สาส์นจากราชาฮีราม ๒-๒

2  พงศาวดาร 2:11-18

ราชาฮีรามแห่งเมืองไทระทรงยินดีกับราชาซาโลมอนยิ่งนัก  ด้วยลายพระหัตถ์ทรงตอบกลับมาว่า
“พระเจ้าทรงรักประชากรของพระองค์จริง ๆ   พระองค์จึงทรงทำให้ท่านเป็นพระราชาเหนือพวกเขา

สาธุการแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าแห่งอิสราเอล
พระองค์ผู้ทรงสร้างท้องฟ้า และสวรรค์ รวมไปถึงแผ่นดินโลกนี้
พระองค์ผู้ได้ประทานโอรสที่เต็มด้วยความเข้าใจ สติปัญญา  และเฉลียวฉลาดแก่ราชาดาวิด
เป็นโอรสผู้จะทรงสร้างพระวิหารถวายพระองค์
และสร้างราชวังเพื่ออาณาจักรของพระองค์ “

ช่างเป็นจดหมายที่น่าประหลาดยิ่ง   ราชาฮีรามเป็นชาวต่างชาติที่ยกย่องพระเจ้าอย่างสูง   ทรงรู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้ใด น่าอัศจรรย์จริง!

“ข้าพเจ้าได้ส่งช่างฝีมือคนหนึ่งมาให้  เขาชื่อหุราม  เป็นยอดช่าง  เขาเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของข้าพเจ้าเอง
บิดาเป็นคนชาวไทระ  แต่มารดาเป็นเผ่าดาน
หุรามผู้นี้  ชำนาญทั้งเรื่องทองคำ  เงิน  ทองเหลือง  เหล็ก หิน และไม้   ยังไม่พอ  เขายังเก่งเรื่องผ้าและการแกะสลักด้วย เขาสามารถทำทุกอย่างตามที่ออกแบบมา”

ภาพของอนุสาวรีย์ที่ฝังพระศพของราชาฮีราม จาก gutenberg

โอโห… จะหาคนอย่างนี้ในโลกช่างยากเหลือ   ในสมัยนี้ เราจะมีช่างทอง  ช่างเงิน ฯลฯ   แต่สารพัดช่างแบบนี้หายากจริง ๆ
“เขาจะทำงานกับช่างของท่าน ซึ่งเป็นช่างฝีมือของราชาดาวิด…

ส่วนข้าวสาลี  และเสบียงอื่น ๆ ที่ท่านกล่าวมานั้น ขอส่งไปให้คนที่จะทำงานรับใช้ท่านโดยตรง  และพวกเขาจะตัดไม้เท่าที่ท่านต้องการ จากเลบานอน  ส่งทางน้ำมาให้ผ่านเมืองจอปปา (ยัฟฟา)  เพื่อว่าจะได้ขนต่อไปยังเยรูซาเล็มโดยง่าย”

พอได้สาส์นตอบจากราชาฮีรามเช่นนี้

ราชาซาโลมอนก็ทรงดำเนินการต่อ  ด้วยการทำสำมะโนครัวคนต่างด้าวในแผ่นดิน  พบว่า มีอยู่  153,600 คน  ดังนั้นจึงแบ่งพวกเขาให้ทำงานขนของ สกัดหิน  และเป็นคนคุมงาน

 

 

สาส์นจากราชาซาโลมอน ๒-๑

2 พงศาวดาร 1:18-2:10

หลังจากนั้นมา ราชาซาโลมอนก็ยังได้สะสมรถม้า  และม้า รวมถึงพลรบอีกมากมาย ทั้งเอาไว้ขายต่อ และ เก็บกระจายไปตามหัวเมืองต่าง ๆ  และในเยรูซาเล็ม  มีทองคำมากมายในเมืองเยรูซาเล็ม  มีสนสีดาร์กลาดเกลื่อน  เรียกได้ว่า เป็นยุคที่รุ่งเรืองมากจริง ๆ

สิ่งก่อสร้างสองอย่างที่ราชาซาโลมอนจะทรงสร้างคือ ราชวัง และพระวิหาร โดยมีคนแบกหาม  70,000  คน   ช่างสกัดหิน 80,000 คน  และคนคุมงานอีก 3,600  คน  ใช้จำนวนมหาศาล

แต่.. การทำงานสร้างพระวิหารนี้ ต้องการช่างฝีมือเก่ง ๆ  คนอิสราเอลเอง ไม่ได้เก่งในการก่อสร้างและการตกแต่ง   แต่มีคนทางเหนือ คนชาวเมืองไทระ เป็นผู้ที่มีความสามารถในการใช้ฝีมือ ทำงานด้านโลหะต่าง ๆ

ดังนั้น ราชาซาโลมอนจึงส่งสาส์นไปหากษัตริย์ฮีราม

กษัตริย์ฮีรามแห่งเมืองไทระ  มีน้ำใจดีต่อราชาดาวิดมาโดยตลอดเคยส่งวัสดุก่อสร้างมาให้ราชาดาวิดเพื่อสร้างวัง  ซึ่งแน่นอนราชาดาวิดก็ได้จ่ายค่าตอบแทนไปอย่างงดงามเช่นกัน

ราชาซาโลมอนส่งสาส์นไปหาราชาฮีราม

“ข้าแต่พระราชาฮีรามแห่งไทระ  ข้าพเจ้าซาโลมอน โอรสของราชาดาวิด ขอส่งความเคารพและความปรารถนาดีมาถวาย……

ด้วยข้าพเจ้ากำลังจะสร้างพระวิหารเพื่อพระนามของพระเจ้าของข้าพเจ้า  …. พระวิหารนี้มีเพื่อถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าทุกเช้าเย็น ทุกวันสะบาโต และเทศกาลอื่น ๆ….

พระวิหารที่จะสร้างนี้ยิ่งใหญ่ เพราะพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เหนือพระอื่นใดทั้งหมด  แต่ใครเล่าจะสามารถสร้างที่ประทับสำหรับพระเจ้าองค์นี้  เพราะฟ้าสวรรค์ จักรวาลยังไม่อาจรองรับพระองค์ได้   ข้าพเจ้าเป็นใครที่จะสร้างพระวิหารเพื่อพระองค์  ข้าพเจ้าคงสร้างได้แต่พระวิหารเพื่อเป็นที่บูชาพระองค์

ขอพระราชาแห่งไทระ โปรดส่งช่างฝีมือด้านทอง เงิน ทองเหลือง เหล็ก งานผ้า การทอผ้า ย้อมผ้า  ช่างแกะสลัก เพื่อทำงานกับช่างชาวอิสราเอลที่ราชบิดาของข้าพเจ้าเตรียมไว้

ขอโปรดส่งซุงไม้สนสีดาร์ ไม่สนอื่น ๆ และไม้ประดู่จากเลบานอนมาด้วย   คนของท่านเก่งในการตัดไม้  ข้าพเจ้าจะส่งคนไปทำงานกับคนของท่าน เพื่อจะได้ซุงพอเพียงทันเวลา

ข้าพเจ้าจะส่งข้าวสาลีตำ 4,400  กิโลลิตร  ข้าวบาร์เลย์ 4,400 กิโลลิตร   เหล้าองุ่น 440 กิโลลิตร  น้ำมันมะกอก 440 กิโลลิตรสำหรับคนงานเลื่อยซุงของท่าน  ….”

