เยเรมีย์ 5-4 เหตุใดเจ้าจึงไม่ยำเกรงเรา?

เยเรมีย์ 5:19-25

และเมื่อประชาชนทั้งหลายุถามว่า “เหตุใดองค์พระเป็นเจ้าจึงทรงทำสิ่งเหล่านี้ต่อเรา?”

เจ้าจะตอบเขาว่า “ก็เป็นเหมือนอย่างที่เจ้าได้ละทิ้งเรา

และไปปรนนิบัติพระต่างชาติในดินแดนของเจ้า

เจ้าจะต้องปรนนิบัติคนต่างชาติในแผ่นดินที่ไม่ใช่ของเจ้า!”

 

จงประกาศข่าวสารต่อไปนี้แก่ยูดาห์ และอิสราเอล

“จงฟังข้อความนี้  เจ้าคนโง่ ไร้สติ   คนมีตา แต่มองไม่เห็น  มีหูแต่ไม่ได้ยิน”

“เจ้าไม่เกรงกลัวเราหรือ?” พระเจ้าตรัส

“เจ้าไม่ตัวสั่นต่อหน้าเราหรือ?

เราเป็นผู้กำหนดชายฝั่งให้เป็นเขตแดนของทะเล  

มันเป็นสิ่งกีดขวางไม่ให้น้ำผ่านไปได้  

แม้ว่าคลื่นจะซัดเข้าไปหามัน แต่ก็ไม่อาจผ่านมันไป 

แม้คลื่นจะคำรามเท่าไร  ก็ข้ามไปไม่ถึง!

มิน่าละ พื้นผิว น้ำทะเลจึงมีรูปทรงที่สวยเหลือเกิน
เพราะพระเจ้าทรงกำหนดนี่เอง…..มิน่าละ พื้นผิว น้ำทะเลจึงมีรูปทรงที่สวยเหลือเกิน

 
แต่คนเหล่าหนี้กลับมีใจดื้อด้าน กบฎต่อเรา
พวกเขาหันหน้ากลับไป  และก็จากเราไป

ในใจของเขาไม่เคยพูดเลยว่า “มาทำใจให้ยำเกรงพระเจ้ากันเถอะ
พระองค์เป็นผู้ประทานฝนตามฤดู ทั้งฝนต้นฤดูและฝนปลายฤดู
และพระองค์ทรงรักษาวัฏจักรการเก็บเกี่ยวให้เรา

แต่ความชั่วของเจ้า ทำให้กฎเกณฑ์เหล่านี้เสียไป
และบาปของเจ้าก็กั้นสิ่งดีไปจากเจ้า

เยเรมีย์ 5-3 กองทัพโบราณ

เยเรมีย์ 5:12-18

พวกเขาพูดถึงเราผิด ๆ และกล่าวว่า ‘พระเจ้าไม่ทรงทำอะไร จะไม่มีหายนะมาถึงพวกเรา  พวกเราจะไม่เจอดาบสังหาร หรือความอดหยาก’

ผู้กล่าวคำของพระเจ้า ก็จะพูดลม ๆ แล้ง ๆ  จริงแล้ว คำของพระเจ้าไม่ได้อยู่ในตัวพวกเขา ดังนั้นหายนะจะตกอยู่กับพวกเขาเหล่านั้น”

 

ดังนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสว่า
“เยเรมีย์เอ๋ย  เจ้าพูดเช่นนี้
ดูเถอะ เราจะทำให้คำของเราในปากของเจ้าเป็นไฟ   ผู้คนจะเป็นเหมือนไม้ และไฟจะเผาผลาญพวกเขา”

“ดูเถิด  เจ้าวงศ์วานอิสราเอล  เราจะนำชาติหนึ่งที่อยู่ไกลแสนไกลมาต่อสู้กับเจ้า”  พระเจ้าทรงประกาศ
ชาตินี้ เป็นชาติที่เข้มแข็ง  เป็นชาติที่สืบมาแต่อดีตกาล
เจ้าไม่รู้ภาษาของพวกเขา  เจ้าไม่อาจเข้าใจสิ่งที่เขาพูด

แล่งธนูของเขาเหมือนหลุมฝังศพที่เปิดอยู่  ทุกคนต่างเป็นนักรบ

kongtap

พวกเขาจะกลืนกินพืชพันธุ์ที่เจ้าเก็บเกี่ยว
จะกินอาหารของเจ้า
จะกินลูกชาย ลูกสาวของเจ้า
จะกินฝูงแกะ และฝูงโคของเจ้า
จะกินองุ่น และมะเดื่อของเจ้า

พวกเขาจะทำลายเมืองป้อมทั้งหมดที่เจ้าไว้วางใจด้วยดาบ!

แต่แม้ในเวลานั้น เราจะยังไม่ให้เจ้าถึงกาลอวสาน

เยเรมีย์ 5-1 หาคนดีไม่เจอ?

