เศฟันยาห์ 3-1

เศฟันยาห์ 3:1-8

วิบัติแก่นครของคนที่กดขี่ผู้อื่น  คนในนั้นทั้งดื้อดึงและมีมลทิน
เมืองนั้นไม่ยอมฟังเสียงของใคร  ไม่ยอมรับการแก้ไข ไม่วางใจในพระเจ้า และไม่ยอมที่จะเข้ามาใกล้พระเจ้าของเมืองนั้น
เหล่าข้าราชการในเมืองเป็นเหมือนสิงโตที่คอยคำราม  ส่วนผู้พิพากษาก็เป็นเหมือนหมาป่ายามค่ำ  จะไม่เหลืออะไรไว้จนเช้าเลย
เหล่าผู้พยากรณ์ของเมืองก็ทั้งเย่อหยิ่งและทรยศ  ส่วนปุโรหิตก็คอยที่จะทำให้สิ่งบริสุทธิ์เป็นมลทิน  และยังเหยียบย่ำกฎเกณฑ์ของพระเจ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงอยู่ในเมืองนั้น เป็นผู้ชอบธรรม  พระองค์ไม่ทรงทำสิ่งอธรรม ทุกเช้าพระองค์ทรงแสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมของพระองค์   แต่ละวันพระองค์ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
แต่เหล่าคนไร้ความยุติธรรมกลับไม่รู้จักอาย

“เราได้ตัดประชาชาติออกไป  และป้อมปราการของพวกเขาก็กลายเป็นซากปรักหักพัง   เราทำให้ถนนหนทางร้างเปล่า ไม่มีใครเดินบนถนนนั้น  ส่วนเมืองต่าง ๆ ก็กลายเป็นเมืองร้าง  ไม่มีคนสักคน  ไม่มีคนอาศัย
เรากล่าวว่า … เจ้าจะเกรงกลัวเราอย่างแน่นอน  เจ้าจะรับการแก้ไข  แล้วที่อาศัยของเจ้าจะไม่ถูกตัดออกตามที่เราได้กำหนดไว้สำหรับเจ้า  แต่พวกเขากลับกระตือรือร้นที่จะทำสิ่งที่คดโกงทั้งหมด…

ดังนั้น เจ้าจงรอเรา” พระเจ้าตรัส “รอวันที่เราจะลุกขึ้นจับเหยื่อ เพราะว่า เราตัดสินใจที่จะรวบรวมประชาชาติ  เพื่อรวมเป็นอาณาจักร เพื่อว่า เราจะได้เทความโกรธของเราลงบนพวกเขา  ความโกรธที่ร้อนแรงของเรา เพราะว่า ทั้งโลกจะถูกเผาผลาญเพราะไฟแห่งความหวงแหนของเรา”

 

เมื่อเศฟันยาห์ได้กล่าวถึงการที่พระเจ้าจะทรงจัดการกับชาติทางเหนือ ตะวันออก  ตะวันตกชายฝั่งทะเล และทางใต้แล้ว  เศฟันยาห์ก็กลับมาพูดเรื่องของนครเยรูซาเล็มอีกครั้ง

พระเจ้าทรงมีพระทัยต่อนครเยรูซาเล็มมาก ดังนั้น พวกเขาจะถูกพระเจ้าจัดการมากเช่นกัน

แต่… เยรูซาเล็มไม่สนใจที่จะรับคำตักเตือนของพระเจ้าแม้แต่น้อย   พระเจ้าทรงอยู่ในเมืองนั้น เขาหาพระองค์ได้ง่าย แต่เขากลับไม่นำพาที่จะหันกลับมา

ผู้นำที่พระเจ้าทรงกล่าวถึงคือ เหล่าผู้นำทางการเมือง พวกราชวงศ์ ข้าราชการ      ผู้พิพากษา  คนพยากรณ์ และปุโรหิต  คนเหล่านี้ไม่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง

พระเจ้าทรงทำให้ประเทศต่าง ๆ รอบข้างพวกเขากลายเป็นที่ร้าง   เพื่อเตือนใจให้พวกเขาหาทางที่จะไม่ให้สิ่งนั้นเกิดกับตน  แต่แล้ว พวกเขาก็ยังมุ่งมั่นที่จะทำความผิดต่อไปไม่หยุด

 

 

 

เศฟันยาห์ 2-2

เศฟันยาห์ 2:8-15

“เราได้ยินคำสบประมาทจากชาวโมอับ   และการเยาะหยันเสียดสีของชาวอัมโมน  เรารู้ว่าพวกเขาสบประมาทคนของเราอย่างไร   เราได้ยินคำโอ้อวดคุยทับเรื่องเขตแดน

ดังนั้น… เพราะเรามีชีวิตอยู่ ”  พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ  พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัส “โมอับจะกลายเป็นเหมือนเมืองโสโดม และอัมโมนจะเป็นเหมือนเมืองโกโมราห์  แผ่นดินจะเต็มด้วยต้นตำแย  และหลุมเกลือ และจะกลายเป็นพื้นที่เสียเปล่าตลอดไป  คนที่เหลืออยู่ในแผ่นดินของเราจะเข้าไปปล้น  และคนที่มีชีวิตเหลืออยู่ของเราจะครอบครองมัน”

พระเจ้าตรัสถึงคนชาวฟิลิสเตีย ซึ่งอยู่ทางตะวันตก ริมฝั่งทะเล   และคราวนี้ พระองค์ตรัสถึงคนที่อยู่ทางตะวันออกซึ่งคอยสบประมาทคนของพระองค์ไม่ว่างเว่้้น

แม้ว่าพระเจ้าจะทรงพิพากษาลงโทษยูดาห์ แต่ขอให้สังเกตว่า ยังมีบางคนที่หลงเหลืออยู่ พระเจ้าจะทรงให้คนที่หลงเหลืออยู่นั้น ได้แผ่นดิน ของศัตรู  และอาศัยในแผ่นดินนั้น

นี่คือผลตอบแทนของการที่พวกเขายะโส  เพราะเขาได้สบประมาทและอวดโอ้หยามเหยียดคนของพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ

สำหรับพวกเขาแล้ว  พระเจ้าจะเป็นพระองค์ผู้น่าสะพรึงกลัว

เพราะพระองค์จะทรงทำให้พวกเขาขาดแคลนเหล่าพระทั้งหลายของพวกเขานั้น    พวกเขาจะต้องกราบลงต่อพระองค์   กราบต่อพระองค์จากที่ ๆ มันตั้งอยู่  ตามแผ่นดิน……….

คนคูชเอ๋ย  เจ้าก็เช่นกัน  เจ้าจะถูกสังหารด้วยดาบของเรา

คนคูชคือชาวเอธิโอเปียทางใต้

และพระองค์จะยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ต่อสู้กับชนชาติทางเหนือ  พระองค์จะทรงทำลายอัสซีเรีย   และจะทรงทำให้นีนะเวห์ร้างเปล่า   กลายเป็นที่ร้างกลางทะเลทราย

คราวนี้พระเจ้าตรัสถึงคนทางเหนืออีก   และในเวลาต่อมา เหตุการณ์เหล่านั้นก็เกิดขึ้นกับนีนะเวห์จริง ๆ  ปี 612 ก่อนคริสตศักราช  บาบิโลเนียได้เข้ามาตี และทำลายนีนะเวห์จนกลายเป็นเมืองร้างเปล่า


เหล่าฝูงสัตว์จะนอนลงในเมืองนั้น    สัตว์ป่าทุกชนิด  ไม่เว้นแม้กระทั่งนกเค้า และเม่นจะอาศัยในเมืองใหญ่นั้น  เสียงร้องครางจากหน้าต่าง  ความรกร้างเกิดขึ้นที่ธรณีประตู   งานไม้เสดาร์จะถูกกองทิ้งเอาไว้

นี่คือเมืองที่เคยร่าเริงสนุกสนาน   เคยอยู่อย่างปลอดภัยมั่นคง  เมืองที่กล่าวในใจของตนว่า  “เรานี่แหละ  ไม่มีใครอีกแล้ว”

แล้วดูซิ  กลับกลายมาเป็นเมืองร้างเปล่าเช่นนี้  เป็นที่อาศัยของสัตว์ป่า   คนที่เดินผ่านเมืองนี้ก็จะส่งเสียงไม่พอใจและชูกำปั้นของเขา

