อิสยาห์ 10-1

อิสยาห์ 10:1-4

วิบัติแก่คนที่ตรากฏหมายชั่วร้าย
วิบัติแก่คนที่เขียนแต่การกดขี่ไม่หยุดหย่อน
เพื่อที่จะทำให้คนขัดสนไม่ได้รับความยุติธรรม และที่จะปล้นสิทธิไปจากคนยากจน
เพื่อที่จะทำให้หญิงม่ายกลายเป็นสิ่งที่เขาริบมา
และเพื่อทำให้คนที่กำพร้าพ่อกลายเป็นเหยื่อของพวกเขา

นี่เป็นสิ่งที่เหล่าผู้นำแห่งอิสราเอลและยูดาห์ได้ทำกับประชาชนทั้งหลาย  พระเจ้าทรงแจ้งให้เขารู้ชัดเจนว่า ความผิดของพวกเขาคืออะไร  พวกเขาไม่ปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความยุติธรรม  นี่คือความอยุติธรรมทางสังคมที่เกิดขึ้น

พวกเจ้าจะทำอย่างไรในวันแห่งการลงโทษ  ในความหายนะซึ่งมาจากที่ไกลแสนไกล  เจ้าจะหันไปขอความช่วยเหลือจากใคร?

ดูซิ  เมื่อมีการโกงและการกดขี่ การเอาเปรียบผู้อื่น  สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ไม่มีใครช่วยได้      ความหายนะที่มาจากที่ไกลนั้นก็คือ ชาวอัสซีเรียจะเป็นผู้นำมาส่งให้กับคนของพระเจ้าที่ไม่เชื่อฟังพระองค์    และหากไม่เคยช่วยใคร มีแต่การเอาเปรียบผู้อื่น  พวกเขาจะไม่มีใครมาช่วยเลยเมื่อต้องการความช่วยเหลือ

assyarmy

ไม่มีอะไรเหลือนอกจากจะไปคุดคู้อยู่กับเหล่านักโทษ  ล้มลงท่ามกลางคนที่ถูกสังหาร

กษัตริย์ชัลมาเนเซอร์ที่สามแห่งอัสซีเรีย  ได้บันทึกไว้ว่า  มีการกองซากศพของศัตรู  มีการกองหัวกระโหลกเอาไว้เป็นพะเนิน
เวลากองทัพอัสซีเรียได้โจมตีประเทศใด ๆ สำเร็จ  พวกเขาไม่ใช่แค่จับคนมาเป็นเชลย  แต่จะมีการเยาะเย้ย ถากถาง และดูหมิ่นคนของประเทศที่พ่ายแพ้   พวกเขาจะทำทุกอย่างที่ทำให้ฝ่ายตรงข้าม อับอายและอดสูเป็นที่สุด

ขนาดนั้นแล้ว  พระพิโรธของพระเจ้ายังไม่หันไปไหน และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดยื่นออกมา

เหตุใดอิสยาห์จึงกล่าวคำนี้ ซ้ำแล้วซ้ำอีก   เขากำลังพยายามบอกว่า การลงโทษของพระเจ้านั้นยังไม่หยุด จะดำเนินต่อไป

 

อิสยาห์ 9-3

อิสยาห์ 9:17-21

เรื่องราวต่อจากเมื่อวาน  พระเจ้าทรงจัดการกับทั้งหัวและหางของอิสราเอล ….

แต่แม้กระทั่งคนหนุ่ม คนกำพร้าพ่อหรือหญิงม่าย ก็ยังไม่เป็นที่พอพระทัยด้วย  เพราะว่า พวกเขากลายเป็นคนไม่มีพระเจ้า  และทำความชั่วกันต่อ ๆไป    ทุกคำพูดที่ออกมาจากปากก็เป็นคำที่โง่เง่า

เหล่าผู้นำทำให้ประชาชนกลายเป็นคนเขลาไปหมด  ไม่มีใครหันกลับมาหาพระเจ้าเลย

ขนาดนั้นแล้ว  พระพิโรธของพระเจ้ายังไม่หันไปไหน และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดยื่นออกมา

ความชั่วร้ายของผู้คนนั้นเป็นเหมือนไฟที่ไหม้ต้นหนามเล็กและหนามใหญ่    ไฟลุกในป่าทึบ  มีควันม้วนลอยขึ้นมาจากป่านั้น

fire

ไฟเผาแผ่นดิน เพราะความกริ้วของพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ

และคนก็เป็นเหมือนเชื้อไฟ ไม่มีใครเลยที่จะไว้ชีวิตพี่น้องของตนเอง

เขาหั่นเนื้อทางขวามือ  แต่ยังหิวอยู่   เขาสวาปามทางซ้ายมือ แต่ก็ไม่อิ่มสักที  แต่ละคนกินเนื้อแขนของตนเอง
มนัสเสห์เขมือบเอฟราอิม   และเอฟราอิมก็ขย้ำมนัสเสห์  ทั้งสองรวมหัวกันต่อต้านยูดาห์

ไป ๆ มา ๆ ทั้งประเทศเข่นฆ่ากันเอง ไม่มีความรักต่อพี่น้องร่วมชาติเลยแม้แต่น้อย 

 ขนาดนั้นแล้ว  พระพิโรธของพระเจ้ายังไม่หันไปไหน และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดยื่นออกมา

อิสยาห์ 9-2

อิสยาห์ 9:8-16

คำพิพากษาแก่คนเย่อหยิ่งและคนที่ถูกกดขี่

นี่เป็นคำกล่าวโทษสะมาเรียซึ่งอยู่ทางเหนือ …  พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา และทรงเป็นผู้ลงโทษด้วย
พระเจ้าได้ทรงส่งพระคำมาต่อสู้กับยาโคบ  และมันจะตกลงมาบนอิสราเอล
คนทุกคนจะได้รับรู้  เอฟราอิมและคนที่อาศัยในสะมาเรีย คนที่กล่าวคำอย่างเย่อหยิ่งและใจจองหอง
ว่า… “ก้อนอิฐพังลงมาแล้ว  แต่เราจะสร้างใหม่ด้วยหินที่ตกแต่งสวยงาม ต้นมะเดื่อถูกตัดลงมา แต่เราจะปลูกต้นซีดาร์ขึ้นมาแทน”
พวกเขาคิดว่า ถึงพระเจ้าจะทำลาย เขาจะสร้างมันขึ้นใหม่ให้งดงามกว่าเดิมอีก  ลืมคิดไปว่า พวกเขาจะไม่เหลืออะไรเลยต่างหาก

 

ภาพจาก http://factsanddetails.com
ภาพจาก http://factsanddetails.com นักแม่นธนูของอัสซีเรีย

แต่พระเจ้าได้ทรงนำศัตรูของเรซีนมาสู้กับเขา และทรงกระตุ้นศัตรูทั้งหลายของเขา ศัตรูเหล่านี้คือเหล่าคนอัสซีเรีย  พระเจ้าจะทรงใช้พวกเขามาจัดการกับอิสราเอลอย่างแน่นอน
ชนซีเรียทางตะวันออก และฟิลิสเตียทางตะวันตกจะอ้าปากกว้างเขมือบอิสราเอล
ขนาดนั้นแล้ว  พระพิโรธของพระเจ้ายังไม่หันไปไหน และพระหัตถ์ของพระองค์ยังเหยียดยื่นออกมาประชาชนไม่ได้หันมาหาพระเจ้าผู้ทรงลงโทษเฆี่ยนตีเขา  ไม่ได้ทูลถามพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ
ดังนั้นพระเจ้าทรงตัดอิสราเอลออกทั้งหัวและหาง  ทั้งใบปาล์มและใบอ้อในวันเดียว
ผู้ใหญ่ และคนที่มีเกียรติเป็นหัว  ส่วนผู้กล่าวคำเท็จคือหาง
สำหรับคนที่นำประชาชน ได้นำให้ประชาชนหลงทาง และคนที่ถูกนำก็ถูกกลืนกินเสีย