ราชาซาโลมอนยังทรงเขียนลายละเอียดอีกหลายอย่างเพื่อว่า  คนของราชาฮีรามจะได้เข้าใจสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์

แล้วราชาฮีรามจะทรงทำให้อย่างที่ราชาซาโลมอนขอหรือไม่

 

 

 

 

 

การเริ่มต้นที่ดี ๑-๒

2 พงศาวดาร 1:10-17

คำทูลขอของราชาซาโลมอน เป็นสิ่งที่ทำให้พระเจ้าทรงยินดียิ่งนัก

“เพราะสิ่งที่อยู่ในใจของเจ้านี้เอง  เจ้าไม่ได้ขอทรัพย์สมบัติให้มากขึ้น  ไม่ได้ขอเกียรติยศ  หรือชีวิตของศัตรู  ชีวิตของคนที่เกลียดชังเจ้า  และเจ้าไม่ได้ขอชีวิตยืนยาว

แต่เจ้าได้ขอสติปัญญา และความรู้  เพื่อว่าเจ้าจะได้ปกครองประชากรของเราอย่างเที่ยงธรรม และเจ้าไม่ได้ขอความรู้เพียงเพื่อตัวเจ้าเอง   ดังนั้น เราจะให้สติปัญญา และความรู้แก่เจ้า  เราจะให้ทั้งทรัพย์สมบัติ  ความมั่งคั่ง และเกียรติยศแก่เจ้าอย่างที่ไม่มีกษัตริย์องค์ใดก่อนเจ้าจะได้รับ

และภายหลัง ในอนาคต ก็จะไม่มีใครได้มากเหมือนเจ้าเลย”

ภาพจากhttp://rainingtruthsmallrain.wordpress.com

ซาโลมอนทรงปลาบปลื้มยิ่งนัก

พระองค์ทูลขอสติปัญญาเพื่อจะปกครองประเทศให้ดี

เพื่อจะได้เป็นกษัตริย์ที่ทรงธรรม  ประชาชนจะได้เดินในทางที่ถูกต้อง

พระเจ้าทรงพอพระทัย

และพระองค์ประทานเกินกว่าที่ขอเสียอีก

 

นี่เป็นการเริ่มต้นของรัชสมัยซาโลมอน

ราชบิดาได้ทรงเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม  แต่สิ่งต่าง ๆ ที่เตรียมไว้นั้น หากราชาซาโลมอนเป็นกษัตริย์ที่ไร้ปัญญา ก็คงไม่อาจทำอะไรให้สำเร็จตามที่ทรงถูกกำหนดให้ทำ    และจะสามารถทำให้ทุกอย่างที่เตรียมไว้ไร้ประโยชน์ไปได้

 

พระเจ้าได้ประทานสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าสรรพสิ่งที่ราชบิดาเตรียมไว้ให้

นั่นคือสติปัญญาและความรู้ที่จะปกครองคนจำนวนมากมาย

สติปัญญาและความรู้ที่จะตัดสินคดีต่าง ๆ  อย่างเที่ยงธรรม

สติปัญญาและความรู้ที่จะจัดระบบการปกครองให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

สติปัญญาและความรู้ที่จะนำให้ประชาชนเดินตามพระเจ้าอย่างมั่นคง

 

เวลาเราเริ่มทำอะไร ตั้งแต่การเรียน การสอบ การทำงาน  การทำกิจกรรมต่าง ๆ กับเพื่อน ๆ  …. หากเรามีสติปัญญาและความรู้จากพระเจ้าเหมือนอย่างราชาซาโลมอน….. มันจะยอดเยี่ยมมาก ๆ เลย

 

สิ่งที่ขอ ๑-๑

1   พงศาวดาร 1:1-9

การเริ่มต้นของรัชสมัยราชาซาโลมอนนั้น ยิ่งใหญ่  มีเกียรติ  ไร้ศึกสงครามทั้งปวง   ทำให้ประเทศมั่นคงและแผ่อำนาจไปรอบ ๆ  ทั้ง ๆ เป็นพื้นที่ไม่กว้างใหญ่เหมือนอย่างอียิปต์    ราชบิดาเองก็ได้ทรงเตรียมทุกอย่างไว้ให้ ทำสงครามปกป้อง และโจมตีไปเสียราบคาบหมดแล้ว

แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่ทำให้ราชาซาโลมอนมั่นคงจริง ๆ  คือสิ่งที่พระคัมภีร์บันทึกไว้

“องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่กับซาโลมอน

และพระองค์ทรงทำให้ราชาซาโลมอนนั้นยิ่งใหญ่มาก”

 

ราชาซาโลมอนเริ่มต้นด้วยการนำประชาชน นายทหาร และผู้นำด้านต่าง ๆ ไปยังเมืองกิเบโอน  ณ ที่นั่น มีพลับพลาของพระเจ้าอยู่  มีแต่พลับพลา ส่วนหีบพันธสัญญาของพระเจ้านั้น ราชาดาวิดได้ทรงนำมาไว้ที่เยรูซาเล็มแล้ว   ราชาซาโลมอนได้ถวายเครื่องบูชาอย่างมโหฬารแด่พระเจ้า

ราชาซาโลมอนได้ทำสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ   พระองค์ได้เข้ามาเฝ้าพระเจ้า และนมัสการพระเจ้าก่อนอื่นใด  ก่อนที่จะเริ่มต้นปกครองประเทศ

 

ภาพวาดโดย Luca Giordano 1634-1705

คืนนั้น พระเจ้าได้ทรงปรากฏต่อราชาซาโลมอน

มหัศจรรย์จริง!

พระเจ้าทรงมาพบราชาซาโลมอนตอนกลางคืน  เงียบ ๆ  ไม่มีคนมากมายเหมือนตอนกลางวันที่เหล่าประชาชนและพระราชาได้ถวายเครื่องบูชาอันยิ่งใหญ่

พระเจ้าไม่ได้ทรงมาเพราะเครื่องบูชามากมายนั้น

แต่พระองค์ทรงมีพระประสงค์จะมอบบางอย่างให้กับพระราชา

“จงขอเรามาเถิด  เจ้าต้องการอะไรจากเราล่ะ  ขอมาได้เลย”

โอ…ช่างเป็นคำที่ให้กำลังใจมากจริง ๆ

 

ราชาซาโลมอนกราบทูลพระเจ้าว่า
“พระเจ้าข้า  พระองค์ได้ประทานความรักมั่นคงอันยิ่งใหญ่ให้กับราชบิดาของข้าทาส  และพระองค์เป็นผู้เลือกให้ข้าทาสเป็นกษัตริย์แทนราชบิดา….   ขอพระองค์โปรดให้พระสัญญาที่ประทานแก่ราชบิดานั้น สำเร็จทุกประการ

พระองค์ได้ทรงทำให้ข้าทาสเป็นกษัตริย์ปกครองประชาชนมากมายนับไม่ถ้วน   ขอพระเจ้าโปรดประทานสติปัญญาและความรู้   เพื่อที่ข้าทาสจะได้ปกครองประชาชนของพระองค์อย่างดีที่สุดด้วยเถิด”

 

พระเจ้าไม่ได้ตรัสแก่ราชาซาโลมอนผู้เดียวเท่านั้น

เมื่อพระเยซูอยู่กับประชาชน และสาวกของพระองค์ พระองค์ก็ตรัสด้วยว่า “จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วประตูจะเปิดให้กับเจ้า”   แล้วเราก็ทูลขอพระเจ้าได้อย่างราชาซาโลมอนเช่นกัน

 

 

ราชาดาวิดจนถึงพระเยซู ๒๙-๔

1 พงศาวดาร 29:21-30, 2 ซามูเอล 7

วันต่อมา ปุโรหิต  เลวี ได้นำวัวหนุ่ม 1000 ตัว  แกะผู้ 1000 ตัว  และลูกแกะตัวผู้อีก 1000 ตัว มาถวายเป็นเครื่องเผาบูชา

คิดดูซิว่า วันนั้นต้องเตรียมการมาตั้งแต่เช้าตรู่   แค่วัวตัวเดียวยังต้องใช้คนหลายคนช่วย  แล้วนี่มีสัตว์ 3000  ตัว  มันช่างมากมายจริง ๆ  พวกเขาได้ถวายทั้งเครื่องบูชาอื่น ๆ ด้วย

และหลังจากเสร็จพิธีเผาบูชาต่าง ๆ  แล้ว   คนทั้งเยรูซาเล็มก็จัดงานเลี้ยงฉลองด้วยความยินดีต่อพระพักตร์พระเจ้า

ต่อมาก็ได้สถาปนาซาโลมอนเป็นกษัตริย์ต่อจากราชาดาวิด  เป็นการสถาปนาครั้งที่สอง วันนั้น เจิมตั้งพระราชาใหม่ และท่านปุโรหิตศาโดก เป็นการเริ่มต้นรัชสมัยที่สงบเรียบร้อย  ทั้งประชาชน  แม่ทัพนายกอง  ข้าราชการต่างจงรักภักดีต่อซาโลมอน  ทำให้การปกครองเป็นไปอย่างราบรื่น ระบบการปกครองประเทศก็เข้าสู่ที่ทาง

สิ่งที่สำคัญคือ

พระเจ้าได้ทรงเชิดชูซาโลมอนอย่างมากมาย ต่อหน้าคนอิสราเอล  พระเจ้าได้ประทานเกียรติสูงส่งให้กับราชาซาโลมอนอย่างที่ไม่มีกษัตริย์อิสราเอลเคยได้รับมาก่อนด้วย
ซาโลมอนทรงยิ่งใหญ่….และมีพระนามของพระองค์ลือเลื่องไปไกลยิ่งนัก….


