2 พงศาวดาร 12:7-9
ราชาเรโหโบอัมไม่ใช่คนไร้สติปัญญา
พระองค์ทรงรู้ว่า ถ้าเหินห่างไปจากทางของพระเจ้า ความหายนะจะมาถึงอย่างแน่นอน
แต่คนเรา มักมีจิตใจคิดชั่วเสมอ ไม่ค่อยที่จะหันมาทางดี ราชาเรโหโบอัมไม่ได้ต่างจากคนอื่น อยากทำดี แต่ทำไม่สำเร็จ พยายามแล้ว แต่ความชั่วร้ายกลับชนะเหนือใจ
ราชาเรโหโบอัมพร้อมกับเจ้านาย ทหารชั้นผู้ใหญ่ ต่างถ่อมตนลงกล่าวว่า พระเจ้าทรงทำสิ่งที่ถูกต้อง
พวกเขารู้ว่า ที่เป็นอย่างนี้เพราะพวกเขาเอง
เขาก้มลงอธิษฐานของอภัยจากพระเจ้าในวันนั้น อย่างทันที เขาไม่รีรอเลย …. รอช้าไม่ได้….
และัวันนั้น ที่พระเจ้าทรงเห็นเขากลับใจจริง
ถ่อมตนลงจริง
พระองค์ทรงกล่าวกับเชไมอาห์ ผู้เผยพระวจนะว่า
“เอาล่ะ เมื่อเขาทุกคนถ่อมตัวลง และรู้ว่า ตนเองทำผิด เราจะไม่ทำลายเขา เราจะช่วยเขาบางอย่าง เราจะไม่เทความโกรธของเราลงบนเมืองเยรูซาเล็ม
แต่… เขาจะต้องเป็นทาสรับใช้ของฟาโรห์ชิชัก”
เชไมอาห์ก้มลงฟังพระเจ้าอย่างตั้งใจ
“ที่ให้เป็นอย่างนี้ เพื่อเขาจะได้เห็นความแตกต่างของการรับใช้เรา กับการรับใช้กษัตริย์แห่งประเทศทั้งหลาย จะได้รู้ว่า ควรจะทำอะไร”
เชไมอาห์นำทุกอย่างไปกราบทูลราชาเรโหโบอัม และเจ้านาย
พวกเขากราบขอบคุณพระเจ้าที่จะไม่ทรงทำลายล้างเขา…. และยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
แล้วฟาโรห์ชิชักก็ยกทัพมาถึงเยรูซาเล็ม …
ทรัพย์สมบัติในพระวิหารที่เป็นโลหะมีค่านั้น ทรงยึดเอาไปเกลี้ยง รวมไปถึงโล่ทองคำที่ราชาซาโลมอนเคยทรงสั่งทำเอาไว้มากมาย ทั้งโล่ใหญ่และเล็ก
ทั้งที่อยู่ในราชวังก็ไม่เว้น สมบัติมีค่าต่าง ๆ ฟาโรห์สั่งให้คนรื้อ ค้น ปล้นออกมาเสียมากมาย เสียงระงม เสียงด่าทอของมเหสี นางห้ามทั้งหลายดังไปทั่ว
ในเมือง ไม่ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ มีแต่เสียงทหารขู่ดังก้องไปทั่วเมือง
พ่อ แม่ ต่างพากันตกใจพาลูกไปหลบ และป้องกันไม่ให้ลูกส่งเสียงดัง
“เงียบ ๆ ลูกรัก เดี๋ยวทหารมาจับตัวไปนะ”
ครั้งนี้ ฟาโรห์ชิชักแค่เอาสมบัติไป….
ยังไม่ได้สังหารราชาเรโหโบอัม เฮ้อ… โล่งใจ !