สรุปย่อ โฮเชยา

ประชาชนของเราถูกทำลาย เพราะพวกเขาขาดความรู้

ถอดความจาก โฮเชยา 4:629-Hosea-Thai

 บทสรุปย่อ โฮเชยา

เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้อ่านพระคัมภีร์โดยมองเห็นภาพรวมโดยฟังจากดร.ทิม แมคกี

พร้อมกับดูโปสเตอร์ จะเข้าใจความหมายได้อย่างสมบูรณ์ ดูยูทูบที่

 

เลือกซับไตเติ้ลภาษาไทยได้ ให้คลิกที่เครื่องหมาย setting

บทสรุปที่เป็นโปสเตอร์นี้ เราได้รับอนุญาตการแปลจาก ไบเบิลโปรเจกต์
โดยสามารถนำไปใช้เพื่อการศึกษาในคริสตจักร กลุ่มเซลต่าง ๆ ในชั้นเรียนรวีฯ
หรือการเรียนพระคัมภีร์ส่วนตัวได้โดยไม่ให้ใช้เพื่อการค้า

[email protected]

 

โฮเชยา 14-2

โฮเชยา 14:8-9

โอ  เอฟราอิม  แล้วเราจะทำอย่างไรกับรูปเคารพของเจ้าล่ะ? เรานี่แหละเป็นผู้ตอบคำทูลของเจ้า  เราเป็นผู้ดูแลปกป้องเจ้า  เราเป็นเหมือนต้นไซเปรสที่เขียวสดเสมอ  ผลของเจ้านั้นมาจากเรา

บัดนี้ พวกเขาเป็นอิสราเอลใหม่แล้ว ที่จะไม่เดินตามรูปเคารพอีกต่อไป   จิตใจของเขามุ่งมั่นที่องค์พระผู้เป็นเจ้า  ไม่หันเหไปที่อื่น…. เวลามีใครมาพบพระเจ้าอย่างแท้จริง มันจะเป็นเช่นนี้ ต้นไซเปรสจะให้ความร่มรื่น ปกป้องจากแดดที่เผดเผา  พระเจ้าจะทรงปกป้องเราจากสิ่งชั่วร้าย ผลในชีวิตของพวกเขาจะมาจากพระเจ้าเท่านั้น  พระองค์เป็นผู้ประทานให้จากการที่เขาใกล้ชิดพระองค์ ยิ่งใกล้พระองค์มากเท่าไร ผลที่ออกมาก็เหมือนได้อาหารดี ปุ๋ยดี จะเป็นผลโต น่ากิน…

ต้นไซเปรสที่สูงใหญ่    ภาพจาก  genomena.com

คนที่ฉลาด ก็ให้เขาเข้าใจเรื่องเหล่านี้ ใครที่มองออก มองทะลุ  ก็ให้เขารู้   เพราะทางของพระเจ้านั้นถูกต้อง   และคนที่เที่ยงตรงจะเดินในทางนั้น  แต่คนที่ล่วงละเมิดกลับสะดุดในทางนั้นเอง

คนที่ฉลาดเป็นใครนะ?   เมื่อเราอ่านโฮเชยา เราจะเห็นว่า พระเจ้าทรงปรารถนาให้คนของพระองค์กลับใจใหม่  ไม่ทำบาปที่เป็นผลร้ายกับตัวเขาเอง กับครอบครัว และชุมชน  อย่าลืมว่า บาปทุกอย่างส่งผลร้ายให้ชีวิตของเราทั้งนั้น  มันดูเหมือนสนุก แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้น ไม่คุ้มความสนุกเลย คนฉลาดจึงจะรีบกลับใจ  น้อมนอบต่อพระองค์ เพื่อว่า ชีวิตจะได้เปลี่ยนแปลง ทางของพระเจ้านั้นดีเสมอ คนฉลาด คือคนที่เลือกจะเชื่อฟัง ….นำไปสู่ชีวิตที่พระเจ้าทรงสัญญา

โฮเชยา 14-1

บทสุดท้ายของโฮเชยานั้น ไม่น่าเชื่อ แม้ว่าความบาปจะมากมาย  แต่พระคุณของพระเจ้านั้นมากกว่า  ไม่มีบทใดในพระคัมภีร์จะทำให้เห็นพระกรุณาของพระเจ้าที่เหลือล้นมากไปกว่าบทสุดท้ายของโฮเชยานี้แล้ว   และก็ไม่มีบทใดที่จะทำให้เราเห็นความน่ากลัวของการพิพากษา  ในขณะที่เรามองเห็นความดำมิดของความมืด  เราก็ได้เห็นแสงสว่างเริ่มทอแสง  ชาร์ลส์ เสปอร์เจียน

โฮเชยา 14:1-7

อิสราเอลเอ๋ย  กลับมาเถิด กลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าของเจ้า  เจ้าสะดุดเพราะการล่วงละเมิดของเจ้าเอง

กลับมาหาพระเจ้าพร้อมกับคำของเจ้า   ทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์ทรงโปรดเอาการล่วงละเมิดทั้งสิ้นออกไป  ขอทรงรับข้าพระองค์ด้วยพระคุณของพระองค์  แล้วเหล่าข้าพระองค์จะถวายคำปฏิญาณจากริมฝีปากของเรา

พระเจ้าทร งประสงค์ให้คนอิสราเอลกลับมาหาพระองค์ด้วยคำพูดที่ถูกต้องอันออกมาจากส่วนลึกของใจจริง

อัสซีเรียจะไม่ช่วยพวกเรา  เหล่าข้าพระองค์จะไม่ขี่ม้า จะไม่กล่าวกับสิ่งที่ สร้างขึ้นมาด้วยมือของพวกเรา   ว่า “พระเจ้าของเรา”   แม้ลูกกำพร้าก็ได้พบพระเมตตากรุณาของพระองค์   คราวนี้ คนอิสราเอลจะเข้าใจแล้วว่า เขาควรทำสิ่งใด   อะไรเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า ไม่ใช่ทำตามใจตัวเองอีกต่อไป

 

เราจะรักษาให้หายจากการที่เจ้าละทิ้งเรา   เราจะรักพวกเขาโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้   เราหันความกริ้วออกไปจากพวกเขาแล้ว

เราจะเป็นดั่งน้ำค้างแก่อิสราเอล   พวกเขาจะบานออกอย่างดอกพลับพลึง  และเขาจะหยั่งรากลึกดั่งต้นไม้แห่งเลบานอน

หน่อของเขาจะขยายออกไป ความงามของเขาเป็นเหมือนต้นมะกอกเทศ  กลิ่นหอมดั่งเลบานอน

พวกเขาจะกลับมาและอาศัยใต้ร่มเงาของเรา   จะออกดอกงดงามแกว่งไกวเหมือนรวงข้าว และบานอย่างเถาองุ่น   เขาจะมีชื่อเสียงขจรขจายอย่างเหล้าองุ่นแห่งเลบานอน

เวลาที่พระเจ้าจะทรงรื้อฟื้นคนของพระองค์ที่กลับใจนั้น มหัศจรรย์มาก พระองค์จะทรงเป็นผู้ให้น้ำ  พวกเขาจะเจริญขึ้น  มีรากลึกลงไปคือความเข้าใจพระเจ้าลึกซึ้งยิ่งขึ้น

เขาจะขยายขอบเขตชีวิตไปสัมผัสคนอื่น ๆ ช่วยเหลือคนอื่นได้ด้วย     จะมีความงดงาม มีชื่อเสียงดี ได้กลับมาอยู่ในพระเจ้าอีก  และเขาจะรุ่งโรจน์ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป….

 

ทำไมพระเจ้าจึงทรงรักพวกเขามากขนาดนี้?