ภาพวาดโดย เกอริท วาน ฮอนธอส (1590-1656) และคาร์ล บลอช (1834-1890)

ส่วนราชาดาวิดผู้ได้ปกครองอิสราเอลมา 40 ปี ก็สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระชรามาก  และราชาดาวิดทรงเห็นความยิ่งใหญ่ของราชโอรส ทรงได้ชื่นชมกับชีวิตที่ยืนนาน  เกียรติยศ และความมั่งคั่ง

ราชาดาวิดทรงเป็นราชาที่พระเจ้าทรงเลือกให้อิสราเอล    พระองค์เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงรักยิ่ง  และเป็นผู้ที่จะติดตามพระเจ้าอย่างสุดใจ    ราชาดาวิดทรงเป็นกวีที่ยิ่งใหญ่  ทรงเขียนบทเพลงไว้มากมาย และทำให้ผู้เชื่อในพระเจ้าในสมัยต่อมา จนถึงพวกเราได้รับการบันดาลใจ  รับพลังใจจากบทเพลงของพระองค์ถ้วนหน้าทุกคน

ที่สำคัญ  พระเจ้าทรงกำหนดให้ราชาดาวิดองค์นี้  เป็นบรรพบุรุษของราชาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ องค์พระเยซูคริสต์  สมดังที่พระองค์เคยตรัสกับราชาดาวิดว่า

“เจ้าจะเป็นผู้เลี้ยงดู และเป็นผู้ปกครองอิสราเอล  ประชากรของเรา”

“วงศ์วานของเจ้า และอาณาจักรของเจ้าจะดำรงอยู่ตลอดไปต่อหน้าเรา  บัลลังก์ของเจ้าจะยั่งยืนเป็นนิตย์”

และวันนี้ พระเยซูคริสต์ ทรงเป็นราชาในหัวใจของคนในโลกหลายพันล้านคน…..

ทรงเป็นราชาในใจของเรา

วันหนึ่ง… วันขององค์พระเจ้า….ทุกเข่าจะต้องคุกกราบลงต่อพระเยซู

ทุกลิ้นจะรับว่า พระเยซูเป็นพระเจ้า

คำสรรเสริญของพระราชา ๒๙-๓

1 พงศาวดาร 29:14-19

ราชาดาวิดมิได้จบแค่นั้น พระองค์ยังทรงสรรเสริญพระเจ้าต่อไปอีก  ผู้คนต่างพากันชื่นชม และพวกเขาอยากที่จะได้ยินว่า พระราชาทรงกล่าวยกย่องพระเจ้าอย่างไร   พวกเขาจะสรรเสริญพระเจ้ากับพระราชา และเมื่อกลับไปบ้าน เขายังจะสรรเสริญพระองค์ต่อไป

“แต่ข้าทาสของพระองค์เป็นผู้ใด  ประชาชน ณ ที่นี้เป็นใคร  ที่เราจะมีความสามารถถวายแด่พระองค์ด้วยความเต็มใจอย่างที่เห็นนี้

พระเจ้าข้า  ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากพระองค์  ที่เราถวาย ก็เป็นของ ๆ พระองค์เท่านั้น

ข้าพระองค์ทั้งหลายอยู่ในโลกเหมือนเงา เป็นคนที่ผ่านเข้ามาในโลก ไม่มีอะไรยั่งยืน”

หลายคนแปลกใจที่พระราชาไม่ได้ทรงคิดว่า สิ่งของทองคำ เงิน เหล่านี้ไม่ยั่งยืน  และพระองค์ยังทรงเห็นว่า ชีวิตของคนเรานั้นสั้นนัก

ภาพถ่ายคนงานเหมืองทองจาก http://www.guardian.co.uk โดย Goran Tomasevic/Reuters

 

ทองคำที่พวกเขาขุดได้มาจากเหมืองทองเพื่อมาสร้างพระวิหารนั้น  ก็เป็นของพระเจ้าทั้งสิ้น

 

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า

ของมากมายเหล่านี้ ที่ได้จัดหามาเพื่อสร้างพระวิหารถวาย เพื่อพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์  จริงแล้ว  ก็มาจากพระหัตถ์ของพระองค์  ทุกสิ่งเป็นของพระองค์

พระเจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นผู้ทดสอบจิตใจ  และทรงพอพระทัยในความเที่ยงธรรม

นอกจากที่ข้าทาสของพระองค์จะถวายด้วยเต็มใจแล้ว  ประชากรทั้งหลายก็ถวายด้วยความเต็มใจเช่นกัน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งอับราฮัม  อิสอัค และยาโคบ  ของพระองค์ทรงเมตตารักษาให้ใจของเราเป็นเช่นนี้ตลอดไป  ให้พวกเขามีใจมั่นคงในพระองค์”

พระราชาทรงอธิษฐานขอเพื่อประชากร  และทรงอธิษฐานเพื่อโอรสซาโลมอนด้วย

“ขอพระเจ้าทรงช่วยให้ซาโลมอนมีความตั้งใจจริงในการรักษาพระบัญญัติของพระองค์  พระโอวาทและกฎเกณฑ์ของพระองค์  ให้เขาได้สร้างพระวิหารตามที่ได้เตรียมไว้จนถึงที่สุด”

แล้วราชาดาวิดทรงหันมาหาประชาชน

“จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกท่านเถิด”

พระราชา และประชาชนทุกคนก้มลงกราบองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่เขามองไม่เห็นพร้อม ๆ กัน

คำสรรเสริญของพระราชา ๒๙-๒

1 พงศาวดาร 29:10-13

การถวายอันล้นเหลือ และความหวังที่จะได้มีพระวิหารของพระเจ้า  แม้ว่าต่อไปอาจจะไม่ได้อยู่จนเห็นพระวิหารเสร็จ  ทำให้ราชาดาวิดปลาบปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่ง    พระองค์จึงถวายสรรเสริญแด่พระเจ้าต่อหน้าประชาชนที่มารวมกลุ่มกันอย่างมากมาย ด้วยสุรเสียงอันดังกังวานว่า

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า   พระเจ้าแห่งอิสราเอล บรรพบุรุษของเรา
ขอถวายพระพรแด่พระนามของพระองค์จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล
ความยิ่งใหญ่  อำนาจ  พระเกียรติ  ชัยชนะ และเดชานุภาพสูงสุดเป็นของพระองค์
เพราะทุกสิ่งที่อยู่ในสวรรค์ และในพื้นแผ่นดินโลกเป็นของพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ราชอาณาจักรสูงสุดเป็นของพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องเหนือทุกสิ่ง
ความมั่งคั่ง และเกียรติยศมาจากพระองค์  พระองค์ทรงปกครองเหนือสรรพสิ่ง
ในพระหัตถ์ของพระองค์คืออำนาจและฤทธานุภาพ
จากพระหัตถ์ของพระองค์ คือที่มาแห่งเกียรติและกำลังของทุก ๆคน

ภาพถ่ายโลกอีกมุมจากอพอลโล 11 องค์การนาซา NASA.gov

บัดนี้ เราขอโมทนาขอบพระคุณพระองค์  พระเจ้าของเรา และสรรเสริญพระนามอันทรงสิริของพระองค์

ประชาชนทั้งหลายที่อยู่ในนั้น ต่างพากันสรรเสริญพระนามของพระเจ้า พร้อมไปกับราชาดาวิด

คำสรรเสริญพระเจ้ายังไม่จบ  แต่ดูแค่คำขึ้นต้นนี้ เราก็เห็นแล้วว่า ราชาดาวิดได้ตระหนักเสมอว่า ที่พระองค์ทรงยิ่งใหญ่  มีประชากรที่รักพระเจ้า และยังมีความหวังที่จะทำสิ่งดีอีกหลายสิ่งต่อไปได้นั้น  ทุกอย่างมาจากพระเจ้าทั้งสิ้น

หากเราคิดเช่นนั้น และตระหนักอย่างจริงใจว่า พระเจ้าทรงเหนือทุกสิ่งในโลกและในชีวิตของเรา … เราจะมีความสุขยิ่งกว่าที่เป็นอยู่สักเท่าใด

 

ของถวายล้นเหลือ ๒๙-๑

1 พงศาวดาร 29:1-9

ราชาดาวิดทรงหันมาตรัสกับประชาชน
“ท่านพี่น้องชาวอิสราเอลทั้งหลาย   ซาโลมอน ลูกชายของเราซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้  ยังเป็นเด็กหนุ่ม ไม่มีความชำนาญ  การงานนี้ก็ใหญ่มาก  เพราะพระวิหารนี้ไม่ใช่สำหรับคน แต่สำหรับพระเจ้า

เราจึงได้เตรียมทุกอย่างสุดความสามารถของเรา   ทั้งทองคำ เงิน ทองเหลือง เหล็ก ไม้ อัญมณี  และหิน  เพื่อให้เขาได้ทำงานสะดวกขึ้น”

ประชาชนทั้งหลายต่างพยักหน้า  พวกเขาเห็นความตั้งใจจริงของพระราชา และพวกเขาเห็นเป็นพยานว่า พระราชาได้ทรงทำงานหนักเพียงใดเพื่อเตรียมวัสดุต่าง ๆ พร้อมสำหรับการสร้างพระวิหาร

แต่สิ่งที่พวกเขาคาดไม่ถึง คือสิ่งที่พระราชาตรัสต่อไป

“และเราก็ขอถวายสิ่งที่เรามีส่วนตัวนั้น แด่พระเจ้าเพื่อร่วมในการสร้างพระวิหารนี้
เป็นทองคำจากเมืองโอฟีร์  100 ตัน ( 3,000 ตะลันท์)
เงินถลุงแล้ว 240 ตัน  (7,000 ตะลันท์)  เพื่อนำไปบุผนังอาคารพระวิหาร
ทองคำและเงินเหล่านี้ยังจะนำไปทำเครื่องใช้ในพระวิหารด้วย ”

This file is licensed under the Creative Commons Attribution-Share Alike 3.0 Unported license.