เยเรมีย์ 5:1-5

จงวิ่งขึ้นไปมาตามถนนในนครเยรูซาเล็ม
ให้มองหา และสังเกตเอาไว้
ให้ดูตามลานเมือง
ดูว่า เจ้าจะพบคนที่ยุติธรรมและซื่อตรงได้สักคนไหม
เพื่อว่า เราจะได้ให้อภัยแก่นครนี้!

แม้พวกเขาจะสาบานโดยใช้คำว่า “ตราบเท่าที่พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่”
แต่พวกเขาก็มุสาอยู่นั่นเอง

musa

 

 

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเนตรของพระองค์ค้นหาความจริงอยู่มิใช่หรือพระเจ้าข้า?
พระองค์ทรงตีเขาจนล้มพังพาบ
แต่พวกเขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย
พระองค์ทรงเผาผลาญพวกเขา
แต่พวกเขาไม่ยอมแก้ไขความผิดเหล่านั้น
พวกเขากระด้างกระเดื่องต่อพระองค์ ด้านชาแข็งยิ่งกว่าหิน
ไม่ยอมกลับตัวกลับใจ

ข้าจึงกล่าวว่า ” พวกเขาเป็นคนไม่รู้อะไร ไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักทางของพระเจ้า
ไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องการพิพากษาของพระเจ้า
เอาล่ะ ข้าจะไปหาคนใหญ่คนโต จะไปเตือนเขา
คนพวกนี้น่าจะรู้จักทางของพระเจ้า และเข้าใจการพิพากษาของพระเจ้า

แต่….

พวกเขาทุกคนกลับหักแอกกันไปหมดแล้ว
พวกเขากระชากโซ่ตรวนออกมาเสีย!

เยเรมีย์ 4-6 สวยไม่หยุด

เยเรมีย์ 4:27-31

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า  “แผ่นดินทั้งสิ้นจะกลายเป็นที่ร้างเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ถึงอวสาน”

“ด้วยเหตุนี้ โลกจะคร่ำครวญ  ท้องฟ้าจะดำทมึน
เพราะเรากล่าวไว้แล้ว เรามุ่งมั่นให้มันเป็นอย่างนั้น
เราจะไม่เปลี่ยนใจ ไม่หันกลับ
ชาวเมืองทั้งปวงต่างพากันหนีเมื่อได้ยินเสียงของทหารม้า และพลธนู
พวกเขาหนีเข้าไปในดงหนาม ปีนป่ายไปตามหินผา
เมืองทุกเมืองถูกทิ้งร้าง ไม่มีคนอาศัยอยู่ในเมืองเลย
และเจ้า  เจ้าผู้ถูกละทิ้ง เจ้ายังคงสวมชุดสีแดง  นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
เหตุใดเจ้าจึงเขียนตาให้ดูโตขึ้น?
da
เจ้าพยายามเสริมความงาม ทั้งที่คนรักทั้งหลายต่างดูหมิ่นเหยียดหยามเจ้า
พวกเขาพยายามจะฆ่าเจ้า
เราได้ยินเสียงเหมือนผู้หญิงกำลังคลอด
เสียงร้องเจ็บปวดรวดร้าวเพราะกำลังคลอดลูกคนแรก

เสียงร้องของลูกสาวแห่งศิโยน   เสียงที่ฟังเหมือนคนกำลังขาดใจ
เธอยื่นเหยียดแขนออกมา และร้องว่า
“คราวนี้ฉันพินาศแน่… ฉันกำลังจะหมดแรงต่อหน้าฆาตกร!”

เยเรมีย์ 4-5 เหลือแต่ความรกร้าง

เยเรมีย์ 4:23-26

ข้ากวาดตาไปบนแผ่นดิน  มีแต่ที่ร้างว่างเปล่า
ข้ามองไปบนท้องฟ้า หามีความสว่างไม่

ข้ามองไปยังภูเขา  ดูซิ  มันสั่นสะเทือนสะท้าน
เนินเขาทั้งหลาย เคลื่อนคลอนไปมา

ข้าเพ่งมอง  ดูเถอะ ไม่มีมนุษย์เหลืออยู่สักคน
บรรดานกในอากาศนั้น ก็บินหนีไปสิ้น
ข้ามองดู  โอ… แผ่นดินที่เคยอุดมสมบูรณ์กลับกลายเป็นทะเลทราย

Mtalaysai
ภาพจาก http://pompei-hotels.com

หัวเมืองทั้งหลายก็กลายเป็นซากปรักหักพังต่อพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า
ใช่… ต่อพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์

เยเรมีย์ 4-4 คนที่โง่เขลา

เยเรมีย์ 4:19-22
เจ็บ  แสนเจ็บปวด ข้าบิดตัวด้วยความรวดร้าว
โอ.. กำแพงใจของข้า  ใจข้าเต้นไม่เป็นส่ำ
ข้าไม่อาจนิ่งเงียบอยู่ได้  เพราะได้ยินเสียงแตรศึก เสียงตะโกนให้เข้าสงคราม…

ภาพจาก es.123rf.com
ภาพจาก es.123rf.com

ความย่อยยับครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งประเทศถูกทิ้งให้ปรักหักพัง

ทันใดนั้น กระโจมของข้าก็ถูกทำลาย  ผ้ากระโจมขาดวิ่นในพริบตา

นานเท่าไรที่ข้าจะต้องเห็นธงของสงคราม?
นานเท่าไรที่ข้าจะต้องฟังเสียงแตรศึก?