 

 

เศฟันยาห์ 2-1

เศฟันยาห์ 2:1-7

 

จงรวมตัวกัน  ใช่… จงรวมตัวกัน  ประชาชาติที่ไร้ยางอาย

ก่อนที่คำบัญชานั้นจะส่งผล  ก่อนที่วันนั้นจะผ่านไปเหมือนแกลบที่ปลิวลอยไป  ก่อนที่พระพิโรธอันร้อนแรงของพระเจ้าจะมาถึงเจ้า    ก่อนที่วันแห่งพระพิโรธของพระเจ้าจะมาบนเจ้า

 

จงแสวงหาพระเจ้า  ทุกคนที่มีใจอ่อนน้อม  คนที่ทำตามพระดำรัสของพระเจ้า  จงแสวงหาความชอบธรรม  แสวงหาความถ่อมตน  เผื่อว่าเจ้าจะได้ถูกซ่อนเอาไว้ในวันแห่งพระพิโรธของพระเจ้า

เพราะเมืองกาซาจะกลายเป็นที่รกร้าง  และเมืองอัชเคโลนจะกลายเป็นเมืองร้างเช่นกัน  ชาวเมืองอัชโดดจะถูกไล่ออกไปกลางแดดเที่ยง  เมืองเอโครนก็จะถูกรื้อทำลาย

วิบัติแก่คนที่อาศัยเมืองชายฝั่งทะเล  ชนชาติเคเรธี คำของพระเจ้ามาต่อต้านพวกเจ้า    โอ คานาอัน ดินแดนแห่งชาวฟิลิสเตีย  และเราจะทำลายเจ้าจนไม่เหลือสักคน

และเจ้า  ชายฝั่งทะเล  เจ้าจะกลายเป็นทุ่งหญ้า  มีหญ้าเขียวให้กับผู้เลี้ยง และฝูงสัตว์

ชายฝั่งทะเลจะกลายเป็นของผู้ที่หลงเหลือในยูดาห์  ฝูงสัตว์ของพวกเขาจะเล็มหญ้ากันที่นั่น  และ ในยามค่ำ เขาจะนอนลงบนที่แผ่นดินอัชเคโลน  เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาจะทรงคิดถึงพวกเขา และทรงรื้อฟื้นเขาขึ้นมาใหม่

 

เศฟันยาห์ 1-4

เศฟันยาห์ 1:14-18

และนี่คือเหตุการณ์ที่จะเกิดกับคนทั้งโลก

วันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว  ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว  เสียงแห่งวันของพระเจ้านั้นขมขื่น   ณ ที่นั่นนักรบผู้กล้าส่งเสียงร้องดังลั่น
วันนั้นเป็นวันของความกริ้วโกรธ  เป็นวันของความทดท้อใจและระทมขมขื่นยิ่ง เป็นวันของความหายนะ และพินาศ  เป็นวันของความมืดและความหดหู่  เป็นวันของเมฆมืดและความดำมิด    วันนี้ เป็นวันที่พระเจ้าทรงเป็นศัตรูกับคนทั้งหลายที่ทำเฉยเมยต่อคำเตือนของพระองค์

เป็นวันของเสียงแตรดังสนั่น เสียงร้องของสงครามเพื่อโจมตีเมืองที่มีป้อมเข้มแข็ง  และเพื่อต่อสู้กับป้อมสูงทั้งหลาย

แม้เมืองที่เข้มแข็งของยูดาห์ ก็ไม่อาจต้านทานพระเจ้าได้

เราจะนำความเจ็บปวดทรมานมาสู่มนุษยชาติ  พวกเขาจะเดินไปเหมือนคนตาบอด  เพราะว่า เขาได้ทำบาปต่อพระเจ้า  เลือดของเขาจะถูกเทออกมาเหมือนฝุ่น  เนื้อของเขาจะถูกเทออกมาเหมือนมูลสัตว์

ตอนนี้ พระเจ้ากำลังกล่าวถึงคนทั้งโลกที่ไม่รับพระองค์  พวกเขาไม่ยอมให้พระเจ้าทรงนำชีวิตของเขา  เขาจึงเหมือนคนตาบอด คลำหาทางหนียังไม่เจอเลย   ดูซิ เลือดและเนื้อจะถูกเทเหมือนสิ่งไร้ค่า

เงินและทองคำของเขา ไม่อาจช่วยเขาให้รอดพ้นในวันแห่งพระพิโรธของพระเจ้า

ให้รวยเท่าไรก็ช่วยไม่ได้  ภาพจากรอยเตอร์

สิ่งที่มนุษย์เห็นว่า มีค่ามาก ไม่อาจจะช่วยใครได้เลย

แผ่นดินโลกทั้งสิ้นจะถูกเผาผลาญด้วยไฟแห่งความหวงแหนของพระองค์

พระเจ้าจะทรงเป็นผู้ให้สิ่งที่มีชีวิตทั้งสิ้นบนผืนโลก ถึงจุดจบโดยฉับพลัน

ความหวงแหนของพระเจ้านั้น คือ พระเจ้าทรงถือว่ามันเป็นพื้นฐานสำคัญของการที่พระเจ้าทรงทำสัญญากับมนุษย์ตั้งแต่สมัยโบราณมา  พระองค์จะไม่ให้ใครมาแทนที่พระองค์… และไม่มีใครจะมาแทนที่พระองค์ได้ด้วย

 

เศฟันยาห์ 1-3

เศฟันยาห์ 1:11-13

เศฟันยาห์กำลังเล่าถึงเหตุการณ์ในอนาคตของนครเยรูซาเล็ม

“จงคร่ำครวญเถิด ชาวบ้านย่านตลาด   เพราะว่า ไม่มีพ่อค้าต่อไปแล้ว  และคนที่ชั่งเงินก็ถูกทำลายไป

จากประตูปลาทางเหนือ   ย่านตลาดครกนั้นอยู่ในกำแพงเมือง เป็นที่ ๆ ทำการค้าขายกันในนครเยรูซาเล็ม  รูปร่างของพื้นที่เป็นเหมือนครก

ภาพ License Some rights reserved by Palestine Exploration Fund

ภาพหุบเขาคิดโรนและหมู่บ้านครกหรือซิโลอาม ภาพนี้น่าจะถ่ายช่วงทศวรรษ  1950

 

ในเวลานั้น เราจะใช้ตะเกียงสำรวจนครเยรูซาเล็ม   และเราจะลงโทษคนที่ปล่อยตัวตามสบาย คิดในใจว่า .. พระเจ้าจะไม่ทรงทำสิ่งดี  และจะไม่ทรงทำสิ่งร้าย…

ที่พระเจ้าทรงเน้นคือ คนที่ปล่อยตัวตามสบาย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจอะไรรอบตัว ไม่สนใจว่า ตนเองได้ทำตัวอย่างไรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า  พวกเขาไม่คิดจะช่วยตัวเองเสียด้วยซ้ำ

พวกเขาเหล่านี้เชื่อว่ามีพระเจ้า  แต่เขาคิดว่า พระองค์ไม่ได้ทรงใส่พระทัยในเหตุการณ์ต่าง ๆ  เขาคิดว่า เรื่องอะไรที่เกิดขึ้นในโลกนั้น  เป็นเรื่องของมนุษย์เท่านั้น ไม่ใช่ของพระองค์  แต่…ความจริงแล้ว พระเจ้าทรงอยู่เหนือทุกสิ่ง  พระองค์ทรงมองทุกสิ่งที่กำลังเกิดบนพื้นโลก…..