 

โฮเชยา 13-2

ท่านโฮเชยาได้พูดคำเหล่านี้กับคนอิสราเอลซึ่งอยู่ในอาณาจักรทางเหนือ โดยมีเอฟราอิมเป็นชนเผ่าที่ใหญ่สุด

โฮเชยา 13:10-16

เวลานี้ กษัตริย์ที่จะช่วยเจ้าในเมืองต่าง ๆ  อยู่ที่ไหน?   ผู้ปกครองที่เจ้าเรียกร้องหา อยู่ที่ไหน?… เจ้าพูดว่า “ขอให้เรามีกษัตริย์ มีเจ้าชาย” นี่นา 

เราได้ให้กษัตริย์กับเจ้าทั้งที่เราโกรธ   และเราเอาพวกเขาออกไปด้วยความกริ้ว

ตอนที่เริ่มต้นประเทศใหม่ ๆ  ประชาชนต่างพากันมาหาท่านซามูเอลเพื่อให้แต่งตั้งกษัตริย์ ระเจ้าทรงรู้ว่า ที่เขาต้องการกษัตริย์นั้น เพราะเขาปฏิเสธการปกครองของพระองค์   เมื่อพระเจ้าทรงให้กษัตริย์ตามที่เขาขอร้อง ในเวลาต่อมา พวกเขาก็รับรู้ว่า กษัตริย์ที่ปกครองเขานั้น ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ แถมยังเป็นผู้นำความบาปผิดมายังประชาชนด้วย

 

ความผิดของเอฟราอิมนั้น ถูกห่อเอาไว้  และความบาปของเขาก็เก็บสะสมไว้ในคลัง  เมื่อทำบาป บาปนั้นถูกบันทึกเอาไว้  ถ้าเป็นสมัยนี้เราก็จะเก็บบันทึกข้อมูลต่าง  ๆไว้ในฮาร์ดดิสก์ หรือในไอคลาวด์  แต่เรื่องของการบันทึกบาปและความถูกต้องของมนุษย์นั้น พระเจ้าได้ทรงทำเอาไว้นานแล้ว ข้อมูลทั้งสิ้น ที่มนุษย์ลืมและจำได้ มีอยู่ในบันทึกของพระเจ้า    ดูซิ ห่อเอาไว้ เก็บเอาไว้…….และวันที่พระเจ้าพิพากษามนุษย์  ทุกสิ่งก็จะถูกเปิดเผย

ตรงนี้น่ากลัวจัง


เราไม่อยากให้บาปของเราเปิดเผยเลยล่ะ   มันน่าอายจริง ๆ   คนที่ทำบาปบ่อย ๆ  และไม่ได้สำนึกในเวลานี้  วันของพระเจ้า จะเป็นวันที่น่ากลัวเหลือเกิน

และเราก็ช่วยตัวเราเองไม่ได้…. เราอยากให้บาปนั้นถูกลบล้างไปให้หมด….มีทางเดียว  เป็นทางของพระเจ้า   มีคนเดียว คือ พระบุตรของพระเจ้า พระเยซูคริสต์เท่านั้นที่จะช่วยเราได้….

 

ความเจ็บปวดเหมือนคลอดลูกนั้น ก็เกิดขึ้นกับเขา  แต่เขาเป็นลูกชายที่ไม่ฉลาด เพราะในเวลาที่เหมาะสม เขาก็ไม่คลอดออกมา  เป็นเรื่องเปรียบเทียบว่า  เมื่อการพิพากษาของพระเจ้ากำลังจะลงมายังพวกเขา  พวกเขาก็ยังไม่รู้สึกตัวอีก … ดังนั้น ผลของมันคือความตาย

เราจะไถ่ให้เขาพ้นจากอำนาจแห่งแดนคนตายไหม?  เราจะไถ่เขาให้พ้นจากความตายดีไหม?  โอความตาย  หายนะของเจ้าอยู่ที่ไหน?   โอ แดนคนตาย  เหล็กไนของเจ้าอยู่ที่ไหน?   ความสงสารนั้นซ่อนไปจากสายตาของเรา   พระเจ้ากำลังตรัสว่า  ถึงความตายก็ไม่สามารถเอาชนะพระเจ้าได้  ถ้าพระเจ้าจะทรงไถ่ใครก็ตาม

 

แม้ว่าเขาจะรุ่งเรืองท่ามกลางพี่น้อง   ลมตะวันออก  ลมจากพระเจ้าจะมา ก่อตัวขึ้นจากถิ่นกันดาร และแหล่งน้ำทั้งหลายของเขาจะแห้งเหือด  น้ำพุจะแห้งผาก  ลมจะกวาดสิ่งมีค่าของเขาไปจากคลัง

สะมาเรียจะต้องรับความผิดของตน เพราะว่า เธอได้ดื้อดึงและกบฎต่อพระเจ้า  พวกเขาจะล้มลงด้วยดาบ  ลูกเล็กเด็กแดงจะถูกสับเป็นชิ้น ๆ  ศัตรูจะผ่าท้องเหล่าหญิงมีครรภ์!  พระเจ้ากำลังตรัสว่า ลมตะวันออกนั้น คือ อัสซีเรียที่จะมาโจมตีพวกเขาอย่างรวดเร็ว โหดร้าย ทารุณ

 

 

โฮเชยา 13-1

ท่านโฮเชยาได้พูดคำเหล่านี้กับคนอิสราเอลซึ่งอยู่ในอาณาจักรทางเหนือ โดยมีเอฟราอิมเป็นชนเผ่าที่ใหญ่สุด

โฮเชยา 13:1-9

เมื่อเอฟราอิมพูดขึ้นมา  ผู้คนก็สะท้าน เขาได้รับการยกย่องในอิสราเอล แต่เขามีความผิด  และตายเพราะจ้าวบาอัล เผ่าเอฟราอิม เป็นเผ่าที่ยิ่งใหญ่สุดในบรรดาเผ่าต่าง ๆ ทางภาคเหนือ  สามารถทำให้คนในเผ่าอื่น ๆ กลัวลนลานไปได้  … นับว่าน่ากลัวจริง ๆ   แต่เขายิ่งใหญ่แค่ไหนก็ยังตายเพราะความผิดของตน

แต่มาบัดนี้ พวกเขาทำบาปครั้งแล้วครั้งเล่า  สร้างรูปเคารพจากโลหะ สร้างขึ้นมาจากเงินด้วยฝีมือชั้นเยี่ยม  ทั้งหมดเป็นผลงานของช่างที่ชำนาญ     การกราบไหว้สิ่งที่ทำขึ้นมาด้วยมือของตัวเองนั้น  เปรียบไม่ได้กับการนมัสการ บูชาพระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง  ผู้ทรงพระชนม์อยู่  แต่พวกเขาก็ยังมีความสุข รู้สึกดีกับการทำเช่นนั้น

คนกล่าวกันว่า  คนที่ถวายมนุษย์เป็นเครื่องบูชานั้น จูปรูปปั้นลูกวัว   การจูบรูปปั้น เป็นการแสดงความเคารพ รัก บูชาอย่างยิ่ง   ดูเหมือนว่า การบูชารูปลูกวัวเป็นปัญหาใหญ่ของคนอิสราเอลมาโดยตลอด!

ดังนั้น พวกเขาจะเป็นเหมือนหมอกยามเช้า หรือเหมือนน้ำค้างที่ระเหยไปอย่างรวดเร็ว   เป็นเหมือนแกลบที่ปลิวว่อนบนลานนวดข้าว  หรือเหมือนควันที่ออกมาจากหน้าต่าง  เวลาพระเจ้าจะทรงลงโทษเอฟราอิมนั้น จะรวดเร็วเหมือนหมอกยามเช้าที่หายไป…..

แต่ เราคือองค์พระผู้เป็นเจ้าของเจ้า ตั้งแต่จากดินแดนอียิปต์ เจ้าไม่ได้รู้จักพระเจ้าอื่นนอกจากเรา  และ นอกเหนือจากเราแล้ว ก็ไม่มีพระผู้ช่วยให้รอดเลย

เรานี่แหละ รู้จักเจ้าในถิ่นกันดาร ในผืนดินแห่งความแห้งแล้ง

แต่เมื่อพวกเขาได้รับการเลี้ยงดู  พวกเขาอิ่มหมีพีมัน  เมื่ออิ่มแล้ว ใจก็ผยอง ดังนั้น พวกเขาจึงลืมเรา  พระเจ้าทรงเตือนเขาให้รู้ว่า พระองค์ได้ทรงดูแล ปกป้อง เลี้ยงดูพวกเขามาอย่างไร  สิ่งที่พระองค์ทรงต้องการจากเขาคือ ความจงรักภักดี  แต่สิ่งนั้นไม่มีอยู่ในใจของพวกเขาเลย

เราจึงจะขยุ้มเขาเหมือนสิงโต เราจะซุ่มอยู่เหมือนเสือดาว

เราจะล้มลงใส่เขาเหมือนกับแม่หมีที่ถูกขโมยลูกไป

เราจะฉีกอกพวกเขา และที่นั่นเราจะเขมือบเขาเหมือนสิงโต

เราจะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ อย่างที่สัตว์ป่าขยุ้มเหยื่อของมัน

พระเจ้าทรงทำลายเจ้า อิสราเอล  เพราะว่าเจ้าต่อต้านเรา  ต่อต้านผู้ที่ช่วยเจ้า จากความสัมพันธ์อย่างผู้เลี้ยง และลูกแกะ  ความสัมพันธ์นั้นจะกลายเป็นสัตว์ร้ายกับลูกแกะ    ดูซิ ความดื้อดึงของอิสราเอลทำให้พระผู้เลี้ยงทรงกลายเป็นผู้ที่จะทำลาย โฮเชยาทำให้คนฟังเห็นภาพชัดเจนว่า มันน่ากลัวเพียงไร