เพราะคนของเรานั่นโง่เขลา พวกเขาไม่รู้จักเรา

เป็นเด็กที่ไร้ปัญญา ไม่มีความเข้าใจ

เก่งแต่ทำชั่ว  ที่จะทำดีนั้น หารู้ไม่!

เยเรมีย์ 4-3 ม้าที่เร็วกว่าอินทรี

เยเรมีย์ 4:11-18

ในเวลานั้น คนเหล่านี้และเยรูซาเล็มจะได้ยินคำกล่าวว่า
“ลมร้อนจากที่สูงโล่งในทะเลทราย พัดมายังลูกสาวของประชากรของเรา
ไม่ใช่เพื่อฝัดร่อน หรือทำความสะอาด มันเป็นลมแรงเต็มที่มาจากเรา
และเวลานี้ เราคือผู้ที่จะตัดสินพิพากษาพวกเขา

ดูเถิด  เขามาเหมือนกับเมฆ และรถม้าศึกของเขาก็เป็นเหมือนพายุหมุน
ม้าของเขานั้นวิ่งเร็วยิ่งกว่าอินทรี  วิบัติแก่พวกเรา เพราะเราถูกทำลายเสียแล้ว

ภาพจาก loadpaper.com
ภาพจาก loadpaper.com

โอ เยรูซาเล็ม จงล้างใจของเจ้าให้หมดจดจากความชั่วร้ายเสีย  เพื่อว่าเจ้าจะได้รอด
นานเท่าไรที่เจ้าจะปล่อยให้ความคิดชั่ววนเวียนอยู่ในตัวเจ้า?

เพราะมีเสียงประกาศจากดาน และเสียงประกาศก้องถึงความทุกข์ยากจากภูเขาเอฟราอิม
เตือนประเทศต่าง ๆ  แจ้งให้เยรูซาเล็มรู้ว่า เขากำลังมา
“เขาจะล้อมเข้ามาจากแดนไกล พวกเขาตะโกนก้องเข้าใส่หัวเมืองต่าง ๆ ของยูดาห์
พวกเขาล้อมเมืองเหล่านั้นไว้ราวกับผู้เฝ้านา ไม่ให้หนีออกไปได้ เป็นเพราะอิสราเอลได้ดื้อดึงต่อเรา” องค์พระเป็นเจ้าประกาศ

ทางของเจ้า พฤติกรรมของเจ้า ได้นำสิ่งนี้มาเหนือเจ้า  นี่เป็นเคราะห์กรรมที่ขมขื่นลึกลงไปในขั้วหัวใจ!

เยเรมีย์ 4-2 หายนะจากทางเหนือ

เยเรมีย์ 4:5-8
จงประกาศในยูดาห์ และแจ้งให้ชาวเยรูซาเล็มรับรู้

“เป่าแตรให้ทั่วทั้งแผ่นดิน ร้องเสียงดัง กล่าวว่า

‘จงรวมตัวกัน และให้เราไปยังบรรดาเมืองที่มีป้อม’

Je4-2

จงตั้งธงเตือนศิโยน ให้ทุกคนหนีไปหาที่ปลอดภัย อย่าอยู่กับที่

เพราะว่า เราจะนำหายนะมาจากทางเหนือ เป็นวิบัติที่ยิ่งใหญ่นัก

สิงโตได้ออกมาจากดงหนามของมัน  ผู้ทำลายล้างประชาชาติได้ออกมาแล้ว

เขาออกมาจากที่ของเขา  เพื่อทำให้ดินแดนของเจ้ากลายเป็นที่ร้างเปล่า

เมืองทั้งหลายจะกลายเป็นซากปรักหักพังไม่มีคนอาศัยอยู่

 

เพราะเหตุนี้ เจ้าจงสวมเสื้อกระสอบ  คร่ำครวญโหยไห้

เพราะว่าความโกรธเกรี้ยวขององค์พระเป็นเจ้าไม่ได้หันไปจากเรา”

“ในวันนั้น”  พระเป็นเจ้าตรัส “ผู้กล้าจะทำให้กษัตริย์และข้าราชการ
เหล่าปุโรหิตจะตกใจและผู้กล่าวคำของพระเจ้าก็จะตะลึง …

และข้ากล่าวว่า “อา… ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ทรงลวงคนเหล่านี้ และเยรูซาเล็ม

ว่า ..เจ้าทั้งหลายจะอยู่อย่างมีความสุข..