สินค้าของพวกเขาจะถูกปล้น  และบ้านพักอาศัยจะถูกทิ้งร้าง  แม้เขาจะเป็นผู้สร้างบ้านเหล่านั้น  เขาจะไม่ได้อาศัยในบ้านนั้น
แม้เขาจะปลูกสวนองุ่น  แต่เขาจะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นจากสวนนั้น “

สินค้า บ้านและสวนไร่นา  เป็นสมบัติของคนมั่งคั่ง   แต่เพราะพวกเขาทำผิดต่อพระเจ้า และคนยากจน พวกเขาจะไม่ได้รับผลตอบแทนจากน้ำมือที่เขาได้กระทำ

 

เศฟันยาห์ 1-2

เศฟันยาห์ 1:7-10

เศฟันยาห์บอกให้ทุกคนนิ่ง ในวันที่พระเจ้าพิพากษา การแก้ตัว หรือแก้ต่าง ไม่มีประโยชน์ในวันนั้น  

วันของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว

จงนิ่งสงบอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า เพราะวันของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว พระเจ้าทรงเตรียมเครื่องบูชา และจะทรงชำระแขกที่พระองค์ทรงเชิญมาให้บริสุทธิ์

แขกของพระองค์คือชาวบาบิโลเนียที่น่ากลัว!

และในวันถวายเครื่องบูชาของพระเจ้าของพระเจ้า เราจะลงโทษข้าราชการ และโอรสของกษัตริย์ รวมทั้งคนที่สวมเสื้อ และทำตามพิธีของคนต่างชาติ

ในวันนั้นเราจะลงโทษทุกคนที่กระโดดข้ามธรณีประตู และคนที่เอาความชั่วร้ายและการหลอกลวงเติมลงไปในบ้านของเจ้านายตน

การข้ามธรณีประตูหมายถึงคนที่รีบออกไปกระทำชั่ว

พระเจ้าประกาศว่า “ในวันนั้น จะได้ยินเสียงร้องไห้จากประตูปลา และเสียงคร่ำครวญจากส่วนที่สอง เสียงกระทบดังโครมครามจากบรรดาเนินเขา

เศฟันยาห์ 1-1

เศฟันยาห์ 1:1-6

เพื่อน ๆ ครับ สิ่งที่เศฟันยาห์พูดนั้น มันเหมือนภาพยนต์ที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับวันสุดท้ายของโลก เรากลัวไหมที่จะเจอวันแบบนั้น ลองคิดถึงความโกลาหล เสียงดังสนั่นของวันนั้น เวลาพระเจ้าจะกวาดมนุษย์ไปหมด มันก็น่าจะเป็นภาพคล้าย ๆ กับคลื่นสึนามิที่มากวาดเราไป แต่ในวันสุดท้ายของพระเจ้านั้น ไม่มีใครหนีรอดได้เลย

คำของพระเจ้ามาถึงเศฟันยาห์  ผู้เป็นลูกชายของคูชี  ซึ่งสืบเชื้อสายมากจากกษัตริย์เฮเซคียาห์

คำนี้มาในรัชกาลราชาโยสิยา  โอรสของราชาอาโมน

พระเจ้าตรัสว่า … เราจะกวาดทุกอย่างให้หมดจากพื้นโลก…

พระเจ้าตรัสว่า … เราจะกวาดทั้งคน และสัตว์ออกไป    ทั้งกวาดนกในอากาศและปลาในทะเล

เราจะกวาดล้างคนชั่ว และกำจัดเหล่ามนุษย์ออกจากพื้นโลก

เราจะยื่นมือออก ต่อสู้กับยูดาห์  ต่อชาวนครเยรูซาเล็มทั้งสิ้น

เราจะกำจัดซากเดน ของจ้าวบาอัลจากที่นี่  กำจัดชื่อเสียงเรียงนามของปฏิมากรปุโรหิต

เราจะกำจัดคนเหล่านันที่กราบไหว้บริวารของฟ้าสวรรค์บนดาดฟ้าหลังคาบ้าน

พวกเขากราบสาบานต่อพระเจ้า  แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังสาบานในนามพระมิลโคม

เราจะกำจัดคนเหล่านั้นที่ไม่ติดตามพระเจ้า  ไม่แสวงหาพระเจ้า หรือทูลถามพระองค์

แนะนำเศฟันยาห์

เศฟันยาห์

เรื่องราวที่เศฟันยาห์กล่าวถึงนั้น ก็เป็นเรื่องอนาคตเช่นกัน  เขาอยู่ในรัชกาลของราชาโยสิยาห์ ซึ่งเป็นโอรสของราชาอัมโมนแห่งยูดาห์   เขาอยู่ในประมาณปี 640 ก่อนคริสตศักราช

พระเจ้าทรงเตือนคนยูดาห์อีกว่า หากพวกเขาไม่กลับใจใหม่  อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง   การลงโทษของพระเจ้าเกิดขึ้นเพื่อชำระพวกเขาทั้งหลายให้มีใจ กายบริสุทธิ์  แม้พระเจ้าจะทรงอวยพรแต่พระองค์จะไม่ทรงมองข้ามความผิดบาปไป  บาปต้องถูกลงโทษ

สมัยของพวกเขานั้น การรับโทษมันทรมานจริง ๆ   และเป็นการรับโทษเป็นกลุ่ม ทั้งชาติโดนพร้อม ๆ กัน ไม่มีใครพ้นจากการลงโทษนั้นไปได้

 

เศฟันยาห์ผู้กล่าวคำที่มีเชื้อสายเป็นหนึ่งในราชวงศ์  แต่ไม่ได้เป็นครอบครัวที่ครองราชย์  ชื่อเศฟันยาห์แปลว่า “พระเจ้าทรงซ่อนไว้”  เศฟันยาห์เกิดในสมัยกษัตริย์มนัสเสห์ที่ชั่วร้าย  อาจเป็นเพราะเขาต้องถูกซ่อนตัวเอาไว้เพื่อความปลอดภัย

หนังสือเศฟันยาห์ทำให้เรารู้ว่า เกิดอะไรขึ้นในเยรูซาเล็มช่วง 7 ศตวรรษก่อนคริสตศักราช  ในขณะที่ราชาโยสิยาห์ปกครอง ก่อนหน้านี้อิสราเอลทางเหนือถูกอัสซีเรีย กวาดไปเป็นเชลย  และช่วงเวลาใกล้ ๆ กัน ก็ต้องเจอกษัตริย์ที่ชั่วร้ายคือ มนัสเสห์ และอาโมน 697-642 ปีก่อนคริสตศักราช

ความชั่วร้ายของกษัตริย์ทั้งสององค์ ทำให้เรารู้ว่า ยังไง ๆ ยูดาห์ก็ต้องพินาศแน่ แต่แล้วเกิดมีกษัตริย์แสนดีขึ้นมาอีกองค์คือ โยสิยาห์  พระองค์ช่วยให้เกิดการรื้อฟื้นใจใหม่  คนกลับใจจากบาป แม้เป็นเพียงช่วงสั้น ๆ  แต่ก็เท่ากับได้ทำให้ความพินาศของเขาช้าลง

ฮาบากุก 3-3

ฮาบากุก 3:17-19

ฮาบากุกยินดีในพระเจ้า?  เขารู้สึกอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อความแห้งแล้ง กันดารอยู่รอบด้าน

ราวกับว่า เขากำลังเตรียมใจสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

เขายอมรับแล้วว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ควบคุมทุกสิ่งในโลกนี้  ไม่ว่าจะดีหรือร้าย

แม้ต้นมะเดื่อจะไม่ผลิดอก

แม้ไม่มีลูกองุ่นงอกขึ้นมา

มะกอกไม่ออกลูก

และทุ่งนาไม่มีอาหาร

แม้ฝูงแกะจะไม่เหลือในคอก

ในโรงวัวไม่เหลืออะไร

แต่กระนั้น ข้าพเจ้าจะยินดีในพระเจ้า

ข้าพเจ้าจะยินดีในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า

พระเจ้า  องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้า

พระองค์ทรงทำให้ขาของข้าพเจ้าเป็นเหมือนขากวาง

พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าเดินย่างไปในที่สูง

 

 

สำหรับผู้อำนวยเพลง  ด้วยเครื่องสาย

 

 

ฮาบากุก 3-2

ฮาบากุก 3:8-16

นี่เป็นภาพที่ฮาบากุกเห็นถึงวันแห่งความทุกข์ยากที่กำลังคืบคลานเข้ามา

พระเจ้าข้า พระองค์ทรงโกรธแม่น้ำทั้งหลายหรือ?   พระองค์ทรงกริ้วต่อแม่น้ำ  หรือว่าทรงโกรธทะเล เมื่อพระองค์ทรงม้าของพระองค์ ทรงม้าศึกแห่งความรอด?