“โอ้โห!!” เสียงดังขึ้นมาจากประชาชน

“ขอพระราชาจงทรงพระเจริญ!” พวกเขาต่างปลื้มใจที่พระราชาไม่ได้หวงทรัพย์สมบัติมากมายนี้ไว้สำหรับพระองค์เองหรือราชวงศ์

“และตอนนี้มีใครบ้าง    ที่จะถวายของและถวายตัวแด่พระเจ้าในวันนี้?”  ราชาดาวิดทรงถามพวกเขา

การที่พระราชาทรงถวายของก่อน ทำให้ทุกคนก็เต็มใจถวายเช่นกัน
ทั้งหัวหน้าเผ่า เจ้านาย  ทหาร ข้าราชการทั้งปวง ได้ร่วมกันถวายเป็น

ทองคำ      170 ตัน (5,000 ตะลันท์)  และยังมีมารวมอีก 84 ตัน ( 10,000 ดาริค)
เงิน           345  ตัน (10,000 ตะลันท์)
ทองเหลือง  610 ตัน  (18,000 ตะลันท์)
เหล็ก      3,450 ตัน   (100,000 ตะลันท์)!!

นอกจากนั้นยังมีคนถวายอัญมณีต่าง  ๆ ไว้ในคลังพระวิหาร

ประชาชนทุกคนต่างมีความสุขในการถวายครั้งนี้   เขาถวายด้วยความเต็มใจ และจริงใจ

คนที่มีความสุขปลาบปลื้มที่สุดเห็นจะเป็นราชาดาวิดนี่เอง

 

ข่าวจากพระราชา (ต่อ)๒๘-๓

1 พงศาวดาร 28:9-21

ต่อหน้าประชาชน ราชาดาวิดได้ตรัสแก่ซาโลมอนว่า
“ซาโลมอน ลูกชายของเรา   จงรู้จักพระเจ้า และปรนนิบัติพระองค์อย่างเต็มใจจากใจจริงของเจ้า   เพราะว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้พิจารณาจิตใจของมนุษย์ทั้งหลาย  พระองค์ทรงเข้าใจในแผนงาน และความคิดทั้งสิ้น

ถ้าเจ้าแสวงหาพระเจ้า  เจ้าจะพบพระเจ้า

แต่ถ้าเจ้าทอดทิ้งพระองค์  พระองค์จะทรงเหวี่ยงเจ้าออกไป

จงฟังเราให้ดี  … พระเจ้าทรงเลือกให้เจ้าเป็นผู้สร้างพระวิหาร เพื่อจะเป็นที่นมัสการพระองค์

จงเข้มแข็งนะลูกรัก    และทำทุกอย่างให้สำเร็จ”

 

ต่อหน้าประชาชนพระองค์ทรงมอบแผนผังการสร้างพระวิหารให้กับซาโลมอน  เป็นรายละเอียดที่ชัดเจน ทั้งตัวพระวิหาร ลานข้างนอก  ห้องที่เป็นระเบียงรอบนอก  คลังเก็บของต่าง ๆ

ยังมีผังเวรของปุโรหิต คนเลวี และงานหน้าที่ต่าง ๆ   ผังสิ่งของเครื่องใช้ในพระวิหาร

รายละเอียดน้ำหนักของทองคำ น้ำหนักเงินสำหรับการทำเครื่องใช้ต่าง ๆ ทั้งสิ้น

ยังมีแผนผังรถรบทองคำของเครูปที่กางปีกออกเหนือหีบพันธสัญญา

 

ที่น่าสนใจคือ ราชาดาวิดได้ทรงทำงานนี้ด้วยฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า

พระเจ้าทรงเป็นสถาปนิกผู้ออกแบบพระวิหาร  !!

งานทุกอย่างต้องทำตามแผนดังกล่าว

 

ราชาดาวิดยังทรงให้กำลังใจกับโอรสซาโลมอนอีก

“จงเข้มแข็ง  กล้าหาญ และทำให้สำเร็จนะลูกรัก   อย่ากลัว  อย่าขยาดไปเสียก่อน  เพราะว่า พระเจ้าของพ่อจะทรงอยู่กับเจ้า  จะไม่ทรงยอมให้เจ้าล้มเหลว   พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งเจ้าจนกว่างานจะสำเร็จ

ลูกดูซิ  มีเวรคนทำงานตั้งแต่ปุโรหิตจนคนที่ทำงานเล็กน้อย  ทุกคนเต็มใจทำงานกับเจ้า  พวกเขามีฝีมือชั้นเยี่ยม พวกเขาจะอยู่ภายใต้การบัญชาของเจ้าทั้งสิ้น”

 

ข่าวจากพระราชา (ต่อ) ๒๘-๒

1 พงศาวดาร 28:5-8, สดุดี 62:6-7

พระราชาทรงหันมาทางซาโลมอน ราชโอรส  ตรัสต่อไปว่า

“พระเจ้าประทานบุตรชายให้เราหลายคน  และพระองค์ทรงเลือกซาโลมอนให้เป็นราชาเหนืออิสราเอล  พระเจ้าได้ตรัสกับเราว่า … ซาโลมอน ลูกชายของเจ้า จะสร้างพระวิหารและลานพระวิหารของเรา

เราได้เลือกเขาเป็นลูกของเรา

และเราจะเป็นพ่อของเขา

เราจะตั้งอาณาจักรของเขาให้อยู่ตลอดไป

ถ้าเขาจะมั่นคง แน่วแน่ในการรักษาชีวิตตามบัญญัติของเรา

ตามกฎหมายของเราอย่างที่เขาทำอยู่……”

แล้วราชาดาวิดหันมาหาประชาชน

“ดังนั้น  วันนี้ ต่อหน้าประชาชนอิสราเอล ชุมชนของพระเจ้า  ต่อพระกรรณพระเจ้าของเรา

ขอให้ท่านทุกคนได้ประพฤติตาม และแสวงพระบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า

เพื่อท่านทั้งหลายจะได้มีกรรมสิทธิ์ในแผ่นดินนี้ สืบต่อไปยังลูกหลานด้วย”

ราชาดาวิดทรงห่วงใยที่ประชาชนและซาโลมอนจะตามติดพระเจ้าไม่หยุดยั้ง

พระองค์ทรงตระหนักดีว่า ความสำเร็จ ความรุ่งเรือง  ความปลอดภัยของประชาชนนั้น ขึ้นอยู่กับการที่คนของพระองค์ติดตามพระเจ้าแค่ไหน   ยิ่งติดตามพระเจ้า  พระเจ้าทรงพอพระทัย  พระองค์ก็จะอวยพระพรพวกเขา  พระองค์จะทรงฟังเสียงร้องทูลของพวกเขา

ราชาดาวิดเอง ทรงเป็นผู้ที่รักพระเจ้า และแสวงหาพระเจ้าเสมอ

พระองค์เคยตรัสว่า

พระเจ้าเท่านั้น ทรงเป็นศิลาและความรอดของข้าพเจ้า

เป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าจึงไม่หวั่นไหว

การช่วยกู้  เกียรติยศของข้าพเจ้าอยู่ที่พระเจ้า

ศิลาอันทรงฤทธิ์ และที่ลี้ภัยของข้าพเจ้าคือพระเจ้า

 

 