 

โฮเชยา 12-2

ท่านโฮเชยาได้พูดคำเหล่านี้กับคนอิสราเอลซึ่งอยู่ในอาณาจักรทางเหนือ โดยมีเอฟราอิมเป็นชนเผ่าที่ใหญ่สุด

โฮเชยา 12:7-14

พ่อค้าที่มีมือฉ้อโกง มีตาชั่งไม่ตรง เขาชอบกดขี่คน ดูเหมือนว่า พวกเขาทำการค้าแบบโกง ๆ
เอฟราอิมกล่าวว่า “ อา…เพราะ ข้าเป็นคนรวย ข้าสะสมทรัพย์สมบัติไว้เพื่อตัวเอง ไม่มีใครหาบาปหรือความผิดจากการงานของข้าได้เลย” คนที่ร่ำรวยมักคิดว่า พ้นได้ทุกอย่าง ทุกข้อหา ไม่ว่าจะหาเงินทองมาด้วยวิธีใด พอมั่งมีแล้ว ก็คิดว่า รอดตัว


เราเป็นพระเจ้าของเจ้า จากดินแดนอียิปต์ เราจะทำให้เขาได้อาศัยในกระโจมอีกครั้ง เหมือนวันกำหนดงานเลี้ยงเทศกาล เมื่อครั้งที่เขาออกจากอียิปต์หลายร้อยปีก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ต้องอยู่ในกระโจม ในเต้นท์นานหลายสิบปี ….เขาจะต้องกลับไปอยู่ในสภาพนั้นอีก ไม่ใช่คนมั่งคั่งอย่างที่เขาคิด
เราพูดกับผู้กล่าวคำของเรา เรานี่แหละ เป็นผู้ทวีศุภนิมิต และเราได้ให้คำอุปมาผ่านผู้กล่าวคำ
ถ้ามีความผิดในกิเลอาด พวกเขาจะต้องกลายเป็นศูนย์ ในกิลกาลพวกเขาถวายวัว แท่นบูชาของพวกเขาจะเป็นเหมือนกับกองหินบนรอยไถในทุ่งนา เมืองที่เป็นศูนย์กลางแห่งความชั่วจะถูกทำลายไม่เหลือ
ยาโคบหนีไปยังดินแดนอาราม ที่นั่น อิสราเอลต้องรับใช้เพื่อจะได้ภรรยา เขาเลี้ยงแกะตอบแทนเพื่อจะได้ภรรยา
โดยผู้กล่าวคำของพระเจ้านั้น พระเจ้าทรงนำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์ และโดยผู้กล่าวคำคนนั้น พระองค์ทรงรักษาพวกเขาไว้ พระเจ้าทรงอยู่กับเขา และช่วยเหลือพวกเขามาโดยตลอด …ทรงส่งคนของพระองค์มานำพาเขาสู่ที่ปลอดภัย
เอฟราอิมได้ทำให้พระเจ้าทรงโกรธขมขื่นอย่างยิ่ง ดังนั้น พระเจ้าจะปล่อยให้ผลของการทำชั่วอยู่บนตัวเขา และจะตอบสนองการกระทำที่น่าละอายเหล่านั้น พระเจ้าจะทรงช่วยพวกเขาแค่ไหน จะทำดีต่อเขามากมายอย่างไร แต่ความอกตัญญู และความบาปของพวกเขานั้น ก็ทำให้พระองค์ทรงโกรธมาก

โฮเชยา 12-1

โฮเชยา 12:1-6

เอฟราอิมกินลมเป็นอาหาร และตามติดลมตะวันออกทั้งวัน  พวกเขาทวีความผิดและความโหดร้ายทารุณ   พวกเขาทำพันธสัญญากับอัสซีเรีย  และนำน้ำมันไปอียิปต์  อิสราเอลเริ่มไปหาพันธมิตรจากประเทศรอบข้างแทนที่จะวางใจในพระเจ้า …. การวางใจในรูปเคารพและมนุษย์มันเหมือนกับการกินลมกินแล้ง  ลมตะวันออก ทำให้เรานึกถึงว่า ไม่เฉพาะแต่ไร้ผลอย่างเดียว แต่ยังอันตราย นำความหายนะมาให้ด้วย  น้ำมันที่เขามอบให้อียิปต์นั้น บ่งบอกถึงความจงรักภักดีต่ออียิปต์!

พระเจ้าทรงมีคำกล่าวหายูดาห์ และพระองค์จะทรงลงโทษยาโคบตามวิถีที่เขาเดิน   พระองค์จะทรงตอบแทนเขาตามความประพฤติของเขานั้น  แล้วพระเจ้าก็ทรงย้อนเรื่องราวไปถึงครั้งที่ยาโคบเกิดมา ยาโคบนั้น เป็นเหมือนบิดาของชนชาติอิสราเอล  ลูกชายทั้งสิบสองของเขา กลายมาเป็นอิสราเอล 12 เผ่า   ยาโคบเป็นคนที่สามารถเอาทุกอย่างมาเป็นของตนได้ด้วยสารพัดวิธีโกง…

ในครรภ์มารดา เขาจับข้อเท้าของพี่ชายไว้   เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่  เขาก็สู้กับพระเจ้า  การจับข้อเท้านี้ ยังมีความหมายถึงคนที่ทำข้อตกลงอย่างไม่สัตย์ซื่อ กลับไปกลับมา   หมายถึงคนที่ได้สิ่งที่ตนต้องการด้วยเล่ห์เหลี่ยม การหลอกลวง  และยาโคบผู้นี้ได้สู้กับพระเจ้าที่เสด็จมาในรูปของทูตสวรรค์ด้วย

เขาสู้กับทูตสวรรค์และได้ชัยชนะ   เขาร้องไห้ และขอความเห็นใจ  เขาได้พบพระเจ้าที่เบธเอล และพระเจ้าได้ตรัสกับเราที่นั่น โฮเชยาบอกเราว่า ยาโคบสู้ชนะ… และเขาก็ร้องไห้ …. แปลกจริง ใช่สิ  แม้ในชัยชนะของเขา เขายังรู้ว่า เขาไม่ได้ชนะจริง เขาจึงร้องไห้ และขอพรจากพระเจ้า เขารู้ตัวว่า ในความเป็นคนเก่งของเขานั้น ไม่ยังอาจสู้พระเจ้าได้

ต่อมาหลังจากคืนวันนั้น เขาจึงได้คืนดีกับพี่ชายที่เขาเคยโกง

พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพ องค์พระผู้เป็นเจ้าคือนามที่เราต้องจดจำ ในเมื่อยาโคบเองได้ตระหนักว่า ตนแพ้พระเจ้า  คนอิสราเอลก็ต้องเข้าใจเหมือนกับยาโคบ สร้างความยุติธรรมในสังคม และยอมที่จะไว้วางใจพระเจ้าในทุกด้านของชีวิต

ดังนั้น  โดยความช่วยเหลือของพระเจ้า พวกท่านทั้งหลาย จงกลับมา  จงยึดมั่นในความรักและความยุติธรรม และรอคอยพระเจ้าเสมอไม่หยุด  โฮเชยาจึงชวนให้คนอิสราเอลกลับใจใหม่ และแม้ในการกลับใจใหม่นั้น พวกเขาก็ต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า เพราะทำเองไม่ไหว  เดี๋ยวก็กลับไปหาสิ่งชั่วร้ายอีก หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากพระองค์

 

โฮเชยา 11

โฮเชยา 11

เมื่ออิสราเอลยังเด็ก  เรารักเขา  และเราได้เรียกลูกชายของเราออกมาจากอียิปต์   แต่ยิ่งเราเรียกเขามากเท่าไร  เขาก็ยิ่งออกห่างเรามากเท่านั้น    พวกเขาเฝ้าแต่กราบไหว้จ้าวบาอัล และเผาเครื่องบูชาให้กับรูปปั้นต่าง ๆ   ไม่หยุดหย่อน  ดูซิ  พระเจ้าทรงโกรธพวกเขา แต่ยังทรงคิดถึงวันในอดีตที่พระองค์ทรงนำเขาออกมาจากการเป็นทาส  พระองค์ไม่ได้ทรงเรียกเขาแค่ว่าเป็นคนของพระองค์  แต่ทรงเรียกเขาว่าเป็นลูกของพระองค์