พระองค์ทรงดึงแล่งคันธนูออกมา และทรงเรียกลูกธนูมาอีกมากมาย   พระองค์ทรงแยกผืนโลกด้วยแม่น้ำสายต่าง ๆ  เมื่อภูเขาเห็นพระองค์มันก็บิดตัว  น้ำถาโถมเข้ามา และที่ลึกก็ส่งเสียงเรียก  มันยกมือของมันขึ้นสูง

ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หยุดนิ่งอยู่ในที่ของมัน  เมื่อมันเห็นแสงแห่งลูกธนูที่พุ่งออกไป เมื่อมันเห็นแสงวาบจากหอกของพระองค์

พระองค์ดำเนินไปในโลกด้วยความโกรธ ทรงย่ำประชาชาติต่าง ๆ ด้วยความกริ้ว

พระองค์ทรงออกไปเพื่อความรอดของประชากรของพระองค์  เพื่อความรอดของผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้

พระองค์ทรงทำหลายบ้านของคนชั่วร้ายจนแหลกลาน  ทิ้งให้เขาเปลือยเปล่าตั้งแต่ขาไปจนถึงคอ  เซลาห์

พระองค์ทรงแทงหัวของนักรบด้วยลูกธนูของเขาเอง  พวกเขาบุกมาเหมือนกับลมหมุนเพื่อทำให้ข้าพเจ้ากระจัดกระจายไป   พวกเขาดีใจเหมือนกับได้กัดกินคนจนในที่ ๆ ใครไม่เห็น

พระองค์ทรงย่ำทะเลด้วยม้าศึกของพระองค์  ก้อนน้ำอันทรงพลังพลุ่งพล่าน

ข้าพเจ้าได้ยิน และร่างของข้าพเจ้าสั่นระรัว  ปากของข้าพเจ้าสั่นระริกเมื่อได้ยินเสียงนั้น

กระดูกของข้าพเจ้าก็กร่อนไป ขาของข้าพเจ้าสั่นเทา

แต่กระนั้น ข้าพเจ้าก็จะรอวันแห่งความลำบากอยู่เงียบ  ๆ  วันซึ่งจะมาถึงคนเหล่านั้นที่เข้ามาโจมตีเรา

 

ฮาบากุก 3-1

คำอธิษฐานของฮาบากุก  ตามทำนองชิกิโอโนท
ฮาบากุกกำลังอธิษฐาน  แต่เป็นการอธิษฐานที่พวกเขาร้องไปด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่  ดูเหมือนเป็นคำร้องคร่ำครวญ

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าได้ยินเรื่องราวของพระองค์  ข้าพเจ้าก็ยำเกรงเพราะราชกิจของพระองค์   ในกลางวาระ ขอพระเจ้าทรงให้มันฟื้นขึ้น  ในกลางวาระ ขอพระเจ้าทรงทำให้คนทั้งหลายได้รู้กันทั่ว

เมื่อพระองค์ทรงกริ้ว ขอโปรดระลึกถึงพระเมตตา

พระเสด็จมาจากเทมาน(ทางใต้)    และองค์บริสุทธิ์เสด็จมาจากภูเขาปาราน  เซลาห์

ความงดงามของพระองค์นั้นปกคลุมท้องฟ้า และในโลกก็เต็มด้วยการสรรเสริญพระองค์
ความสง่าตระการของพระองค์นั้น เป็นดั่งความสว่าง  เขานึกถึงครั้งที่พระเจ้านำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์นั่นเอง

รังสีแวบวาบออกมาจากพระหัตถ์ของพระองค์ และที่นั่นพระองค์ทรงคลุมราชอำนาจของพระองค์ไว้
โรคระบาดไปข้างหน้าพระองค์  ภัยพิบัติเดินตามหลังพระองค์
เมื่อกล่าวถึงโรคระบาดและภัยพิบัตินั้น เท่ากับฮาบากุกกำลังพูดถึงการพิพากษาของพระเจ้า

พระองค์ทรงยืน และวัดขนาดของโลก  พระองค์ทรงมอง และเขย่าประชาชาติ  และภูเขานิรันดร์ทั้งปวงก็กระจัดกระจายออกไป  เนินเขาที่ถาวรกลับจมลง  ทางของพระองค์นั้น เป็นทางที่ดำเนินไปไม่หยุด
ดูซิ  แม้สิ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นรากฐานของโลกยังเขย่าเมื่อพระเจ้าทรงให้เกิดแผ่นดินไหว….

แผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด ซินาโน

ข้าพเจ้าเห็นเต้นท์ของคนกูชกำลังพบความลำบาก  ม่านของแผ่นดินมีเดียนก็สั่นเทาด้วยความกลัว

 

ฮาบากุก 2-3

ฮาบากุก 2:15-20

ยังมีความผิดอีกสองอย่างของบาบิโลน
วิบัติแก่คนที่ให้เพื่อนบ้านต้องดื่มเหล้าองุ่น เจ้าเทความโกรธของเจ้าออกมาให้พวกเขาดื่ม เพื่อว่าเจ้าจะได้จ้องมองดูร่างเปลือยเปล่าของพวกเขา
แทนที่เจ้าจะมีศักดิ์ศรี เจ้าเองจะได้รับความละอาย เจ้าดื่มเสียสิ จะได้ให้คนเห็นว่าเจ้าไม่ได้เข้าสุหนัต ถ้วยจากพระหัตถ์ขวาของพระเจ้าจะล้อมรอบเจ้า และความน่าอายจะบังศักดิ์ศรีของเจ้าไปหมด
ความรุนแรงที่เจ้าทำต่อเลบานอนจะกลับมาท่วมเจ้า เจ้าจะกลัวเหมือนกับเวลาที่สัตว์ป่าเผชิญหน้ากับความตาย เพราะว่าเจ้าทำให้เลือดของมนุษย์ตกดิน เจ้าทำการรุนแรงในโลก ต่อเมืองและคนในเมืองมากมาย
บาบิโลนได้ทำให้คนทั้งหลายดื่มเหล้าองุ่น เพื่อพวกเขาจะได้กลายเป็นคนอ่อนแอ ไร้ค่า กลายเป็นเหยื่ออย่างง่ายดาย นี่เป็นวิธีการอย่างหนึ่งเพื่อทำลายศัตรู แต่ถ้วยจากพระเจ้าจะมาหาพวกเขา นั่นก็คือ ถ้วยแห่งพระพิโรธของพระเจ้าจะเวียนมาหาเขา และเขาจะกลายเป็นที่น่าอายต่อหน้าประชาชาติทั่วไป

รูปเคารพให้กำไรอะไรกับเจ้า รูปที่ช่างได้สร้างขึ้นมา เป็นรูปทำจากโลหะ เป็นครูสอนคำมุสา มันให้ประโยชน์อะไรหรือ? คนสร้างรูปปั้นกลับไปเชื่อวางใจสิ่งที่ตนสร้างขึ้นมา รูปปั้นที่พูดไม่ได้!
วิบัติแก่คนที่พูดกับไม้สลักรูปว่า ตื่นขึ้นเถอะ!
หรือกล่าวกับหินว่า ลุกขึ้น!
มันสอน มันแนะนำได้หรือ..?
ดูเถอะ มันเคลือบด้วยเงินและทอง แต่ไม่มีลมหายใจในรูปนั้น
แต่พระเจ้าทรงอยู่ในพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์
โลกทั้งสิ้น จงนิ่งสงบต่อพระพักตร์ของพระองค์เถิด
ท้ายสุดนั้น พระเจ้าทรงบอกเขาว่า พวกเขาโง่เพียงไรที่ติดตามรูปปั้นต่าง ๆ ซึ่งบาบิโลนนั้นมีพระหลายแบบมากมาย ความหายนะของบาบิโลนจะเป็นเครื่องชี้ว่า รูปปั้นพระต่าง ๆ นั้นไม่ใช่พระ แต่พระเจ้าต่างหากที่ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ และพระองค์จะทำให้ทั้งโลกต้องสยบต่อพระองค์