หัวและหาง เป็นคำที่หมายถึงผู้นำด้านต่าง ๆ ของประเทศ  

อิสยาห์ 9-1

อิสยาห์ 9:1-7

แต่สำหรับเมืองซึ่งกำลังอยู่ในความเจ็บปวดนั้น จะไม่มีความมืดครื้มเกิดขึ้น
ในเวลาก่อนเก่า  พระเจ้าได้นำความเหยียดหยามมาสู่ดินแดนเศบูลุน และดินแดนนัฟทาลี แต่เวลาต่อมา พระองค์ทรงทำทางอันตระการไปสู่ทะเล เป็นดินแดนโพ้นจอร์แดน  คือกาลิลีแห่งประชาชาติทั้งหลาย

การบุกของอัสซีเรียจะทำให้พื้นที่ทางเหนือนั้นถูกทำลายมากกว่าที่อื่น ๆ    แต่ถึงกระนั้น ดินแดนดังกล่าวซึ่งถูกปล้นอย่างมากมายนั้น กำลังจะได้รับพระพรพิเศษด้วย   

isaiah9

เหล่าคนที่เดินอยู่ในความมืด  ได้เห็นแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่   คนที่อาศัยในดินแดนมืดทึบ แสงสว่างได้ส่องมาเหนือพวกเขา
พระเจ้าทรงเพิ่มจำนวนคนในประเทศนั้น  และทรงทำให้เขามีความชื่นชมมากขึ้น  เขายินดีต่อพระพักตร์พระองค์ เหมือนกับยินดีเวลาฤดูเกี่ยวเก็บ  เหมือนกับคนที่มาแบ่งของที่ปล้นมาให้กันและกัน
เพราะว่า แอกที่เขารับเป็นภาระ  และไม้บนไหล่ของเขา  กระบองของคนที่กดขี่เขา  พระองค์ได้ทรงหักพวกมันในวันของคนชาวมีเดียนแล้ว

เพราะว่ารองเท้าทุกคู่ของนักรบที่ย่ำไปในสนามรบอันวุ่นวาย และเสื้อผ้าทุกตัวต่างโชกเลือดทั้งสิ้น มันจะกลายเป็นเชื้อไฟเผา

 

เพราะว่า จะมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อพวกเรา  พระเจ้าประทานบุตรชายคนหนึ่ง เพื่อพวกเรา   การปกครองจะอยู่บนบ่าของเขา  นามของเขานั้น จะเรียกกันว่า “ที่ปรึกษาแสนอัศจรรย์   พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์   พระบิดานิรันดร์  เจ้าชายแห่งสันติ”

การปกครองของท่านและสันติสุขจะเพิ่มมากขึ้น และไม่มีที่สิ้นสุด   บนบัลลังก์ของราชาดาวิด  เหนืออาณาจักรของพระองค์ เพื่อจะสถาปนาไว้ ยกย่องเชิดชูไว้ ด้วยความเที่ยงธรรมและความชอบธรรม  จากเวลานี้จนนิรันดร์   ความกระตือรือร้นของพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพจะทำสิ่งนี้

อิสยาห์ 8-2

อิสยาห์ 8:11-22

จงยำเกรงพระเจ้า และรอคอยพระองค์

พระคำที่พระเจ้าตรัสกับอิสยาห์ตอนนี้  เพื่อน ๆ  ต้องอ่านดี ๆ  มันมีความหมายถึงใครบ้าง?

องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสแก่ข้า พระหัตถ์อันแข็งแรงของพระองค์วางอยู่บนตัวข้า แสดงว่า พระเจ้าทรงกำชับอิสยาห์อย่างเข้มงวด  คำที่อิสยาห์กำลังจะกล่าวต่อไป  จะยิ่งทำให้คนที่ฟังเขา ไม่พอใจเขามากขึ้น  คนเหล่านั้นมองว่า อิสยาห์ และเพื่อนที่กล่าวคำจากพระเจ้า เป็นพวกสมคบคิดร้ายต่อประเทศ  เพราะต่างชักชวนให้พวกเขาไม่พึ่งพันธมิตรจากประเทศใดทั้งสิ้น  ให้พึ่งพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น

“สิ่งที่คนเหล่านั้นเรียกว่า การสมคบคิด เจ้าอย่าเรียกเช่นนั้น   สิ่งที่พวกเขากลัว เจ้าไม่ต้องกลัว  อย่าตื่นตระหนกไป”
“แต่พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ คือพระองค์ผู้ที่เจ้านับถือว่าพระองค์ทรงบริสุทธิ์   จงยำเกรงพระองค์  จงเกรงกลัวพระองค์ยิ่งนัก  และพระองค์จะทรงมาเป็นวิหารบริสุทธิ์ และเป็นศิลา แต่เป็นหินสะดุดสำหรับวงศ์วานแห่งอิสราเอล เป็นกับดักและบ่วงแร้วแก่คนที่อาศัยในนครเยรูซาเล็ม  หลายคนจะสะดุดหินนั้น  พวกเขาจะล้มลงและบาดเจ็บเป็นแผล  พวกเขาจะติดบ่วงและถูกจับไป”   พระเจ้าจะทรงปกป้องเขา แต่กลายเป็นหินที่ทำให้คนที่ไม่เชื่อในพระองค์สะดุดล้มลง

จงผูกรักษาคำพยานนั้นไว้  และผนึกประทับตราคำสอนไว้ในหมู่ศิษย์ของข้า  ข้าจะรอคอยพระเจ้า พระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากวงศ์วานของยาโคบ  และข้าจะหวังใจในพระองค์    หมู่ศิษย์เหล่านี้คือ คนที่จะได้เหลืออยู่จากการจับไปเป็นเชลย  พวกเขาจะต้องรักษาคำที่อิสยาห์กล่าวไว้ เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ว่า พระเจ้าได้ตรัสอะไรไปบ้าง  

ดูเถิด ข้าและลูก ๆ ที่พระเจ้าประทานให้นั้น เป็นเครื่องหมาย และสัญลักษณ์ในอิสราเอลจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพผู้ประทับในภูเขาศิโยน

และเมื่อพวกเขากล่าวแก่เจ้าว่า “ให้ปรึกษาพวกคนทรงและพวกพ่อมดแม่มดที่ส่งเสียงจอแจบ้างพึมพัมบ้าง “ คนเราไม่ควรปรึกษาพระเจ้าของเขาหรือ?  พวกเขาควรที่จะไปปรึกษาคนตายเพื่อคนเป็นหรือ?    ผู้คนในสมัยของอิสยาห์ ไม่ได้หันหาพระเจ้า แต่กลับไปปรึกษาพ่อมดหมอผีและคนทรง

ข้าโกรธพระเจ้าที่สุด!!
ข้าโกรธพระเจ้าที่สุด!!