ในขณะที่จริง ๆ แล้ว ดาบกำลังมาถึงชีวิตของพวกเขา!”  

พระเจ้าทรงบอกให้เรียกคนเข้ามารวมกันในเมืองใหญ่  การเป่าแตรเป็นการเรียกรวมพลและเข้ามาตั้งหลักกันในเมืองที่มีป้อม

เมื่อใช้ธงเรียกเตือนแสดงว่า กำลังจะมีผู้เข้ามาโจมตี  พวกเขาจะต้องหาที่กำบัง หนีให้ทัน   สงครามนี้ไม่ใช่เรื่องของมนุษย์ แต่พระเจ้าทรงส่งเขามาจัดการคนของพระองค์

 ศัตรูนั้นเหมือนสิงโตเพื่อออกมาทำลาย  สิงโตนี้คือ บาบิโลนนั่นเอง  คนทุกชนชั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นสูงจะตกใจ ไม่นึกว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น เป็นเพราะมีผู้กล่าวคำเท็จมาลวงพวกเขาว่า  พวกเขาจะไม่เป็นอันตราย จะอยู่อย่างสบาย  ตรงนี้เองที่เยเรมีย์พูดเหมือนว่า พระเจ้าลวงคนของพระองค์  เปล่าเลย แต่เป็นคนกล่าวคำเท็จที่พวกเขาชอบฟังต่างหาก

เยเรมีย์ 3-5 คนทรยศ

เยเรมีห์ 3:19-25

“ข้ากล่าวว่า เราจะจัดให้เจ้าอยู่ท่ามกลางลูกชายของเราได้อย่างไร?
จะให้แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์  ให้เป็นมรดกที่สวยงามที่สุดในบรรดาประชาชาติทั้งปวง
และเราคิดว่า เจ้าจะเรียกเราว่า ‘พ่อ’ และจะไม่เลิกติดตามเราเลย
แต่.. ก็เหมือนกับภรรยานอกใจที่ทิ้งสามีของเธอไป  เจ้าเองก็ทรยศต่อเรา .. โอ คนอิสราเอล “ พระเจ้าตรัส

ได้ยินเสียงจากที่สูงบนภูเขา  เป็นเสียงร่ำไห้และร้องขอของลูกหลานอิสราเอล
เพราะว่า พวกเขาได้บิดเบือนหนทางของตน  พวกเขาลืมพระผู้เป็นเจ้าของเขา
“กลับมาเถอะ  ลูกชายที่ไม่ซื่อสัตย์
เราจะรักษาความอสัตย์ของเจ้า”
“ดูเถอะ พวกเรากลับมาหาพระองค์ เพราะว่า พระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา …

จริง ๆ แล้ว เนินเขา เหล่านั้น และพิธีบูชายัญอันลามกบนภูเขานั้น เป็นเพียงภาพลวงตา

ความจริงแล้ว องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นความรอดพ้นของอิสราเอล
ตั้งแต่ที่เราเป็นเด็กมา  ความน่าละอายได้กลืนกินสิ่งที่บรรพบุรุษของเราได้ออกแรงสร้างมา
ฝูงแกะและฝูงสัตว์  บรรดาลูกชายและลูกสาว
ให้เรานอนลงด้วยความละอาย และให้ความไร้เกียรติของเรานั้นคลุมตัวเราไว้

Je3-5
เพราะว่าเราได้ทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เราและบรรพบุรุษของเรา
ตั้งแต่ที่เราเป็นเด็กมาจนกระทั่งทุกวันนี้
และเราไม่ได้เชื่อฟังพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

เยเรมีย์ 3-4 ผู้เลี้ยงที่เราพอใจ

เยเรมีย์ 3:14-17
และเราจะมอบผู้เลี้ยงที่เราพอใจแก่เจ้า  เขาจะเลี้ยงเจ้าด้วยความรู้และความเข้าใจ

Je3-4
และเมื่อเจ้าเพิ่มจำนวนขึ้นในแผ่นดิน ในคราวนั้น เขาทั้งหลายจะไม่พูดอีกว่า
“หีบพันธสัญญาของพระเจ้า”  เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นในความคิดของเขา  มันจะไม่มีใครจำได้ หรือคิดถึงมันเลย
ในครั้งนั้น เขาจะเรียกกรุงเยรูซาเล็มว่า เป็นบัลลังก์ของพระเจ้า
และทุกประชาชาติจะเข้ามารวมตัวที่นั่น
ต่อพระพักตร์ของพระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม
และเขาจะไม่ตามใจชั่วร้ายของตนอีกต่อไป