ฮาบากุก 2-2

ฮาบากุก 2:6-14
วิบัติแก่ชาวเคลเดีย (บาบิโลน)
ฮาบากุกได้บอกเล่าถึงวิบัติที่จะเกิดกับบาบิโลน เพื่อน ๆ ครับ ฮาบากุกจะบอกว่าพวกเขาทำผิดอะไร และจากนั้นจะเจอกับอะไร มีสิ่งร้าย ๆ ที่บาบิโลนทำกับผู้อื่นอยู่ 5 อย่าง วันนี้ เราดู 3 อย่างก่อนว่า เป็นอะไรบ้าง
เหล่าชาติต่าง ๆ จะไม่กล่าวคำเยาะหยันด้วยคำเสียดสีและภาษิตต่อต้านเคลเดียหรือ?
พวกเขาจะกล่าวว่า วิบัติแก่คนที่สะสมสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเป็นกองสุมพะเนินเทินทึก จะทำไปนานเท่าไร? แล้วเจ้าหนี้ของเจ้าจะไม่ลุกฮือขึ้นมาทันควัน คนที่ตื่นขึ้นมาจะไม่ทำให้เจ้าตัวสั่นหรือ? แล้วคราวนี้เจ้าจะกลับกลายเป็นคนถูกปล้น
เพราะว่าเจ้าได้ปล้นมาจากหลายชนชาติ คนที่หลงเหลืออยู่จะกลับมาปล้นเจ้าคืน เพราะว่าเจ้าทำให้คนเลือดตก และเจ้าเที่ยวทำความรุนแรงไปทั่ว โจมตีคนในเมืองต่าง ๆ
อย่างแรก บาบิโลนปล้นคนอื่น สะสมสิ่งที่ไม่ใช่เป็นของตนเอง…. บาบิโลนไปตีเมืองไหน ก็เรียกร้องบรรณาการอย่างมากมาย และแน่นอนคนที่ลำบากที่สุดคือ คนยากจนของประเทศที่บาบิโลนไปโจมตี

วิบัติแก่คนที่มีสร้างบ้านเมืองขึ้นมาจากการกระทำชั่ว วางรังของตนให้สูง เพื่อไม่ให้ใครมาทำร้ายได้
เจ้าได้สร้างความละอายให้กับบ้านของเจ้าเอง ด้วยการกำจัดคนอื่นออกไป เจ้าจะทำให้ตัวเองเสียชีวิตแน่นอน
เพราะว่าหินก็จะร้องออกมาจากกำแพง ขื่อไม้จะร้องตอบ
อย่างที่สอง บาบิโลนสร้างเมืองของเขาจากการทำร้ายคนอื่น เอาไม้อย่างดีจากเลบานอน เอาหินขนมาจากประเทศอื่น ๆ
วิบัติแก่คนที่สร้างเมืองจากการนองเลือด และก่อตั้งเมืองขึ้นมาจากความผิดบาป
พวกเขาเอาแรงงานมาด้วยเพื่อสร้างอาณาจักรอันงดงามของตน
ดูเถอะ ที่มนุษย์ต่างทำงานหนักเพื่อไฟ หรือชาติต่าง ๆ เหน็ดเหนื่อยเพื่อความว่างเปล่า ไม่ได้เป็นมาจากพระเจ้าหรอกหรือ? เพราะว่าทั้งโลกจะเต็มไปด้วยความรู้เรื่องพระสิริของพระเจ้า ดั่งน้ำที่ปกคลุมพื้นทะเล!
แต่ถึงอย่างนั้น บาบิโลนจะไม่เหลืออะไร มันกลายเป็นศูนย์ พวกเขาจะถูกปกคลุมด้วยความน่าละอาย แต่ในเวลาเดียวกัน ฮาบากุกได้รับคำจากพระเจ้าว่า แล้ววันหนึ่งทั้งโลกจะรู้ถึงพระสิริของพระเจ้า เหมือนน้ำทะเลที่อยู่ในมหาสมุทร

ฮาบากุก 2-1

ฮาบากุก 2:1-5

 

ฮาบากุกขึ้นไปอยู่บนกำแพงเมือง และรอคอยคำตอบจากพระเจ้า  เขาตั้งใจรอ  ตั้งใจฟัง ต้องการได้ยินเสียงของพระเจ้าตอบเขาตรง ๆ

ข้าพเจ้าจะยืนอยู่ที่หอคอย  และเฝ้าประจำการอยู่บนหอนั้น

ข้าพเจ้าจะคอยดูว่า พระเจ้าจะตรัสอะไรแก่ข้าพเจ้า  และข้าพเจ้าจะตอบพระองค์ถึงสิ่งที่ร้องทุกข์ต่อพระองค์อย่างไร

และพระเจ้าทรงตอบข้าพเจ้าว่า “ จงเขียนศุภนิมิตของเจ้า  เขียนให้ชัดเจนบนแผ่นจารึก  เพื่อว่าคนที่ได้อ่านนั้น จะเข้าใจทันที
เพราะว่า ศุภนิมิตนั้นกำลังรอคอยเวลาที่กำหนดไว้ของมันอยู่  มันกำลังรีบไปถึงที่สุดปลาย และจะไม่มุสา  หากดูเหมือนว่ายังช้าไป ก็ให้รอ เพราะมันจะมาถึงอย่างแน่นอน และไม่ล่าช้าด้วย  พระเจ้าทรงแจ้งให้ฮาบากุกทราบว่า พระองค์จะทรงพิพากษาบาบิโลนอย่างแน่นอน แม้ดูช้า แต่มันจะไม่ช้า มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน  และพระองค์ทรงสั่งให้เขาเขียนไว้ เพื่อคนอื่นจะได้รับรู้ด้วย   และพระเจ้าได้สั่งสอนยูดาห์ โดยให้บาบิโลนมาตี เมื่อ586 ปีก่อนคริสตศักราช   ต่อมาปี 539 ก่อนคริสตศักราช บาบิโลนก็ล่มสลาย

ดูเถิด จิตใจของเขาพองขึ้น  ความต้องการข้างในของเขาไม่ถูกต้อง แต่คนชอบธรรมจะมีชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อของเขา    เขาผู้นี้คือบาบิโลนนั่นเอง พวกเขาผยองขึ้นเรื่อย ๆ คิดว่าจะไม่ล้ม แต่คนที่วางใจพระเจ้านั้น  จะยังอยู่ได้โดยความเชื่อของเขา  แม้ในความยากลำบากเพียงใด มืดมิดเพียงใด  แต่ผู้เชื่อในพระเจ้ามีความหวังในพระองค์

ยิ่งกว่านั้น  เหล้าองุ่นทรยศเขา  เขาเป็นคนเย่อหยิ่งโอหังที่ไม่เคยพัก  ความโลภของเขานั้นมากมายเหมือนแดนคนตาย เหมือนอย่างความตาย ใจเขาไม่เคยรู้สึกมีเพียงพอสักที   เขารวบรวมประชาชาติ และเอาคนเหล่านั้นมาเป็นเชลย   แดนคนตายนี้ ในความหมายคือ ที่ ๆ คนตายจะไปอยู่ และมันไม่เคยเต็มสักที!

คนที่วางใจในตัวเอง และทำให้คนอื่นมาเป็นเบี้ยล่างของตน ไม่ว่าอยู่ในยุคไหนก็เหมือนกันหมด  พวกเขาตะกละ มีเงินมากเท่าไรก็ไม่เคยพอ

 

ฮาบากุก 1-2

ฮาบากุก 1:12-17

ฮาบากุกทูลต่อพระเจ้าอีกครั้ง
พระเจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้านิรันดร์มิใช่หรือ?  ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า  พระองค์ผู้ทรงบริสุทธิ์ยิ่งของข้าพเจ้า   เราจะไม่ตาย

ข้าแต่พระเจ้า  พระองค์ทรงตั้งพวกเขาไว้ให้มาลงโทษพวกเรา  และพระเจ้าข้า พระองค์ผู้ทรงเป็นศิลา  พระองค์ทรงตั้งพวกเขามาเพื่อติเตียนเรา  ฮาบากุกเข้าใจว่า พระเจ้าทรงแต่งตั้งบาบิโลนมาจัดการกับยูดาห์


พระองค์ผู้ทรงมีพระเนตรอันบริสุทธิ์เกินกว่าที่จะทอดพระเนตรความชั่วร้าย และพระองค์ไม่อาจมองที่ความผิด  แต่เหตุใดพระองค์ทรงมองคนทรยศเฉย ๆ  และยังทรงเงียบอยู่ในขณะที่คนชั่วร้ายกลืนกินคนที่บริสุทธิ์ชอบธรรมกว่าพวกเขา ?  พระองค์ทรงทำอย่างนั้นได้อย่างไรพระเจ้าข้า ฮาบากุกไม่เข้าใจ   และนี่ก็เป็นปัญหาที่คนปัจจุบันถามเช่นกัน  ทำไมคนดีจึงตายเร็ว?  ทำไมคนชั่วจึงร่ำรวย  รุ่งเรือง?

พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาเหมือนกับเหล่าปลาในทะเล เหมือนกับสัตว์เลื้อยคลานที่ไม่มีผู้ปกครอง

คนเคลเดียนี้  จะลากพวกเขาขึ้นมาด้วยขอเกี่ยว และลากพวกเขาไปด้วยแห  เขารวบรวมคนเข้ามาด้วยอวนของเขา  เขาไล่ล่าผู้คนอย่างสนุกสนาน  ฮาบากุกเห็นว่า พระเจ้าทรงปล่อยให้คนชั่วลอยนวล

อาณาจักรเคลเดียเรืองอำนาจในช่วงปี  625-539  ปีก่อนคริสตศักราช    เนบูคัดเนสซาร์เป็นผู้บัญชาการกองทัพที่เก่งกล้า  และไม่เท่านั้น เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงตั้งมาให้จัดการกับยูดาห์ด้วย

ภาพจำลองประตูเมืองบาบิโลน อิชตาร์

ดังนั้นเขาจึงถวายเครื่องบูชาต่อแหของเขา และถวายเครื่องหอมให้กับอวนของเขา บาบิโลนเองคิดว่า อาวุธของเขาคือเคล็ดลับของความสำเร็จในการโจมตีผู้อื่น  พวกเขาจึงภูมิใจกับอาวุธเหล่านั้น

เพราะว่า เขาอยู่อย่างหรูหราฟุ่มเฟือยได้ก็เพราะสิ่งเหล่านี้  อาหารของเขามีเหลือเฟือ    เขาจะยังคงฆ่าฟันอยู่เรื่อยไป และสังหารประชาชาติทั้งหลายอย่างไร้เมตตาต่อไปไม่หยุดหย่อนหรือ ?

เนบูคัดเนสซาร์นั้น ทรงสร้างบาบิโลนจนใหญ่โต  เรืองอำนาจ  มีกำแพงเมืองหน้า ยี่สิบกว่าเมตร  แค่ประตูเมืองก็งดงามจนตะลึงลาน  สร้างทั้งซิกกูรัท ซึ่งเป็นอาคารสูง   ราชวังของพระองค์ใหญ่โตยิ่ง  และยังมีสวนลอยเต็มด้วยไม้นา ๆ พันธุ์ ที่สร้างให้มเหสีอีกด้วย

ฮาบากุก 1-1

ฮาบากุก 1:1-11

ภาระหนักที่ฮาบากุกได้เห็น….

ฮาบากุกร้องทูล

ข้าแต่พระเจ้า  ข้าพเจ้าจะต้องร้องขอความช่วยเหลือนานเท่าไร?  ข้าพเจ้าจะกล่าวคำว่า “ความรุนแรง!”นานเท่าไร และพระองค์ก็ไม่ทรงช่วย.?
เหตุใดพระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าเห็นความอยุติธรรม และเหตุใดพระองค์ทรงมองความผิดเฉย ๆ?

สิ่งที่ฮาบากุกไม่เข้าใจเลยคือ  ทำไมพระเจ้าไม่ทรงตอบคำอธิษฐาน   เขาขอให้พระเจ้าทรงจัดการกับคนที่ผิด  แต่ดูเหมือนพระองค์ทรงเฉยเมย   ไม่น่าเชื่อ พระองค์ทรงทำอย่างนี้ได้อย่างไร… ตอบข้าพเจ้าหน่อย ฮาบากุกเรียกร้อง

ความพินาศและความรุนแรงอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า  การต่อสู้ การแก่งแย่งก็เกิดขึ้นเต็มไปหมด
ดังนั้นกฏหมายจึงไร้อำนาจ และความยุติธรรมก็ไม่เกิดขึ้น
เพราะคนชั่วร้ายรุมล้อมคนชอบธรรม  ดังนั้น ความยุติธรรมจึงถูกบิดเบือน ออกนอกลู่นอกทางไป  เราคงเห็นแล้วว่า ในสังคมเมื่อความชั่วร้ายเกิดขึ้น ขาวกลายเป็นดำ  คนถูกกลายเป็นคนผิด  คนผิดกลายเป็นคนถูกต้อง  ฮาบากุกทนไม่ได้แล้ว  แต่ในที่สุด พระเจ้าทรงให้คำตอบที่ฮาบากุกไม่ชอบใจ

พระเจ้าทรงตอบ
ให้เจ้ามองไปตามประชาชาติต่าง ๆ  และเห็นการอัศจรรย์  ให้เจ้าประหลาดใจได้เลย  เพราะว่า เรากำลังทำราชกิจของเราในวันเวลาที่เจ้ามีชีวิตอยู่   หากเจ้าแค่ได้ยินเรื่องนี้เจ้าจะไม่เชื่อ

ในสมัยของฮาบากุกนั้น  การเมืองต่างประเทศกำลังวุ่นวายไปหมด  อัสซีเรีย (นีนะเวห์)   กำลังจะหมดอำนาจ  ผู้ที่เริ่มมีกำลังมากขึ้นคือเคลเดียซึ่งก็คือบาบิโลนนั่นเอง ผู้นำของบาบิโลนตอนนั้นคือ เนโบโพลัสซาร์   ปี 626 ก่อนคริสตศักราช บาบิโลนเป็นอิสระจากอัสซีเรีย  และค่อย ๆ มีอำนาจมากขึ้นจนกระทั่งสามารถโจมตีอัสซีเรียจนพ่ายราบคาบในปี  605  ก่อนคริสตศักราช    (ทั้งสองอาณาจักรนี้ อยู่ทางตะวันออกของอิสราเอล)

เพราะดูเถิด  เราจะยกคนเคลเดียขึ้น พวกเขาเป็นชาติที่ขมขื่นและเดือดเลือดพล่าน ชาติที่เข้าประจัญบานทะลุผ่านแผ่นดินในโลกเพื่อจับกุมคนที่ไม่ใช่เป็นชนชาติของตน     พวกเขาน่าสะพรึงกลัว และน่าหวาดหวั่น   เขาถือว่า ตัวเขาเองนี่แหละเป็นผู้ให้ความยุติธรรม   พวกเขาแสวงหาเกียรติให้ตนเอง

เนบูคัดเนสซาร์ คือผู้นำกองทัพที่จะมาโจมตียูดาห์ เป็นกษัตริย์ที่เชี่ยวชาญ รวดเร็วในการทำสงคราม

ภาพวาดโดย ชาร์ลส์  เฮนรี่ แกรงเกอร์  (1812-1893)

ม้าศึกของพวกเขานั้นวิ่งเร็วกว่าเสือดาว  ดุร้ายกว่าสุนัขป่ายามค่ำ พลม้าก็ควบมันไปอย่างโอหัง   พลม้านั้นมาจากที่ไกล ราวกับอินทรีบินมาโฉบเหยื่อ
พวกเขาตั้งหน้ามาเพื่อทำการรุนแรง   และโกยกอบเชลยไปเหมือนกอบทราย     พวกเขาเยาะกษัตริย์ทั้งหลาย  และเย้ยเหล่าผู้นำ    พวกเขาหัวเราะให้กับป้อมปราการ  เพราะพวกเขาเพียงก่อดินทรายขึ้นมา แล้วก็ยึดป้อมเหล่านั้นได้   จากนั้นก็กวาดไปเหมือนลมกวาดแล้วก้าวต่อไป  เหล่าคนผิด เขาถือว่า กำลังของเขาคือพระเจ้า