ไปดูคำบัญญัติและคำพยานพระเจ้า   ถ้าพวกเขาไม่พูดตามคำเหล่านี้ เป็นเพราะพวกเขาไม่มีแสงแห่งรุ่งอรุณอยู่เลย  พวกเขาจะเร่ร่อนผ่านแผ่นดินไปพร้อมกับความหิวโหยและทุกข์ใจ  เมื่อพวกเขาหิวขึ้นมา ก็จะโกรธเกรี้ยวและกล่าวคำดูหมิ่นกษัตริย์และพระเจ้าของพวกเขา จากนั้นจะเงยหน้าขึ้น

และพวกเขาจะมองที่แผ่นดินโลก แต่ดูเถอะ มีแต่ความทุกข์ยากและความมืด  ความมืดดำระทมใจ และพวกเขาจะถูกผลักให้เข้าไปสู่ความมืดอันหนาทึบ

คนเหล่านี้ หันหลังให้พระเจ้า  และเมื่อพบความทุกข์ยากก็ด่าทอพระองค์   ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเขาไม่ยอมรับคำของพระเจ้าจากปากของอิสยาห์   และอิสยาห์เองก็บอกเขาล่วงหน้าด้วยว่า พวกเขาจะเจอกับอะไร

อิสยาห์ 8-1

อิสยาห์ 8:1-10
อัสซีเรียจะเข้ามาโจมตี ในฐานะเครื่องมือของพระเจ้า
แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าว่า “ให้เอาวัสดุแผ่นใหญ่ และจารึกคำที่คนทั่วไปเข้าใจได้ลงไปว่า …มาเฮอร์ ชาลาล หัช บัส “(แปลว่า …. (อัสซีเรีย) รีบไปเอาของที่ปล้นมา ) และเราจะให้พยานที่สัตย์ซื่อ คือปุโรหิตอุริยาห์ และเศคาริยาห์บุตรชายเยเรเบคิยาห์ บันทึกเรื่องคำทำนายนี้ให้เรา…

ข้า..อิสยาห์ได้เข้าหาผู้กล่าวคำสตรี(ซึ่งเป็นภรรยาของข้าเอง) เธอได้ตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง พระเจ้าตรัสกับข้าว่า ให้ตั้งชื่อลูกชายคนนี้ว่า มาเฮอร์ ชาลาล หัช บัส เพราะว่า ก่อนที่เด็กชายผู้นี้จะพูดคำว่า พ่อจ๋า หรือแม่จ๋า … กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย จะมายึดทรัพย์สมบัติของทั้งดามัสกัส และซีเรียไป… “

พระเจ้าได้ตรัสแก่ข้าอีกว่า “เพราะคนเหล่านี้ ปฏิเสธสายน้ำแห่งชิโลอาห์ซึ่งไหลไปอย่างช้า ๆ กลับไปชื่นชมเจ้าเรซีน และลูกชายของเรมาริยาห์ ดังนั้น พระเจ้าจะทรงนำสายน้ำแรงที่ยิ่งใหญ่แห่งแม่น้ำยูเฟรตีสมาท่วมพวกเขา กษัตริย์แห่งอัสซีเรียและความอลังการของพระองค์ สายน้ำที่โหมแรงกล้านั้นจะท่วมเหนือช่องแคบทุกแห่ง และท่วมท้นตลิ่ง มันจะกวาดไปถึงยูดาห์
มันจะท่วมและไหลล้นไปจนถึงคอ
มันจะท่วมไปยังดินแดนกว้างใหญ่ของแผ่นดินเจ้า โอ อิมมานูเอล”

ภาพจำลองกองทัพอัสซีเรีย จากhttp://www.hat.com
ภาพจำลองกองทัพอัสซีเรีย จากhttp://www.hat.com

แทนที่ราชาอาหัสจะพึ่งพระเจ้า กลับไปขอความช่วยเหลือจากอัสซีเรีย สายน้ำแห่งชิโลอาห์คือลำธารที่ไหลมาจากน้ำพุกิโฮน ซึ่งอยู่นอกนครเยรูซาเล็ม มันเป็นสัญญลักษณ์ของการช่วยเหลือจากพระเจ้า การปกป้องจากพระองค์

“คนทั้งหลายเอ๋ย เจ้าจงรับการแตกร้าว เจ้าจะป่นปี้ จงฟัง เจ้าคนที่อยู่ในประเทศไกลโพ้น คาดอาวุธของเจ้าและแตกหักจนไม่เหลือ คาดอาวุธของเจ้าและแตกกระจายจนหมด … ถึงแม้พวกเขาจะได้มาตีอิสราเอลและยูดาห์ พวกเขาเป็นเพียงเครื่องมือของพระเจ้าเท่านั้น เขาไม่ได้ทำสำเร็จด้วยตัวเอง
ปรึกษากันเข้าไปเถอะ แต่เจ้าจะไม่ได้อะไร พูดออกมาสักคำ แต่มันจะไม่ทำให้เจ้ายืนมั่นได้

เพราะว่า พระเจ้าทรงอยู่กับเรา
พระเจ้าทรงบอกชัดว่า สำหรับคนที่หลงเหลืออยู่แล้ว พระเจ้าทรงอยู่กับพวกเขา

อิสยาห์ 7-3

อิสยาห์ 7:17-25

อ่านเบื้องหลังราชาอาหัส
พระเจ้าจะทรงนำกษัตริย์แห่งอัสซีเรียเข้ามาหาเจ้า ประชาชนของเจ้า และวงศ์วานของเจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นับแต่เอฟราอิมแยกออกไปจากยูดาห์
ราชาอาหัสเคยขอความช่วยเหลือจากอัสซีเรีย  แต่อัสซีเรียเองที่จะมาทำลายพวกเขา !

ในวันนั้น พระเจ้าจะทรงผิวพระโอษฐ์เรียกฝูงเหลือบมาจากสุดปลายน้ำแห่งอียิปต์  และจะทรงเรียกผึ้งมาจากอัสซีเรีย  พวกมันจะมากันทั้งหมด และตั้งรกรากในที่ห้วยน้ำลึก และตามซอกหิน และตามต้นหนาม  ตามทุ่งหญ้าทั้งหมด
ในวันนั้น พระเจ้าจะทรงใช้ใบมีดโกนที่จ้างมาจากแผ่นดินพ้นแม่น้ำนี้ไป  นั่นคือ กษัตริย์แห่งอัสซีเรีย ให้โกนหัว ขนหน้าแข้ง และหนวดเคราของท่าน
ดูเถอะ พระเจ้าจะทรงให้ทั้งอียิปต์และอัสซีเรียมาโจมตียูดาห์  พวกเขาจะโดนทั้งจากทางเหนือและใต้ 

nham

 