ในวันเหล่านั้น วงศ์วานของยูดาห์จะเข้ามารวมกับวงศ์วานเยรูซาเล็ม
และพวกเขาจะมาจากดินแดนทางเหนือพร้อม ๆ กัน
มายังแผ่นดินที่เรามอบให้บรรพบุรุษของเจ้าเป็นมรดก

เยเรมีย์ 3-3 จงกลับใจ กลับมา

เยเรมีย์ 3:11-14

และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าว่า
“อิสราเอลที่ไร้ความสัตย์ ได้แสดงตัวให้เห็นว่า เธอยังชอบธรรมกว่ายูดาห์ผู้ทรยศ
จงไปซิ  ไปประกาศคำเหล่านี้ให้แผ่นดินทางเหนือรับทราบ กล่าวเลยว่า

“อิสราเอลผู้ไร้ความสัตย์เอ๋ย จงกลับมา” พระผู้เป็นเจ้าตรัส
“เราจะไม่มองเจ้าด้วยความโกรธ  เพราะว่า เรามีเมตตา “  พระผู้เป็นเจ้าตรัส

Jer3-3

“เราจะไม่โกรธตลอดไปเป็นนิตย์
ขอให้เจ้าได้ยอมรับผิดว่า เจ้าได้ดื้อดึงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
และเจ้าได้ไปประจบประแจงพระอื่น ๆ ใต้ต้นไม้เขียวสด
และเจ้าไม่ได้เชื่อฟังเสียงของเรา” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส..

“จงกลับมา ลูกหลานที่ไร้ความเชื่อ “ พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียก
“เพราะเราเป็นนายของเจ้า และเราจะนำเจ้าหนึ่งคนจากเมือง
และสองคนจากครอบครัว  และนำเจ้ามายังศิโยน”

เยเรมีย์ 3-2 พี่น้องสองสาว

เยเรมีย์ 3:6-10

พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าในสมัยราชาโยสิยาห์ว่า
“เจ้าสังเกตเห็นใช่ไหมว่า  อิสราเอลขึ้นไปยังภูเขาทุกลูก
และที่ใต้ต้นไม้ใบเขียวทุกต้น พวกเขาก็ทำตัวเป็นหญิงโสเภณี?
และเราคิดว่า  หลังจากที่ทำอย่างนั้นแล้ว ก็จะกลับมา  แต่อิสราเอลไม่กลับมาเลย
ส่วนน้องสาวยูดาห์ที่ทรยศนั้นก็เห็นการเล่นชู้ของพี่สาวอิสราเอล
น้องสาวเห็นว่า ที่พี่สาวมีชู้ ไร้ความสัตย์ทำให้เราได้ไล่เธอออกไปพร้อมกับใบหย่า
แต่ยูดาห์น้องสาวทรยศก็ไม่กลัวสักนิด  เธอเองก็ได้ออกไปเล่นชู้ด้วย
Je3-2
และเป็นเพราะเธอเห็นว่า การกระทำของเธอนั้นไม่เสียหาย
เธอจึงทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน เธอเล่นชู้กับหินและต้นไม้
และทั้งหมดนี้ น้องสาวยูดาห์ที่ทรยศก็ไม่ได้กลับมาหาเราด้วยสุดใจ
แต่แสร้งทำเป็นกลับตัวกลับใจ พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “

เยเรมีย์ 2-6 ไม่ได้ทำผิดซะหน่อย

เยเรมีย์ 2:29-37

พระเป็นเจ้าตรัสว่า “เจ้ามีอะไรไม่พอใจเรารึ? เจ้าทุกคนต่างต่อต้านเราอยู่แล้ว”
เราเสียเวลาตีสอนลูกหลานของเจ้า  เพราะว่าพวกเขาไม่สนใจเลย
ดาบของเจ้าก็สังหารผู้กล่าวพระคำของเจ้าเอง  เหมือนกับสิงโตที่ทำลาย

แทนที่จะฟังคนตักเตือน พวกเขากลับฆ่าคนเหล่านั้น!

เจ้ากลายเป็นคนรุ่นแบบไหนกัน จงฟังพระวจนะของพระเจ้าเถิด…
เราเป็นเหมือนถิ่นกันดารต่อคนอิสราเอล  เป็นแผ่นดินแห่งความมืดแก่พวกเขาหรือ?
แล้วเหตุใด คนของเราจึงกล่าวว่า
‘ เราเป็นอิสระแล้ว  เราจะไม่กลับมาหาพระองค์อีก’ ?
สาวพรหมจารีลืมเครื่องประดับของเธอได้หรือ?
หรือเจ้าสาวจะลืมเครื่องแต่งกายของเธอได้หรือ?
แต่คนของเรากลับลืมเรานานจนนับไม่ไหวแล้ว

เจ้ามีหนทางไปหาความรักของเจ้าอย่างน่าทึ่ง  แถมยังสอนทางบาปของเจ้าให้หญิงชั่วอื่น ๆ อีก
ยิ่งกว่านั้น ที่ชายเสื้อของเจ้าก็เห็นรอยเลือดของคนยากจนที่ไร้ความผิด