ข่าวจากพระราชา ๒๘-๑

1    พงศาวดาร 28:1-4

การจัดการปกครองของราชาดาวิดนั้น  ละเอียด รอบคอบ  และรอบด้าน   ข้าราชการทั้งหลายต่างมีหน้าที่เฉพาะตน ไม่ซ้ำซ้อนกัน  ส่วนผู้ที่ดูแลฝ่ายจิตวิญญาณในพระวิหารก็มีหน้าที่แตกต่างกันไปเช่นกัน

แต่เรื่องพระวิหารนั้น

สำหรับราชาดาวิดนั้น  สำคัญยิ่งนัก  ดูเหมือนจะสำคัญมากที่สุดในสายพระเนตรของพระองค์
ราชาดาวิดทรงมองเห็นว่า ประชาชนจะมีความเป็นอยู่ที่ดี ก็เมื่อพวกเขาทำสิ่งที่ถูกต้องต่อพระเจ้า สัตย์ซื่อ และปรนนิบัติพระองค์ด้วยสุดใจ

ราชาดาวิดทรงเอาใจใส่ประชาชนก็จริง  แต่พระเจ้าทรงใหญ่ยิ่งสูงสุดสำหรับพระองค์

ดังนั้น ราชาดาวิดจึงทรงเรียกประชุมข้าราชการทั้งสิ้น  ผู้นำเผ่า และผู้บังคับบัญชากองทหาร  นายพัน  นายร้อย ผู้ดูแลการคลัง และผู้ดูแลฝูงสัตว์ของพระราชาและราชวงศ์

ทรงเรียกผู้ที่ทำงานในราชสำนัก วีรบุรุษ ทหารกล้าให้มาพร้อมหน้ากัน

 

เมื่อถึงเวลา ประชาชนพากันร้องกราบทูลว่า

“ขอพระราชาจงทรงพระเจริญ”

ราชาดาวิดได้ตรัสกับพวกเขาว่า

“พี่น้องของเรา  ประชาชนของเรา   ขอฟังราชาของท่าน

เรามีใจปรารถนาอย่างยิ่งที่จะสร้างพระวิหารให้เป็นที่สถิตของหีบพันธสัญญาของพระเจ้า

ให้เป็นที่รองพระบาทขององค์พระผู้เป็นเจ้า   และบัดนี้ เราได้เตรียมการก่อสร้างไว้เสร็จเรียบร้อยทุกอย่าง ตามที่ท่านทั้งหลายเห็น”

ประชาชนพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน

“แต่พระเจ้าตรัสกับเราว่า … เจ้าอย่าสร้างพระวิหารเพื่อนามของเราเลย  เพราะเจ้าเป็นนักรบ  เข้าไปในการสงคราม การนองเลือดมากมาย  และเจ้าได้ทำให้คนต้องหลั่งเลือด…”

น่าแปลกจริง ๆ ที่ราชาดาวิดทรงกล้าหาญที่จะพูดสิ่งนี้กับประชาชน  ทำไมถึงทรงป่าวประกาศให้ทุกคนรู้  เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องบอกใครก็ได้นี่นา   ถ้าพระองค์จะประทานอำนาจให้ซาโลมอนไปสร้างพระวิหาร ก็ไม่มีสิ่งใดผิด

“แต่ถึงเป็นเช่นนั้น”   ราชาดาวิดตรัสต่อไป  “องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอล ได้ทรงเรียกเรา จากครอบครัวของเราให้เป็นราชาเหนืออิสราเอลตลอดไป   พระเจ้าทรงเลือกเผ่ายูดาห์ให้ปกครอง  และจากเผ่านั้น คือครอบครัวของเราเอง  จากพี่น้องทั้งหมด  พระเจ้าทรงเลือกให้เรามาเป็นราชาเหนืออิสราเอลทั้งหลาย “

ราชาดาวิดทรงเล่าย้อนกลับไป   ถึงการทรงเลือกของพระเจ้า   พระองค์ทรงทำให้ประชาชนทั้งอายุมาก และน้อย ได้เข้าใจถึงการที่พระเจ้าทรงเลือกพระองค์มา

พระองค์จะทรงบอกอะไรพวกเขาต่อไป??

 

 

 

หน้าที่ต่าง ๆ ๒๖-๒๗

1 พงศาวดาร 26-27

เจ้าหน้าที่ยามประตู

นอกเหนือไปจากผู้ที่ทำหน้าที่ปุโรหิต  เลวี  นักร้องนักดนตรี  และดูแลงานพระวิหารทั่วไป    ก็ยังมีการแต่งตั้งผู้ที่ทำหน้าที่ยามเฝ้าประตูพระวิหาร  พวกเขามีพ่อ กับลูก ๆ  เข้ามาทำงานด้วยกัน  พวกเขาเป็นคนมีความสามารถ และให้มีการจับฉลากหน้าที่ซึ่งตัวเองต้องรับผิดชอบ เป็นผู้เฝ้าประตูทิศต่าง ๆ

คลังพระวิหาร

ยังมีท่านเอเบดเอโดมดูแลการคลังอีกด้วย

การคลังนี้ยังแบ่งเป็นคลังพระวิหาร และคลังของถวายต่าง ๆ

ของเหล่านี้ ทั้งราชาดาวิด  ผู้นำครอบครัว นายทหารได้นำมาถวายพระเจ้า   บางทีก็มีของที่ริบจากการรบนำมาใช้ในการซ่อมบำรุงพระวิหาร   ยังมีคนอื่น ๆ ที่ถวายของอีกมากมาย ทำให้ต้องมีผู้ดูแลที่ทั้งเก่งในการจัดการและสัตย์ซื่อ

ของใช้ในพระวิหารส่วนหนึ่ง  จาก jewishencyclopedia.com

ฝ่ายตุลาการ

ไม่แต่เพียงเท่านั้น   ยังมีผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตุลาการ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่ง   คนอยู่มาก ก็มีเรื่องราวต่อกัน ต้องขึ้นศาลให้ตัดสิน  เหล่านี้ ราชาดาวิดได้ทรงจัดเตรียมคนไว้อย่างพร้อมเพรียง

การปกครอง

คนที่ทำหน้าที่ดูแลเผ่าต่าง ๆ ก็ได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ด้วย   มีเจ้าหน้าที่ดูแลเผ่าต่าง ๆ   ทำให้เราเห็นระบบการปกครองที่ชัดเจนมาก

การทหาร

ส่วนการป้องกันประเทศ  ราชาดาวิดได้ทรงดูแล บัญชาให้มีการแบ่งกำลังพลเพื่อประจำหน้าที่กันแต่ละเดือนตลอดปี  โดยทั้ง 12เดือนนี้ ผู้หัญชาการกองพลจะแตกต่างกันไป  แต่ละเดือนมีทหารเข้าประจำการ 24,000 คน  และผู้ที่เป็นผู้บังคับบัญชาการสูงสุดคือท่านโยอับ

 

คลังหลวง

มีผู้รับผิดชอบงานของพระราชาด้วย ในเรื่องคลังหลวง  คลังตามหมู่บ้าน หัวเมือง ผู้ดูแลการเกษตรของหลวง  ไม่ว่าจะเป็นสวนองุ่น สวนมะกอก มะเดื่อ ปศุสัตว์ทั้งฝูงอูฐ  ลา  แพะแกะ  และทรัพย์สินส่วนพระองค์

การถวายรับใช้ใกล้ชิด

ส่วนผู้รับใช้ใกล้ชิดก็คือเป็นที่ปรึกษาทั่วไปของพระราชา  อาลักษณ์ผู้จดบันทึกสิ่งต่าง ๆ  ท่านอาหิโทเฟลเป็นที่ปรึกษาประจำพระองค์  หุชัยแห่งอารคีเป็นพระสหาย

 

ปุโรหิตและนักร้อง ๒๔-๒๕

1  พงศาวดาร 24-25

ราชาดาวิดได้ทรงจัดกลุ่มคนเลวีให้ทำงานปรนนิบัติในพระวิหารทั่ว ๆ ไป  ยังไม่พอ  มีปุโรหิตที่ทำงานสำคัญในพระวิหาร พวกเขาเหมือนเป็นตัวกลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์   มีหน้าที่รับผิดชอบสูง และถ้าทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ก็ตายได้ง่าย ๆ เหมือนกัน  เสื้อผ้าของท่านปุโรหิตจึงมีกระดิ่งห้อยอยู่ หากว่าไม่ได้ยินเสียงกระดิ่งนานพอควร  ขณะที่ปฏิบัติงานในห้องบริสุทธิ์ที่สุด   คนข้างนอกจะรู้ว่า เขาตายแล้ว  เพราะเป็นการปฏิบัติต่อพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ยิ่งนัก  และไม่มีสิ่งใดที่สกปรกจะอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ได้