ในวันนั้น ชายคนหนึ่งจะเลี้ยงวัวสาวหนึ่งตัวกับแกะสองตัว  และมันได้ให้น้ำนมกับเขาอย่างล้นเหลือ  เขาก็จะดื่มนมข้น  ทุกคนที่ถูกทิ้งในแผ่นดินก็จะกินทั้งนมข้นและน้ำผึ้ง
ในวันนั้น ทุกแห่งที่เคยมีองุ่นต้น ซึ่งมีราคาเป็นเงินหนัก 1000 เชเขล จะกลายเป็นแต่พงต้นหนาม    ชายสักคนจะไปที่นั่นก็ต้องเอาคันธนูและลูกธนูไปเพราะว่า จะเจอแต่ต้นหนามคลุมแผ่นดิน   ส่วนเนินเขาที่เคยมีการใช้จอบขุดเพื่อปลูกพืช  คนกลับไม่กล้าไปเพราะกลัวหนาม  ที่นั่นจะกลายเป็นสถานที่ซึ่งเขาปล่อยให้ฝูงวัว และแกะเหยียบย่ำไปมา
ที่เคยทำการเกษตรได้นั้น ก็ไม่อาจทำได้ต่อไป  ที่ดินถูกทิ้งให้สัตว์หากินเอาเอง  คนจึงกินแต่นมกับน้ำผึ้ง ผักผลไม้ไม่ออกผล เพราะดินกลายเป็นหนาม เป็นวัชพืชไปหมด

อิสยาห์ 7-2

 อิสยาห์ 7:10-16

แล้วพระเจ้าได้ตรัสกับราชาอาหัสอีก “ให้เจ้าขอหมายสำคัญจากองค์พระผู้เป็นเจ้าของเจ้า  ให้มันลึกเหมือนแดนคนตาย หรือสูงเท่าสวรรค์ก็ได้”
แต่อาหัสทรงตอบว่า “ข้าพระองค์จะไม่ขอ  ข้าพระองค์จะไม่ทดสอบองค์พระผู้เป็นเจ้า”

เอ พระเจ้าทรงบอกให้ขอ  แต่ราชาอาหัสกลับบอกว่า ไม่… ไม่ต้องการทดสอบพระเจ้า  หรือไม่อยากรู้กันแน่?    เพื่อน ๆ ตามกลับไปดูเรื่องราวของราชาอาหัสได้ที่นี่     และเรื่องราวที่ไปขอความช่วยเหลือจากอัสซีเรีย ที่นี่

 

ahazwar2
อิสยาห์กล่าวว่า “วงศ์วานของดาวิดเอ๋ย จงฟัง  ท่านจะทำให้มนุษย์เหนื่อยอ่อนกับท่านไม่พอหรือ  ท่านยังพยายามยั่วเย้าองค์พระเจ้าด้วยหรือ?”
พระราชาไม่เชื่อในคนของพระองค์ และก็ไม่เชื่อในฤทธิ์เดชของพระเจ้าด้วย …. พระเจ้าทรงเหนื่อยอ่อนกับความไม่เชื่อของพวกเขายิ่งนัก

ดังนั้น พระเจ้าจะประทานหมายสำคัญให้ท่าน!

คือหญิงสาวพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชาย 

และเขาจะเรียกนามบุตรชายนั้นว่า อิมมานูเอล 

 

เขาจะกินนมข้นและน้ำผึ้งเมื่อเขารู้ที่จะปฏิเสธความชั่วและเลือกทำสิ่งดี
แต่ก่อนที่บุตรชายจะรู้เลือกสิ่งดีปฏิเสธสิ่งชั่ว  แผ่นดินของกษัตริย์ทั้งสองที่เจ้ากลัวนั้นจะกลายเป็นที่ร้าง
แล้วอิสยาห์ก็ได้กล่าวคำพยากรณ์ถึงบุคคลหนึ่งที่อีกหลายร้อยปี จะเกิดมาในวงศ์วานของอาหับ  ผู้นั้นคือ องค์พระเยซูคริสต์ ซึ่งใคร ๆ จะเรียกพระองค์ว่า อิมมานูเอล 

อิสยาห์ 7-1

อิสยาห์ 7:1-9

ในรัชสมัยของราชาอาหัส โอรสของราชาโยธาม ซึ่งเป็นโอรสของอุสซียาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์

กษัตริย์เรซินแห่งซีเรีย และเปคาห์บุตรชายของเรมาลิยาห์ซึ่งเป็นราชาแห่งอิสราเอลนั้น  ได้เดินทางมาเพื่อโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม   แต่ไม่อาจที่จะโจมตีได้  เมื่อราชวงศ์ของดาวิดได้รับคำทูลว่า “ซีเรียนั้นเป็นพันธมิตรกับเผ่าเอฟราอิม”  ทำให้ราชาอาหัสทรงเกรงกลัวยิ่ง ทั้งพระราชาและประชาชนของพระองค์ ต่างตกใจกลัว สั่นราวกับต้นไม้ในป่าที่ถูกพายุพัดปลิวโอนเอน….
และพระเจ้าตรัสกับอิสยาห์ว่า “เจ้าจงออกไปพบกับอาหัส   เจ้าและลูกชายของเจ้าคือเชอาร์ยาชูย  ไปพบอาหัสที่ปลายท่อน้ำของอ่างเก็บน้ำด้านบน  ตรงทางที่จะไปยังลานซักฟอก…  และทูลเขาว่า “จงระวัง ให้สงบนิ่ง  ไม่ต้องกลัว  และอย่ายอมให้ใจหวาดหวั่นเพราะตอฟืนที่กำลังจะมอดสองตอนี้  นั่นคือความโกรธเกรี้ยวของเรซิน แห่งซีเรียและลูกชายของเรมาลิยาห์

rabshakeh

เพราะซีเรียและเอฟราอิม และลูกชายของเรมาลิยาห์ได้วางแผนร้ายต่อต้านเจ้า  กล่าวว่า “ให้เราไปบุกยูดาห์กัน และทำให้มันกลัว   เอาจนชนะมันได้ และตั้งให้ลูกชายของทาเบเอลเป็นราชาปกครองที่นี่”

ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า “มันจะยืนอยู่ไม่ได้  มันจะไม่สำเร็จ  เพราะว่า หัวของซีเรียคือดามัสกัส   หัวของดามัสกัสคือเรซีน  และภายใน 65 ปี เอฟราอิมจะกระจัดกระจายไป ไม่เป็นกลุ่มก้อน  หัวของเอฟราอิมคือสะมาเรีย  หัวของสะมาเรียเป็นแค่ลูกชายของเรมาลิยาห์   ถ้าเจ้าไม่ตั้งมั่นคงในความเชื่อเท่ากับเจ้าจะยืนมั่นอยู่ไม่ได้เลย…”

อิสยาห์ 6 ถูกเรียก…

อิสยาห์ 6:8-13

และข้าก็ได้ยินเสียงของพระเจ้าตรัสว่า “เราจะส่งใครไป  และใครจะไปแทนเรา?”  พระเจ้าทรงเป็นผู้ส่งไป และคนของพระองค์เป็นผู้เดินทางออกไปทำสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ 

แล้วข้าตอบว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ โปรดส่งข้าพระองค์ไปเถิด พระเจ้าข้า”  อิสยาห์พร้อมที่จะไปตามคำสั่งของพระเจ้า  เขาพร้อมที่จะเป็นคำตอบซึ่งพระเจ้าทรงใช้ได้ 
และพระองค์ตรัสว่า “จงไป บอกคนเหล่านี้ว่า … พวกเจ้าฟังเอา ฟังเอา แต่กลับไม่เข้าใจ