เจ้าไม่ได้เห็นพวกเขาบุกรุกเข้ามาในบ้านสักนิด  แต่แม้ว่าหลักฐานจะโจ่งแจ้งอย่างนี้

เจ้ายังกล่าวว่า ‘ข้าไม่ได้ทำผิดสักหน่อย  พระพิโรธของพระเจ้าหันไปจากข้าแล้ว’
ดูเถิด เราจะพิพากษาเจ้า เพราะเจ้ากล่าวว่า ‘ข้าไม่ได้ทำบาป’

Je2-4

เท่าไรแล้วที่เจ้าไป ๆ มา ๆ เปลี่ยนวิธีการไปเรื่อย ๆ
เจ้าจะต้องละอายเพราะอียิปต์  เหมือนกับที่เจ้าต้องละอายเพราะอัสซีเรีย
เจ้าจะออกมาจากที่นั่นโดยเอามีบังหัวของเจ้าไว้
เพราะว่า พระเป็นเจ้าทรงปฏิเสธทุกคนที่เจ้าไว้วางใจ
และเจ้าจะไม่มีวันรุ่งเรืองขึ้นมาได้เพราะพวกเขา… จำไว้

เยเรมีย์ 2-4 คนหัวแข็ง

เยเรมีห์ 2:14-19

”อิสราเอลเป็นทาสรึ?
พวกเขาเป็นทาสติดเรือนอย่างนั้นหรือ?
ทำไมพวกเขาจึงกลายเป็นเหยื่อ?

สิงโตคำรามใส่เขา  มันคำรามเสียงสนั่น มันทำให้แผ่นดินของเขารกร้าง

เมืองต่าง ๆ กลายเป็นซากหักพัง  ไม่มีคนอาศัยอยู่

ยิ่งกว่านั้น คนแห่งเมมฟิสและทาฟาเนสได้โกนศีรษะของเขา

ที่เป็นอย่างนี้ไม่ใช่เพราะเจ้าละทิ้งพระเจ้าผู้ทรงนำทางหรอกหรือ?

และตอนนี้ เจ้าจะได้ประโยชน์อะไรที่ไปอียิปต์ เพื่อที่จะดื่มน้ำจากแม่น้ำไนล์?

หรือเจ้าได้ผลประโยชน์อะไรที่ไปหาอัสซีเรีย เพื่อจะดื่มน้ำจากแม่น้ำยูเฟรตีส

ความบาปของเจ้าจะตามมาเฆี่ยนเจ้า  และการทรยศจะจัดการกับตัวเจ้าเอง

SITE

ให้รู้และเห็นเถิดว่า การละทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้านั้นมันชั่วร้ายและขมขื่นยิ่งนัก

ความยำเกรงเราไม่มีอยู่ในตัวเจ้าเลย  “พระเจ้าผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัส

อิสราเอลเป็นเหมือนลูกหัวปีของพระเจ้า   พระเจ้าทรงดูแลเขาเป็นพิเศษ   อย่างเขาไม่ได้เป็นทาส แต่กลับตกเป็นเหยื่อ  ถูกศัตรูทั้งขู่ และบีบคั้น ทำลาย   เขาถูกศัตรูเยาะเย้ย เหยียดหยามและโกนหัว ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งว่า เขาดูถูกเป็นที่สุด
ที่อิสราเอลกลายเป็นคนแพ้ ก็เพราะตัวของเขาเอง ไม่ยอมตามพระเจ้า ละทิ้งพระองค์ กลับไปติดตาม ยอมต่อกษัตริย์ที่ตนคิดว่า จะช่วยได้  

อิสราเอลเข้าใจผิด คิดว่า การไปหาอียิปต์ หรืออัสซีเรียแล้วจะได้ความสดชื่น 

จะสมัยก่อน หรือสมัยนี้ … ทิ้งพระเจ้าไป มันขมขื่นจริง ๆ !

เยเรมีย์ 2-3 บ่อน้ำของตนเอง

เยเรมีย์2: 9-13
“ดังนั้น เราจะยังคงต่อสู้เจ้า!” องค์พระเป็นเจ้าตรัส
“ต่อสู้ทั้งลูกหลานเหลนของเจ้าด้วย
มองไปรอบรอบซิ ข้ามจากฝั่งไปยังไซปรัส
และดู…หรือไม่ก็ส่งไปยังเคดาร์และตรวจสอบให้ดี

ดูว่ามีสิ่งเหล่านั้นไหม
ประเทศใดประเทศหนึ่งเคยเปลี่ยนพระของเขาไหม ทั้งที่เหล่านั้น ไม่ใช่พระสักนิด?