พระเจ้าทรงตอบว่า พระองค์จะทรงยกคนเคลเดียขึ้น!   พวกเขาจะมาทำการรุนแรงกับพวกเรา  .  พระเจ้าทรงใช้คนที่น่ากลัว มีพลังมากอย่างเช่นราชาเนบูคัดเนสซาร์ซึ่งครองเมื่อปี  605 ปีก่อนคริสตศักราช    อาณาจักรที่เนบูคัดเนสซาร์ครองนั้นรุ่งเรืองมาก  จนกระทั่งปี  539 ก่อนคริสตศักราชจึงถูกอาณาจักรเปอร์เซียโจมตี

คนเคลเดียนี้ ไม่สนใจกฎหมายของใครทั้งสิ้น  เขาถือว่า อำนาจสูงสุดอยู่ที่พวกเขาเอง  เป็นพวกที่โจมตีอย่างรวดเร็วทันควัน ไม่รอช้า  พวกเขารวดเร็วเหมือนเสือดาว  ดุเหมือนสุนัขป่า และยังกระหายชัยชนะดั่งอินทรีอีกด้วย

พวกเขาใช้วิธีการโจมตีด้วยม้า และด้วยการสร้างหอคอยเคลื่อนที่ขึ้นมาเพื่อประชิดกำแพงเมืองที่พวกเขาจะเข้าไปโจมตี    และพวกเขาก็ทำสำเร็จเสมอมา   นี่เองทำให้พวกเขาคิดว่า กำลังของเขานี่แหละ คือพระเจ้าของเขา

 

แนะนำฮาบากุก

เราไม่ทราบความเป็นมาของฮาบากุกมากนัก ไม่ทราบประวัติส่วนตัว    เขาพยากรณ์ถึงการเข้ามาบุกโดยอาณาจักรบาบิโลน  และความพินาศของยูดาห์    เขากล่าวว่า พระเจ้าทรงยกบาบิโลนขึ้น   บาบิโลนเป็นใหญ่  และพระเจ้าจะทรงใช้บาบิโลนจัดการกับความบาปของยูดาห์      เวลาที่ฮาบากุกกล่าวถึง น่าจะเป็นการที่บาบิโลนโจมตีอาณาจักรอัสซีเรียและเมืองนีนะเวห์    และเวลาที่บาบิโลนเข้ามาตีเยรูซาเล็มด้วย (587 ปีก่อนคริสตศักราช)

ฮาบากุกน่าจะอยู่ในสมัยของกษัตริย์ โยสิยาห์ (640-609 ปีก่อนคริสตศักราช) เขาเห็นการรื้อฟื้นของยูดาห์   เขาเห็นคนทั้งประเทศกลับมาหาพระเจ้า และอยู่อย่างถูกต้องจนกระทั่งโยสิยาห์สิ้นพระชนม์   ทิ้งบัลลังก์ไว้ให้กับโอรส   ซึ่งโอรสของพระองค์ก็ได้นำประเทศตกสู่ความงมงาย  และการไหว้รูปเคารพอีก     ทำให้ฮาบากุกได้เห็นสภาพการตกลงไปในความบาปของยูดาห์อีกครั้ง ….

ฮาบากุกเป็นคนที่คิดแล้วถาม  เขาเห็นสิ่งที่ไม่เข้าใจ ก็ไม่เก็บเอาไว้  เขาถาม เขาท้า เขาทูลตรง ๆ ต่อพระเจ้า คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น เขาสงสัยว่า เหตุใดพระเจ้าจึงทรงส่งคนที่ไม่เชื่อในพระองค์มาเป็นผู้ลงโทษพวกเขา

และเขาก็เฝ้ารอคอยคำตอบจากพระเจ้าด้วย  แม้จะงุนงงในคำตอบนั้น  เขาก็ต้องยอมรับพระองค์

ข้อพระคำที่เป็นกำลังใจของเรามาก ๆ มาจากหนังสือเล่มนี้ คือ

แม้ไม่มีอะไรเหลือในชีวิต  แม้พระพรขาดหายไป  แต่ก็ยังจะยินดีในพระเจ้าที่เขาวางใจ

 

 

 

นาฮูม 3-2

นาฮูม 3:11-

นาฮูมได้กล่าวคำล่วงหน้าให้ชาวเมืองนีนะเวห์รู้ว่า พวกเขาก็จะเป็นเหมือนเมืองเธเบส   เหมือนคนเมา เขาไม่สามารถจะสู้ศึกครั้งนี้ได้

เจ้าก็เช่นกัน เจ้าจะเมาและหาที่หลบซ่อน  เจ้าจะหาที่ลี้ภัยให้พ้นจากศัตรูของเจ้าเอง
และป้อมปราการของเจ้าจะเป็นเหมือนต้นมะเดื่อที่มีผลแรกของฤดู  เมื่อเขย่าต้น มันก็จะตกลงมาใส่ปากของคนกิน  แม้กระทั่งกำแพงที่ใหญ่โตของนีนะเวห์นั้น ไม่สามารถต้านทานศัตรูได้เลย มันจะเป็นด่านแรกที่ศัตรูเข้ามาโจมตี


ดูเถิด กองทัพของเจ้าเป็นทหารหญิงท่ามกลางเจ้า    ประตูแผ่นดินของเจ้าก็เปิดออกรับศัตรู   ไฟเผาไหม้ดาลประตูของเจ้า  ไม่ใช่เป็นทหารหญิง  แต่กลับกลายเป็นทหารชายที่กลัวลาน เหมือนผู้หญิง
รีบหาน้ำมาก่อนที่จะถูกล้อมเมือง    ทำให้ป้อมของเจ้าเข้มแข้ง  รีบไปหาดิน และย่ำผสมปูน    จับเอาแบบพิมพ์อิฐออกมา
จะมีไฟเผาเจ้า  และดาบจะฟันเจ้าทิ้งไป   มันจะกินเจ้าเหมือนกับจั๊กจั่น ดังนั้นเจ้าจงทวีคนของเจ้าขึ้นเหมือนจั๊กจั่น  ให้เหมือนฝูงตั๊กแตน

ถึงแม้จะเตรียมตัวอย่างไร ก็ไม่มีวันรอดพ้นไปได้   การเตรียมตัวนั้น ยังไร้ผล

เจ้าเพิ่มพ่อค้าของเจ้ายิ่งกว่าดาวบนท้องฟ้า  จั๊กจั่นจะกางปีกออกและบินไป   นีนะเวห์เป็นเมืองการค้า  แต่การค้าที่ทำให้เมืองมั่งคั่ง ก็ยังไม่มีประโยชน์อันใด ในเวลาแห่งความวิบัตินั้น  มันหายกันไปหมด…

เจ้านายของเจ้าเป็นเหมือนตั๊กแตน  ธรรมาจารย์ของเจ้าเหมือนกับฝูงจั๊กจั่น
ซึ่งมาเกาะอยู่ที่รั้วในวันที่หนาวเหน็บ
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น  มันก็บินไป  ไม่มีใครรู้ว่า มันไปอยู่ที่ไหน

คนเลี้ยงแกะของเจ้าหลับใหล   โอ ราชาแห่งอัสซีเรีย ขุนนางของเจ้าก็ง่วงเหงาหาวนอน   ประชาชนของเจ้ากระจัดกระจายอยู่บนภูเขา ไม่มีใครรวบรวมเขาเข้ามา

ไม่มีการบรรเทาความเจ็บปวดของเจ้า  บาดแผลของเจ้าฉกรรจ์นัก คนที่ได้ยินข่าวเรื่องของเจ้าตบมือเยาะเย้ยเจ้า

เพราะทุกคนต่างสัมผัสความชั่วร้ายอันไม่หยุดหย่อนของเจ้ากันมาแล้วทั้งนั้น
นีนะเวห์เคยทำร้ายคนอื่นอย่างไร …เขาก็จะเจออย่างเดียวกัน

 

นาฮูม 3-1

วิบัติของนีนะเวห์

นาฮูม 3:1-10

วิบัติแก่เมืองที่โชกเลือด  มีแต่การมุสาและการปล้น   จับคนมาเป็นเหยื่ออย่างไม่สิ้นสุด

สำหรับประเทศ และเมืองที่ผู้นำมุสา และปล้นจากประชาชน มันไม่น่าจะมีอะไรเหลืออยู่แล้ว…. ประชาชนกลายเป็นเหยื่อของผู้นำ  ..ดูเหมือนว่า สมัยก่อน สมัยนี้ ไม่ได้มีอะไรต่างกันสักเท่าไร