พวกเจ้าเห็นแล้วเห็นอีก แต่กลับไม่ดู   ทำใจของคนเหล่านี้ให้มึนงงไป  ทำให้หูตึง  ทำให้ตาบอด   มิฉะนั้น พวกเขาจะเห็นได้ด้วยตา  ยินด้วยหู และซาบซึ้งจนเข้าใจ  ในที่สุดกลับมาและรับการรักษาให้หาย”  ตา  หู และใจ  สามสิ่งนี้สำคัญมาก  หากทั้งตา หู และใจได้ซาบซึ้ง ได้รับคำของพระเจ้า… พวกเขาจะได้รับสิ่งดี ๆ แน่นอน นี่เป็นคำมหัศจรรย์จริง  ผู้ที่ถูกพระเจ้าส่งไป แม้จะต้องกล่าวคำกับคนที่มองไม่เห็น หูไม่ได้ยิน ไม่เข้าใจ  …วันหนึ่งเมื่อพระเจ้าทรงโปรดเขา  แน่นอนพวกเขาจะเห็น ได้ยิน ได้เข้าใจ จะได้รับการรักษาจากพระเจ้า  …

เป็นภาพงดงามไม่แพ้ภาพเมื่อวาน ไม่ทราบนามผู้วาด
เป็นภาพงดงามไม่แพ้ภาพเมื่อวาน ไม่ทราบนามผู้วาด  

 

แล้วข้าจึงกราบทูลว่า  “นานเท่าไรพระเจ้าข้า?”   นานเท่าไรที่จะต้องกล่าวคำของพระเจ้าทั้ง ๆ ที่คนไม่เข้าใจ….

พระองค์ตรัสว่า “จนกว่าเมืองจะร้างเปล่า ไม่มีคนอาศัย และบ้านไม่มีคนอยู่ แผ่นดินกลายเป็นที่รกร้าง
และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงส่งทุกคนไปยังแดนไกล แผ่นดินถูกทิ้งร้างจนหมดสิ้น  โอ้โห  … พระเจ้าทรงบอกอิสยาห์ว่า ยากที่จะมีคนเห็น ได้ยิน และเข้าใจ…. จนกระทั่งพวกเขาต้องรับผลแห่งการกระทำของตนเอง 

และแม้ว่ายังเหลือคนหนึ่งในสิบ   มันจะถูกเผาเหมือนกับต้นเทเรบินธ์และต้นโอ๊คที่ตอของมันยังเหลือเมื่อต้นล้มไป   ตอที่เหลือนั้นคือเมล็ดพันธุ์ที่บริสุทธิ์ 

แม้คนที่ยังเหลือในแผ่นดิน ไม่ถูกจับไปเป็นเชลย ก็ยังจะถูกการพิพากษาของพระเจ้าด้วย   กว่าพวกเขาจะได้กลับมาเป็นคนบริสุทธิ์ของพระเจ้าอีกครั้ง…. 

 

อิสยาห์ 6-1

อิสยาห์ 6:1-7

ในปีที่ราชาอุสซียาห์สิ้นพระชนม์นั้นเอง  ข้าได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับบนบัลลังก์

สูงส่ง  เทิดทูน… และชายฉลองพระองค์นั้น อยู่เต็มพระวิหาร
เหนือพระองค์ขึ้นไป มีเหล่าเสราฟิมยืนอยู่  แต่ละตนมีปีก 6 ปีก  ได้ใช้ปีก 2 ข้างคลุมหน้า อีก 2   ข้างคลุมเท้า และปีกอีก 2 ข้างใช้บิน
เสราฟิมร้องต่อกันและกันว่า


Seraph cleansing Isaiah's Sins

Isaiah Visited By A Seraph by Giovanni Battista Tiepolo (AD 1726)

 

“พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพทรงวิสุทธิ์  วิสุทธิ์  วิสุทธิ์   โลกทั้งใบเต็มด้วยพระสิริของพระองค์”

และเวลานั้น รากฐานของธรณีประตูก็สั่นสะเทือน เมื่อยินเสียงของผู้ที่ร้องออกมา   พระนิเวศนั้นเต็มไปด้วยควัน
และข้ากล่าวว่า “วิบัติแก่ตัวข้า!… เพราะว่า ข้าเป็นคนปากสกปรก   ข้าอาศัยอยู่ท่ามกลางประชากรที่ปากสกปรก  เพราะข้าได้เห็นองค์พระราชา พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ!”
แล้วหนึ่งในหมู่เสราฟิมได้บินมาตรงมายังข้าพเจ้า  ในมือของเขานั้น มีถ่านไฟกำลังลุกอยู่  เขาใช้คีมคีบถ่านนั้นมาจากแท่นบูชา  แล้วเขาได้แตะปากของข้าพเจ้า  กล่าวว่า “ดูเถิด สิ่งนี้ได้สัมผัสปากของเจ้าแล้ว  ความผิดของเจ้ารับการอภัย  บาปของเจ้าได้รับการลบมลทินแล้ว”

อิสยาห์ 5-3

วิบัติมีแก่คนที่ลากความผิดไปด้วยเชือกของความเท็จ คนที่ลากบาปไปเหมือนเชือกเกวียน
คนที่กล่าวว่า “เร็วหน่อย ขอพระเจ้าทรงเร่งงานให้เร็วขึ้นเพื่อเราจะได้เห็น ให้คำปรึกษาขององค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลมาใกล้ ให้มันมา เพื่อว่าเราจะได้รู้”
มีคนที่เยาะเย้ยคำกล่าวของอิสยาห์ ไม่สนใจสิ่งที่ท่านเตือน อิสยาห์จึงบอกล่วงหน้าให้พวกเขารู้ว่า วิบัติที่พวกเขาจะพบเจอนั้น คืออะไร

วิบัติแก่คนที่เรียกความชั่วร้ายว่าเป็นความดี และเรียกความดีเป็นความชั่วร้าย คนที่มองเห็นสว่างเป็นมือ และเอาขมมาเป็นหวาน หวานเป็นขม

วิบัติแก่คนที่ฉลาดในสายตาของตนเอง และคิดว่าตัวเองเฉียบแหลมเสียเหลือเกิน เพื่อน ๆ คงเคยเจอกับคนแบบนี้นะ ไม่ค่อยน่าคุยด้วยเท่าไร และพวกเขาจะคิดว่า ตนเองเก่ง เป็นเลิศกว่าใครในโลก

วิบัติแก่คนที่เก่งในการดื่มเหล้าองุ่น ผู้กล้าที่ผสมเหล้าแรง ๆ คนที่ปล่อยตัวคนผิดไปโดยแลกกับสินบน และกระชากเอาสิทธิของคนไร้ความผิดไป
พระเจ้าทรงเกลียดชังการให้สินบน มันทำลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องและทำลายทั้งสังคมไปด้วย