แต่คนของเรากลับแลกเปลี่ยนศักดิ์ศรีของเขากับสิ่งที่ไร้ค่า!
จงตกใจ โอสวรรค์ จงตกใจ รู้สึกสยดสยอง  ไม่น่าเชื่อ!
พระผู้เป็นเจ้าตรัส

broken
เพราะคนของเราได้ทำสิ่งชั่วร้ายสองอย่าง
พวกเขาได้ละทิ้งเรา ซึ่งเป็นน้ำพุแห่งชีวิต
และสกัดบ่อเล็ก ๆ เพื่อตัวเอง
เป็นบ่อเล็กๆ ที่รั่ว ไม่อาจเก็บน้ำไว้ได้

ทิ้งพระเจ้า ไม่นับถือ ไม่พึ่งพระองค์  

และเดินตามทางของตัวเอง ตัวเองเป็นที่พึ่งของตัวเอง!  

ซึ่งความจริงแล้ว การทำทั้งสองอย่างนี้   มันน่ากลัวมาก  มีแต่จะเสีย……

 

 

เยเรมีย์ 2-2 ทำเหมือนไม่รู้จัก

เยเรมีย์ 2: 6-8

พวกเขาไม่ได้กล่าวว่า “พระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่ไหน พระองค์ผู้ทรงนำเรามาจากแผ่นดินอียิปต์
พระองค์ผู้ทรงนำเราในถิ่นกันดาร ในทะเลทราย ที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ
ในแผ่นดินที่แห้งแล้งและมืดมิด ในแผ่นดินที่ไม่มีใครสามารถผ่านไปเลย ในที่ ๆ ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่”
WildernessSinai
และเรานำเจ้ามายังแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ เพื่อที่จะได้อิ่มอร่อยกับผลไม้และสิ่งดี ๆ ในแผ่นดินนั้น
แต่เมื่อเจ้าเข้ามา เจ้ากลับทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน เจ้าทำให้มรดกของเรากลายเป็นสิ่งที่ดูน่าสะอิดสะเอียน

ปุโรหิตไม่ได้กล่าวว่า “องค์พระเป็นเจ้าอยู่ที่ไหน?
คนที่จะต้องรักษากฎเกณฑ์ของเรากลับไม่รู้จักเรา
คนที่เป็นผู้เลี้ยงรึ ก็ล่วงละเมิดเรา
ผู้ที่ต้องกล่าวคำของเรา ก็กลับกล่าวคำของบาอัล และวิ่งไล่ตามสิ่งที่ไม่ได้ประโยชน์อันใด

น่าแปลกที่พระเจ้าทรงดีกับเรา แต่เราไม่ได้เห็นพระคุณของพระองค์เลย

เยเรมีย์ 2-1

เยเรมีย์ 2:1-6

พระคำของพระเจ้ามาถึงข้าฯ  พระองค์ตรัสว่า

“ไป และประกาศให้ชาวนครเยรูซาเล็มได้ยินว่า… พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้…
“เราจำได้ถึงการอุทิศตนทุ่มเทของเจ้ายามที่เจ้ายังหนุ่มสาวอยู่
เราจำได้ถึงความรักของเจ้าอย่างเจ้าสาว
จำได้ว่าเจ้าตามเรามาในถิ่นกันดาร  ในดินแดนที่ยังไม่มีการเพาะปลูก
อิสราเอลนั้นบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า  เป็นผลแรกแห่งการเก็บเกี่ยวของพระองค์
ใครก็ตามที่กินพวกเขาเข้าไปก็จะรู้สึกผิด และมีหายนะเกิดขึ้นกับเขา พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น”

kandan

จงฟังคำขององค์พระผู้เป็นเจ้า… เจ้าวงศ์วานยาโคบ และตระกูลทั้งหลายในอิสราเอล
พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“บรรพบุรุษของเจ้ามาจับผิดอะไรเรา

พวกเขาจึงออกห่างเราไป และเดินตามสิ่งไร้ค่า

ในที่สุดก็กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีคุณค่าไปด้วย?

ในสมัยก่อน ยามที่ชนอิสราเอลตามพระเจ้ามาในถิ่นกันดาร ด้วยการนำของโมเสส
พวกเขา ไม่ได้ทำผิดร้ายแรงอย่างที่ทำอยู่ในสมัยของเยเรมีย์
พวกเขาเคยไม่เชื่อฟัง  ไม่เชื่อพระเจ้าก็จริง
แต่มาวันนี้ เขาทิ้งพระองค์ไป  ติดตามพระที่เป็นสิ่งของ ไม่ใช่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ 
พวกเขากำลังเหยียดหยามพระเจ้าอย่างยิ่ง ….