ปุโรหิต

หน้าที่ของปุโรหิตเป็นของตระกูลอาโรน  ราชาดาวิดได้แบ่งพวกเขาเป็นกลุ่ม ๆ โดยใช้วิธีจับฉลากกันเพื่อไม่ให้เป็นการลำเอียง  มีผู้ทำงานในสถานนมัสการ และเจ้าหน้าที่ของพระเจ้า

ภาพจาก eborg3.com

มีทั้งหมด 24 กลุ่ม ต่างแยกกันไปปรนนิบัติในพระวิหารตามที่พระเจ้าได้ทรงบัญชาไว้แก่โมเสส

นักร้อง นักดนตรี

ยังมีคนที่ถูกแยกออกไปต่างหาก  เป็นบุตรหลานของอาสาฟ  เฮมาน และเยดูธูน  คนเหล่านี้จะกล่าวคำของพระเจ้าประกอบพิณเขาคู่   พิณใหญ่ และฉาบ  โดยพวกเขาจะทำการนี้ใต้การดูแลของพระราชาและท่านอาสาฟ

ลูกหลานเยดูธูนจะกล่าวพระคำของพระเจ้าด้วย เขาจะขอบคุณสรรเสริญพระเจ้าพิณเขาคู่
ลูกหลานของเฮมาน ซึ่งเป็นผู้ทำนายของพระราชานั้น   จะทำหน้าที่เป่าแตร
ทำหน้าที่เล่นเพลงประกอบในพระวิหารของพระเจ้า  เขาตีฉาบ  เล่นพิณใหญ่ และพิณเขาคู่

อาสาฟ  เฮมาน และเยดูธูนนี้  ต่างอยู่ใต้ราชาดาวิด และพวกเขาให้ลูกหลาน 288  คน ได้ฝึกร้องเพลงถวายพระเจ้าจนชำนาญ  โดยมีการจับฉลากแบ่งหน้าที่กันไป โดยไม่ว่าจะเป็นคนอาวุโส อายุน้อย อาจารย์ หรือศิษย์ก็มีสิทธิเท่าเทียมกัน

ไม่ใช่คนทุกคนที่ร้องเพลงจะกล่าวคำของพระเจ้าอย่างคนเหล่านี้  พวกเขาได้รับของประทานพิเศษจากพระเจ้า กล่าวคำประหนึ่งคำพยากรณ์ …. พวกเขาจะตั้งใจ ฝึกซ้อม และเล่นถวายพระเจ้าสุดหัวใจของพวกเขา     งานของเขาเป็นงานที่มีเกียรติยิ่งนัก  …

 

หน้าที่ของเลวี ๒๓

1 พงศาวดาร 23

เมื่อราชาดาวิดทรงพระชรามาก ก็ได้ทรงตั้งซาโลมอนเป็นพระราชาปกครองเหนืออิสราเอล

และพระองค์ยังทรงห่วงใยในเรื่องของพระวิหาร

จึงเรียกประชุมปุโรหิต และเลวีทั้งหลาย เพื่อให้พวกเขาได้ปรนนิบัติในพระวิหาร

เลวี 38,000 คนที่อายุเกิน 30 ปีขึ้นไป ถูกเรียกมาประจำการโดยให้

24,000   คน ดูแลงานในพระวิหาร
6,000     คน เป็นเจ้าหน้าที่คอยตัดสินความ
4,000     คน เป็นนายประตูเฝ้าพระวิหาร
4,000     คน เป็นนักร้องนักดนตรี ถวายสรรเสริญพระเจ้า

ภาพจาก http://ancientlyre.com

ราชาดาวิดทรงตั้งแบ่งคนเลวีเป็นสามกลุ่มตามตระกูลคือ เกอร์โชน โคฮาท และเมรารี

ราชาดาวิดยังได้ตั้งคนจากเชื้อสายอาโรน ที่จะทำพิธีชำระของที่บริสุทธิ์ที่สุด

ผู้ที่เผาเครื่องหอมถวาย ปรนนิบัติพระเจ้า และอวยพระพรในพระนามพระเจ้าตลอดไป

ส่วนคนที่เป็นเลวีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปนั้น จะต้องคอยช่วยบุตรของอาโรนในการดูแลลาน ห้อง และการชำระทุกอย่างที่บริสุทธิ์

ช่วยเรื่องขนมปังตั้งถวาย  ยอดแป้ง ขนมปังไร้เชื้อ ของบูชาเคล้าน้ำมัน  เครื่องตวง เครื่องวัดทั้งหลาย

ทุกเช้า  ทุกเย็น  พวกเขามีหน้าที่ยืนโมทนาและสรรเสริญพระเจ้า

เขาต้องทำงานด้วยกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการปรนนิบัติพระเจ้า

ของที่พ่อเตรียม ๒๒-๔

1 พงศาวดาร 22:13-19

ราชาดาวิดยังได้บอกเคล็ดลับของความสำเร็จแก่โอรสด้วย

“ถ้าเจ้าระมัดระวังตัว  คอยที่จะทำตามกฎเกณฑ์และกฎหมายที่พระเจ้าได้ประทานแก่โมเสส  เจ้าจะประสบความสำเร็จเสมอ”     ที่เป็นเช่นนั้นเพราะกฎเกณฑ์ของพระเจ้าทำให้เราได้อยู่ในความปลอดภัย  และเป็นทางที่จะทำให้ซาโลมอนได้รับพระพรจากพระเจ้า

“พะยะค่ะ เสด็จพ่อ”

“เข้มแข็งไว้นะ ลูกรัก  เจ้าต้องทั้งเข้มแข็งและกล้าหาญ  อย่ากลัว  อย่าท้อ”

“พ่อเตรียมของสำหรับการสร้างพระนิเวศไว้  เจ้ามาดูกับพ่อ”  แล้วราชาดาวิดก็ทรงนำซาโลมอนไปดูสิ่งต่าง ๆ ที่เตรียมไว้

อีกภาพที่จิตรกรวาดเล่าเรื่องที่ราชาดาวิดทรงวางงานให้กับซาโลมอน

“ของเหล่านี้ ไม่ได้มาง่าย ๆ   มันเป็นงานหนัก และเหนื่อยมาก ต้องใช้คนมากมาย ต้องวางแผนให้รอบคอบ อย่าทำอะไรซ้ำซ้อน…
มีทองคำหนัก 100,000 ตะลันท์  (3,450  ตัน)
เงินหนัก 1,000,000 ตะลันท์    (34,500  ตัน)
ทองเหลืองและเหล็ก มากเกินที่จะชั่งได้
มีไม้ กับหินสกัดที่คนเตรียมไว้   ลูกจะเพิ่มตรงนี้ก็ได้
ที่สำคัญนะลูก คือคนทำงาน  มีทั้งช่างสกัดหิน ช่างก่ออิฐ  ช่างไม้  ช่างฝีมือต่าง ๆ ทั้งสำหรับไม้ เหล็ก ทอง เงิน และผ้า
ลูกจะต้องทำสำเร็จ  เริ่มต้นได้เลยนะ  ขอพระเจ้าสถิตกับลูก”

ซาโลมอนรับงานจากราชบิดาด้วยเต็มพระทัย

ยิ่งกว่านั้น ราชาดาวิดยังได้เรียกผู้ที่จะร่วมงานนี้เข้ามาสมทบ
“พระเจ้าทรงอยู่กับพวกเจ้าทุกคน  และพระองค์ก็ได้ทำให้บ้านเมืองของเราสงบ  พระเจ้าได้ทรงมอบคนชาติต่าง ๆ ในแผ่นดินนี้อยู่ใต้เรา  พวกเขาอยู่ใต้พระเจ้าและอยู่ใต้การปกครองของเราแล้ว”

“ขอพระราชาจงทรงพระเจริญ”   พวกเขาน้อมรับคำของราชาดาวิดอย่างพร้อมเพรียง

“บัดนี้ ขอให้พวกเจ้าทุกคนแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า  ลุกขึ้นพร้อมใจร่วมกันสร้างพระวิหาร เพื่อว่าเราจะได้นำหีบพันธสัญญาของพระเจ้า และเครื่องใช้บริสุทธิ์ทั้งหมด  เข้ามาไว้ในพระวิหารที่เราสร้างขึ้น เพื่อถวายเกียรติแด่พระนามของพระองค์ “

 