ดังนั้น เหมือนกับไฟลามเลียตอข้าว และเหมือนกับหญ้าแห้งค่อย ๆ ยุบตัวลงในไฟ รากของมันจะเน่าและดอกที่บานออกมาจะปลิวไปเหมือนฝุ่น เพราะว่า พวกเขาได้ละทิ้งบทบัญญัติของพระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ และดูหมิ่นพระคำขององค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
ดังนั้น พระพิโรธของพระเจ้าจะพลุ่งขึ้นต่อคนของพระองค์ และพระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ต่อต้านเขา ทำให้เขาล้มลง ภูเขาก็สะเทือน ซากศพของพวกเขาเป็นเหมือนขยะกลางถนน ทั้งหมดนี้ ยังไม่ได้ทำให้ความโกรธกริ้วของพระองค์หายไป และพระองค์ยังทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์ออกมา
แล้วพระองค์จะให้สัญญาณกับประชาชาติที่อยู่ไกลออกไป และผิวพระโอษฐ์เรียกพวกเขามาจากที่สุดปลายของแผ่นดิน และดูเถิด พวกเขามาอย่างรวดเร็ว รีบเร่ง
น่ากลัวจริง พระหัตถ์ของพระเจ้า คือ พระหัตถ์ที่นำความรอด และพระคุณ แต่เมื่อใดที่พระเจ้าต้องเหยียดพระหัตถ์ต่อต้านคนของพระองค์ พวกเขาก็ไม่เหลืออะไร

ไม่มีใครสักคนอ่อนแรง ไม่มีใครสะดุด ไม่มีใครง่วงหรือนอนหลับ สายคาดเอวไม่หย่อนยาน และสายรัดรองเท้าก็ไม่ขาดสักเส้น
ลูกธนูของพวกเขาคมมาก คันธนูโก่งไว้เตรียมพร้อม กีบม้าศึกของเขาเหมือนหินเหล็กไฟทีเดียว และล้อรถม้าก็เหมือนลมพายุหมุน

Is5Lion Roaring
54936^Sound-Effect—Lion-Roaring-03

Powered by mp3skull.com

พวกเขาร้องคำรามราวกับสิงโต เหมือนกับสิงโตหนุ่มที่กำลังคำรามขู่และจับเหยื่อของมัน เมื่อมันเอาเหยื่อออกไป ก็ไม่มีใครอาจช่วยได้
ในวันนั้น มันร้องคำรามเหนือเหยื่อนั้นไม่หยุดราวกับเสียงคลื่นในทะเล
และหากมีใครหันมามองที่แผ่นดิน ดูเถิด มีแต่ความมืด และความทุกข์ทรมาน ความสว่างกลายเป็นมืดเพราะเมฆบดบังมันไว้

เมฆนี้คือการพิพากษาของพระเจ้า

อิสยาห์ 5-2

อิสยาห์ 5:8-17
วิบัติแก่คนที่สร้างบ้านต่อกันไปเรื่อย ๆ สะสมที่นาให้กว้างยาวต่อไปไม่หยุด จนกระทั่งไม่มีที่เหลือ จนกระทั่งเขาจะอยู่โดดเดี่ยวในผืนดินอันกว้างใหญ่นั้น
พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสให้ข้าได้ยินว่า “ที่จริงแล้ว บ้านมากมายจะกลายเป็นบ้านร้าง บ้านใหญ่งดงาม แต่ไม่มีคนอยู่ เพราะว่าที่ดินยี่สิบห้าไร่จะได้ผลองุ่นเพียงแปดลิตร และทุ่มหว่านเมล็ดไป ร้อยแปดสิบลิตรจะได้กลับมาเพียงสิบแปดลิตร
นี่เป็นผลที่ได้จากความเห็นแก่ตัวของพวกเขา ไร่นา ไม่ส่งผลที่ควร แต่กลับได้น้อยกว่าที่ลงแรงไป
bigfield
วิบัติแก่คนที่ตื่นแต่เช้าเพื่อว่าจะได้ดื่มน้ำเมาต่อไป และดื่มไปจนมืดจนกระทั่งน้ำนั้นเผาไหม้ตัวเขา

ในงานเลี้ยงของเขานั้น มีทั้งพิณ และเครื่องสาย รวมทั้งรำมะนา และขลุ่ย
แต่พวกเขาไม่เคยมองดูราชกิจของพระเจ้า ไม่เคยพิจารณาฝีพระหัตถ์ของพระองค์
ดังนั้น คนของเราจึงกลายไปเป็นเชลย เพราะว่า เขาไม่มีความรู้
หากคนของพระเจ้าขาดความรู้ เขาจะกลายเป็นเบี้ยล่าง ไม่ใช่เบี้ยบน ….
คนที่มีเกียรติในหมู่พวกเขาก็อดอยาก และคนจำนวนมากก็กระหายจนแห้งเหี่ยว
ดังนั้นแดนคนตายจะขยายขนาด และอ้าปากของมันจนกว้างอย่างไม่จำกัด เขมือบศักดิ์ศรี ทั้งคนในเมืองและความอึกทึกรื่นเริงในนั้น
ความตายนี้ เป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับพวกเขา คนที่ไม่เคยหันมามองราชกิจของพระเจ้า คนที่ดูถูกพระองค์จะได้อยู่ในนั้น
คนทั้งปวงจะถูกดึงให้ตกต่ำลง และคนที่มีสายตาเย่อหยิ่งจะถูกทำให้ต่ำต้อย
แต่พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพจะทรงได้รับการยกย่องเชิดชูในการพิพากษา
และองค์พระเจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์จะได้รับการยกย่องในความชอบธรรม
และเหล่าลูกแกะจะได้รับการดูแลในทุ่งหญ้า
คนแปลกหน้าจะได้หากินในที่ปรักหักพังของคนมั่งคั่ง

อิสยาห์ 5-1

ขอให้ข้าได้ร้องเพลงรักเรื่องสวนองุ่นของคนรักของข้า พระเจ้าทรงเป็นทั้งพระเจ้าและที่รักของท่านอิสยาห์
คนรักของข้ามีสวนองุ่นซึ่งปลูกอยู่บนดินอุดมบนเนินเขาvineyard
เขาได้ขุดดิน และเอากรวดหินออกไปจนหมด จากนั้นก็ปลูกองุ่นพันธ์ุดีเลิศ เขาสร้างหอคอยเพื่อเฝ้าระวังภัยกลางสวนนั้น
และยังได้สกัดบ่อย่ำองุ่นไว้ด้วย เขาหวังว่ามันจะมีผลดีๆ แต่มันกลับออกลูกเป็นองุ่นป่า

และบัดนี้ โอ….เหล่าคนที่อาศัยในนครเยรูซาเล็ม และบุรุษแห่งยูดาห์ ให้เจ้าตัดสินความระหว่างข้าและสวนองุ่นของข้า
ยังมีอะไรที่ข้าไม่ได้ทำเพื่อสวนนี้ ข้าจะทำอะไรเพื่อสวนองุ่นนี้ได้อีกบ้าง ยามที่ข้ามองหาลูกองุ่น เหตุใดจึงเจอแต่องุ่นป่า
และบัดนี้ ข้าจะบอกว่า ข้าจะทำอะไรกับสวนองุ่นของข้า ข้าจะรื้อเพิงของมันลง มันจะถูกกลืนกิน ข้าจะทำลายกำแพง และมันจะถูกเหยียบย่ำ
ข้าจะทำให้มันเสียไปให้หมด จะไม่มีการลิดกิ่งหรือพรวนดิน จะมีต้นหนามเกิดขึ้น และเรายังจะสั่งให้เมฆไม่ให้ส่งฝนลงมา

เพราะสวนองุ่นของพระเจ้าคือบ้านของอิสราเอล และบุรุษแห่งยูดาห์เป็นพืชอันน่าชื่นชมของพระองค์ เขามองหาความยุติธรรม กลับพบแต่การนองเลือด เขามองหาความชอบธรรม กลับพบการร้องคร่ำครวญ

อิสยาห์ 4 กิ่งก้านของพระเจ้า

อิสยาห์ 4:1-6

ในวันเวลานั้น  ผู้หญิงถึง 7 คน จะยึดชายคนเดียวกันไว้  โดยขอร้องว่า “เราจะหาอาหารกินเอง หาเสื้อผ้าของเราเอง ขอเพียงให้คนเรียกเราตามนามสกุลของท่านนะ   เราจะได้ไม่ต้องอายใคร”  จะมีเวลาที่เหล่าผู้ชายถูกฆ่าตายอย่างมากมาย จนไม่มีผู้ชายเหลือพอเพียงกับจำนวนประชากรหญิง
การรื้อฟื้นของคนที่รอดตายในศิโยน…..