เราเองแหละ  ที่เป็นคนสอนให้เอฟราอิมเดิน  เราอุ้มเขา แต่เขาไม่รู้ว่า เราเป็นผู้รักษาเขา พวกเราเป็นเหมือนอิสราเอลไหม?? พระเจ้าทรงดีต่อเรา ประทานสิ่งดีให้มากมาย  แต่ไม่รู้ตัวว่า เกิดจากพระเจ้า นึกว่าเป็นความสามารถของตนเอง พระองค์ทรงสอนหนทางดี ๆ แก่เขา แต่เขาไม่สนใจ


เรานำเขาไปด้วยสายใยแห่งน้ำใจ  ด้วยสายแห่งความรัก   เราเป็นผู้ที่ช่วยทำให้แอกที่ขากรรไกรของพวกเขาบรรเทาลง  และเราโน้มตัวลง เลี้ยงดูเขา ตอนนี้ ดูเหมือนพระเจ้ากำลังนำเขาไปด้วยสายใย และสายแห่งรัก  เหมือนกำลังพาสัตว์เลี้ยงไปหาอาหารและน้ำ

เขาจะไม่กลับไปยังแผ่นดินอียิปต์  แต่อัสซีเรียจะเป็นผู้ปกครองเขา   เพราะเขาปฏิเสธไม่ยอมกลับมาหาเรา พวกเขายังไม่สนใจคำของพระเจ้า แม้กระทั่งเมื่อไปอยู่เมืองอื่น

ดาบจะเข้ามาโจมตีเมืองของเขา  กลืนกินดาลประตูเมือง  และล้างผลาญพวกเขา เพราะเขาต่างวางแผนปรึกษากันเอง

คนของเรามีแนวโน้มที่จะหันไปจากเรา แม้ว่าปากของเขาจะร้องหาพระเจ้าสูงสุด แต่พระเจ้าจะไม่ทรงยกเขาขึ้นแน่นอน

โอ เอฟราอิม แล้วเราจะล้มเลิกตัดขาดเจ้าไปได้อย่างไร  ? โออิสราเอล เราจะยื่นเจ้าให้พวกเขาได้อย่างไร?  เราจะทำให้เจ้าเหมือนเมืองอัดมาห์ได้อย่างไร?  เราจะทำกับเจ้าย่างเศโบยิมได้อย่างไร? พระเจ้าทรงรักคนของพระองค์มากเหลือเกิน  แม้ว่าเขาทำร้ายน้ำพระทัยของพระองค์ไม่หยุดหย่อน   ความสัมพันธ์ของพระเจ้าที่มีต่อคนของพระองค์นั้นไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบเข้มงวด เหมือนทหาร  แต่เป็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง

ใจของเราก็ร้อนกระวนกระวายข้างใน  ความสงสารของเราก็มากขึ้น ใจเราอ่อนลง   เราจะไม่ทำตามความโกรธเป็นไฟของเรา  เราจะไม่ทำลายเอฟราอิม  เพราะว่า เราเป็นพระเจ้าและมิใช่มนุษย์   เราเป็นพระเจ้าผู้บริสุทธิ์อยู่ท่ามกลางพวกเจ้า   เราจะไม่มาหาเจ้าในความโกรธ   พระเจ้าทรงบอกพระองค์เองว่า พระองค์จะไม่ทรงมาหาเขาในความโกรธ  เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเขาจะไม่เหลือแม้ซาก…

พวกเขาจะตามหาพระเจ้า  พระองค์จะทรงเปล่งเสียงดั่งสิงโต   และเมื่อพระองค์ทรงคำราม  ลูก ของพระองค์ตัวสั่นมาจากตะวันตก   พวกเขาจะกลับมาตัวสั่นเหมือนนก จากอียิปต์  เป็นเหมือนนกพิราบจากอัสซีเรีย  และเราจะกลับไปหาเขาที่บ้าน  พระเจ้าตรัสดังนั้น  ภาพนี้อธิบายเหตุการณ์วันที่พวกเขาจะกลับมาจากการเป็นเชลย

เอฟราอิมได้ล้อมรอบเราไว้ด้วยคำโกหก   วงศ์วานอิสราเอลก็ด้วยคำหลอกลวง   แต่ยูดาห์ยังเดินกับพระเจ้า  และซื่อสัตย์ต่อองค์ผู้บริสุทธิ์องค์เดียว

 

โฮเชยา 10-2

โฮเชยา 10:9-15

ตั้งแต่วันที่กิเบอาห์  เจ้าได้ทำบาป  อิสราเอลเอ๋ย  เจ้าไม่ได้ ต่อต้านความอยุติธรรมในกิเบอาห์  เมื่อกล่าวถึงกิเบอาห์เมื่อไร ก็นึกถึงความทารุณโหดร้ายต่อผู้หญิง ความกระหายทางเพศสมัยผู้วินิจฉัยขึ้นมาเสมอ  และจากนั้นมาความชั่วร้ายของอิสราเอลก็เพิ่มขึ้น

เมื่อไรที่เราพอใจ เราจะลงวินัยตีสอนพวกเขา  และประชาชาติจะรวมตัวกันมาต่อสู้เขา  ขณะที่พวกเขาถูกมัดไว้เพราะทำบาปซ้อนบาป

เอฟราอิมเป็นลูกวัวที่ถูกฝึกซึ่งชอบนวดข้าว  เราจะปล่อยคออันงดงามของมันไว้ แต่เราจะใส่แอกไว้ที่คอเอฟราอิม  และยูดาห์จะต้องไถนา  ยาโคบจะไถคราดเพื่อตัวเอง  ดูเหมือนว่า การลงโทษนั้นจะหนักหนามาก

จงหว่านความชอบธรรม จะได้เกี่ยวความรักมั่นคง  จงไถดินที่ร้างอยู่  เพราะนี่เป็นเวลาที่จะแสวงหาพระเจ้า  เพื่อว่าพระองค์จะเสด็จมา โปรยปรายความชอบธรรมให้กับเจ้าดั่งสายฝน โฮเชยาได้ชวนให้คนอิสราเอลกลับใจใหม่   บอกเขาว่า ยังพอจะเปลี่ยนอนาคตที่ร้ายแรงได้ หากกลับใจปรับตัวให้ทัน  พวกเขาต้องให้ความยุติธรรมกับคนยากจน คนทุกข์ยาก  การไถดินนั้นต้องมาก่อนการปลูก และฝน….     หากพวกเขาเตรียมตัว กลับใจก่อนเหมือนกับการเตรียมดิน พระเจ้าก็จะเสด็จมาประทานพรให้  เหมือนกับฝนที่ตกลงมา

เจ้าได้หว่านความผิด ดังนั้นเจ้าจะเกี่ยวความอยุติธรรม  เจ้าได้กินผลของการมุสา เพราะว่าเจ้าวางใจทางของตัวเอง เจ้าวางใจในนักรบมากมายของเจ้า อิสราเอลยังเชื่อวิธีการของตนเอง เชื่อทหารที่มีเหลือเฟือ  แต่ทั้งหมดนี้ ช่วยให้เขาพ้นจากอัสซิเรียไม่ได้เลย  แม้โฮเชยาจะชวนให้กลับใจ แต่ความเป็นจริงก็คือ พวกเขาไม่สนใจสักนิด


ดังนั้น สงครามจะเกิดขึ้นท่ามกลางคนของเจ้า ป้อมเข้มแข็งของเจ้าจะถูกทำลาย  เหมือนกับชัลมานทำลายเบธอาร์เบลในวันแห่งสงคราม  แม่จะถูกสังหารเป็นชิ้น ๆ พร้อมกับลูก ๆ  ของพวกเธอ  มื่อประมาณ 740 ปีก่อนคริสตศักราช  ราชาชัลมานได้เข้ามาบุกและทำลายเมืองเบธอาร์เบล  สังหารประชาชนอย่างโหดเหี้ยม พวกเขารู้ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นอย่างไร   อิสราเอลจะเจอเหตุการณ์แบบเดียวกันอีกแน่นอน

สิ่งนี้จะเกิดกับเจ้า เบธเอล   เพราะความชั่วร้ายยิ่งใหญ่ของเจ้า  ยามรุ่งอรุณ  กษัตริย์แห่งอิสราเอลจะถูกตัดออกไปจนหมดสิ้น พระเจ้าจะทรงทำลายราชวงศ์ของอิสราเอล ไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว และเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนั้นรวดเร็ว ฉับพลันจนไม่อาจทำอะไรได้…..