คำอธิษฐานของพ่อ ๒๒-๒

1 พงศาวดาร 22:9-12

ราชาดาวิดทรงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้โอรสคือซาโลมอนฟัง   พระเจ้าไม่ทรงประสงค์ให้ราชาดาวิดเองสร้างพระวิหาร เพราะมือเปื้อนเลือดมามาก   สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดเพื่อให้ซาโลมอนสืบต่อเจตนารมน์นี้ คือ  การเตรียมวัสดุก่อสร้างพระวิหาร  รวมไปถึงเตรียมผืนดินซึ่งพระเจ้าเองทรงเป็นผู้กำหนด

“พระเจ้าตรัสว่า พ่อจะมีลูกชาย และลูกชายคนนี้ เป็นคนที่จะอยู่อย่างสงบ  ไม่ได้ทำสงครามเหมือนพ่อ  ลูกจะได้รับความสงบรอบด้านเพราะพระเจ้าประทานให้   ลูกจะไม่มีศัตรูใด ๆ มาวุ่นวาย    ในสมัยที่ลูกปกครองนั้น พระเจ้าจะประทานความสงบให้แก่อิสราเอล”

ซาโลมอนทรงนิ่งฟังราชบิดาอย่างตั้งพระทัย  ทรงรับทุกคำที่ราชาดาวิดตรัส

“และลูก จะเป็นผู้ที่สร้างพระวิหารเพื่อพระนามของพระเจ้า    ลูกจะเป็นลูกชายของพระเจ้า  และพระเจ้าจะทรงเป็นพระบิดาของลูก  พระเจ้าจะทรงสถาปนาบัลลังก์ของลูกเหนืออิสราเอลตลอดไป”

สิ่งนี้สูงส่งเกินที่จะคิดได้… พระเจ้าทรงเลือกให้ซาโลมอนเป็นผู้สร้างพระวิหาร เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์

พระเจ้าทรงมีพันธกิจที่จะให้ซาโลมอนได้ทำในชีวิต

และซาโลมอนก็ไม่ได้คัดค้าน

ทรงเต็มพระทัยที่จะทำทุกอย่างที่ราชาดาวิดทรงบัญชา

ภาพเขียนบนผนัง ที่ Mansfield Place Church, Edinburgh

“ลูกรัก   ขอพระเจ้าสถิตอยู่กับเจ้านะ  และขอให้เจ้าประสบความสำเร็จ  สร้างพระวิหารของพระเจ้าอย่างที่พระองค์ทรงพอพระทัย พระเจ้าทรงเลือกเจ้าให้ทำสิ่งนี้”

“ขอบคุณพระเจ้ายิ่งนัก  ขอโมทนาพระคุณพระเจ้า  ลูกจะทำอย่างที่ท่านพ่อบัญชาพะยะค่ะ”

“พ่ออธิษฐานขอให้พระเจ้าประทานสติปัญญาให้เจ้า….   ขอให้เจ้ามีความเข้าใจในการปกครองอิสราเอล  และขอพระเจ้าให้เจ้าได้เดินในทางของพระองค์….”

ราชาดาวิดไม่ได้ทิ้งโอรสไว้ตามลำพัง

แต่พระองค์ทรงฝากซาโลมอนไว้กับพระเจ้า

พ่อ อธิษฐานให้ลูกประสบความสำเร็จในหน้าที่ซึ่งพระเจ้าได้ประทานให้เขา

พ่อ  เป็นผู้สนับสนุนลูกทุก ๆ อย่าง

ซาโลมอนช่างเป็นลูกที่ได้รับพรมากมายจริง ๆ

มือที่เปื้อนเลือด ๒๒-๑

1 พงศาวดาร 22:1-8

เมื่อราชาดาวิดทรงมั่นใจแล้วว่า ที่ดินซึ่งทรงซื้อมาจากท่านโอรนัน  จะเป็นผืนดินที่ใช้สร้างพระวิหารของพระเจ้า

“เจ้าจงไปรวบรวมคนต่างด้าวในแผ่นดินมา  เตรียมพวกเขาให้มาช่วยสกัดหิน เตรียมเอาไว้”  ราชาดาวิดบัญชาคนของพระองค์

พวกเขาจึงไปตามคนต่างชาติเข้ามาช่วยกันสกัดหินจากภูเขา   มันใช้เวลานานมากเพราะว่า ไม่ได้มีเครื่องมือทันสมัยเหมือนกับสมัยนี้ ทุกอย่างทำด้วยมือทั้งหมด  และจำนวนคนทำงานสกัดหินในภูเขา มีถึง 80,000 คน  ต้องเลี้ยงดูคนงานขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ  ต้องลงทุนมากมาย

นอกจากหินแล้ว  ราชาดาวิดก็ให้คนเที่ยวขุดหาเหล็กขึ้นมา  ตีเหล็กให้เป็นตะปู บานพับ ข้อต่อต่าง ๆ     เตรียมทองเหลืองจำนวนมหาศาล  เตรียมไม้สนสีดาร์ซึ่งมีชาวไทระส่งมาถวายอีกจำนวนนับไม่ถ้วน

ราชาดาวิดทรงเห็นว่า   ซาโลมอน องค์รัชทายาทนั้น ยังอายุน้อย และไม่เคยงานหนักมาก่อน  ดังนั้นพระองค์จึงพยายามที่จะช่วยเตรียมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  เพราะพระวิหารแห่งนี้จะทั้งใหญ่โต เต็มด้วยความตระการตา  งดงาม หรูหรา  เรียกได้ว่าจะเป็นที่กล่าวขานกันในประเทศรอบข้างเลยทีเดียว

เมื่อราชาดาวิดเห็นสมควรแก่เวลา  ก็ทรงเรียกซาโลมอนราชโอรสมาเฝ้า

“เจ้าจะเป็นคนสร้างพระวิหารของพระเจ้า”  ราชาดาวิดตรัส  “จริง ๆ  แล้ว ลูกเอ๋ย  พ่อนะอยากเป็นคนที่สร้างพระวิหารนี้เอง  เราอยากทำเพื่อถวายแด่พระเจ้าของเรา   แต่…”      พระองค์ทรงนิ่งไป   ซาโลมอนทรงสงสัย

“แต่อะไรพะยะค่ะ เสด็จพ่อ”

“พระเจ้าทรงบอกพ่อว่า    เพราะว่าพ่อได้ฆ่าคนมากมาย   ทำสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน  มือของพ่อมีเลือดของคนอื่นติดอยู่   พระเจ้าตรัสว่า เจ้าอย่าสร้างพระวิหารเพื่อนามของเรา  เพราะว่า ต่อหน้าเราแล้ว  เจ้าได้ทำให้โลหิตตกเป็นอันมาก “

“เสด็จพ่อ…”

 

ลานนวดข้าวของโอรนัน ๒๑-๕

1 พงศาวดาร 21:19-22:1

ไปสร้างแท่นบูชาที่ลานนวดข้าวของท่านโอรนันรึ?

ราชาดาวิดพร้อมที่จะทำทุกอย่างตามที่พระเจ้าทรงบัญชา  พระองค์จะไม่ขัดพระทัยพระเจ้าอีกแล้ว  ดังนั้น ราชาดาวิดจึงเสด็จไปบ้านของท่านโอรนัน

ขณะนั้น ท่านโอรนันกำลังดูแลคนงานนวดข้าวอยู่  แต่เมื่อหันมา ก็เห็นทูตสวรรค์

“โอ๊ะ! ท่านทูตสวรรค์ของพระเจ้า”  ท่านโอรนันอุทานด้วยความตกใจ

ทำให้ลูกชายของท่านทั้ง 4 คนที่อยู่ในลานนั้น รีบวิ่งไปซ่อนตัว  พวกเขากลัวว่า ทูตสวรรค์จะมาสังหารพวกเขา

ดังนั้น เมื่อราชาดาวิดมาถึง จึงพบท่านโอรนันคนเดียว   ท่านออกมาต้อนรับพระราชา ก้มลง ซบหน้าลงดินถวายความเคารพ

“ขอพระราชาจงทรงพระเจริญพะยะค่ะ”

“ท่านโอรนัน… “ ราชาดาวิดตรัสทันควัน  “ขอท่านให้ลานนวดข้าวนี้แก่เราเถอะนะ  ให้ท่านคิดเต็มราคา เพื่อว่าเราจะสร้างแท่นบูชาถวายพระเจ้า และภัยพิบัติจะได้จบสิ้นไป  ไม่ทำให้ประชาชนต้องเดือดร้อนอีก”

“ขอพระราชาทรงใช้ที่ดินนี้เถิดพะยะค่ะ  ทรงรับไปและทำทุกสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นว่าดี  และข้าพระบาทขอถวายวัว สำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา ถวายฟืน  ถวายข้าวสาลีเป็นธัญญบูชา   ข้าพระบาทขอถวายทั้งหมดเลยพะยะค่ะ”