แล้วอิสยาห์ก็หันกลับมากล่าวถึงวันดี ๆ ที่จะเกิดขึ้น

ในวันเวลานั้น กิ่งก้านของพระเจ้าจะงดงาม ตระการ ผลผลิตที่ได้จากแผ่นดินนั้นทั้งยอดเยี่ยมและน่าเป็นเจ้าของ สำหรับคนที่รอดตายในอิสราเอล…  เคยได้ยินที่พระเยซูตรัสว่า  เราเป็นเถาองุ่นแท้… ไหม?   กิ่งก้านของพระเจ้า ในที่นี้  อิสยาห์กำลังบอกว่า ผู้ที่จะมาเป็นกิ่งก้านซึ่งนำศักดิ์ศรีคืนมาให้มนุษย์เราคือ องค์พระเยซูคริสต์นี่เอง  jesustruvine

 

คนที่เหลืออยู่ในศิโยน  และยังค้างอยู่ในเยรูซาเล็มนั้น ใคร ๆ จะเรียกพวกเขาว่า บริสุทธิ์… พวกเขาเป็นคนที่มีชีวิตในนครเยรูซาเล็มตามที่ได้บันทึกไว้  เมื่อพระเจ้าตรัสถึงคำว่าบริสุทธิ์จะมีความหมายว่าแยกออกเสมอ…. พวกเขาแยกออกจากความบาป จากชีวิตที่สกปรก  และมีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า

เมื่อองค์พระผู้เป็นนายสูงสุด ได้ทรงชำระล้างความสกปรกของบรรดาธิดาแห่งศิโยนให้หมดสิ้น  และชำระรอยเลือดที่ตกค้างของเยรูซาเล็มท่ามกลางเมืองนั้น   ด้วยพระวิญญาณแห่งการพิพากษาและการเผา

พระเจ้าจะทรงสร้างเมฆและควันในเวลากลางวัน   และแสงของเปลวไฟในเวลากลางคืน ให้อยู่เหนือทุกแห่งบนภูเขาศิโยนและเหนือที่ประชุมของเมืองนั้น   เพราะจะมีพลับพลาที่ปกคลุมเหนือพระสิริของพระองค์   เมื่อเราอ่านตรงนี้ อาจจะยากที่จะเข้าใจ อิสยาห์กำลังกล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่คนในศิโยนจะได้รับการปกป้องจากพระเจ้า

และจะเป็นร่มบังแดดกลางวัน  เป็นที่ลี้ภัยและเป็นที่กำบังจากฝนตกอันแรงกล้า

เรื่องดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นนี้ มีได้เพราะพระเยซูได้เสด็จลงมาในโลก และทรงเป็นกิ่งก้านของพระเจ้าที่จะปกป้องรักษา  ดูแลคนที่เชื่อในพระองค์…..

 

อิสยาห์ 3-3 โทษธิดาศิโยน

อิสยาห์ 3:13-26

พระเจ้าทรงยืนตัดสินคดี   พระองค์ทรงยืนเพื่อพิพากษาคนของพระองค์
พระเจ้าทรงเข้าไปพิพากษาเหล่าผู้ใหญ่ของประชากรและเจ้านายทั้งหลาย
“เพราะพวกเจ้าได้กินของในสวนองุ่นจนหมด  สิ่งที่เจ้าปล้นมาจากคนจนก็อยู่ในบ้านของเจ้า
เจ้ามาเหยียบย่ำคนของเรา และบดขยี้ใบหน้าของคนยากจน ..นี่มันหมายความว่าอย่างไร  พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัส

ยิ่งกว่านั้นพระองค์ยังตรัสว่า
“เพราะเหล่าธิดาของศิโยนนั้นหยิ่งผยอง   เดินชูคอ  เชื้อเชิญด้วยสายตา  เสียงกำไลข้อเท้าดังไปพลาง
ดังนั้น พระเจ้าจะทรงให้พวกเธอเป็นแผลชันนะตุ และจะทำให้หัวโล้น”

ในวันนั้น พระเจ้าจะเอาสิ่งที่งดงามออกไปเสีย  ทั้งกำไลข้อเท้า ผ้าคลุมไหล่  ตุ้มรูปดวงจันทร์ จี้  กำไลข้อมือ และผ้าคลุมหน้า

ผ้าคลุมศีรษะ  เครื่องประดับขา  เครื่องคาดศีรษะ  ผอบน้ำมันหอม เครื่องทำเสน่ห์  แหวน  ห่วงจมูก  เสื้อออกงาน และเสื้อคลุมผ้าคลุมชั้นนอก และกระเป๋า  กระจก ลินินเนื้อดี  ผ้าโพกหัว และผ้าคลุมหน้า

 

Is3DofZion

แทนที่จะมีน้ำหอม กลับมีความเน่าเหม็น
แทนที่จะมีผ้าคาดเอว กลับมีเชือกมาแทน
แทนผมที่ตกแต่งทรงอย่างดี กลายเป็นศีรษะโล้น
แทนเสื้อที่งดงาม กลับกลายเป็นผ้ากระสอบ
แทนความงดงาม จะมีแต่ความน่าละอาย

พวกผู้ชายจะตายด้วยดาบ  ทหารกล้าจะล้มในการสงคราม
ประตูเมืองของเธอจะคร่ำครวญ ไว้ทุกข์   เธอจะถูกทำลายไม่มีที่อยู่  ต้องนั่งอยู่บนดิน

อิสยาห์ 3-2

อิสยาห์ 3:9-12

ดูสีหน้าของเขาสิ  มันฟ้องความผิดของเขาออกมาเอง  พวกเขาป่าวประกาศความผิดของตัวเองเหมือนอย่างเมืองโสโดม ไม่มีการปกปิดความผิดเหล่านั้น
ลองคิดถึงคนที่ทำผิด แล้วหน้าฟ้องออกมาซิ  เด็ก ๆ ที่รู้ตัวว่าผิดมักปิดไม่อยู่  แต่สำหรับคนที่ทำชั่ว และก็ไม่ได้ปกปิดความผิดนั้น มันน่ากลัวมากเลย…. หน้าตาของเขาฟ้องออกมาเอง  ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนเหล่านี้  พวกเขาไม่อายต่อความชั่วร้ายของเขา   แถมยังป่าวประกาศให้คนอื่นรู้อีกอย่างภาคภูมิใจ  เราเองก็เห็นคนประเภทนี้เยอะในบ้านเมืองของเรา  ไม่สบายใจเลยใช่ไหม?  

hannibal

วิบัติแก่ตัวเขา  เขานำภัยมาสู่ตัวเอง

จงบอกกับคนที่ชอบธรรมว่า  ชีวิตของเขาจะเป็นสุข   เขาจะได้รับผลดีเพราะการกระทำของเขา แม้ว่าพระเจ้ากำลังประกาศวิบัติ  แต่พระองค์ก็ทรงอดไม่ได้ที่จะอวยพรคนบางคน…!!