 

โฮเชยา 10-1

โฮเชยา 10:1-8

อิสราเอลเป็นเถาองุ่นที่ออกผลดก งดงาม  ยิ่งมีผลออกมากเท่าไร  พวกเขาก็ยิ่งสร้างแท่นบูชามากขึ้นเท่านั้น   ยิ่งเจริญขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งทำให้เสาบูชาของเขาเจริญขึ้นเท่านั้น ในสมัยของเยโรโบอัมที่สองนั้น  บ้านเมืองเจริญทางเศรษฐกิจ พระเจ้าทรงอวยพระพรเขา  ผู้คนไม่ได้หาพระเจ้าแต่กลับแสวงหารูปเคารพ  และยังสร้างขึ้นมาอีกมากมาย  พวกเขากลายเป็นวัตถุนิยม รูปเคารพนิยมไปแล้ว

ใจของเขาเป็นใจปลอม หลอกลวง ดังนั้นพวกเขาจะต้องรับแบกความผิดของตน  พระเจ้าจะพังแท่นบูชา  และทำลายเสาบูชาของพวกเขาเสีย

เพราะเดี๋ยวนี้ พวกเขาจะกล่าวว่า “เราไม่มีกษัตริย์  เพราะเราไม่กลัวเกรงพระเจ้า  และถ้ามีกษัตริย์หรือ จะมีประโยชน์อะไร ท่านทำอะไรให้เราได้?”   นี่เป็นคำพูดเมื่อพวกเขาเจอความหายนะ  เป็นสิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้ล่วงหน้าว่า เขาจะกล่าวคำแบบนี้

พวกเขากล่าวคำไร้สาระ  มาทำพันธสัญญากันด้วยคำสัญญาลม ๆ แล้งๆ  ดังนั้น คำพิพากษาจึงเกิดขึ้นดกงอกงามเหมือนกับวัชพืชที่เป็นพิษในร่องตามทุ่ง  คดีความเกิดขึ้นมากมาย เพราะคนไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ต่อกัน  วัชพืชที่ขึ้นมาตามร่องนั้นจะรัดต้นข้าว พืชพันธุ์ที่พวกเขาปลูกไว้ เช่นกัน คำพิพากษาของพระเจ้าจะมาแทนพระพร

คนที่อาศัยในสะมาเรียกลัวตัวสั่นเพราะลูกวัวแห่งเบธอาเวน  คนต่างคร่ำครวญถึงมัน  พวกปุโรหิตก็เช่นกัน  เหล่าคนที่เคยร่าเริงยินดีกับรูปปั้นนั้น เดี๋ยวนี้มันจากไปแล้ว  นี่ไง บ้านแห่งความชั่วร้าย คือเบธอาเวน

ตัวมันจะถูกหามไปอัสซีเรียให้เป็นเครื่องบรรณาการแก่กษัตริย์ยิ่งใหญ่  เอฟราอิมจะต้องอับอาย อิสราเอลจะอดสูเพราะรูปเคารพของพวกเขา

กษัตริย์แห่งสะมาเรียจะพินาศเหมือนกับกิ่งไม้เล็ก ๆ ที่ลอยอยู่ในน้ำ  คิดดูนะ กษัตริย์ที่เคยยิ่งใหญ่สุดในประเทศ จะกลายเป็นเหมือนเศษไม้ที่ลอยล่องในน้ำ  ไม่รู้ไปทางไหน ไม่สามารถช่วยตัวเองได้   เขาอาจคิดไม่ถึงว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้

ที่สูงแห่งเมืองอาเวนและบาปของอิสราเอลจะถูกทำลาย

ต้นหนามจะงอกเติบโตบนแท่นบูชาของเขา  และเขาจะกล่าวร้องกับภูเขาว่า “ช่วยบังเราไว้”  และร้องขอเนินเขาว่า “ช่วยล้มลงทับเรา”

 

โฮเชยา 9-1

โฮเชยา 9:1-8

อย่ายินดีไปนักเลย   อิสราเอล  อย่ารื่นเริงเหมือนชนชาติอื่น ๆ เลย  เพราะเจ้าได้ละทิ้งพระเจ้า และทำตัวเป็นเหมือนโสเภณี รักค่าจ้างที่มาจากลานนวดข้าว …
ลานนวดข้าวและบ่อย่ำองุ่น ไม่อาจเลี้ยงพวกเขา และเหล้าองุ่นใหม่ก็ขาดไป

พวกเขาจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดินของพระเจ้า แต่เอฟราอิมจะกลับไปอียิปต์  ไปกินอาหารไม่สะอาดในอียิปต์

พวกเขาจะไม่ได้เทเครื่องดื่มบูชาถวายพระเจ้า  และของสักการะบูชาจะไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า   มันจะเป็นเหมือนขนมปังของคนไว้ทุกข์  คนที่กินเข้าไปจะเป็นมลทิน  เพราะขนมปังนี้มีไว้บรรเทาความหิวเท่านั้น   มันจะไม่มาถึงพระนิเวศของพระเจ้า  พระเจ้าจะทรงส่งเขาไปในต่างแดน  ที่ ๆ เขาไม่สามารถสร้างแท่นบูชาขึ้นได้อีก

เจ้าจะทำอะไรในวันเทศกาลที่กำหนดไว้  ในวันงานเลี้ยงของพระเจ้า?

เพราะว่าเจ้ากำลังจะหนีไปจากความหายนะ เจ้าคิดว่า เจ้าจะปลอดภัย แต่อียิปต์ก็จับเจ้าไว้  เมืองเมมฟิสจะฝังพวกเขา  ต้นตำแยจะเป็นเจ้าของเงินที่มีค่าของเขา  ต้นหนามจะอยู่ในกระโจมของเขา

วันแห่งการลงทัณฑ์มาถึงแล้ว  วันแห่งการแก้คืนมาถึง และอิสราเอลจะรับรู้รสชาดของมัน คนกล่าวคำของพระเจ้ากลายเป็นคนโง่  คนฝ่ายวิญญาณก็บ้าบอไป เพราะว่าความผิดอันใหญ่หลวงของเจ้า  เพราะว่าความเกลียดชังที่ท่วมท้นของเจ้า

ผู้กล่าวคำของพระเจ้านั้นเป็นยามเฝ้าเอฟราอิมพร้อมกับพระเจ้าของข้าพเจ้า  แต่กระนั้น กับดักของนายพรานก็อยู่ตามทางเต็มไปหมด  และความเกลียดชังก็อยู่ในพระนิเวศของพระเจ้าของเขา  คนอิสราเอลไม่ต้องการฟังพระคำของพระเจ้าที่คนของพระองค์มาตักเตือน  มองว่าผู้กล่าวคำเหล่านั้นไร้สาระ   ทุกสิ่งทุกอย่างจึงจบลงที่ความหายนะของตัวเขาเอง

 

โฮเชยา 8-2

โฮเชยา 8:9-14

เพราะเขาไปหาอัสซีเรีย  ทำตัวเหมือนลาป่าที่ทำอะไรตามใจตนเองตามลำพัง  เอฟราอิมมีคนรักรับจ้างด้วย…. อิสราเอลเป็นเหมือนลาป่า คือเขามีหัวใจอิสระทำอะไรตามใจเสมอ ไม่ต้องการอยู่ในมาตรฐานของพระเจ้า

ใช่แล้ว  พวกเขาได้จ้างพันธมิตรจากชนชาติต่าง ๆ ด้วยของกำนัล   แต่เราจะรวบรวมพวกเขา  และอีกไม่นานพวกเขาจะต้องเป็นทุกข์ เพราะถูกคาดคั้นเอาของบรรณาการมากเหลือเกิน

เอฟราอิมได้เพิ่มแท่นบูชาทวีคูณเพื่อทำบาปซ้ำ ๆ  สำหรับพวกเขาแล้ว แท่นบูชามีไว้เพื่อทำบาป  พวกเขาไม่ได้มีแท่นบูชาเพื่อเชื่อฟังพระเจ้า  แต่เพื่อทำให้เห็นว่า พวกเขายังเป็นคนดีอยู่  ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ พวกเขารักบาปมากกว่าการดี

เราจะเขียนกฎบัญญัติขึ้นมาสัก 10,000 แต่พวกเขาจะเห็นว่ามันประหลาด เป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขาสักนิด  พระบัญญัติของพระเจ้าจึงไม่มีความหมายสำหรับพวกเขา

ของถวายเป็นพิธีที่เขาถวายเราก็เนื้อและเขาก็กินมันเอง พระเจ้าไม่ได้รับสิ่งของเหล่านั้น   บัดนี้พระองค์จะระลึกถึงความผิดและความบาปของเขา และจะลงโทษพวกเขา  พวกเขาจะหันกลับไปหาอียิปต์  นี่หมายความว่า เขาจะกลับกลายไปเป็นทาสเหมือนคราวที่เป็นทาสที่อียิปต์อีกครั้ง

