึงแล้ว  วันมาถึงแล้ว

อย่าให้คนซื้อยินดี  อย่าให้คนขายเศร้าโศก
เพราะความกริ้วได้มาอยู่เหนือประชากรทั้งสิ้น
เพราะว่า คนขายจะไม่ได้กลับไปหาสิ่งที่เขาขายไปในยามที่เขายังมีชีวิต

เพราะว่านิมิตที่เกี่ยวข้องกับประชากร
มันจะไม่กลับมา และเพราะเหตุที่เขาทำบาป
จะไม่มีใครสามารถรักษาชีวิตไว้ได้

เขาได้เป่าแตร และเตรียมทุกสิ่งให้พร้อมแต่ไม่มีใครไปสงคราม

เพราะความโกรธของเราอยู่เหนือประชากรทั้งสิ้น

ข้างนอกมีดาบ และโรคระบาดและความอดอยากอยู่ภายใน

ภาพโดย Michael Wolgemut (1493)
ภาพโดย Michael Wolgemut (1493)

 

 

คนที่อยู่ในทุ่ง ก็ตายด้วยดาบ
คนที่อยู่ในเมืองตายถูกความอดอยากและโรคระบาดกลืนเสีย
และหากยังมีคนที่หลงเหลือหนีไปได้ พวกเขาก็เป็นเหมือนนกในหุบเขา
ต่างคร่ำครวญ เพราะการล่วงละเมิดของตน
มือทุกมือต่างอ่อนแรง  เข่าก็ละลายไปเหมือนน้ำ

พวกเขาสวมเสื้อผ้ากระสอบ ความหวาดกลัวท่วมท้นพวกเขา
ความละอายอยู่บนใบหน้าของทุกคน
ศีรษะต่างก็โล้นเลี่ยน

เอเสเคียล7-1 สี่ทิศแห่งแผ่นดิน

เอเสเคียล 7:1-9

พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้า

“และเจ้า .. บุตรของมนุษย์  องค์พระผู้เป็น องค์พระเจ้าตรัสกับแผ่นดินอิสราเอลว่า

จุดจบ! จุดจบกำลังมาถึงทั้งสี่ทิศแห่งแผ่นดินโลก
บัดนี้ จุดจบมาถึงเจ้าแล้ว
และเราจะส่งความโกรธของเรามาเหนือเจ้า

4corners

เราจะพิพากษาเจ้าตามการกระทำของเจ้า

เราจะลงโทษให้สมกับการกระทำอันน่าสะอิดสะเอียนของเจ้า

ตาของเราจะไม่ยอมให้เจ้าหนีพ้นไป เราจะไม่มีความปรานี

แต่เราจะลงโทษเจ้าตามหนทางที่เจ้าเดิน

ในขณะที่ความน่าสะอิดสะเอียนยังอยู่ท่ามกลางเจ้า
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัสว่า วิบัติแล้ววิบัติเล่า
ดูเถิด มันมาแล้ว  จุดจบมาแล้ว  จุดจบมาถึงแล้ว
และมันได้ตื่นขึ้นมาเพื่อสู้กับเจ้า
ดูเถิด มันมาแล้ว

เคราะห์กรรมของเจ้ามาพบเจ้าแล้ว
โอ คนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดิน  เวลามาถึงแล้ว วันใกล้เข้ามา
เป็นวันแห่งความสับสนอลหม่าน

มิใช่วันแห่งการตะโกนอย่างมีความสุขบนภูเขา
บัดนี้ อีกไม่นาน เราจะเทความโกรธของเราลงบนเจ้า
เราจะให้ความกริ้วของเราสู้กับเจ้า
ใช่ เราจะพิพากษาเจ้าเพราะความน่าสะอิดสะเอียนทั้งสิ้นของเจ้า
ตาของเราจะไม่เว้นใครเลย เราจะไม่มีความปรานีด้วย

เราจะลงโทษเจ้าตามหนทางของเจ้า
ในขณะที่ความน่าสะอิดสะเอียนยังอยู่ท่ามกลางเจ้า
แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้เฆี่ยน

เอเสเคียล 6-2 ถึงที่สุด

เอเสเคียล 6:8-14

“ถึงกระนั้น เราจะปล่อยให้เจ้าบางคนมีชีวิตอยู่
คือคนที่หนีจากดาบได้ และไปยังประเทศต่าง ๆ
เมื่อเจ้ากระจัดกระจายไปตามดินแดนต่าง ๆ
และคนของเจ้าเหล่านั้นที่หนีคมดาบไปได้
พวกเขาจะระลึกถึงเราในประเทศที่พวกเขาต้องไปเป็นเชลย