“ไม่ได้  ท่านทำอย่างนั้นไม่ได้”   ราชาดาวิดทรงค้าน “เราจะเอาของท่านมาถวายพระเจ้า และถวายเครื่องเผาบูชาโดยไม่เสียค่าอะไรเลยนั้น ไม่ถูกต้องนะท่าน   คิดราคามาเถอะ  เราจะจ่ายตามราคาเต็ม”

ท่านโอรนันเข้าใจสิ่งที่พระราชาตรัสทันที… จริงซินะ  จะถวายสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็ต้องนำจากสิ่งที่ตนเองมี ไม่ใช่ไปเอาของคนอื่นมาถวาย

ดังนั้น ราชาดาวิดจึงได้จ่ายค่าที่ดิน เป็นทองคำ 600 เชเขล    จากนั้น ราชาดาวิดก็สั่งให้คนมาสร้างแท่นบูชา และเมื่อทำเสร็จก็ได้ถวายเครื่องบูชา  เครื่องศานติบูชาด้วย

พระเจ้าทรงตอบมาจากสวรรค์ทันที  เป็นไฟมาจากสวรรค์ และพระเจ้าก็ทรงสั่งให้ทูตสวรรค์เอาดาบเก็บเสีย

เมื่อพระเจ้าทรงตอบเช่นนั้น ราชาดาวิดก็ถวายสัตวบูชาด้วย   จริง ๆ แล้วสถานที่ซึ่งพระราชาจะถวายเครื่องบูชาอยู่ที่เมืองกิเบโอน  แต่เมื่อพระเจ้าทรงให้ราชาดาวิดสร้างแท่นบูชาที่นี่

พระองค์จึงทรงเข้าพระทัยว่า ที่นี่จะเป็นที่สร้างพระวิหารของพระเจ้า ……

 

คำสารภาพของพระราชา ๒๑-๔

1 พงศาวดาร 21:16-18

พระเจ้าทรงเปลี่ยนพระทัยที่จะไม่สังหารคนในนครเยรูซาเล็มด้วยโรคระบาด  ทั้ง ๆ ที่ทูตสวรรค์ซึ่งตอนนั้นกลายเป็นทูตมรณะกำลังมาอยู่เหนือ

นครดาวิดแห่งนี้….

ขณะนั้นเอง ราชาดาวิดทรงเงยขึ้นไป ก็เห็นทูตอยู่ระหว่างโลกและฟ้าสวรรค์…. มีดาบอยู่ในมือ ส่วนผู้ใหญ่ของนครก็กำลังซบหน้าลง  พวกเขารอว่า ใครเป็นคนต่อไปที่จะถูกสังหาร

แต่ราชาดาวิดอธิษฐานต่อพระเจ้าทันที  พระองค์ไม่ทรงทราบว่า พระเจ้าทรงห้ามทูตนั้นไว้


“พระเจ้าข้า    ข้าทาสเป็นคนที่สั่งให้นับประชาชนมิใช่หรือ
ข้าทาสเอง เป็นผู้ที่ทำบาปร้ายต่อพระพักตร์พระองค์
ข้าทาสได้ทำความชั่วมากยิ่ง
แต่บรรดาคนเหล่านี้เขาไม่ได้ทำอะไร
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าทาส
ขอพระองค์ทรงลงโทษข้าทาสและครอบครัวของข้าทาส…
แต่ขออย่าให้โรคร้ายนั้นตกลงบนประชากรของพระองค์เลยพระเจ้าข้า
ขอพระเจ้าทรงเมตตาด้วย…”

เวลานี้  ราชาดาวิดเอง ทรงตระหนักดีแล้วว่า การที่คนต้องตายมากมาย และครอบครัวจำนวนมหาศาลต้องรับโรคร้ายนี้ ก็เป็นเพราะความเย่อหยิ่ง ความภาคภูมใจไร้สาระของพระองค์นั่นเอง

และทรงยอมรับผิดอย่างลูกผู้ชายแล้ว…  พระองค์ทรงทูลขอให้พระเจ้าลงโทษพระองค์และครอบครัวแทนที่จะลงโทษผ่านไปที่ประชาชน

ทูตของพระเจ้ามาหากาด  ซึ่งเป็นผู้กล่าวคำของพระเจ้าที่อยู่ใกล้ชิดพระราชา  แจ้งแก่กาดว่า ให้ราชาดาวิดไปสร้างแท่นบูชาถวายพระเจ้าที่ลาดนวดข้าวของโอรนัน ซึ่งเป็นคนชาวเยบุส….

พระเจ้าทรงให้โอกาสดาวิดได้สารภาพบาปและถวายเครื่องบูชา  … พระเจ้าทรงหาหนทางให้พระราชาได้ทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ แต่… ราชาดาวิดจะทรงทำหรือเปล่านะ?

 

การเลือกโทษของพระราชา ๒๑-๓

1 พงศาวดาร 21:13-15

กันดารอาหาร 3 ปี    หรือการโจมตีจากศัตรูนั่นหมายถึงสงคราม  3 เดือน หรือว่าจะเอาการมีโรคระบาดในแผ่นดิน 3 วันโดยทูตของพระเจ้าจะไปทำลายคนทั่วอิสราเอล

เป็นโทษสามอย่างที่พระเจ้าทรงให้โอกาสราชาดาวิดเลือก

ราชาดาวิดทรงคิดอย่างหนัก

กันดารอาหารถึงสามปี…. เราอาจจะต้องกลายไปเป็นทาสของประเทศรอบ ๆ  เพราะเราต้องพึ่งพาเขา  เราจะอยู่ภายใต้มือของมนุษย์    ราชวงศ์อาจจะปลอดการกันดารอาหาร  แต่ประชาชนจะต้องทุกข์ยากมาก
ศัตรูมาโจมตี สามเดือน…  แม้พระเจ้าจะตรัสว่า ดาบของศัตรูจะตามเจ้าทัน… เราจะต้องตกในมือของมนุษย์อีกนั่นแหละ …
โรคระบาดบนแผ่นดิน… นี่เป็นการอยู่ภายใต้พระหัตถ์ของพระเจ้าโดยตรง  ทั้งประชาชนและครอบครัวของเราคนใดคนหนึ่งจะโดนโรคระบาดนั้น  แม้กระทั่งตัวเราเองซึ่งเป็นราชาก็อาจหนีไม่พ้น…   แต่ตายในพระหัตถ์พระเจ้านั้น ดีกว่าตายด้วยน้ำมือของศัตรู

เมื่อทรงตัดสินพระทัยได้จึงทรงตอบกาด  ผู้กล่าวคำของพระเจ้า

ภาพวาดโดย กุสตาฟ ดอเร่ (1832-1883)

ภาพเขียนโดย กุสตาฟ ดอเร่ (1832-1883)

“เรากระวนกระวายมากนะท่าน  แต่ขอเราถูกลงโทษด้วยพระหัตถ์ของพระเจ้าโดยตรงเถิด”   ราชาดาวิดไม่ได้ทรงขอร้องว่า อย่าลงโทษเลย… พระองค์ทรงรู้ดีว่า ได้ทรงทำผิดยิ่งใหญ่ต่อพระเจ้า

พระเจ้าเป็นผู้ประทานความรุ่งเรือง ความสงบให้  มิใช่มาจากราชาดาวิดเอง…. แต่ทำไมจึงจะเอาเกียรติยศของพระเจ้ามาเป็นของตน??

เมื่อราชาดาวิดขอเช่นนั้น

ไม่ทันไร  คนก็เป็นโรคระบาดกันทั่วไปหมด  มีคนตาย 70,000 คน ทั่วแผ่นดิน!! ประมาณร้อยละ 6-7  ของจำนวนประชากรที่นับมา

ขณะนั้น ทูตของพระเจ้ามาถึงเมืองเยรูซาเล็มที่ใคร ๆ เรียกกันว่า นครแห่งดาวิด

ทูตกำลังลงมือที่จะส่งโรคระบาดมาตามพระบัญชาของพระเจ้า…

ทันใดนั้นเอง พระเจ้าก็ทรงกลับพระทัย!!

เป็นไปได้อย่างไร  ทำไมพระเจ้าจึงทรงเปลี่ยนพระทัย?

 

“พอแล้ว! หยุดก่อน  ขอให้เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้”” พระเจ้าตรัสกับทูตสวรรค์ ซึ่งกำลังยืนอยู่ที่ลานนวดข้างของโอรนัน

ทูตสวรรค์ทำตามคำสั่งพระเจ้าทันทีเช่นกัน

เขาไม่ฝืนพระองค์เลย