เพราะอิสราเอลได้ลืมพระผู้สร้าง จึงได้สร้างวิหารสำหรับเทวรูปมากมาย  และยูดาห์ได้สร้างเมืองล้อมกำแพงแข็งแรงเพิ่มเติม

แต่เราจะส่งไฟลงมาที่เมืองเหล่านั้น เผาผลาญทั้งวังและกำแพงทั้งปวง  ดูซิ พวกเขาคิดว่า ความปลอดภัยมาจากกำแพง  แต่จริง ๆ แล้ว เขาจะปลอดภัยได้เมื่อเขาอยู่ฝ่ายพระเจ้า

 

โฮเชยา 8-1

โฮเชยา 8:1-8

จรดแตรไว้บนริมฝีปากของเจ้าซิ  เพราะว่า ศัตรูกำลังมา เหมือนเป็นนกแร้งที่อยู่เหนือบ้านของพระเจ้า   เพราะว่า คนในบ้านได้หักพันธสัญญา และล่วงละเมิดบัญญัติของเรา นกแร้งนั้นเปรียบได้กับอัสซีเรียที่กำลังจะเข้ามาบุกโจมตีอย่างกระทันหัน

แล้วพวกเขาจะร้องหาเรา “พระเจ้าข้า เราชนอิสราเอลรู้จักพระองค์”  อิสราเอลได้ดูหมิ่น และปฏิเสธสิ่งดี ๆ   ดังนั้นศัตรูจะไล่ตามพวกเขา  อิสราเอลมักทำตัวเหมือนคนรู้จักพระเจ้าดี  แต่ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย

เขาจะแต่งตั้งกษัตริย์ขึ้นมา  แต่ไม่ใช่เป็นกษัตริย์จากเรา  ไม่มีพรจากเรา  พวกเขาแต่งตั้งและถอดถอนเจ้านายโดยเราไม่ได้รับรู้   ยิ่งกว่านั้นยังสร้างรูปเคารพจากเงินและทองเพื่อว่าพวกเขาเองจะถูกทำลาย ช่วงหนึ่งของอาณาจักรเหนือ อิสราเอล พวกเขาแต่งตั้งกษัตริย์และลอบปลงชีพกษัตริย์เหล่านั้น   ซ้ำซากหลายครั้ง

เทวรูปวัวของสะมาเรียน่าชังยิ่งนัก  เรา …..  ความโกรธของเราเผาผลาญมัน  เมื่อไรที่พวกเจ้าจะได้มาถึงความบริสุทธิ์เสียที

เพราะเทวรูปวัวนี้มาจากอิสราเอล  ช่างทองได้ทำมันขึ้นมา มันจึงไม่ใช่พระเจ้า  เทวรูปของสะมาเรียจะถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ   และถูกเผา  สิ่งใดที่มนุษย์สร้างขึ้นมาด้วยมือ ไม่สามารถจะเป็นพระเจ้าได้  สิ่งนั้นต่ำกว่ามนุษย์เสียอีก

พวกเขาหว่านลม  จึงจะได้เกี่ยวลมพายุหมุน  ต้นข้าวหามีเมล็ดไม่ จึงไม่มีอาหาร ถึงจะมีเมล็ดออก คนแปลกถิ่นและคนต่างแดนจะเอาไปกินหมด  เขาหว่านลม ก็คือหว่านความชั่วร้าย โกงกิน คอรัปชั่น … เขาจะได้รับผลของสิ่งที่เขาทำลงไปนั้น…

อิสราเอลจะถูกกลืน  จริง ๆ บัดนี้ อิสราเอลก็เป็นเหมือนภาชนะที่ไร้ค่าท่ามกลางชนชาติทั้งหลายอยู่แล้ว

 

โฮเชยา 7-2

โฮเชยา 7:8-16

เอฟราอิมเข้าไปปะปนอยู่กับคนชาตินั้นชาตินี้   เป็นเหมือนขนมอบที่ไม่ได้พลิกด้าน   พวกเขาไม่พึ่งพระเจ้า  แต่ไปพึ่งชนชาติรอบ ๆ ข้างเขา ข้างหนึ่งไหม้ไปแล้ว แต่อีกข้างไม่สุก….
คนแปลกหน้าจึงสูบเอากำลังของเขาไป  แต่เขาก็ไม่รู้  เขาเริ่มมีผมหงอกประปราย แต่เขาก็ไม่รู้อีก อิสราเอลไม่สำนึกเลยว่า เขากำลังก้าวไปสู่ความตกต่ำ  อิสรภาพ และกำลังของประเทศชาติกำลังหายไป

ความยะโสของอิสราเอลมาปรักปรำเขา ต่อหน้าพวกเขา  แต่พวกเขาก็ไม่กลับมาหาพระเจ้า  ไม่แสวงหา ไม่ถามหาพระองค์  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เอฟราอิมก็เช่นกัน   เป็นเหมือนนกพิราบ ไร้ความคิดความเข้าใจ  พวกเขาไปหาอียิปต์  ไปหาอัสซีเรีย  เดี๋ยวก็เป็นมิตรกับอียิปต์และเดี๋ยวก็ไปหาอัสซีเรีย    หารู้ไม่ว่า วิธีนี้ไม่ได้นำความมั่นคงมาให้ประเทศชาติเลย  พวกเขาทำสิ่งที่ไร้สาระจริง ๆ

ขณะที่ไปนั่นเอง เราจะเหวี่ยงตาข่ายเหนือพวกเขา  จะนำเขาลงมาเหมือนนกในอากาศ  จะเฆี่ยนเขาตามที่พวกเขาเคยได้ยินมา

วิบัติมาถึงพวกเขาแล้ว  เพราะเขาสะเปะสะปะออกจากทางของเรา  พวกเขาจะพินาศ เพราะได้ดื้อดึง และล่วงละเมิดเรา  แม้เราจะไถ่เขาคืนมา แต่เขาก็ยังมุสากล่าวหาเรา

พวกเขาไม่ร้องหาเราจากหัวใจ  แต่กลับคร่ำครวญบนที่นอน  กัดฟัน เป็นทุกข์ ชุมนุมกันเพื่อข้าวและเหล้าองุ่นใหม่   เกิดกันดารอาหาร  แต่แทนที่จะมาหาพระเจ้า เขากลับไปเรียกร้องหาจากจ้าวบาอัล  ยังไงกันนี่

แม้ว่าเราจะได้ลงโทษพวกเขา และ ให้กำลังกับเขาใหม่  แต่พวกเขาก็ยังคิดและหาทางทำชั่วต่อต้านเรา

พวกเขาหันหลัง  เปลี่ยนไป  แต่ไม่ได้หันมาหาเรา   พวกเขาเป็นเหมือนคันธนูเบี้ยว  คันธนูเหล่านี้ไม่มีวันที่จะยิงได้ตรงเป้าเลย   มันใช้ไม่ได้ในการศึก

เจ้านายของพวกเขาจะตายด้วยดาบเพราะความยะโสและความปากร้ายของพวกเขาเอง   เขาจะถูกเหยียดหยาม เยาะเย้ยในแผ่นดินอียิปต์

 

โฮเชยา 7-1

โฮเชยา 7:1-7

เมื่อเราจะรักษาอิสราเอลนั้น ปรากฏว่า ความผิดของเอฟราอิมก็ถูกเปิดโปง  ความชั่วร้ายของสะมาเรีย  พวกเขาประพฤติคดโกง  เหล่ากองโจรเที่ยวปล้นล่าคนทั้งตามถนนและในบ้าน

แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้สำนึกว่า เราจำความชั่วร้ายของพวกเขาได้หมด  เวลานี้ การกระทำของพวกเขาล้อมรอบและพันตัวเขายุ่งเหยิง มันอยู่ต่อหน้าของเรา  คนที่ทำผิดบ่อย ๆ นั้น มักไม่คิดว่า ตนเองต้องรับผิดชอบต่อการผิดของตน

พวกเขาทำให้กษัตริย์พอใจกับความชั่วร้ายของเขา และให้เจ้าชายเพลิดเพลินกับการโกหกของเขา

พวกเขาทั้งหมดเป็นคนเล่นชู้  เร่าร้อนเหมือนไฟในเตาอบ  ในช่วง 20 ปี เท่านั้นเอง กษัตริย์ของอิสราเอล ถูกสังหารถึง 4 องค์

ในวันฉลอง  เจ้านายก็ป่วยเพราะฤทธิ์เหล้าองุ่น   กษัตริย์กลับร่วมมือกับคนนอกกฎหมาย ดูซิ  กษัตริย์กับสนุกสนาน และเป็นพวกเดียวกับคนร้าย  อย่างนี้ประเทศจะมั่นคง ตั้งอยู่ได้อย่างไร

เพราะพวกเขาทำใจให้พร้อม  ความโกรธของพวกเขากรุ่นอยู่ทั้งคืน  เช้ามามันก็กลายเป็นไฟที่เผาผลาญ

พวกเขาทุกคนร้อนเร่าเหมือนเตาอบ  และเขมือบผู้พิพากษาของเขา  กษัตริย์ของพวกเขาล้มลง แต่กระนั้น ไม่มีใครสักคนในหมู่พวกเขาจะร้องเรียกหาเรา อิสราเอลลืมพระเจ้า เหมือนไม่มีพระองค์จริง ๆ!