Sack_of_jerusalem
เขาจะเริ่มรู้ว่า ใจของเราแตกออกเพราะจิตใจแพศยาของพวกเขา
ทำให้เขาออกห่างจากเรา
รวมถึงสายตาแพศยาที่คอยเฝ้าหาแต่รูปเคารพของพวกเขา
และเวลานั้น พวกเขาจะเกลียดชังตนเอง  เพราะบาปที่ได้ทำ
เพราะความน่าสะอิดสะเอียนที่เกิดขึ้นจากตัวพวกเขาเอง
และพวกเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เราไม่ได้ไปพูดเปล่า ๆ ในเรื่องวิบัติที่เราจะนำมาสู่พวกเขา”

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าตรัสว่า
“จงตบมือของเจ้า และย่ำเท้า และกล่าวว่า
เป็นเพราะความชั่วร้ายอันน่าสะอิดสะเอียนของวงศ์วานอิสราเอล
เพราะพวกเขาจะต้องล้มลงด้วยดาบ ด้วยความอดอยากและโรคระบาด
คนที่อยู่ไกลจะตายเพราะโรคระบาด และคนที่อยู่ใกล้จะตายด้วยดาบ
คนที่เหลืออยู่ ถูกปกป้องเอาไว้ ก็จะตายด้วยความอดอยาก
เราจะเทความกริ้วของเราเหนือเขาดังนี้แหละ
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า


เมื่อคนที่ถูกฆ่านั้น ได้นอนตายท่ามกลางรูปเคารพ
ตายอยู่รอบ ๆ แท่นบูชา บนภูเขาสูงทุกลูก
บนยอดเขา ใต้ต้นไม้เขียว และใต้ต้นโอ๊กใบดกทุกต้น
พวกเขาตายในที่ ๆ พวกเขาถวายกลิ่นอันเป็นที่น่าพอใจแก่เทวรูปของพวกเขา
และเราจะยื่นมือของเราต่อสู้พวกเขา
ทำให้แผ่นดินต้องร้างเปล่า ไร้ค่า ในที่ๆ พวกเขาเคยอาศัยอยู่
จากถิ่นกันดารไปจนถึงริบลาห์
และเขาจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า

เอเสเคียล 6-1 พังให้หมด!

เอเสเคียล 6:1-7

พระดำรัสของพระเจ้ามาถึงข้าว่า
“บุตรของมนุษย์เอ๋ย
ให้เจ้ามุ่งหน้าของเจ้าตรงไปยังผู้เขาทั้งหลายของอิสราเอล
และกล่าวโทษพวกเขา  กล่าวว่า
เหล่าภูเขาแห่งอิสราเอล..ทั้งเนินเขาทั้งปวง
ทั้งห้วยน้ำและหุบเขาทั้งหลาย

idols
ดูเถิด เรา เราเอง เราจะนำดาบมาเหนือเจ้า
และจะทำลายที่สูงของเจ้า
แท่นบูชาของเจ้าจะร้างเปล่า
แท่นเผาเครื่องหอมจะพังทลาย
และเราจะคนของเจ้าที่ถูกฆ่า จะถูกเราเหวี่ยงไว้ต่อหน้ารูปเคารพของพวกเขา
และเราจะวางศพของคนอิสราเอลต่อหน้ารูปเคารพของพวกเขา
เราจะกระจายกระดูกของพวกเขาไปรอบ ๆ แท่นบูชานั้น
ไม่ว่าพวกเจ้าไปอาศัยอยู่ที่ใด เมืองนั้นจะกลายเป็นเมืองร้าง
และที่สูงจะถูกทำลาย เพื่อว่าแท่นบูชาของเจ้าจะกลายเป็นซากปรักหักพัง
รูปเคารพทั้งหลายจะแตกหักออก และถูกทำลายสิ้น
แท่นเครื่องหอมถูกฟันทิ้ง  ผลงานของเจ้าจะถูกกวาดออกไป
คนที่ถูกฆ่าจะล้มตายท่ามกลางเจ้า
และเจ้าจะรู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า !” 

เอเสเคียล 5-4 ธนูแห่งความตาย

เอเสเคียล 5:13-17

“ด้วยวิธีนี้ ความกริ้วของเราจึงจะระบายออกไปหมด
และเราจะเทความโกรธของเราลงบนพวกเขา และเราจึงสงบ
และพวกเขาจะได้รู้ว่า เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า
เรากล่าวด้วยความหวงแหนในยามที่เราระบายความโกรธลงเหนือเขา
ยิ่งกว่านั้น เราจะทำให้พวกเจ้ากลายเป็นความร้างเปล่า
และเป็นที่ ๆ ประเทศชาติทั้งหลายรอบๆ ตำหนิ ประนาม
รวมไปถึงคนที่เดินผ่านไปมา
เจ้าจะกลายเป็นที่ติเตียน และเป็นเกลียดชัง
เป็นคำเตือนและความสยดสยอง
ต่อบรรดาประเทศทั้งหลายรอบ ๆ เจ้า
เพราะการพิพากษาของเราต่อเจ้าด้วยความโกรธกริ้ว
และด้วยการตีสอนอันเกรี้ยวกราดของเรา
เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า เราได้พูดออกมาแล้ว