แต่คนชั่วร้ายจะเจอกับวิบัติ  ชีวิตของเขาคือหายนะ  เขาเองก็จะได้รับผลสาสมเพราะการกระทำของตนเอง

แต่คนของเรานั้น ผู้ที่กดขี่เขาคือ เด็ก ๆ  และผู้หญิงก็มาปกครองเขา พวกเขาจะได้ผู้นำแบบเด็ก ๆ  ไม่มีความสามารถพอ  ผู้หญิงที่พวกเขาจะเจอก็เหมือนกับราชินีเยเซเบล ไม่ได้ห่างกันมากนัก
คนของเราเอ๋ย… คนที่นำเจ้านั้น ทำให้เจ้าหลงผิดไป  เขาได้ทำให้ทางของเจ้าพลาดพลั้ง

อิสยาห์ 3-1

อิสยาห์ 3:1-8

ดูเถอะ  พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ จะถอดการสนับสนุนและเสบียงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือน้ำ ออกไปจากนครเยรูซาเล็ม และยูดาห์SamariaLL

ภาพวาดโดย ดอน ลอเรนซ์

จะเอาออกไปทั้งนักรบและทหาร  ผู้พิพากษา และผู้กล่าวคำของพระเจ้า  คนที่ทำนาย และผู้ใหญ่  ผู้ดูแลกองห้าสิบ และคนที่มีตำแหน่ง รวมไปถึงผู้ให้คำแนะนำปรึกษาราชการ ไม่เว้นแม้นักวิทยาคมที่เชี่ยวชาญ และผู้ที่เก่งกล้าในเรื่องการทำเสน่ห์

พระเจ้าจะเอาคนในระดับผู้นำออกไปหมด…. 

เราจะยกให้เด็กชายเป็นเจ้าชายของพวกเขา  เด็กทารกจะปกครองพวกเขา

ผู้คนจะกดขี่กันและกัน  ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือ เพื่อนบ้าน
วัยรุ่นจะอวดดีต่อผู้ใหญ่  คนเลวจะดูหมิ่นคนที่มีเกียรติ

ชายคนหนึ่งจะยึดพี่น้องของตนไว้  ในบ้านของพ่อ เขาจะพูดว่า “พี่มีเสื้อคลุม  ดังนั้น ขอให้พี่อเป็นผู้นำของเรา และซากปรักหักพังทั้งสิ้นนี้จะอยู่ใต้อำนาจของพี่”
ในวันนั้น เขาจะพูดขึ้นมาว่า “ข้าจะไม่เป็นผู้รักษา  ในบ้านของข้าไม่มีทั้งเสื้อคลุมและอาหาร  เจ้าจะมาให้เราเป็นผู้นำของพวกเจ้าไม่ได้”

เพราะนครเยรูซาเล็มสะดุด   และยูดาห์ล้มลงไปแล้ว  เนื่องจากคำพูดและการกระทำของพวกเขาต่อต้านพระเจ้า  ท้าทายการประทับอันทรงพระสิริของพระองค์

อิสยาห์ 2-3

อิสยาห์ 2:12-22

เพราะว่า พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ……

ทรงมีวันหนึ่งที่จะต่อสู้กับทุกคนที่เย่อหยิ่ง ทรนงตน
ต่อสู้กับทุกสิ่งที่ถูกยกขึ้นมา  และเหล่านั้นจะถูกทำให้ตกต่ำลงไป
ต่อสู้กับซีดาร์แห่งเลบานอนซึ่งสูงลิ่ว  และที่ถูกยกขึ้น

ต่อสู้กับต้นโอ๊คแห่งบาชาน และ ภูเขาสูงเทียมเมฆ  เนินเขาที่ถูกยกขึ้น
ต่อสู้กับป้อมสูง และกำแพงอันเข้มแข็งทุกแห่ง

ต่อสู้กับเรือค้าขายแห่งทารซิช  และเรือสำราญทั้งหลาย
ความทะเยอทะยาน การโอ้อวดของมนุษย์จะถูกปราบจนราบคาบ
และวันนั้นพระเจ้าองค์เดียวจะถูกเทิดทูนไว้  รูปเคารพทั้งหลายจะสูญสิ้นไป

incave

เหล่าผู้คนจะเข้าไปในถ้ำหิน  ลงไปในรูตามพื้นดิน
เพื่อจะหนีจากความน่ากลัวขององค์พระผู้เป็นเจ้า
หนีไปจากความตระการแห่งพระสิริของพระองค์ ในยามที่พระองค์ทรงลุกขึ้นเพื่อเขย่าจนโลกสั่นสะท้าน
ในวันนั้น มนุษยชาติเขวี้ยงเหล่ารูปปั้นเงินและทองของพวกเขาออกไป  รูปปั้นที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเพื่อกราบไหว้
เขาจะเขวี้ยงมันใส่ตัวตุ่นและค้างคาว  เพื่อที่จะเข้าไปในหลืบซอกผา
เพื่อหนีจากความน่ากลัวของพระเจ้า
และหนีไปจากความตระการแห่งพระสิริของพระองค์  ในยามที่พระองค์ทรงลุกขึ้นเพื่อเขย่าจนโลกสั่นสะท้าน

หยุดวางใจในมนุษย์ได้แล้ว   เพราะว่า เขามีแค่ลมหายใจ  เขาจะช่วยอะไรใครได้เล่า?

อิสยาห์ 2-2

อิสยาห์ 2:6-11
เพราะพระเจ้าได้ทรงทอดทิ้งวงศ์วานของยาโคบ  พวกเขาซึ่งเป็นชนชาติของพระองค์

ด้วยว่า.. พวกเขามีสิ่งที่มาจากตะวันออกเต็มไปหมด

มีเหล่าหมอดูเหมือนกับพวกฟิลิสเตีย  และ พวกเขาร่วมมือกับคนต่างชาติ

Is2-2b

 

แผ่นดินเต็มด้วยเงินและทอง  ทรัพย์สินพวกเขามีมากมายไม่จบสิ้น  แผ่นดินเต็มด้วยม้า  และรถรบก็มีมากมายไม่จบสิ้นเช่นกัน

แผ่นดินของพวกเขาก็เต็มไปด้วยรูปเคารพ  พวกเขาก้มกราบสิ่งที่ตนเองสร้างขึ้นมา   ก้มกราบสิ่งที่นิ้วมือของพวกเขาทำขึ้น

ดังนั้นมนุษย์จึงกลายเป็นตกต่ำลงไป  พวกเขาถูกเหยียดลง อย่าให้อภัยพวกเขาเลย!
เข้าไปหลบในหิน  เข้าไปซ่อนในฝุ่น ให้พ้นจากความน่ากลัวเกรงของพระเจ้า  ให้พ้นจากพระสิริอันตระการของพระองค์

ท่าทางอันหยิ่งยะโสของมนุษย์จะถูกเหยียดต่ำลง  ความจองหองอวดดีของมนุษย์จะตกต่ำลงไป
แต่พระเจ้าเท่านั้นจะทรงรับการยกย่องเทิดทูนในวันนั้น