 

โฮเชยา 6

โฮเชยา 6

กลับมา  ให้เรากลับมาหาองค์พระเจ้า  พระองค์ทรงฉีกเราออก เพื่อว่าพระองค์จะได้ทรงรักษาเรา พระองค์ทรงโบยตีเรา เพื่อว่า พระองค์จะทรงพัน และรักษาบาดแผลให้เรา

ผ่านไปสองวัน พระองค์จะทรงทำให้เรามีชีวิตอีกครั้ง  วันที่สาม พระอค์จะทรงทำให้เราฟื้นขึ้น เพื่อว่าเราจะมีชีวิตอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์

ใช่… ให้เราพากเพียร พยายาม บากบั่นที่จะรู้จักพระเจ้า  เพราะการเสด็จออกมาของพระองค์นั้น แน่นอนเหมือนกับรุ่งอรุณ  และพระองค์จะทรงมาหาเราดั่งฝนที่กระหน่ำลงมา  ดั่งฝนปลายฤดูที่รดผืนโลก

เอฟราอิมเอ๋ย  เราจะทำอย่างไรกับเจ้าดี?
ยูดาห์เอ๋ย   เราจะทำอย่างไรกับเจ้าดี ?

ความรักไร้ใจของเจ้านั้น เป็นเหมือนหมอกบางยามเช้า  เป็นเหมือนน้ำค้างที่ระเหยหายไปแต่เช้าตรู่

ดังนั้นเราจึงแล่เขาเป็นชิ้น ๆ  ด้วยผู้กล่าวคำของเรา เราสังหารพวกเขาด้วยคำจากปากของเรา  คำพิพากษาของเรานั้น เป็นเหมือนแสงที่ส่องพุ่งออกมา

เพราะว่า เราประสงค์ที่จะได้ความรักมั่นคง และความดี ไม่ใช่เครื่องบูชา   เราประสงค์ที่เจ้าจะรู้จัก คุ้นเคยกับเรายิ่งกว่าเครื่องเผาบูชา

แต่พวกเขากลับล่วงละเมิด ฝ่าฝืนพันธสัญญาของเราเหมือนกับอาดัม และพวกเขาตลบตะแลงกับเรา

กิเลอาด เป็นเมืองของคนชั่ว  มีแต่รอยเท้าเลือด  กลุ่มปุโรหิตก็เป็นฆาตกร เข่นฆ่าผู้คนบนถนนตรงไปเมืองเชเคม พวกเขาชั่วร้ายรุนแรง เหมือนอย่างกลุ่มโจรที่ซุ่มอยู่เพื่อปล้น

เราได้เห็นสิ่งที่เลวร้ายในเอฟราอิม  … อิสราเอลเป็นมลทิน

ยูดาห์…. เจ้าก็เช่นกัน  มีทุ่งแห่งการพิพากษารอคอยเจ้าอยู่  เมื่อเรานำคนของเรากลับมาจากการเป็นเชลยอันเนื่องมาจากความผิดของพวกเขาเอง

 

โฮเชยา 5-2

โฮเชยา 5:8-15

เมื่อมีคำเรียกเอฟราอิมในข้อความต่อไปนี้ มีความหมายถึงคนอิสราเอลทางเหนือทั้งหมด  ทุก ๆ เผ่า…..

พระเจ้าตรัสผ่านโฮเชยาว่า

“ให้เป่าเขาสัตว์ในกิเบอาห์   เป่าแตรในรามาห์   เป่าเตือนภัยในเบธอาเวน   เมืองเหล่านี้จะเป็นเมืองต้น ๆ ที่นำความหายนะมาถึงพวกเขา

 

พวกเราตามเจ้าอยู่นะ เบนยามิน  เอฟราอิมจะกลายเป็นที่ร้างในวันแห่งการลงโทษ  เราจะทำให้ทุกเผ่าได้มั่นใจว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นแน่นอน

เจ้าชายแห่งยูดาห์มาเป็นเหมือนคนที่ถอนเสาหลักปักเขตแดนออกไป เราจะเทความกริ้วของเราเหนือพวกเขาเหมือนดั่งเทน้ำลงมาจนท่วมท้น  มาถอนเสาหลักเขตแดน ก็เหมือนมาทำลายเขตแดนที่พระเจ้าทรงกำหนดให้คนของพระองค์อาศัยอยู่  และมีความสุขกับสิ่งที่พระองค์ประทานให้

เอฟราอิมถูกกดขี่  ถูกบดขยี้เพราะถูกลงโทษ เพราะว่า พวกเขาดึงดันที่จะเดินตามความโสโครก
เราเป็นเหมือนแมลงที่กัดกินเอฟราอิม  เป็นเหมือนความเน่าเปื่อยของวงศ์วานยูดาห์  พระเจ้าตรัสเช่นนั้นเพราะกำลังทรงบอกว่า พระองคืเท่านั้นที่ทรงมีอำนาจจัดการพวกเขาให้หมดไป

เมื่อเอฟราอิมเห็นความเจ็บป่วยของตนเอง และยูดาห์ก็มีบาดแผล   เอฟราอิมจึงส่งคนไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์ยิ่งใหญ่แห่งอัสซีเรีย   แต่กษัตริย์องค์นั้นไม่สามารถรักษาเจ้า ไม่สามารถทำให้แผลหายได้   กษัตริย์หลายองค์ของอิสราเอลและยูดาห์ ได้หันไปหากษัตริย์แห่งอัสซีเรีย  ยอมทำสารพัดให้  ในสมัยของราชาเมนาเฮม   ชัลลุม และอาหัส .. แต่กลับถูกอัสซีเรียกลับมาทำร้าย!   เพื่อน ๆ ลองกลับไปอ่านตามลิงค์นี้  อ่านเรื่องราวของราชาอาหัส  และเพื่อน ๆ จะเข้าใจว่า พำไมพระเจ้าจึงทรงต้องทิ้งพวกเขา ….

 

เพราะเราจะเป็นดั่งสิงโตต่อเอฟราอิม  เป็นเหมือนสิงโตหนุ่มต่อวงศ์วานของยูดาห์  รู้ไหมว่า พระเจ้าเท่านั้นทีจะเป็นผู้กุมอนาคตของแต่ละชนชาติ   ทั้งอิสราเอลและยูดาห์ครั้งนี้ เรียกได้ว่า ง่อยไปเลย

เรานะ  จะฉีกพวกเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และจะเดินออกไปเสีย  เราจะ คาบพวกเขาไป  และจะไม่มีใครช่วยได้

 

เราจะกลับไปที่ของเรา จนกว่าพวกเขาจะยอมรับบาปผิดของตน และแสวงหาหน้าของเรา   ในความทุกข์ยากแสนสาหัสของพวกเขา  เขาจะดั้นด้นแสวงหาเรา พระเจ้าทรงกลับไปที่ของพระองค์  นั่นคือทรงไปรอให้เขากลับมาแสวงหาพระองค์อีกครั้ง

 

โฮเชยา 5-1

โฮเชยา 5:1-7
ได้อธิบายความหมายของพระคำพร้อม ๆ กันไป    เป็นตัวเอียงครับ


จงฟัง เหล่าปุโรหิต
ตั้งใจฟังให้ดี ลูกหลานอิสราเอล
หันหูของเจ้ามาเจ้านายเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย เพราะการพิพากษานี้มีไว้ให้พวกเจ้า

เพราะเจ้าเป็นกับดักอยู่ที่เมืองมิสปาห์ เป็นอวนรออยู่สำหรับเมืองทาโบร์

คนอิสราเอลกลายเป็นเหยื่อของปุโรหิตและเจ้านายทั้งหลาย ที่คอยดักจับเอาผลประโยชน์จากความไม่รู้ไม่เข้าใจของประชาชนเหล่านี้ พวกเจ้านายได้ไปกราบไหว้เทวรูป ทำการเผาบูชาสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น ทำให้คนอิสราเอลหลงผิดตามไป กลายเป็นคนไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้าไปด้วย