4F_flaming_arrows
เมื่อเราจะส่งลูกธนูแห่งความตาย คือการอดอยาก
ลูกธนูแห่งหายนะ ซึ่งเราจะส่งมาทำลายเจ้า
เราจะให้เจ้าอดอยากมากขึ้น มากขึ้น และทำให้เจ้าไม่มีอาหารเหลือเลย
เราจะส่งความอดอยากและสัตว์ร้ายมาจัดการกับเจ้า
มันจะเอาลูกของเจ้าไป
โรคระบาดและเลือดจะผ่านทะลุตัวเจ้า
เราจะนำดาบมาสู่เจ้า

เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า และเราได้ลั่นวาจาไว้แล้ว

เอเสเคียล 5-3 กระจัด ก ร ะ จ า ย

เอเสเคียล 5:9-12

และเป็นเพราะสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนของพวกเจ้า
เราจะทำกับเจ้าอย่างที่เราไม่เคยทำมาก่อน
และเป็นสิ่งที่เราจะไม่ทำอีกต่อไป
พ่อ จะกินลูกของตัวเองท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย
ลูก จะกินพ่อของตนเอง
และเราจะพิพากษาเจ้า

jews scattered
คนที่มีชีวิตรอดท่ามกลางพวกเจ้า เราจะให้กระจัดกระจายไปตามทิศต่าง ๆ
องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าทรงประกาศ  “ดังนั้น  เรามีชีวิตอยู่ฉันใด
เป็นเพราะพวกเจ้าได้ทำให้พระวิหารของเราเป็นมลทิน
ด้วยสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน และการกระทำที่น่าสะอิดสะเอียนของเจ้า
เราจะเอาคืนจากเจ้า
ตาของเราจะไม่เว้นใคร และเราจะไม่สงสาร
หนึ่งในสามของพวกเจ้าจะล้มตายเพราะโรคระบาด
และจะเจอกับการกันดารอาหารท่ามกลางพวกเจ้า
หนึ่งในสามจะถูกสังหารด้วยดาบรอบตัวเจ้า
และอีกหนึ่งในสามนั้น เราจะให้กระจัดกระจายไปตามลมทุกทิศ
และเราจะชักดาบไล่ตามพวกเขาไป

 

เอเสเคียล 5-2 ไม่ยอมตามสักนิด!

เอเสเคียล 5:5-8

ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าตรัสว่า นี่คือเยรูซาเล็ม
เราได้ตั้งให้เยรูซาเล็มเป็นศูนย์กลางของประชาชาติ
มีประเทศต่าง ๆ ห้อมล้อมเธอ
และเธอกลับดื้อดึงต่อกฎเกณฑ์ของเรา
โดยที่ได้ทำความชั่วร้ายยิ่งกว่าประชาชาติเหล่านั้น
ได้ทำสิ่งที่ขัดต่อกฎหมายของเรายิ่งกว่าประชาชาติเหล่านั้น
พวกเขาได้ปฏิเสธ ไม่รับกฎของเรา ไม่เดินตามกฎหมายของเรา

 

ภาพจาก en.wikipedia.org
ภาพจาก en.wikipedia.org

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าตรัสว่า
เพราะเจ้านั้นระส่ำระสายยิ่งกว่าชาติต่าง ๆ ที่อยู่ล้อมรอบเจ้า
ไม่ได้เดินในกฎหมายของเรา หรือกฎเกณฑ์ของเรา
ทั้งยังไม่ทำตามกฎของประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ล้อมรอบเจ้า
ดังนั้น
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า  แม้แต่เราจึงต่อต้านเจ้า
และเราจะพิพากษาเจ้าท่ามกลางประเทศต่าง ๆ เหล่านั้น

เอเสเคียล 5-1 เส้นผมสามส่วน

เอเสเคียล 5:1-4

และเจ้า บุตรของมนุษย์ เจ้าจงไปเอาดาบคม ๆ มา
และใช้มันต่างใบมีดโกนของช่างตัดผม
โกนหัวของเจ้า โกนหนวดของเจ้า
จากนั้นก็เอาไปชั่ง  และแบ่งผมของเจ้าเป็นส่วน ๆ

ภาพวาดโดยไมเคิล บูสกิง
ภาพวาดโดยไมเคิล บูสกิง

หนึ่งในสามส่วนนั้น ให้เจ้าเอาไปเผากลางเมือง
ในวันที่การล้อมเมืองสำเร็จ
อีกหนึ่งในสามส่วน ให้เจ้าโรยออกไปตามสายลม
และเราเองจะเป็นผู้เอาดาบไล่ตามมันไป
ผมอีกส่วนหนึ่งไม่มากนัก ให้เจ้าผูกติดไว้กับชายเสื้อคลุมของเจ้า
และจากตรงนี้ แบ่งมาส่วนหนึ่ง แล้วโยนลงไปในกองไฟให้ไหม้จนหมด
จากที่นั่น จะมีไฟมาสู่วงศ์วานอิสราเอล