เสียงแส้  และเสียงล้อรถหมุนดังสนั่น  เสียงม้าควบและรถรบ

พลม้าออกคำสั่ง  ดาบสะท้อนแสง   หอกเปล่งประกาย   นักฆ่ามากันเป็นกองทัพ   ศพกองพะเนิน  ซากศพมากมายสุดสายตา  พวกเขาวิ่งสะดุดร่างเหล่านั้น

นาูฮูมได้ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับนีนะเวห์  พวกเขาจะพังพินาศเพราะข้าศึกบุกเข้ามาอย่างไร

และยังมีกิจกรรมของคนขายตัวอีกไม่หมดสิ้น   เดินเฉิดฉายไปมาอย่าง และดููสวยพริ้งจนตะลึง  พวกเธอทรยศต่อชาติด้วยการขายตัว  เธอทรยศประชาชนด้วยเสน่ห์ของเธอ

ดูเถิด  เราเป็นศัตรูกับเจ้า  พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพทรงประกาศ

เราจะเปิดกระโปรงของเจ้าคลุมหน้าเจ้าเสีย  เพื่อว่า ชนชาติทั้งหลายจะได้เห็นความเปลือยเปล่าของเจ้า  และอาณาจักรทั้งหลายจะเห็นความน่าละอายของเจ้า    เราจะเขวี้ยงสิ่งสกปรกใส่เจ้า  และทำกับเจ้าด้วยความรู้สึกขยะแขยง   เราจะทำให้ใคร ๆ ก็เห็นเจ้า

พระเจ้าตรัสประกาศว่า พระองค์ทรงเป็นศัตรูกับเขา  และความพินาศที่พระองค์จะทรงนำมานั้น ใคร ๆ ก็จะรู้ จะเห็นกันไปทั่ว

และทุกคนที่มองมายังเจ้าจะหลีกหนีเจ้า และกล่าวว่า
“นีนะเวห์เสียหายย่อยยับไปหมดแล้ว  ใครจะมาโศกเศร้ากับเธอเล่า?  ฉันจะไปหาคนปลอบใจเจ้าจากที่ไหน?

ไม่มีใครจะมาสงสารนีนะเวห์เลย  ต่างก็สมน้ำหน้า ใคร ๆ จะหนีเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนีนะเวห์

เจ้าดีกว่าเเธเบสที่นั่งอยู่ริมน้ำไนล์ มีน้ำอยู่รอบข้าง  มีทะเลเป็นป้อมปราการ และมีน้ำเป็นกำแพงอย่างนั้นหรือ?
คูชเป็นกำลังของเธอ  รวมทั้งอียิปต์ด้วย ทั้งสองเป็นกำลังไม่จำกัดของเธอ  ส่วนพุท และลิบยา ก็เป็นผู้ช่วยเธอ

แต่เธอกลับต้องถูกเนรเทศ  ไปเป็นเชลย  ลูกน้อยก็ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ตามหัวถนนทุกแห่ง   ผู้ชายที่มีเกียรติของเธอถูกโยนทิ้ง และวีรบุรุษต่างถูกล่ามโซ่

ในขณะที่เธเบส ในอีิยิปต์  มีแม่น้ำไนล์เป็นเหมือนกำแพงปกป้องเมืองไว้  และยังมีพันธมิตรที่จะเข้ามาช่วยเหลือ  แต่ถึงกระนั้น ในประวัติศาสตร์  เธเบสถูกโจมตีโดยอัสซีเรีย   ถูกปล้นและทำลายจนย่อยยับ  และทหารอัสซีเรียจับฉลากกันว่า ใครจะได้คนที่เก่ง มีความสามารถไปเป็นทาสของตน

 

นาฮูม 2

นาฮูม 2

นาฮูมมองเห็นล่วงหน้าว่า จะมีกองทัพใหญ่เข้ามาตีนีนะเวห์ และเขาก็บอกถึงเหตุการณ์ในรายละเอียดว่า มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ในการกล่าวถึงความงามของยาโคบนั้น นาฮูมกำลังให้ชาวนีนะเวห์เข้าใจว่า ถ้าอิสราเอลจะรื้อฟื้นขึ้นมาได้  ก็เกี่ยวพันกับนีนะเวห์ด้วย

ผู้ที่ก่อกวนสร้างความปั่นป่วนได้ขึ้นมาต่อสู้เจ้า  จงรวบรวมคนให้ประจำที่ในป้อม  เฝ้าระวังถนน  แต่งตัวสำหรับการรบ  รวบรวมกำลังทั้งสิ้นของเจ้า

เพราะพระเจ้าทรงรื้อฟื้นความวิจิตรตระการของยาโคบ ให้กลับมาเหมือนความวิจิตรตระการของอิสราเอล   เพราะว่า ผู้ที่มาปล้น(ก่อนหน้านี้) ได้ปล้นมันไป และทำลายลูกหลานของเขา

การรบครั้งนั้น น่ากลัว  เรียกได้ว่า เป็นสงครามที่นองเลือดอย่างมาก
โลห์ของนักรบเป็นสีแดง และทหารก็สวมเสื้อรบสีเลือด   รถรบวิ่งมาพร้อมกับแสงแวบแปลบปลาบ  ในวันที่พระองค์ทรงรวบรวมกำลังพล  เขากวัดแกว่งหอกไม้ไซเปรส

รถรบวิ่งอย่างรวดเร็วบนถนน มันรีบวิ่งไป วิ่งมาผ่านสี่แยก  มันส่องเป็นประกายดั่งเปลวไฟ   วิ่งผ่านโฉบอย่างเร็วเหมือนสายฟ้า
พระราชาทรงจำข้าราชการของพระองค์ได้  พวกเขาสะดุดไปตามทาง ปีนกำแพงขึ้นไป  และตั้งหอคอยกันอาวุธขึ้น
แม้ว่านีนะเวห์จะเตรียมตัวพร้อมแล้ว  ถึงกระนั้นศึกครั้งนี้ก็สาหัสมาก


ประตูที่แม่น้ำเปิดออก  ราชวังก็ละลายไป  เหล่าสนมถูกเปลื้องผ้า ถูกจับออกไป ส่วนนางทาสก็คร่ำครวญ  โอดโอยเหมือนนกเขา  ทุบอกตัวเองร่ำไห้

นีนะเวห์เป็นเหมือนสระน้ำที่น้ำเหือดแห้งไป  “หยุด  หยุด!”  พวกเขาร้อง แต่ไม่มีใครหันกลับมา ปล้นเงิน  ปล้นทอง  ดูเหมือนว่า ทรัพย์สินมีค่านั้น ไม่หมดสักที     แม้เตรียมตัวดี  มีทหารพร้อม แต่ทหารเหล่านั้นเหมือนสระน้ำที่ไม่มีน้ำ  พวกเขาไร้ค่า ไม่สามารถต้านทานข้าศึกได้
ร้างแล้ว  ทั้งร้าง และพังพินาศไปหมด!
ใจสลาย  หัวเข่าสั่นระริก เจ็บปวดไปหมดทั้งตัว   ใบหน้าของทุกคนซีดเผือด!   แล้วในที่สุด นีนะเวห์ก็ไม่เหลืออะไร

ถ้ำสิงโตอยู่ที่ไหน?
ที่ที่ลูกสิงโตกินเหยื่อ ที่ ๆ ลูกสิงโตไม่ถูกใครรบกวน?
พ่อสิงห์ฉีกเหยื่อให้ลูกจนพอให้ลูกกิน  มันรัดคอเหยื่อให้แม่สิงห์  มันหาอาหารมาให้จนเต็มถ้ำ  มีซากเนื้ออยู่ในโพรงของมัน
สิงโตเป็นเครื่องหมายของนีนะเวห์…. แต่มาบัดนี้ หาพวกเขาไม่เจอแล้ว
ดูเถิด  เราเป็นศัตรูกับเจ้า  พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพทรงประกาศ และเราจะเผารถรบของเจ้าควันขโมง  และดาบนั้นจะประหารสิงห์หนุ่มของเจ้า เราจะเอาเหยื่อของเจ้าไปจากโลก  และจะไม่ได้ยินเสียงของผู้สื่อสารทั้งหลายอีกต่อไป