และ คนที่กบฏก็เที่ยวไปสังหารผู้คนอย่างน่ากลัว พวกเขาเอาคนไปสังหารเพื่อบูชา…
พวกเขาได้ฆ่าลูกหลานเป็นเครื่องสักการะให้กับปีศาจเหล่านี้ แต่เราจะจัดการตีสอนพวกเขาทั้งหมด
เรารู้จักเอฟราอิม อิสราเอล ไม่ได้อยู่พ้นหูพ้นตาเรา เอฟราอิมเล่นชู้ อิสราเอลก็เป็นมลทิน การกระทำ พฤติกรรมของพวกเขาไม่ช่วยให้เขากลับมาหาพระเจ้าได้

เพราะว่า ในตัวนั้นมีวิญญาณแห่งการเล่นชู้  คือหัวใจที่เฝ้าแต่อยากจะไปกราบไหว้เทวรูปต่าง  ๆ พวกเขาไม่รู้จักพระเจ้า

ความเย่อหยิ่งของอิสราเอลนั้นปรากฏให้เห็นชัดตรงหน้า อิสราเอลและเอฟราอิม คืออาณาจักรทางเหนือ จะสะดุดในความผิดของตนเอง ยูดาห์ก็เช่นกัน อิสราเอลได้มีส่วนทำให้ยูดาห์ทางใต้หลงทาง เพราะเลียนแบบพิธีกรรมต่าง ๆ ที่อิสราเอลได้คิดประดิษฐ์ขึ้น


พวกเขาจะพยายามที่จะแสวงหาพระเจ้าพร้อมกับฝูงสัตว์ของพวกเขา แต่ก็ไม่พบพระองค์ พระเจ้าทรงเมินจากพวกเขาไป
พวกเขาได้ทรยศต่อองค์พระเจ้า มีลูกหลานจากคนต่างชาติเหล่านั้น

บัดนี้ เทศกาลขึ้นหนึ่งค่ำซึ่งเคยเป็นเทศกาลฉลองความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน จะเป็นผู้ผลาญพวกเขาไปพร้อมกับไร่นา เพราะพวกเขาได้เอาเทศกาลนี้เปลี่ยนไปเป็นพิธีบวงสรวงของชาวคานาอัน

โฮเชยา 4-2

โฮเชยา 4:11-19

พระเจ้าทรงเตือนว่า พระองค์จะทรงเอาความโอ่อ่าของเขาไป เปลี่ยนให้เป็นความอดสู เพราะปุโรหิตเลี้ยงชีวิตด้วยการรับของถวายบูชาไถ่บาปจากประชาชน
พระองค์ตรัสต่อไปว่า ความเข้าใจหายไปเพราะพวกเขามัวแต่ดื่ม คนของพระเจ้าไม่ได้มาหาพระองค์ แต่กลับไปเสี่ยงทายด้วยไม้ติ้ว กลับไปขอความเห็นจากไม้ที่แกะเป็นเทวรูป
อย่างนี้ พระเจ้าทรงมองว่า เป็นหัวใจที่เล่นชู้! พวกเขาละทิ้งพระเจ้าเพื่อไปหาสิ่งเหล่านั้น
ตามสถานที่ต่าง ๆ ใต้ต้นไม้ บนที่สูง บนเนินเขา พวกเขาก็เอาเทวรูปไปวางไว้เกลื่อนกลาด
เวลาเจ้าทำสิ่งผิด ๆ เหล่านี้ เราไม่ได้ลงโทษ ลงทัณฑ์เจ้า ทั้งผู้หญิง และผู้ชายทำผิดเหมือน ๆ กัน ดังนั้น พวกที่ไม่ยอมเข้าใจ ไม่มีความเข้าใจจะพินาศ

วัวดื้อ... อิสราเอล www.bubee.net

อิสราเอลเอ๋ย เจ้าเล่นชู้กับเทวรูปเหล่านั้น ก็อย่าให้ยูดาห์ทำตาม อย่าเขาไปในกิลกาล เบธาวาน เมืองแห่งเทวรูปทั้งปวง อย่าทำเป็นสาบานออกนามพระเจ้า
อิสราเอลดื้อมากเหมือนอย่างวัวสาวดื้อ พระเจ้าจะทรงเลี้ยงเขาอย่างเลี้ยงแกะในทุ่งกว้างได้รึ?
เอฟราอิมหรืออิสราเอลทางเหนือ ได้ผูกพันกับเทวรูป … ปล่อย ปล่อยเขาตามลำพังเสีย เขาเมาและปล่อยตัว เขาชอบความน่าละอายมากกว่าศักดิ์ศรี
พายุหมุนจะกวาดพวกเขาไป
เขาจะต้องอับอายเพราะแท่นบูชาที่เขาสร้างขึ้นมานั้น

โฮเชยา 4-1

โฮเชยา4:1-10

มาฟังเสียงของพระผู้เป็นเจ้า ลูกหลานอิสราเอล. พระเจ้าทรงมีสิ่งที่จะต้องกล่าวหาพวกเจ้า
เพราะว่าในแผ่นดิน ไร้ความซื่อตรง ไร้ความรักเมตตา ขาดความรู้ในพระเจ้า.
ไม่มีสิ่งดี มีแต่การสบถสาบาน การโกหก ฆาตกรรม การขโมย และการล่วงประเวณี มีความรุนแรง เลือดนองไม่หยุดหย่อน
ดังนั้นแผ่นดินจึงคร่ำครวญ. ผู้อาศัยบนแผ่นดินนั้นก็จะสลายไป สัตว์ทุ่ง นกในอากาศ. ปลาในทะเล จะพากันตายไป

Bubee.net

บัดนี้อย่าให้ใครมัวแต่กล่าวโทษกันไปมา. มัวแต่อ้างว่าตนไม่ผิด เพราะพวกเจ้าเป็นเหมือนคนที่ไปสู้กับปุโรหิต
เจ้าสะดุดหกล้มกลางวัน ส่วนผู้กล่าวคำพระเจ้าจอมปลอมจะสะดุดพร้อมกับเจ้าในเวลากลางคืน
และเราจะทำลายแม่ของเจ้า. คือประเทศที่เจ้าเป็นพลเมืองอยู่
ประชาชนของเราถูกทำลายก็เพราะพวกเขาขาดความรู้
เพราะพวกเจ้าไม่ยอมรับที่จะเรียนรู้ เราก็จะไม่ยอมรับเจ้าให้เป็นปุโรหิตของเรา
เพราะเจ้าลืมบทบัญญัติของพระเจ้าของเจ้า. เราก็จะลืมลูกหลานของเจ้าเช่นกัน
ยิ่งมีปุโรหิตเพิ่มขึ้นมากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งทำบาปต่อเรา. เราจะเปลี่ยนความโอ่อ่าของพวกเขาให้กลายเป็นความอัปยศ
เขาเลี้ยงชีวิตจากบาปของประชาชนของเรา. จากเครื่องบูชาที่ประชาชนนำมาถวายเพื่อไถ่บาป
ปุโรหิตเหล่านี้พอใจกับความบาปผิดของประชาชน
ปุโรหิตเป็นแบบไหน ประชาชนก็เป็นเหมือนกันแบบนั้น
เราจะลงโทษพวกเขา จะตอบสนองสิ่งที่พวกเขาลงมือทำ. ให้พวกเขากินไปเถอะ แต่จะไม่อิ่ม. เขาจะเล่นชู้(กับเหล่าพระเท็จ). แต่จะไม่มีวันรุ่งเรือง. เพราะพวกเขาได้ละทิ้งพระเจ้า ไปทำตัวเป็นโสเภณี

พระเจ้าทรงแจ้งให้คนอิสราเอลรับรู้ว่า เขาเป็นผู้ผิด และพระองค์ทรงเป็นผู้ฟ้องร้องเขาเอง. น่ากลัวสำหรับคนที่เป็นปุโรหิตพวกเขาพอใจที่คนทำผิด ยิ่งมากยิ่งดี พวกเขาจะได้ส่วนของเครื่องบูชามากขึ้นเรื่อยๆ
เหตุเกิดเช่นนี้เป็นเพราะคนไม่รู้จักพระเจ้า ไม่รู้จักพระคำ น้ำพระทัยของพระองค์จริงๆจึงถูกหลอก ทำผิดไป ไถ่บาปไปวนเวียนอยู่เช่นนี้เรื่อยไป