เยเรมีย์ 1-4

เยเรมีห์ 1:17-19

แต่เจ้า เจ้าจงแต่งตัวเพื่อทำการ  ลุกขึ้น
และบอกพวกเขาทุกอย่างที่เราสั่งเจ้า

ภาพวาดโดย มาร์ค ชากัล
ภาพวาดโดย มาร์ค ชากัล

อย่าไปกลัวเกรงพวกเขา  มิฉะนั้น เราจะทำให้เจ้าอับอาย กลายเป็นกลัว กลายเป็นหงอต่อพวกเขา
และดูเถอะ ในวันนี้ เราทำให้เจ้าเป็นเมืองป้อมเสาเหล็ก กำแพงทองเหลืองเพื่อสู้กับทั้งแผ่นดิน
ต่อสู้กับกษัตริย์แห่งยูดาห์ ทั้งข้าราชการ  ปุโรหิต และประชาชนในแผ่นดินนั้น
พวกเขาจะต่อต้าน สู้เจ้า
แต่พวกเขาจะไม่ชนะเจ้า  เพราะว่าเราอยู่กับเจ้า เพื่อที่จะช่วยกู้เจ้า”
พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้แหละ

เยเรมีย์ 1-3 หม้อเดือด

เยเรมีย์ 1:13-16

 

แล้วพระดำรัสของพระเจ้าก็มาอีก “ตอนนี้เจ้าเห็นอะไร? “
ข้าฯ จึงตอบว่า “ข้าทาสเห็นหม้อที่กำลังเดือด หันจากทิศเหนือมาทางเรา”

maudeud (2)

แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าว่า
“จากทางเหนือนั้นจะมีหายนะเกิดขึ้นลงมายังทุกคนที่อาศัยในแผ่นดินนี้
เพราะว่า เรากำลังเรียกชนเผ่าทั้งหลายแห่งอาณาจักรทางเหนือให้ออกมา”
พระเจ้าทรงบัญชา
“และพวกเขาจะลงมา ต่างก็จะตั้งบัลลังก์ของตนไว้ที่ประตูนครเยรูซาเล็ม
ตั้งเพื่อต่อสู้กำแพงเมือง ตั้งเพื่อต่อสู้กับหัวเมืองทั้งสิ้นในยูดาห์
และเราจะบัญชาคำพิพากษาของเราต่อเมืองเหล่านั้น
เพราะพวกเขาทำสิ่งชั่วร้าย ละทิ้งเรา พวกเขาได้ถวายเครื่องบูชาแก่พระอื่น ๆ
และไปนมัสการผลงานของน้ำมือตัวเอง

เยเรมีย์ 1-2 กิ่งอัลมอนด์

เยเรมีย์ 1:9-
แล้วองค์พระเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์ออกมา
และแตะปากของข้าฯ  และพระเจ้าตรัสกับข้าฯ ว่า
“ดูเถิด.. เราได้ใส่คำของเราไว้ในปากของเจ้า
ดูซิ เราได้ตั้งเจ้าเหนือประชาชาติ เหนืออาณาจักร
เพื่อที่จะถอนอออกมา และรื้อลงมา
เพื่อทำลายและโยนทิ้ง
เพื่อสร้าง และปลูก
และคำของพระเจ้ามายังข้าฯ ว่า
“เยเรมีย์เอ๋ย  เจ้าเห็นอะไร?”
และข้าฯ ทูลตอบว่า “ข้าทาสเห็นกิ่งอัลมอนด์พระเจ้าข้า”

branch
แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า
“เจ้าเห็นถูกแล้ว เพราะเราได้เฝ้าดูคำของเราเพื่อที่จะทำให้มันสำเร็จ”

การที่พระเจ้าทรงแตะริมฝีปากของเยเรมีย์ คือการที่พระองค์ทรงแยกปากของเขาไว้เพื่อให้พระองค์ทรงใช้   และพระองค์ก็ทรงใส่พระคำของพระองค์ในปากของเขา  แสดงว่า เมื่อเขาพูดอะไรสิ่งนั้นมาจากพระองค์  
สิ่งที่เขาจะทำต่อไปนั้น ไม่ใช่ความสามารถของเขาเองเลย   แต่เป็นราชกิจของพระเจ้าทั้งสิ้น  
พระคำของพระเจ้าจะอยู่เหนือชาติและอาณาจักรต่าง ๆ    คำที่เขาพูดนั้น จะมีอำนาจสามอย่างคือ เพื่อที่จะถอนอออกมา และรื้อลงมาเท่ากับการที่เขาพูดต่อต้านความบาป     เพื่อทำลายและโยนทิ้ง เป็นคำที่พิพากษา     เพื่อสร้าง และปลูก  เขาจะพูดถึงความหวังใจ การรื้อฟื้นใหม่อีก 

การเห็นอัลมอนด์… หมายถึงให้รอคอยฤดูใบไม้ผลิ… และพระเจ้าทรงคอยดูพระดำรัสของพระองค์เอง เพื่อพระองค์จะทรงทำอย่างที่ทรงสัญญาไว้   ไม่ว่าพระเจ้าจะตรัสอะไร เยเรมีห์เชื่อได้เสมอว่า จะเกิดขึ้นจริง